พิษจากคาร์บอนไดออกไซด์ ใกล้ตัว และยากจะหลีกเลี่ยงได้ อันเนื่องมาจากความเครียดจากการทำงาน
อาการของร่างกาย เมื่อร่างกายเราเข้าสู่ภาวะเครียด เชื่อว่าทุกท่านที่ผ่านช่วงนั้นมา คงพอสังเกตุอาการของตนเองและจำได้ นั้นคือ อาการอ่อนเพลีย หมดแรง ง่วง หาว เป็นต้น อาการเหล่านี้เป็นผลลัพธ์ของพฤติกรรมของร่างกายในขณะที่เราเครียดอยู่ ซึ่งเราไม่ค่อยจะสังเกตุได้ทัน (หากได้อ่านบทความนี้แล้ว ลองไปสังเกตุอาการดู) นั้นคือ เราจะหายใจสั้น และถี่ ถอนหายใจบ่อยมาก ไม่หิวน้ำ ไม่ปวดปัจสาวะ ไม่ปวดอุจจาระ หัวใจเต้นเร็ว พฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นจากการที่กลไกของร่างกายทำงานหนักเพื่อส่งทรัพยากรไปให้อวัยวะส่วนต่างๆ ที่ต้องใช้ทำงาน โดยเฉพาะสมองและตา ให้ทันต่อความต้องการใช้งาน
ซึ่งหากอวัยวะทุกส่วนที่ทำงาน ไม่มีความผิดปกติ ผลที่สามารถสังเกตุได้ของร่างกายขณะนั้น ของกลไกนี้คือ ร่ายกายได้รับออกซิเจนน้อยลง ปล่อยก๊าซอื่นๆ ที่ร่ายกายไม่ต้องการ (คาร์บอนไดออกไซด์ ไนโตรเจน อื่นๆ) ได้น้อยลง อันเกิดจากการหายใจสั้นและถี่ ร่างกายเราจึงสร้างกลไก การถอนหายใจ ให้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ หากเราร่างกายเราเกิดภาวะนี้ (หากสังเกตุการถอนหายใจ เราจะสูดหายใจลึกมากก่อน 1 ครั้งก่อนถอนออก)
หากลำไส้ส่งสัญญาณมาในช่วงเวลาที่เกิดอาการเครียดอยู่ อาจส่งผลให้เราไม่หิวน้ำ ไม่ปวดปัจสาวะ ไม่ปวดอุจจาระ เป็นต้น นอกเหนือจากการอาการที่กล่าวมาแล้ว ยังมีอาการอื่นๆ สำหรับบางคน เช่น การให้ร่ายกายอยู่ในท่าเดิมๆ เป็นเวลานานๆ ด้วยเช่นกัน
สารพิษ คือ สารให้โทษแก่ร่าย ดังนั้น ร่ายกายไม่ควรมีอยู่ หากมีอยู่ต้องขจัดออกให้เร็วที่สุด
สำหรับกรณีนี้ การถอนหายใจ คือกระบวนการกำจัด และขจัดสารพิษออกจากร่ายกายตามธรรมชาติ ดังนั้น หากเราต้องถอนหายใจ แสดงว่าร่ายกายเรากำลังป้องกันการได้รับพิษจากการสะสมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อันเนื่องจากการการได้รับออกซิเจนน้อยจากการหายใจแบบสั้นและถี่นั้นเอง
การสะสมของก๊าซคาร์บอนไดออกไชด์นี้ หากมองเผินๆ จะเห็นว่าเป็นโทษแก่ร่ายกายได้น้อย เพราะ ผลของมันอาจเป็นแค่ การปวดหัว วิงเวียนศรีษะ หรือ กรณีสะสมปริมาณมากและรวดเร็ว อาจเกิดการหมดสติได้ แต่ที่เป็นโทษต่อร่ายกายที่แท้จริง นั้นร้ายแรงกว่าที่คิดเยอะ นั้นเพราะ ตำแหน่งที่มันสะสมคือกระแสเลือด
กระแสเลือด คือ ของไหลที่บรรจุทั้งสารที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ ไหลไปทั่วร่ายกายเป็นรอบๆ ผ่านการให้แรงดันจากการเต้นของหัวใจ การสะสมของก๊าชคาร์บอนไดออกไชด์จะสะสมอยุ่ที่เส้นเลือดดำในรูป เส้นเลือดดำซึ่งเป็นตำแหน่งที่ส่วนใหญ่บรรจุสารที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่ายกายไม่ว่าจะเป็นสารพิษอื่นๆ เพื่อเตรียมลำเลียงไปที่ตับเพื่อกำจัดและปล่อยออกจากร่ายกาย นั้นคือ หากมีการสะสมมากเท่าใด ยิ่งทำให้การลำเลียงสารพิษอื่นๆ ไปกำจัดและปล่อยช้าขึ้นเท่านั้น
ซึ่งการลำเลียงสารพิษไปกำจัดและปล่อยได้ช้านี้เอง คือ โทษที่แท้จริง ซึ่งรุนแรงมาก แต่อาจถูกมองข้ามไปได้อย่างง่ายได้ เพราะ กลไกการกำจัดสารพิษของร่างกายออกแบบให้กำจัดและปล่อยสารพิษ ได้ในอัตราส่วนคงที และ/หรือ ปริมาณคงที่ ต่อเวลา ขึ้นกับชนิดของสารพิษนั้นๆ ดังนั้น การกำจัดและปล่อยสารพิษสามารถทำได้เป็นรอบๆ ถ้ากำจัดและปล่อยไม่หมด จะถูกปล่อยเข้าสู่ร่ายกายอีกรอบ เพื่อเตรียมลำเลียงมากำจัดและปล่อยอีกครั้งในรอบถัดไป หากไม่สามารถลำเลียงไปกำจัดได้ สารพิษจะไปสะสมตามอวัยวะต่างๆ
สารพิษที่เก็บอยุ่ในรูปสารละลาย ที่ละลายน้ำได้ เช่น ไอนิโคติน หรือสารเคมีอื่นๆ จะมีส่งผลต่อ ข้อต่อ เลือด เนื้อเยื้อ และ กล้ามเนื้อ
สารพิษที่เก็บอยุ่ในรูปสารละลาย ที่ละลายในน้ำมัน เช่น อนุภาค โฮร์โมน โลหะหนัก จะมีผลต่อ เซลล์ไขมัน ไขกระดูก ตับ และ ระบบประสาทส่วนกลาง
เมื่อร่ายกาย ไม่สามารถกำจัดสารพิษออกได้หมดในระยะเวลาๆ หนึ่งๆ จะส่งผลให้เกิดภาวะสารพิษตกค้างในร่ายกาย จนถึงสารพิษตกค้างสะสมในร่างกาย (ขึ้นกับปัจจัยการรับประทานอาหารและใช้ชีวิตของแต่ละคน) จะส่งผลข้างเคียง และ สัญญาณของ ภาวะดังกล่าว ได้ จากอาการผิดปกติ และอาจเป็นเหตุให้เกิดโรคดังต่อไปนี้
arthritis/joint pain ไขข้อ
autoimmune disorders โรคภูมิทำลายตัวเอง
cardiovascular disease โรคหัวใจและหลอดเลือด
chronic fatigue อ่อนเพลียเรื้อรัง
constipation อาการท้องผูก
diabetes โรคเบาหวาน
diarrhea โรคท้องร่วง
fibromyalgia (a chronic disorder characterized by widespread musculoskeletal pain, fatigue, and tenderness in localized areas.)
headaches ปวดหัว
homone imbalance สมดุลฮอร์โมนผิดปกติ
inflammatory disorder ความผิดปกติของการอักเสบ
IBS (Irritable bowel syndrome (IBS)) ลำใส้แปรปรวน
neurolagic disorders ความผิดปกติของระบบประสาท
obesity/overweight โรคอ้วน / น้ำหนักตัวมากเกิน
(ขอบคุณรูปภาพจาก http://www.atlasdrugandnutrition.com...oxic-body.png)
ที่ร้ายกว่านั้นคือ เมื่อร่ายกายส่งสัญญาณมาแล้ว หลายคนแก้ด้วยวิธีกินยาระงับอาการ แต่ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุด้วย ซึ่งปรากฏการ์ณเหล่านี้ เกิดขึ้นได้ไม่ยากเลย ยกตัวอย่างเช่น เครียดจากทีทำงาน แล้วดูดบุหรี ตกเย็นดื่มเหล้า หรือ เครียดจากที่ทำงาน ตกเย็นกินปิ้งย่าง หรือของหวานต่างๆ เป็นต้น หรือแม้แต่ เครียดในขณะนั่งรถประจำทาง ขับรถ เดิน ข้างถนนในเมืองใหญ่ ทั้งหมดนี้อาจก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในร่ายกายได้ จนก่อให้เกิดโรคตามอาการเหล่านั้นได้ทั้งสิ้น
ดังนั้น พิษ และ สารพิษ ใกล้ตัวกว่าที่เราคิดกันเยอะมาก แม้ว่าหลายคนพยายามป้องกันต้นเองด้วยวิธีต่างๆ นานา แต่หากเราเผลอ เราพลาด หรือ จำเป็นต้องเครียดจริงๆ พิษและสารพิษเหล่านั้น ก็เตรียมทำงานอยุ่ทุกเวลาด้วยเช่นกัน