นำมาจาก fb ของคุณ ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนาณ ค่ะ อยากเอามาให้คนในสังคมเดียวกันได้รับรู้เรื่องราวนี้มากๆ
ก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้ว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ถ้าเป็นเรา เราคงทุกข์มาก ผลที่เกิดขึ้นมันทั้งชีวิตที่เหลือ ไม่ใช่แค่วันนี้แล้วจบ
และที่ทุกข์มากไปกว่า คือ หาไม่เห็นความรับผิดชอบใดๆ
ทำให้รู้ว่า การประกอบอาชีพนั้น ให้ความสำคัญแค่ความรู้ความสามารถอย่างเดียว ไม่พอจริงๆ
------------------------------------


เรื่องนี้สะท้อนปัญหาพฤติกรรมของแพทยสภาและกองการประกอบโรคศิลปะที่ละเมิดสิทธิคนไข้เสียเอง ทั้งที่มีหน้าที่ให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้าน


เกษร สาวโรงงานเย็บผ้า อายุ 41 ปี สุขภาพแข็งแรง ตรวจร่างการประจำปีไม่มีโรคประจำตัว

รพ.ที่หนึ่ง
24 ธ.ค.48 เกษรนั่งรถ 2 แถว เกิดเฉี่ยวชนกับสิบล้อแต่ไม่รุนแรง ข้อศอกเพื่อนกระแทกท้องมีอาการจุก เข้าตรวจกับรพ.ที่หนึ่ง ผลอัลตร้าซาวด์พบอวัยวะภายในปกติ ไตทั้ง 2 ข้างอยู่ครบปกติ ไม่มีเลือดออกในช่องท้อง ไม่ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล

รพ.ที่สอง
ก.ค. 49 เกษรปวดรุนแรงบริเวณท้องน้อยบ่อย หมอตรวจพบช็อคโกแล็ตซีสต์ บริเวณใต้รังไข่ด้านขวา จึงผ่าตัดเอาซีสต์และเลาะพังผืดในช่องท้องออก

ระหว่างพักฟื้น 1 เดือนกับ 5 วัน มีอาการปวดแผลผ่าตัด ปวดหลัง ปวดเอวเอวร้าวมาถึงขาตลอดเวลา หน้ามืดวูบเป็นระยะ ทุกข์ทรมานมาก หมอให้ยาแก้อักเสบ, ยาแก้ปวด ยาลดไข้ ไปกินต่อที่บ้าน

พักฟื้นครบ 1 เดือน อาการไม่ดีขึ้น ร่างกายอ่อนแอผ่ายผอมลงอย่างผิดปกติ มีประจำเดือนไหลออกทั้งเดือน หมอบอกว่าอาจเป็นผลข้างเคียงของการผ่าตัด เกษรไปพบหมอหลายครั้งทุกครั้งก็จะให้ยาแก้ปวด, ยาแก้อักเสบ และยาลดไข้ กลับไปกินที่บ้าน

เกษรตรวจร่างกายประจำปีกับทางโรงงาน 2 ครั้ง ผลการตรวจพบโปรตีนกับเม็ดเลือดแดงรั่วทางปัสสาวะสูงทั้ง 2 ครั้ง ซึ่งก่อนผ่าตัดไม่เคยพบว่ามีโปรตีน+เม็ดเลือดแดงรั่วทางปัสสาวะมาก่อน

รพ.ที่สาม
หมอสงสัยว่าไตจะมีปัญหา จึงทำทำอัลตร้าซาวด์ ผลพบว่าไตข้างขวาไม่มี
เหลือไตซ้ายข้างเดียวและเสื่อมมากทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงส่งผลต่อร่างกายดังกล่าว

เกษรสงสัยว่าไตข้างขวาหายไปไหน
ไปขอดูประวัติ+ฟิล์มอัลตร้าซาวด์พร้อมผลอ่าน ที่รพ.ที่หนึ่ง พบว่าไตทั้ง 2 ข้างอยู่ครบ ทางรพ.ได้ทำการอัลตร้าซาวด์ใหม่พบว่าไตข้างขวาได้หายไปจริง ๆ

15 ก.ค.51
หลังจากนสพ.ลงข่าว ผอ.กองการประกอบโรคศิลปะ รับตัวเกษรไปตรวจทีซีแสกนที่ รพ.ราชวิถี แล้วนำผลฟิล์ม+ฟิล์มกลับไปกระทรวงฯ โดยทิ้งให้เกษรอยู่ที่รพ.ราชวิถี เมื่อถามถึงฟิล์มและผล ทางรพ.แจ้งว่าให้ไปตามเอากับผอ.กองประกอบฯ

16 ก.ค.51
เกษรไปออกรายการ ”สถานีประชาชน” ทางช่อง TPBS แพทยสภาเชิญไปพบ ในห้องประชุม แพทยสภาไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เกษรพูดถึงการผ่าตัด หรืออาการโปรตีนรั่วหลังการผ่าตัดแม้แต่น้อย

แพทยสภา และ กองการประกอบโรคศิลปะ ก็แถลงข่าวในเวลาไล่เลี่ยกันว่า
1. เกษรไม่มีไตข้างขวาตั้งแต่กำเนิด
2. มีการฝ่อไปของไตขวาเนื่องจากอาการไตวาย ซึ่งภายในระยะเวลา 2 ปี ก็
สามารถฝ่อเล็กลงไปได้เช่นกัน
3. การอ่านผลการตรวจอัลตราซาวนด์ ของรพ.ที่หนึ่งที่บอกว่าไตอยู่ครบนั้น
อาจเกิดการผิดพลาด ซึ่งหากผิดจริงถือว่า มีความผิดฐานรักษาไม่ได้
มาตรฐานด้วย
4. ไตขวาของ นางเกษร ถูกขโมยและหายไปจริง ๆ

ทั้งที่..เกษรสงสัยว่าไตข้างขวาหายไปได้อย่างไร เกี่ยวข้องกับการรักษาผ่าตัดที่รพ.ที่สองหรือไม่ เกษรไม่เคยพูดว่า “ไตถูกขโมย”

เมื่อเกษรและเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ไม่เชื่อในสิ่งที่หน่วยงานแถลงข่าว

17 ก.ค. 51-เช้า
รองเลขาธิการแพทยสภา ไปรับตัวเกษรที่บ้าน พาไปทำ MRI ที่ศูนย์ประชาชื่น ระหว่างที่เกษรพักฟื้นอยู่ชั้นสอง รองเลขาฯ แถลงข่าวฝ่ายเดียวว่า “สันนิษฐานได้ว่า ไตข้างขวาของนางเกษร ไม่เจริญเติบโตมาตามปกติตั้งแต่กำเนิด และไม่มีการผ่าตัดเอาไตออกไป และการอ่านผลของรพ.ที่หนึ่งอาจผิดพลาด” โดยไม่ให้เกษรมีส่วนรับรู้

เมื่อเกษรขอฟิล์มและผลอ่านฟิล์ม รองเลขาฯ มอบฟิล์มให้แผ่นเดียว แต่ผลอ่านบอกว่ายังไม่ออก

21 ก.ค. 51-เช้า
เกษรไปร้องเรียนกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

21 ก.ค.51-บ่าย
เกษรโทรไปขอฟิล์มและผลทีซีแสกนจากผอ.กองประกอบฯ ได้รับคำตอบว่าปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้วให้ไม่ได้ เกษรถามว่าคนไข้ทำไมดูไม่ได้ ท่านเป็นใครยังขอดูได้ ท่านตอบว่าผมเป็นคนพาไปและเป็นเจ้าหน้าที่ผมมีสิทธิ์ดู

ขณะเดียวกันเกษรโทรไปที่ศูนย์เอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ประชาชื่น เพื่อขอซีดีและผลอ่านฟิล์ม MRI เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่ได้ save ข้อมูลไว้ ลบทิ้งหมดแล้ว

22 ก.ค.51
เกษรและญาติไปที่กองการประกอบโรคศิลปะ เพื่อขอฟิล์ม+ผลอ่านฟิล์ม ผอ.ไม่ยอมให้ เกษรถามว่าเมื่อไหร่ท่านจะนำไปคืนที่รพ.ราชวิถี ผอ.ตอบว่าว่างเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เมื่อเกษรไม่ยอมกลับ นพ.ธาราจึงบอกว่าให้ไปรอที่รพ.ราชวิถี เดี๋ยวจะให้รถตู้ของกระทรวงนำฟิล์มไปส่งคืน เกษรและญาติขอติดรถไปด้วยเพราะหมดค่าแท็กซึ่ไปมากแล้ว เขาก็ไม่ให้ไปด้วย

เมื่อสุดทน
ผู้เขียน จึงพาเกษรและญาติขึ้นไปร้องคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติที่อยู่ในตึกเดียวกัน ทางสช.ได้ติดต่อผอ.รพ.ราชวิถี และ นพ.ธาราฯ ให้มอบฟิล์ม+ผลอ่านให้เกษร





คำถาม
  1. ข้อเท็จจริงในตัวเกษรกับผลอ่านฟิล์ม มีอะไรไม่ตรงกันกับการแถลงข่าวของแพทยสภา+กองประกอบฯ หรือไม่ ทั้ง 2 หน่วยงานจึงมีพฤติกรรมละเมิดสิทธิข้าพเจ้า และมีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลเช่นนี้
  2. แพทยสภา+กองประกอบฯ มีสิทธิแถลงข่าวก่อนที่จะให้ผู้เสียหายได้ดูฟิล์ม+ผลอ่านก่อนหรือไม่
  3. ทำไมแพทยสภา+กองประกอบฯ ไม่เรียกแพทย์ของรพ.ที่หนึ่ง ผู้อ่านฟิล์มอัลตร้าซาวด์ครั้งแรกมาชี้แจง เพราะหนึ่งในทีมที่รักษาเกษรคือกรรมการแพทยสภาด้วย
  4. ทำไมแพทยสภา+กองประกอบฯ ไม่ให้ทางรพ.คู่กรณี เป็นผู้แถลงข่าว ทำไมแพทยสภา+กองประกอบฯ ทำหน้าที่เหมือนเป็นตัวแทนของรพ.คู่กรณี สิ่งที่แพทยสภา+กองประกอบฯ ทำนั้นเหมาะสมหรือไม่
  5. จนถึงทุกวันนี้ทำไมทางรพ. คู่กรณีของเกษรถึงได้เงียบ
  6. รองเลขาธิการแพทยสภา +ผอ.กองการประกอบโรคศิลปะ ละเมิดสิทธิเกษรใช่หรือไม่
เมื่อสิ้นหวังกับการหวังพึ่งหน่วยงาน เกษรจึงจำใจฟ้องรพ.คู่กรณี หวังเอาบารมีศาลเป็นที่พึ่ง ทั้งที่ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดขึ้นโรงขึ้นศาล เกษรจะต้องรอความยุติธรรมไปอีกนานแค่ไหน


-----------

พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ เรียกร้องจากความเจ็บ ความตายและความพิการของผู้เสียหายไทยทุกคนและทุกดวงวิญญาน ช่วยลดปัญหาการฟ้องร้องระหว่างหมอกับคนไข้ ความผิดพลาดจะถูกนำไปพัฒนาระบบป้องกันความเสียหาย
โปรดร่วมสนับสนุนพรบ.ฉบับนี้ที่
http://www.facebook.com/group.php?gid=147010441981798