หลังจากเจนนี่ได้เรียนกับแก่นวิชาตั้งแต่ม หนึ่งก็ได้ค้นพบว่า คุณค่าของตัวเองเรากำหนดได้ เจนนี่เลิกที่จะรู้สึกด้อยค่าเวลาเราเก่งน้อยกว่าคนอื่น เจนนี่เชื่อมั่นค่ะว่าคนเราต่างมีคุณค่าในตัวเอง แต่ก็ยังหาไม่เจอว่าคุณค่าของเราอยู่ตรงไหน
จุดสำคัญที่แตกต่างของเรียนที่แก่นวิชากับที่อื่นก็คือเวลาเราเรียนวิทยาศาสตร์ หรือม้แต่คณิตที่อื่นเราก็จัรู้สึกเฉยๆแบเราเรียนได้แต่เรียนกับที่แก่นวิชามันช่วยให้เจนนี่สงสัยในวิชาเหล่านั้นมากขึ้น สงสัยงว่าสูตรมาได้อย่างไร คนคิดคิดอย่างไงถึงคิดสูตรนี้ได้ มันทำให้เรารักวิชาเหล่านั้นมากขึ้น เขาสอน
ส่วนจุดที่เจนนี่ที่เริ่มจะรู้ถึงคุณค่าตัวเองนั้นเริ่ม ช่วงม 3 ตอนนั้นมีพี่ที่แก่นวิชาค่ะเขาเข้ามาทักว่าเจนนี่ถ่ายรูปเก่ง ทั้งที่รูปนั้นเจนนี่ก็รู้สึกว่าธรรมดาค่ะและก็ถ่ายจากกล้องเล็กๆธรรมดา ช่วงนั้นพ่อแม่ก็ทักว่าถ่ายรูปดีเหมือนกัน ทำให้เจนนี่หันกลับมาพิจารณาว่าเวลาถ่ายรูปเรามีความสุขและเวลาเจนนี่ถ่ายรูปก็จะใช้เวลาถ่ายรูปนานค่ะ ประมาณว่าตั้งใจถ่ายจนกว่าจะได้ภาพที่พอใจ ทำให้เริ่มรู้ตัวแล้วค่ะว่าเรารักอะไร
หลังจากนั้นเจนนี่เลยตัดสินใจที่จะเรียนสายศิลป์แทนที่จะเลือกเรียนสายวิทย์ ถึงแม้ว่าเจนนี่จะเรียนได้ท้ายๆของห้องแต่สมัยประถมเจนนี่ก็เรียนอยู่ในห้องหนึ่งที่รวมเด็กเก่งเข้าไว้มากมาย ซึ่งพอโตขึ้นมา เพื่อนสมัยประถมเจนนี่ส่วนใหญ่ก็สอบเข้าหมอจุฬาได้
เจนนี่ได้เลือกสายศิลป์ไม่ใช่เพราะว่าเรียนไม่เก่ง แต่เพราะเห็นว่าเราชอบอะไร เจนนี่ชอบการถ่ายรูปและดูหนังค่ะ เลยตัดสินใจว่าไม่ควรเอาเวลาชีวิตส่วนใหญ่ไปทิ้งไปกับการเรียนสายวิทย์ การเรียนสายศิลป์ทำให้เรามีเวลาว่างและสามารถอย๋ในสิ่งที่เราชอบมากขึ้น
หลังจากนั้นเจนนี่ก็ได้ไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกา 1 กับโครงการ aFS ค่ะ ที่นั้น ถ้าเจนนี่อยู่สายวิทย์ก็คงไม่ไป เพราะคงกลัวตามเพื่อนไม่ทัน แต่เพราะอยู่สายศิลป์ก็เลยตัดสินใจง่ายขึ้น
หลังจากที่เจนนี่รู็ถึงคุณค่าตัวเองได้แล้ว แต่ว่าพ่อแม่ก็ค่อนข้างไม่เห็นด้วยกับการที่จะเรียนนิเทศศาสตร์เพราะใครๆก็คงรู้ว่าอาชีพพวกนี้มันไม่มั่นคงทำเงินก็ไม่ได้เยอะมากเท่าพวกหมอ เจนนี่เลยตัดสินใจว่าการที่ทำให้ท่านเห็นถึงความสามารถเรา ก็จะทำให้ท่านยอมรับได้ เจนนี่ตอนอยู่อเมริกาเลยลงการประกวดมากมายเพื่อเอามาเพื่อพิสูจน์ให้พอ่แม่เห็นค่ะว่าเราทำได้ ซึ่งเจนนี่ก็ได้รางวัลมาค่ะ ส่วนเจนนี่ก็ได้มีส่วนร่วมกับการจัด gallery มาประมาณห้าหกครั้ง
พ่อแม่ก็เริ่มยอมรับในเส้นทางที่เจนนี่เลือกแล้วค่ะ ( ตอนนั้นดีใจมากค่ะ )
พอได้รับรางวัลที่อเมริกามาเจนนี่ก็ส่งผลงานทั้งหมดเพื่อขอทุนประกายเพชรของม กรุงเทพ รายละเอียดทุนนะค่ะ
http://www.bu.ac.th/hotnews/fundpatch/
เป็นทุนที่ได้เงินเดิอนด้วย เรียนก็ฟรี ทั้งมหาลัยมีแค่สิบคนต่อปีเท่านั้นค่ะ ซึ่งเจนนี่ก็ได้รับเลือกค่ะ
แต่ว่าหลังจากนั้นเจนนี่สอบติดคณะนิเทศศาสตร์ที่จุฬาค่ะ เนื่องจากว่าที่บ้านมีคอนโดใกล้จุฬาอยู๋แล้วค่ะเลยตัดสินใจเรียนที่จุฬาค่ะ
หลังจากเข้าปีหนึ่งได้เจนนี่ก็เห็นว่าการเก็บผลงานไว้ตอนมหาลัยจะช่วยเพิ่ม credit ให้ตัวเองค่ะ เจนนี่ได้รางวัลที่ 3 ของ moviemania สาขาภาพถ่ายค่ะ ซึ่งการประกวดครั้งนี้เป็นการประกวดระดับมหาลัยทั่วประเทศค่ะ
และเจนนี่ก็ยังเข้ารอบสุดท้ายของการคัดเลือก a day junior ค่ะสาขาช่างภาพค่ะ ซึ่งเป็นการประกวดกันทั่วประเทศโดยไม่จำกัดชั้นปี ซึ่งคนที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายนั้นมีประมาณสิบคนค่ะ
เจนนี่คิดว่าการที่เรียนแก่นวิชามีผลอย่างมากกับชีวิตเจนนี่ค่ะ คิดดูสิค่ะ ถ้าเจนนี่ไม่มั่นใจในคุณค่าตน ดูถูกตัวเองทุกครั้ง เจนนี่จะเรียนหนังสืออย่างมีความสุขได้ไงค่ะ และถ้าไม่ได้เรียนที่นี้เจนนี่คงไม่มีความมั่นใจพอที่จะกำหนดชีวิตตัวเองได้ค่ะ เพราะไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมีค่า การที่ได้รู้ว่าเรากำหนดคุณค่าตัวเองได้ ไม่ใช่ให้คนอื่นมากำหนดให้
และการได้รู้ว่าคุณค่าของเราอยู่ที่ไหนมันวิเศษมากค่ะ มีความสุขมากค่ะ
และเจนนี่ว่าการที่จะพยายามประกวดมากมายเพราะเจนนี่เชื่อว่าการที่เรามีผลงานเยอะๆจะทำให้ความฝันในการเป็นช่างภาพและเป็นผู้กำกับง่ายขึ้น เพราะเรามีเครดิตมากค่ะ
แก่นวิชาได้สอนอะไรมากกว่าความรู้ค่ะ ที่นี้สอนการใช้ชีวิตที่ควร สอนให้เราคิดเป็นให้เราได้โตขึ้นค่ะ มีความคิดมากขึ้น สอนให้เราเชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อในคุณค่าที่เรามี
การเขียนครั้งนี้ไม่ใช่การโฆษณา มันคือการแนะนำ เจนนี่ไม่ได้เงินเลยค่ะ แต่การทำอย่างนี้เป็นการตอบแทนที่แก่นวิชาให้เจนนี่มามากค่ะ และอยากให้คุณที่อ่านอยู่ได้รับรู้ความวิเศษของที่นี้ ถ้าพลาดไป คงจะน่าเสียดายมากๆเลยค่ะ
เจนนี่บอกได้เลยค่ะว่าถ้ามีลูกก็จะให้ลูกมาเรียนที่นี้ รู้สึกโชคดีที่ได้เรียนที่แก่นวิชาและเสียดายสำหรับเด็กที่อยู่จังหวัดอื่นค่ะ ไม่มีโอกาสที่จะมาเรียนที่นี้