เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2498
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
เสด็จกลับจากนมัสการพระธาตุพนม ผ่านเส้นทาง
บ้านธาตุน้อยศรีบุญเรือง
เพื่อเสด็จประทับที่
จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม
ในระหว่างทางมีราษฎรมาเฝ้า
รอรับเสด็จเป็นจำนวนมาก
ซึ่งทางราชการได้กำหนดจุด
สามแยกบ้านธาตุน้อยศรีบุญเรือง
เป็นที่สำหรับเฝ้ารอรับเสด็จ คุณยายตุ้ม จันทนิตย์
ซึ่งมีอายุ 102 ปี ได้ให้ลูกหลานพามาเฝ้ารอรับเสด็จ
เพื่อเฝ้าชมพระบารมีแต่เช้า
โดยได้นำดอกบัวสายสีชมพูมาด้วย
แต่ก่อนเวลาเสด็จเจ้าหน้าที่ได้ทราบว่ามีคุณยาย
ซึ่งมีอายุมากถึง 102 มาเฝ้ารอรับเสด็จด้วย
จึงได้พายายมารอเฝ้ารับเสด็จที่แถวหน้าสุด
เพื่อให้ได้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท
มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

ตั้งแต่เช้า สาย เที่ยง จนบ่าย
เปลวแดนเจิดจ้าร้อนแรง
ดอกบัวสีชมพูจำนวน 3 ดอก
ในมือที่เหี่ยวย่นของแม่เฒ่าตุ้ม
จึงเริ่มเหี่ยวโรยแต่หัวใจรักและภักดี
ของหญิงชราผู้นี้คงยังเบิกบานเต็มเปี่ยม
ไปด้วยพลังและศรัทธา จนกระทั่ง
เมื่อทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนิน
มาถึงตรงหน้าที่แม่เฒ่ารอรับเสด็จอยู่
แม่เฒ่าได้ยกดอกบัวขึ้นจนทูลเกล้าฯ
ถวายแสดงความจงรักภักดีอย่างสุดซื้ง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงโน้มพระองค์ลงมาต่ำที่สุด
จนพระพักตร์แนบชิดกับศีรษะของแม่เฒ่า
แย้มพระสรวญอย่างเมตตา
พระหัตถ์แตะที่มือซึ่งกร้านคล้ำของเกษตรหญิง
ชราชาวอีสานอย่างอ่อนโยน ไม่มีใครรู้ว่า
ทรงกระซิบคำใดกับแม่เฒ่า แต่แน่นอนว่า
แม่เฒ่าไม่มีวันลืม เช่นเดียวกัน
กับที่ "พระเจ้าแผ่นดิน " พระองค์นั้น
ไม่ทรงลืมราษฎรคนสำคัญที่เข้าเฝ้าฯ ในวันนั้น