*ที่ว่ามหากาพย์ไม่ใช่ว่าจะเลิศหรูอลังการอะไรนะ แค่มันยาวมากค่า !

จากกระทู้ที่แล้วมีรูปถ่ายมากมาย . . รวมถึงรูปถ่ายแปลก ๆ สีเพี้ยน ๆ ด้วย . . ก็มีเพื่อน ๆ ถามมาฮะ . . รูปเพี้ยน ๆ นั่นไม่ได้เกิดจากการแต่งสีแต่อย่างใดนะ อะ วันนี้ก็เลยจะมา review น้องกล้องตัวนั้นที่ใช้ให้ดูกันนะฮะ (ปล. รูปทุกรูปถ่ายเอง และเรื่องทุกเรื่องเขียนเอง ไม่เข้าใจยังไงถามได้เด้อ (แต่ไม่รับประกันว่าจะตอบได้ lol))


แต่ก่อนจะมารู้จักกับน้องกล้อง . . เรามารู้จักประวัติ และกฏเกณฑ์ของมันกันนิดนึงนะฮะ หากใครไม่สนใจประวัติ อยากรู้แต่เรื่องของน้องกล้องก็ลากผ่านเส้นประไปสองเส้นถ้วนก็ถึงที่ review กล้องฮะ ; )

บทความต่อไปนี้ เขียนไว้เมื่อสามปีที่แล้วให้น้องในไดอารี่ที่มาฝากให้เขียน เพราะเค้าจะไปส่งอาจารย์ ไม่ได้เอาบทความไปบอกว่าเป็นของน้องเค้านะ แต่เค้าขอเอาไปแปะใน mock up หนังสือส่งเฉย ๆ ฮะ

(ส่วนตัวก็ไม่ได้ถ่ายรูปเก่ง ไม่ได้เรียน อาศัยถ่ายมั่ว ๆ เอาแล้วบังเอิญบางรูปมันออกมาดูได้นะฮ้า)


- - - - -


อะแฮ่ม ๆ สวัสดีีค่ะ วันนี้จะมาพูดถึงเรื่องโลโมนะคะ เปล่าค่ะเปล่า ไม่ได้ซักผ้าแล้วขาว (นั่นมันโอโม!) และก็ไม่ใช่ญาติฝ่ายใดของปลาโลมานะยะ เพราะไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนม . . แหมขึ้นต้นมาอย่างงี้ก็คงจะสงสัยกันแล้วสินะ ว่าตกลงตูอ่านจบจะรู้เรื่องไม๊ แหมก็ต้องรู้สิคะ ป้าไม่โม้ซักสี่หน้าหรอก กะว่าจะแค่สามหน้าครึ่ง โฮะ โฮะ . . (แล้วที่รองบาทาผู้อ่านก็เริ่มปลิวมาพร้อมผรุสวาสวาจาให้เข้าเรื่องซะทีสิเว่ยยย) โอเค ๆ คือขอออกตัวก่อนนะคะ (จะได้ถึงเร็ว ๆ . . เอ้ย!) ว่าพอดีไม่ได้เป็นเซียนโลโมแต่ก็พอรู้จักอยู่บ้างจากที่เคยอ่าน เคยจับ เคยถือ เคยถ่ายมา . . โลโม โลโม ที่เราเรียกกันคืออะไร?

Lomo ก็คือ Lomo Camera (หรือกล้องโลโมที่เราเรียกๆ กันนั่นเอง) เป็นกล้องที่ถูกผลิตขึ้นโดย บริษัทของรัสเซีย เป็นหนึ่งบรรดากล้อง Point and Shoot หรือส่องแล้วกดโลดค่ะ ที่หลายคนนิยมเรียกว่ากล้องปัญญาอ่อน (ไม่ทราบกล้องหรือคนใช้ที่ปัญญาอ่อน เพราะขนาดแค่ส่องแล้วกด รูปยังออกมาสวยงามได้ขนาดนี้)

แรกเริ่มเดิมที่เจ้ากล้องโลโมไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะนำออกมาขายให้เด็ก ๆ ได้ใช้แต่อย่างใด (อ่านแล้วใครมี ไว้ในครอบครอง อย่าพึ่งรีบวิ่งไปคืนร้านที่ซื้อมานะคะ) หากแต่ศาสตราจารย์ Radionov ชาวรัสเซียได้ออกแบบมาใช้ในช่วงสมัยสงครามเย็น (Cold War) ณ เมือง St. Petersburg ในปี 1980 เพื่อแอบเอามาส่องเบิ่งสำหรับ สายลับ (Spy games) หรือการจารกรรมระหว่างประเทศนะคะ แต่กระนั้นเองเจ้ากล้องนี้ก็ยังไม่สามารถตอบสนองจุดมุ่งหมายได้เนื่องจากยังไม่แม่นยำ ไม่เบา และเล็กพอสำหรับเจ้าหน้าที่สายลับที่จะถือไปด้วยเวลาทำงาน (ถึงแม้กล้องจะไม่ได้ใหญ่ไปกว่าซองบุหรี่เลยก็ตาม!)

ถึงแม้จะสอบตกในการเป็นอุปกรณ์สำหรับสายลับ เจ้ากล้องโลโมก็ไม่ได้ล้มเหลวแต่อย่างใด เนื่องจากเจ้า Lomo LCA แต่เริ่มเดิมทีนั้นมีเทคโนโลยีล้ำนำสมัยซึ่งเป็นกล้องตัวเดียวที่ราคาไม่แพงและใช้เลนส์ 32mm wide angled ซึ่งสามารถถ่ายได้ไม่ว่าจะด้วยสภาวะไหน หรือมุมมองแบบใดก็ตาม

แต่ก็ไม่ใช่ว่าพอจบจากสายลับ เจ้าโลโมจะมาเฉิดฉายไฉไลตามท้องถนนทั่วไปให้เรายลกันทันทีนะคะ เพราะเจ้ากล้องเนี่ยถูกตั้งแท่นเป็นกล้องเก่ากึ้กเก็บกักที่ร้านในเมืองปรากปี 1991 จนกระทั่งมีนักศึกษาชาวไส้กรอก (เวียนนา!) สองคนไปได้มาแล้วก็ท่องเที่ยวถ่ายรูปไปทั่วสารทิศ เสร็จ พอเค้ากลับมาเมืองเวียนนาก็มาล้างฟิล์มดู พวกเค้าเห็นว่า เอ้ย ภาพที่ได้มันจ๊ากว๊ากมากค่ะคุณน้อง สีสันสวยงาม อารมณ์รูปบรรเจิด ไม่เหมือนกล้องตัวใดในทั่วหล้า (ไม่ได้เวอร์นะเออ) หลังจากนั้นเค้าก็ได้นำมันออกมาเผยแพร่ และเจ้า Lomo LCA ก็ได้ถูกผลิตออกมาให้ประชาชีได้ใช้กันจวบจนปัจจุบันเทอญ . . สาธุ!

กล้องโลโมนี้จะมีสนนราคาไม่แพงมากเทียบกับความสามารถ ความชอบส่วนตัว และคุณภาพของรูปที่ถ่ายมา รวมทั้งยังมีหลายแบบให้เลือกหามาใช้ แต่เริ่มเดิมทีโลโมแท้ ๆ (แม้ไม่ทาอะไร ตึ่งโป๊ะ!) ก็มีหลายซีรี่ส์อยู่ ตัวกล้องนั้นทำมาจากพลาสติก(เกือบจะ) ถูก ๆ ดำ ๆ ถึก ๆ ถ่าย ๆ มาดูเข้าทีนะคะ (ส่วนสมัยนี้กล้องโลโมพัฒนาสร้างมาทุกสีให้เลือกสรรแล้วค่ะ) แต่คุณภาพของรูปที่ถ่ายมาจะไม่เป็นมาตรฐานเนื่องจากการผลิต (เอาหน่า ของถูกอะ ดีเท่านี้ก็เหลือแหล่แล้ว)

พอต่อมาก็มี The Lomo Action Sampler หลาย ๆ คนนิยมเล่นกัน (โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ชอบถ่ายแอ๊คชั่นตามตู้สติ๊กเกอร์สมัยนั้น พอเริ่มมีกล้องตัวนี้มาให้เล่นก็หยิบจับมาใช้ให้ควั่ก) มันคือกล้องที่ถ่ายภาพเคลื่อนไหว (แต่นิ่ง . . -_-") สี่รูปติดต่อกัน 1/4 วินาทีต่อรูป หน้าตาก็ดึกดำบรรพ์ด้วยตัวกล้องพลาสติกใสแป๋วแหววประหนึ่งจะพังคามือแหล่มิพังแหล่ (แถมมีรอยรั่วประปรายเป็น เสน่ห์กล้อง (ตรงไหนหรอ?)) กล้องตัวนี้ไม่ต้องใช้ถ่าน เหมือนบางตัวด้วยนะ ช่องมองภาพจะเป็นรูพลาสติกสี่เหลี่ยมไร้เลนส์ ประหนึ่งกล้องใช้แล้วทิ้ง . . แต่คุณน้องคะ ใช้แล้วอย่าทิ้งค่ะ ไม่ได้ราคาจะถูกขนาดน้านน ตอนถ่ายนี่ห้ามทำตกเชียวนะคะ ฟิล์มจะไหลเหลี่ยวออกมาใช้น้องชื่นชมทั้งน้ำตา แต่ก็ไม่มีส่วนประกอบใด ๆ ที่จะทำให้น้องชีช้ำไปมากกว่านี้อีกแล้วค่ะ

ศาสตราจารย์ Radionov ชาวรัสเซีย ผู้ออกแบบ ต่อมาก็มีกล้องโลโมออกมาให้ยลกันเยอะแยะแงะกระปุกซื้อกันแทบไม่ทัน เช่น Fisheye Camera, Frog Eye Camera, Colorsplash Camera, SuperSampler ซึ่งมีความสามารถต่าง กันไป อย่างเจ้าตาปลา (ไม่ใช่หูดนะคะ) Fisheye Camera น่ะ ถือได้ว่าเป็นกล้องตัวเดียวที่มีเลนส์ตาปลา เป็นbuilt-in เลยนะ จะกวาดทุกอย่างภายใน 170 องศาปรากฏเป็นภาพทรงกลมนูน น่ารักน่าชัง ภาพที่ได้ก็จะทำ ให้คนหัวตีบ โตได้ ตาตี่ โตได้ เห็นอะไรก็ได้ไปหมด อย่างนี้ก็ยังไม่ใช่ญาติของอับดุลอะไรก็ตอบได้ ทำได้อยู่ดีนะคะ ส่วนเจ้ากบน้อย หรือ Frog Eye Camera เนี่ย สามารถเอาไปถ่ายในน้ำได้ค่ะ เวลาไปดำน้ำเล่นกับเพื่อน ซึ่งสนนราคาไม่แพงกันเลย ถ้าเทียบกับกล้องไฮโซอันโตสามแสนแปดที่มืออาชีพใช้ส่องกัน (แต่ก็ต้องทำใจว่าคุณภาพก็ ไม่เท่าเค้านะคะ) ส่วนเจ้ากล้องสาดสีเทสี หรือ Colorsplash Camera ทำให้ภาพที่ได้เนี่ยสีโอเวอร์มากจากหนึ่งเปอเซ็นแม่เล่นปร้าดดดออกมาซะร้อย และยังมีกล้องโลโมมากมาย รวมถึงที่สำหรับ Single use หรือที่เรียกว่ากล้องใช้แล้วทิ้งอีกด้วย

ในการถ่ายด้วยกล้องนี้จะมีผลลัพธ์ที่ต่างจากกล้องธรรมดา (หรืออาจจะไม่ธรรมดา) ทั่วไป ด้วยหลายเหตุผลทั้งตัวกล้อง เลนส์ และวิธีในการถ่ายซึ่งไม่ได้ยากอะไร และจะพูดถึงในลำดับต่อไป หรือในสมัยนี้มีการแต่งภาพ เลียนแบบในคอมพิวเตอร์สำหรับผู้ที่มีรายได้ต่ำ รสนิยมสูง (อุ๊ย ขออภัย เค้าเรียกว่าผู้ที่ฉลาดล้ำแบบไม่ต้องเสียตังค์ เพิ่มไปไยตะหากเล่า) . . ภาพที่เราถ่ายมาได้นั้น จะเรียกว่า Lomography จะเห็นได้ว่า ความคมชัดของภาพไม่ดีเท่าที่ควร (ซึ่งก็ไม่ทราบว่ามันจะควรชัดขนาดไหน แต่ช่างเถอะ) จะออกมาในหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับตัวกล้อง (อธิบายไปแล้ว จำไม่ได้กรุณาไปอ่านซ้ำอีกรอบนะยะ) จุดเด่นของรูปที่ได้จากกล้องโลโมคือคอนเสปท์ PICTURES หรือ

Powerful -Intense - Crazy - Tremendous - Unique - Raw - Exiting - Sexy แปลเป็นไทยว่า มีพลัง รุนแรงเร่าร้อน บ้าคลั่ง น่าตะลึง ไม่เหมือนใคร ดิบ น่าตื่นเต้น และเซ็กซี่ (คำนี้คงไม่ต้องแปล) มันคืออะไรก็ได้ที่เอากล้องโลโมจิ้มถ่ายมานั่นแหละ ไม่ต้องคิดมาก



การถ่ายก็ไม่ได้อยากอะไร มีีกฏแค่สิบข้อ เท่านั้นเอง!

ข้อแรกนะคะ Take your camera everywhere you go หรือติดตัวไว้ไม่ผิดหวังค่ะ ไปป่า ขึ้นเขา เข้าบ้านเพื่อน อะไรก็ได้ ถ่ายไปเห้อออ

ข้อสอง Use it any time - day and night หรือใช้ได้ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน เมื่อไหร่ก็ตามที่อยากกด อารมณ์ไหนก็ได้ที่อยากถ่าย

ข้อสาม Lomography is not an interference in your life, but part of it การถ่ายรูปจากเจ้ากล้องนี้ ไม่ได้มารบกวนการใช้ชีวิต หากแต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตตะหากเล่า . . เอิ่ม กิน นอน เดิน เม้าท์ ดื่ม ขำ จะ อากัปกิริยาไหนก็ได้หมดค่ะ

ข้อสี่ Try the shot from the hip ไม่ต้องส่องค่ะ กดเลย จะเหนือไหล่ ใต้เข่า ข้างติ่งหู อย่าไปสนใจ ไม่จำกัดภาพจากที่ตาส่องเฉกเช่นการถ่ายรูปธรรมดาเท่าไป แต่อันนี้สงสัยต้องใช้ประสบการณ์และโชคนิดนึงนะคะ

ข้อห้า Approach the objects of your lomographic desire as close as possible อย่าไปกลัวมันกัดค่ะ จะถ่ายอะไรก็เข้าไปใกล้ ๆ เลย (ยกเว้นถ้าคุณน้องจะถ่ายสิงโตหรือหมีป่าอันนี้ป้าไม่แนะนำ ห่าง ๆ ไว้เพื่อความ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน) สนใจอะไรก็ใส่ใจมันหน่อย ถ่ายไปขำไปก็ได้ไม่ว่ากัน (ถ้าไม่กลัวคนข้าง ๆ ว่าบ้า)

ข้อหก Don’t think อย่าไปคิดค่ะ (ข้อนี้ง่ายจัง ถ้าข้อสอบเป็นอย่างงี้ก็คงดี) จิ้มได้เลยไม่ต้องรอ

ข้อเจ็ด Be fast ให้ไวค่ะให้ไว แต่ละเสี้ยววินาที ทุกอย่างเปลี่ยนไปได้เสมอ และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของ Don’t think ถ้ามัวแต่คิดชีวิตก็ยุ่งชิบหายกันพอดี มั่นใจเข้าไว้ ยังไงออกมาก็ดูดี

ข้อแปด You don’t have to know beforehand what you captured on film ไม่สำคัญว่าจะต้องรู้ว่าจะถ่ายอะไร เรียกได้ว่าตามบุญตามกรรมส่งกันล่ะค่ะ ความสนุกมันก็อยู่ตรงเนี้ยะ

ข้อเก้า Afterwards either ถึงจะได้ภาพมาก็อย่าไปหมกมุ่นค่ะ ถ่ายอะไรมาก็ช่าง ดูอารมณ์ของภาพเข้าไว้เป็นพอ

ข้อสุดท้ายแล้ววววว Don’t worry about any rules อย่าไปสนใจกฏใด ๆ ทั้งสิ้น (อย่าพึ่งรีบด่าเค้านะคะว่าแล้วให้ตูอ่านมาทำไมตั้งเก้าข้อที่แล้ว) คือมันเป็นแค่แบบแผน ทุกอย่างอยู่ที่เรา สนุกกับการถ่ายรูป ปลดปล่อยอารมณ์ตอนกฏชัตเตอร์ (รับรองไม่มีใครมาขี่ไหล่ขี่หลังให้ปวดเปลี้ย)




แต่ขอเตือนไว้นิดนึงนะคะ เอ่อ อันการถ่ายรูปนั้นไซร้ เป็นการคลั่งไคล้ส่วนบุคคล หากแต่สมัยนี้ (และสมัยก่อนเล็กน้อย) มักจะมีความเห็นชอบตามผู้อื่น . . หรือที่เราเรียกว่า อินเทรนด์นั่นเอง . . จะว่าไป จุดประสงค์ของกล้องโลโมไม่ใช่มีถือไว้เท่นะคะ (มีเพื่อนซื้อมาเป็นพล็อบเวลาไปเที่ยว แขวนไว้ดูติสท์ดี . . ช่างไร้สาระมาก) แต่มีถือไว้ถ่าย กรุณาเข้าใจกันซะด้วยนะเด็ก ๆ ป้าเบื่ออออพวกเห็นช้างอุจจาระก็อุจจาระตามช้าง ซื้อมาสามวันถ่ายสี่วันทิ้ง อย่าค่ะ อย่า เอาตังค์มาให้ป้าใช้เถอะ ขอร้องงง

จากที่อ่านมาก็คงจะพอเข้าใจกันบ้างแล้วใช่ไม๊คะ? (ไม่เข้าใจก็ช่างหัวล่ะค่ะงานนี้อุตส่าห์เขียนตั้งนานนะเฟ้ย)

กล้องนี้ก็ตามสโลแกนเลยค่ะ Don’t think, just shoot หรือที่แปลเป็นไทยว่า กดโลดไม่ต้องคิด แสดงให้เห็นถึงความง่าย และความดิบแท้ แต่ไม่เถื่อน ของรูปที่ได้จากกล้องโลโมนี้ หลายคนหลงไหลในโลโมกราฟฟีกันทีเดียวนะคะ (แต่หลายคนอาจจะหลงหลายที ก็ตามถนัดกันไป)

ปล. สำหรับชื่อภาษาไทย หรือสโกแลนทั้งหลายทั้งปวงนี่ป้าตั้งเองนะคะเด็ก ๆ เพื่อใช้อธิบายให้เข้าใจกันได้ง่ายขึ้นจากชื่อภาษาอังกฤษที่เค้าใช้กันน่ะค่ะ

ที่มาของข้อมูลที่ป้าเอามาแปลและเรียบเรียงเองมีดังนี้ฮะ ;
http://shop.lomography.com/shop/
http://www.lomography.com/
www.aisling.net/darkroom/whatsalomo.htm



- - - - -


ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ครับ ขอนำรูปมาลงใหม่ เนื่องจากที่มีอยู่เดิมหายไป เพื่อให้กระทู้นี้ สามารถโชว์รูปที่หน้าเวบได้ ครับ
ขอบคุณภาพจากลิงก์ http://www.liadcohen.com/triple095b.jpg ครับ
หากรูปที่เรานำมาไม่เหมาะสม ขอชวนเจ้าของกระทู้เข้ามาแก้ไขได้ครับ