15 พฤศจิกายน 2554
==================================================
สถานการณ์น้ำโดยดาวเทียม Aqua sensor MODIS ณ เวลา ๑๔.๑๐ น
ของวันอังคาร ที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ โดย ดร. วีรชัย ตันพิพัฒน์
ขอบคุณข้อมูลจาก http://situation.thaiflood.com/151154/1410/
ฉี่หนู อาละวาด ป่วยเพิ่ม 5% เตือนปวดน่อง-ตาแดง สงสัยไว้
"ฉี่หนู"อาละวาดพบป่วยเพิ่ม5% เตือนปวดน่อง-ตาแดงสงสัยไว้ (ไทยโพสต์)
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
กรมควบคุมโรคยันตัวเลขผู้ป่วยฉี่หนูเพิ่มขึ้นจาก 1% เป็น 5% แม้ยังไม่มีสัญญาณถึงขั้นเป็นโรคระบาด ชี้สาเหตุที่เสียชีวิตเพราะประชาชนไม่ตระหนัก ไปพบหมอช้า เตือนถ้ามีไข้ ปวดกล้ามเนื้อน่อง ตาแดงให้สงสัยว่าเป็นโรคฉี่หนู
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์การเกิดโรคในช่วงสถานการณ์น้ำท่วม โดยเฉพาะที่ศูนย์พักพิงว่า จากการเฝ้าระวังโรค เช่น ไข้หวัด ท้องร่วง ฉี่หนู ซึ่งมีผู้ป่วยบ้าง แต่ยืนยันว่าไม่ถึงขั้นเป็นโรคระบาด เนื่องจากไม่มีการป่วยเป็นกลุ่มก้อน ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าอัตราการป่วยเป็นโรคฉี่หนูเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1 เป็นร้อยละ 5 นั้นถือว่าเป็นอัตราที่สอดรับกับสถานการณ์น้ำท่วม โดยเฉพาะพื้นที่ที่น้ำลดลงและเข้าสู่ระยะฟื้นฟู ซึ่งประชาชนจะกลับเข้าไปยังบ้านเรือน ไร่นา อาจจะทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว จึงพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าห่วงคือแม้โรคดังกล่าวจะสามารถป้องกันและรักษาให้หายได้ แต่จากข้อมูลของสำนักโรคระบาด กระทรวงสาธารณสุข จะเห็นว่าการเสียชีวิตส่วนมากเกิดจากการที่ประชาชนไม่ตระหนักถึงอันตรายของโรค และการไปพบแพทย์ช้า ดังนั้นจึงต้องรณรงค์เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงเรื่องนี้ให้มาก โดยเฉพาะในพื้นที่น้ำท่วมหากพบว่ามีอาการต้องสงสัยว่าจะเป็นโรคฉี่หนู เช่น ปวดกล้ามเนื้อน่อง ตาแดง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นโรคฉี่หนู และดำเนินการรักษาทันทีเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคดังกล่าว
"ช่วงนี้จะเห็นว่ามีทั้งพื้นที่น้ำท่วม น้ำไหลหลาก น้ำขัง น้ำเน่า น้ำลดน้ำแห้ง ดังนั้นความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่จึงมีความแตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตาม โรคที่ยังมีความเสี่ยงในทุกพื้นที่คือ โรคฉี่หนู และโรคท้องร่วง โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ ตามมาด้วยโรคไข้เลือดออก หลังน้ำลดจะพบมากขึ้น" นพ.สุวรรณชัยกล่าว และว่า นอกจากนี้การเสียชีวิตจากการถูกไฟฟ้าช็อต ไฟฟ้าดูด กรมควบคุมโรค โดยสำนักระบาดวิทยากำลังทำการวิเคราะห์ถึงสาเหตุของการถูกไฟฟ้าช็อต เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางป้องกันและลดจำนวนผู้เสียชีวิต
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก http://health.kapook.com/view33249.html
>> กรุงเทพฯ <<
ทีมกรุ๊ปอัพเดตแผนที่ บางพลี-สุขุมวิท พื้นที่เสี่ยงมาก!
>>คลิ๊กที่ภาพ เพื่อดูภาพขนาดใหญ่<<
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภากประกอบจาก TEAM Group
ทีมกรุ๊ปอัพเดตแผนที่ เตือน บางพลี สุขุมวิท เสี่ยงมาก ส่วนพื้นที่เสี่ยงสูง ได้แก่ บางบ่อ บางปะกง คลองสำโรง หนองแขม ตลิ่งชัน คลองภาษีเจริญ คลองทวีวัฒนา
ทีมกรุ๊ปอัพเดตภาพน้ำท่วมกรุงเทพฯ ล่าสุด วานนี้ (14 พฤศจิกายน) โดยใช้โมเดล "River Network Model" คำนวณน้ำมาตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจากแผนที่ดังกล่าวพบว่า ย่านบางพลี สุขุมวิท อยู่ในกลุ่ม "สีเหลืองเข้ม" นั่นแสดงให้เห็นว่า เป็นพื้นที่ "เสี่ยงมาก" เช่นเดียวกันกับแถบ พระราม 2 สมุทรสาคร และ อ.กระทุ่มแบน
ขณะที่เขตบางนา ประเวศ และสวนหลวง แผนที่แสดง "สีเหลืองอ่อน" หมายถึงว่า มีความเสี่ยงแค่ปานกลางเท่านั้น ส่วนเขตที่แสดง "สีแดง" ซึ่งหมายถึงมีความเสี่ยงสูงนั้น ได้แก่ อ.บางบ่อ บางปะกง คลองสำโรง และทางตะวันตกได้แก่ หนองแขม ตลิ่งชัน คลองภาษีเจริญ คลองทวีวัฒนา
สำหรับเขตดอนเมือง แจ้งวัฒนะ สายไหม ถึงแม้ว่าจะถูกน้ำท่วมแล้ว ก็ยังอยู่ในเขตสีแดง หรือเสี่ยงสูงสุด ทั้งนี้รวมไปถึงถนนสองสายสำคัญ ทั้ง วิภาวดี พหลโยธิน นวมินทร์ และรามอินทรา ส่วนฝั่งลาดพร้าว บางกะปิ คันนายาว บึงกุ่ม อยู่ในกลุ่ม "สีเหลืองอ่อน" คือเสียงปานกลางเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก http://hilight.kapook.com/view/64507
โทรด่วน 1586 เส้นทางเลี่ยงน้ำท่วมพุ่งกระฉุด
สายด่วน 1586 ถามเส้นทางหลวงเลี่ยงน้ำท่วมแทบไหม้ เดือนตุลาคมพุ่งเกือบแสนราย กรมทางหลวงแจงเร่งกู้ถนนสายสำคัญ...
นายวันชัย ภาคลักษณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ตามที่กรมทางหลวงได้เปิดสายด่วน 1586 เพื่อให้บริการประชาชนสอบถามข้อมูลเส้นทางการเดินทางตลอด 24 ชั่วโมงนั้น ในเดือนตุลาคมซึ่งถือเป็นเดือนแห่งวิกฤติการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบว่า มีประชาชนสอบถามการเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ถูกน้ำท่วม เป็นจำนวน 94,510 ราย เพิ่มจากยอดการให้บริการในเดือนกันยายน 2554 จำนวน 74,955 ราย
นายวันชัย กล่าวว่า คำถามที่ประชาชนสอบถามส่วนใหญ่คือ เส้นทางเลี่ยงที่จะออกจากกรุงเทพมหานครไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และเส้นทางการเดินทางในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งสอบถามข้อมูลเพื่อขอรับความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ เช่น ศูนย์พักพิงสำหรับประชาชน การใช้เรือ เส้นทางรถเมล์ ปริมาณน้ำ การติดต่อเรื่องรถทหาร เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมทางหลวงกำลังเร่งกู้ทางหลวงสายต่าง ๆ ที่ถูกน้ำท่วม เพื่ออำนวยความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยในการเดินทางให้กับประชาชนในการเดินทางไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศให้ได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยก่อนเดินทางขอให้ประชาชนตรวจสอบเส้นทางการเดินทางได้ที่ สายด่วนกรมทางหลวง 1586 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือตรวจสอบเส้นทางก่อนการเดินทางได้ที่เว็บไซต์กรมทางหลวง www.doh.go.th ซึ่งได้แนะนำแผนที่เส้นทางเลี่ยงน้ำท่วมไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศทุกวัน
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก ไทยรัฐออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2554 00:35 น.
http://www.thairath.co.th/content/eco/216612
ร.ร.สังกัด กทม.ทุกแห่ง เปิดเทอม 1 ธ.ค.นี้ พร้อมแผนเรียนชดเชย
โรงเรียนสังกัด กทม.ทุกแห่ง เลื่อนเปิดเทอมครั้งที่ 2 เป็นวันที่ 1 ธ.ค.นี้ พร้อมให้สอนชดเชยจนครบหลักสูตรตอนเย็นหลังเวลาเลิกเรียนปกติวันละ 1 ชม. และชดเชยวันเสาร์ 11 วัน
นางนินนาท ชลิตานนท์ รองปลัดกทม. ปฎิบัติราชการแทน ปลัดกทม. ได้สั่งการให้เลื่อนวันเปิดเทอมภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554 ทุกโรงเรียนในสังกัด กทม. เป็นวันที่ 1 ธ.ค. 2554 และให้โรงเรียนจัดการเรียนการสอนชดเชยเพื่อให้นักเรียนมีเวลาเรียนครบตามโครงสร้างเวลาเรียนของหลักสูตร
ทั้งนี้ ให้โรงเรียนทุกแห่งดำเนินการ ดังนี้ 1 ระดับประถมศึกษาให้สอนชดเชยตอนเย็นหลังเวลาเลิกเรียนปกติวันละ 1 ชม. (14.30-15.30 น.) ทุกวันเป็นเวลา 11 สัปดาห์ และจัดสอนชดเชยในวันเสาร์อีก 11 วัน วันละ 4 ชม. (08.30-14.30 น.)
2 ระดับมัธยมศึกษาให้สอนชดเชยตอนเย็นหลังเวลาเลิกเรียนปกติวันละ 1 ชม. (15.30-16.30 น.)ทุกวันเป็นเวลา 11 สัปดาห์ และจัดสอนชดเชยในวันเสาร์อีก 11 วัน วันละ 7 ชม.(08.30-16.30 น.)
อ่าน รายชื่อโรงเรียนสังกัด กทม.มีดังนี้ >>คลิ๊กที่นี่<<
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2554 15:35 น.
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNew...=9540000145761
ศธ.ประกาศเลื่อนเปิดเทอม กทม.นนทบุรี ปทุมธานี และนครปฐม เป็นวันที่ 6 ธ.ค. 54
ศธ.ประกาศเลื่อนเปิดเทอมใน กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และ 4 อำเภอของนครปฐม ไปวันที่ 6 ธ.ค. 54 “วรวัจน์” ชี้เป็นวันสุดท้ายที่จะขยับได้ ระบุหากถึงวันนั้นยังเปิดเทอมไม่ได้ ศธ.จะเลื่อนเปิดเทอมและการสอบประเมินทั้งหมด รวมถึง O-Net ออกไปทั้งหมด
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ.ว่า ศธ.จะออกประกาศให้สถานศึกษาทุกสังกัดของ ศธ.ใน กทม.นนทบุรี ปทุมธานีและ 4 อำเภอในจังหวัดนครปฐม ได้แก่ สามพราน นครชัยศรี พุทธมณฑล และบางเลน เลื่อนเปิดภาคเรียนไปเป็นวันที่ 6 ธันวาคม 2554 ยกเว้นโรงเรียนนานาชาติบางแห่งที่ขอผ่อนผันเปิดก่อนกำหนด ทั้งนี้ หากประเมินดูแล้วสถานศึกษาใน 4 จังหวัดนี้ยังไม่สามารถเปิดเทอมในวันที่ 6 ธันวาคม 2554 ได้ ศธ.จะเลื่อนวันเปิดเทอมและการสอบประเมินผลต่าง ๆ ทั้งระบบรวมถึงการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) ด้วย เพราะวันที่ 6 ธันวาคม 2554 สุดท้ายที่จะสามารถเลื่อนเปิดเทอมได้โดยไม่กระทบกับการเรียนการสอนและการสอบ เมื่อเปิดภาคเรียนแล้ว ให้สถานศึกษาจัดสอนเสริมในวันเสาร์และหลังเลิกเรียนวันละ 1 ชั่วโมง เพื่อชดเชยเวลาเรียนที่เสียไป
นายวรวัจน์กล่าวต่อว่า ส่วนตัวเลขความเสียหายในส่วนของโครงสร้างอาคารต่างๆ ของสถานศึกษานั้น เบื้องต้นพบความเสียหายมูลค่า 956.2 ล้าน บาท แต่ยังไม่รวมความเสียหายของมหาวิทยาลัย และโรงเรียนเอกชน ซึ่งบางแห่งมีการทำประกันภัยไว้ ต้องรอตรวจสอบข้อมูลก่อน เพื่อจะได้ไม่เสนองบประมาณเยียวยาจากรัฐบาลซ้ำซ้อนกับเงินประกัน และในวันที่ 18 พฤศจิกายน จะมีการจัด Big Cleaning day ที่โรงเรียนวัดบ้านสร้าง จ.พระนครศรีอยุธยา
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2554 16:35 น.
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNew...=9540000145808
กทม.ปิดสวนสาธารณะ 6 แห่งถูกน้ำท่วม
กรุงเทพมหานครประชาสัมพันธ์ปิดให้บริการสวนสารธารณะชั่วคราว 6 แห่ง เนื่องจากประสบปัญหาน้ำท่วม ได้แก่ สวนวชิรเบญจทัศ หรือสวนรถไฟ สวนจตุจักร เขตจตุจักร สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา และสวนหลวงพระราม 8 เขตบางพลัด ซึ่งสวนสาธารณะหลายแห่งยังมีน้ำท่วมขังอยู่ เมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ สำนักงานสวนสาธารณะจะเร่งเข้าไปทำความสะอาด ซ่อมแซมไฟฟ้าส่องสว่าง และทางวิ่ง เพื่อให้ประชาชนได้เข้าไปใช้บริการก่อน จากนั้นจึงจะดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์ ดูแลฟื้นฟูสภาพต้นไม้ภายในสวนใหม่ทั้งหมด
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2554 12:10 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...word=%a1%b7%c1.
กทม.ยังเฝ้าระวังหลังรื้อแนว “บิ๊กแบ็ก” เขตดอนเมือง-จตุจักร
กทม.สรุปสถานการณ์น้ำประจำวัน ล่าสุดเวลา 07.00 น. ภาพรวมกรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี พื้นที่ศาลายาน้ำทะลักต่อเนื่อง ส่วนทางเหนือน้ำลดระดับ ขณะที่ฝั่งพระนคร เขตดอนเมือง จตุจักร ระดังน้ำยังล้น เฝ้าระวังการรื้อแนวบิ๊กแบ็ก
วันนี้ (15 พ.ย.) เมื่อเวลา 07.00 น. ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย กรุงเทพมหานคร สรุปสถานการณ์น้ำประจำวันว่า ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา 2,398 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วินาที) ลดลงจากเมื่อวาน 135 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา 3.75 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) น้ำทะเลหนุนสูงสุดวันนี้เวลา 11.21 น. ระดับ 1.16 ม.รทก. และเวลา 19.17 น. ระดับ 0.95 ม.รทก. ในวันพรุ่งนี้ระดับน้ำทะเลหนุนสูง เวลา 12.04 น. ระดับ 1.14 ม.รทก. และเวลา 19.45 น. ระดับ 0.93 ม.รทก.
ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ตรวจวัดที่ปากคลองตลาด สูงสุดวันนี้ (15 พ.ย.) เวลา 09.15 น. ระดับ 2.34 ม.รทก. ต่ำกว่าแนวคันกั้นน้ำ 0.46 เมตร คาดการณ์วันนี้โดยกรมอุทกศาสตร์ระดับน้ำจะสูงสุดเวลา 11.21 น. ระดับ 2.32 ม.รทก.
สำหรับ สถานการณ์น้ำทุ่ง ระดับน้ำบริเวณดอนเมืองที่รั่วจากรังสิต (24 ชั่วโมงที่ผ่านมา) ระดับน้ำลดลง 1 ซม. คลองหกวาสายล่าง ระดับน้ำที่ประตูระบายน้ำคลองสอง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา) ระดับน้ำลดลง 3 ซม. ฝั่งธนบุรี ระดับน้ำคลองมหาสวัสดิ์ที่ประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนา 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา) ระดับน้ำทรงตัว
ส่วนสถานการณ์ระดับน้ำในคลองต่างๆ ระดับน้ำล้นตลิ่ง ได้แก่ ระดับ น้ำในคลองต่างๆ น้ำล้นตลิ่งคลองน้ำแก้ว ตอนถนนรัชดาภิเษก, คลองเปรมประชากร ช่วงวัดเทวสุนทร, คลองบางเขน ตอนถนนวิภาวดี, คลองบางซื่อ ตอนถนนพหลโยธิน, คลองลาดพร้าว ตอนวัดลาดพร้าว ซอยเสนานิคมและซอยลาดพร้าว 56 ส่วนฝั่งธนบุรี น้ำล้นตลิ่งคลองมหาสวัสดิ์ ตอนพุทธมณฑลสาย 2, คลองบางพรม ตอนคลองชักพระ ตอนถนนกาญจนาภิเษกและตอนถนนพุทธมณฑลสาย 3, คลองบางเชือกหนัง ตอนถนนพุทธมณฑลสาย 2, คลองบางแวก ตอนคลองทวีวัฒนา ตอนถนนพุทธมณฑลสาย 1, คลองบางจาก ตอนถนนพุทธมณฑลสาย 2, คลองพระยาราชมนตรี ตอนถนนพระราม 2
ภาพรวมสถานการณ์ในกรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี น้ำจากนอกพื้นที่ (ศาลายา) ยังคงทะลักเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ยังไม่มีการแก้ไข ระดับน้ำพื้นที่ตอนเหนือของฝั่งธนบุรีเริ่มลดลง ส่วนฝั่งพระนคร ด้านดอนเมือง จตุจักร น้ำยังคงล้น การรื้อแนวกระสอบทรายยักษ์ หรือ บิ๊กแบ๊ก ต้องเฝ้าระวังระดับน้ำอย่างใกล้ชิด คลองเปรมประชากรช่วงในเมืองระดับน้ำลดลง ด้านสายไหม คลองลาดพร้าวด้านบนยังคงล้นตลิ่ง ด้านซอยเสนานิคม วัดลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 56 ระดับ น้ำในคลองลดลงเล็กน้อย ด้านตะวันออกน้ำในคลองแสนแสบ ระดับน้ำเริ่มลดลงเล็กน้อย คลองประเวศบุรีรมย์ระดับน้ำทรงตัว และระดับน้ำในคลองบางซื่อ ช่วงถนนรัชดาภิเษกระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2554 12:41 น.
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNew...word=%a1%b7%c1.
ผู้ว่าฯ กทม.ตรวจ 5 แยกลาดพร้าว-คาดอีก 3 วันจตุจักรแห้ง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมขังที่ถนนกำแพงเพชร ถนนพหลโยธินตั้งแต่หน้าสวนจตุจักร ผ่าน 5 แยกลาดพร้าว โดยพบว่าปริมาณน้ำที่ท่วมขังหน้าสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสลดลงอย่างเห็นได้ชัดและแห้งในหลายจุด ส่วนบริเวณ 5 แยกลาดพร้าวระดับน้ำลดลงเช่นกันอยู่ที่ประมาณ 10 เซนติเมตร ทำให้รถยนต์ขนาดเล็กสามารถสัญจรได้ ส่วนบริเวณถนนพหลโยธินตั้งแต่เซ็นทรัลลาดพร้าวจนถึงหน้าซอยเสือใหญ่อุทิศ ปริมาณน้ำลดลงอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน แต่บริเวณแยกรัชโยธินยังมีน้ำท่วมขังสูงอยู่ที่ระดับ 30-50 เซนติเมต
โดยสภาพน้ำมีสีเหลืองขุ่น ส่งกลิ่นเหม็นเป็นบางช่วง ทำให้สำนักสิ่งแวดล้อมกรุงเทพมหานคร นำสารจุลินทรีย์มาฉีดพ่นเพื่อปรับสภาพน้ำบนถนน
นอกจากนี้พบว่าเต็นท์รถยนต์บนถนนรัชดาภิเษกต่างยกรถสูงขึ้นประมาณ 50 เซนติเมตรเพื่อหนีน้ำท่วม จากนั้นได้เดินทางเข้ามาในซอยเสือใหญ่อุทิศ ซึ่งมีระดับน้ำท่วมสูงได้ลดลงเหลือ 15-20 เซนติเมตร และพบว่ามีขยะตกค้างในซอยเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ หากภายใน 3-7 วันไม่มีน้ำเหนือเข้ามาเพิ่มเติมจากคลองสอง คาดว่า ระดับน้ำในพื้นที่จตุจักรจะลดลงอย่างชัดเจนภายใน 3 วัน โดยจะระบายน้ำลงคลองเปรมประชากรและคลองลาดพร้าว ส่วนกรณีที่ยังมีน้ำท่วมขังสูงในเขตดอนเมือง หลักสี่ สายไหม เนื่องจากยังมีน้ำทุ่งที่อยู่เหนือพื้นที่กรุงเทพมหานคร อยู่เป็นจำนวนมากซึ่งยืนยันว่า ไม่ได้เกิดจากน้ำที่ผ่านเข้ามาจาก บิ๊กแบ็กอย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2554 17:11 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...word=%a1%b7%c1.
ชาวบ้าน ซ.ฉลองกรุง 48 สุดทน! น้ำท่วมนานกว่า 2 เดือน
นางคำไพ สะทองมา อายุ 60 ปี ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ภายในซอยฉลองกรุง 48 ซึ่งติดกับคลองลำกอไผ่ ที่ถูกน้ำท่วมร่วม 2 เดือน กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้หนักที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยระดับน้ำภายในซอยจุดต่ำสุดอยู่ที่ระดับประมาณ 1 เมตร ชาวบ้านต้องอยู่ด้วยความลำบาก รวมทั้งการสัญจรไป-มา ที่ต้องใช้วิธีเดินด้วยเท้า เนื่องจากไม่มีเรือ เช่นเดียวกับตนที่ต้องเดินทางออกมาทำงานทุกวัน จนถึงวันนี้รู้สึกทนไม่ไหวกับความลำบาก จึงตัดสินใจย้ายไปอยู่กับญาติในพื้นที่ใกล้เคียงที่ยังไม่ถูกน้ำท่วม ทั้งนี้ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแลแต่อย่างใด โดยสิ่งที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องการ คือเรือเพื่อใช้ในการสัญจร
อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตพบว่า น้ำที่ท่วมขังภายในซอยฉลองกรุง 48 นั้น เริ่มมีสีและมีกลิ่นแล้ว
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2554 17:22 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000145848
ชาวรังสิตเดือดร้อนหนัก น้ำท่วมสูงจาก"บิ๊กแบ็ก"
ชาวรังสิตจำนวนหนึ่งได้มาอาศัยอยู่บนสะพานเป็นเวลานานกว่า 1 เดือนแล้ว เนื่องจากบ้านที่อยู่เหนือแนวกระสอบทราบบิ๊กแบ็ก น้ำยังท่วมสูง ชาวบ้านบอกว่าอยากให้รื้อแนวบิ๊กแบ็กออก เพราะว่าหลังจากมีการวางแนวบิ๊กแบ็กแล้ว ทำให้น้ำไม่ระบาย น้ำที่ท่วมอยู่จึงไม่ลดและเริ่มเน่าเสีย
ส่วนอีกจุดหนึ่งย่านดอนเมือง ซึ่งกลุ่มชาวบ้านได้รื้อแนวบิ๊กแบ็กออกเป็นระยะทางประมาณ 10 เมตร วันนี้ทหารได้เข้าไปซ่อมแซมและเสริมเป็นฝายชะลอน้ำ 5 เมตร ส่วนอีก 5 เมตรเปิดเป็นเส้นทาง เพื่อระบายน้ำและให้เรือผ่าน โดยน้ำเหนือแนวสูงกว่าใต้แนวบิ๊กแบ็กประมาณ 25 เซนติเมตร และน้ำเหนือแนวบิ๊กแบ็กยังลดลงอีก 10-20 เซนติเมตร
พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผู้กำกับการ สน.ดอนเมือง เปิดเผยว่า จากการวัดระดับน้ำ หลังมีการรื้อแนวบิ๊กแบ็กออกพบว่า ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านช่องระบายประมาณ 4 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน และหลังจากทางการเข้ามาซ่อม และทำเป็นฝายน้ำยังไม่มีชาวบ้านออกมาเคลื่อนไหวหรือคัดค้านแต่อย่างใด ส่วนน้ำที่ไหลผ่านใต้แนว ชาวบ้านอาจได้รับผลกระทบบ้างแต่ไม่มากนัก
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2554 18:11 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000145876
เจาะถนนระบายน้ำนิคมฯ สหรัตนนคร
นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ว่า ขณะนี้ยังมีน้ำท่วมสูงอยู่ที่ 2.25 เมตร จำเป็นต้องมีการเจาะถนนเพื่อระบายน้ำออก จนกว่าจะเห็นคันดิน และจะเริ่มต้นสูบน้ำออกได้ในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ คาดว่าจะใช้เวลาสูบน้ำประมาณ 1 สัปดาห์ น้ำจึงจะแห้งทั้งหมด และสามารถเดินเครื่องใหม่ได้ภายในเดือนธันวาคม เช่นกัน
ขณะที่การกู้นิคมอุตสาหกรรมนวนคร จะต้องรอให้ระดับน้ำลดลงก่อน ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำยังคงเหนือคันดินมาก นอกจากนี้ ในนิคมอุตสาหกรรมบางชันระดับน้ำเริ่มทรงตัวและลดลงเรื่อยๆ โดยเชื่อว่า จะสามารถป้องกันได้
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2554 18:39 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000145897
น้ำจ่อเซ็นทรัลพระราม 2 อีก 200 ม.ถึงประตู
สถานการณ์ล่าสุดที่เซ็นทรัลพลาซ่า พระราม 2 พบว่า น้ำที่ท่วมอยู่ด้านหน้าสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาเขตบางขุนเทียน ซึ่งอยู่ด้านข้างของเซ็นทรัลฯ พระราม 2 น้ำจากจุดดังกล่าว เข้าสู่พื้นที่รั่วเซ็นทรัลฯ พระราม 2 โดยน้ำเข้ามาทางประตูเข้า - ออกของรถยนต์ที่สามารถผ่านไปยังสำนักงานที่ดิน ระยะทางประมาณ 20 เมตร โดยระดับน้ำที่วัดได้ในจุดดังกล่าว ประมาณ 20 เซนติเมตร การเดินทางสัญจรด้วยรถยนต์ยังสามารถทำได้
อย่างไรก็ตาม น้ำที่เข้ามาในพื้นที่เซ็นทรัลฯ พระราม 2 ซึ่งวัดจากหัวน้ำที่เข้ามา ห่างจากประตูเข้า - ออกด้านหลังของตัวเซ็นทรัลฯ พระราม 2 ประมาณ 200 - 300 เมตร ขณะที่ทางเซ็นทรัลฯ พระราม 2 ได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ด้วยการสร้างแนวกระสอบทรายความสูงประมาณ 1.20 เมตร รอบห้างมาก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ยังมีเครื่องสูบน้ำประจำตามจุดต่างๆ อีกด้วย ส่วนการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในห้างฯ ยังเป็นปกติ
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2554 19:44 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000145923
ชาวรังสิตให้เวลากรมชลฯ 3 วันซ่อมเครื่องสูบ ถ้าน้ำไม่ลดนัดหารืออีกครั้ง
พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยภายหลังจากร่วมเจรจากับ นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน และ นายดำรงชัย นันทปราโมทย์ ตัวแทนชาวบ้านใน 5 ชุมชน ย่านรังสิต ประกอบด้วย หมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี หมู่บ้านเมืองเอก ชุมชนตลาดหวั่งหลี ชุมชนริมคลองโรงเรียนศิริฯ และชุมชนตลาดพรพัฒน์ ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปทุมธานี ตรงสะพานแก้วรังสิต นานกว่า 1 ชั่วโมงว่า ผลการเจรจาเป็นที่น่าพอใจทั้ง 2 ฝ่าย โดยชาวบ้านให้เวลากรมชลประทาน 3 วันนับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ในการดำเนินการซ่อมแซมเครื่องสูบน้ำ จำนวน 9 ตัว จากทั้งหมด 18 ตัว ที่บริเวณประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์ ให้แล้วเสร็จ และเดินเครื่องสูบน้ำอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้น้ำในชุมชนย่านรังสิตนั้น ได้มีการไหลเวียนตามระบบ และไม่เน่าเสีย ตามแผนการจัดการน้ำของรัฐบาล
ตัวแทนชาวบ้าน ได้กล่าวว่า จากนี้หาก กรมชลประทานดำเนินการตามที่พูดไว้จะไม่มีการรวมตัวกับชาวดอนเมือง เพื่อชุมนุมรื้อคันกั้นน้ำบิ๊กแบ็กแต่อย่างใด แต่หากหลังจาก 3 วัน พบว่ายังไม่มีการดำเนินการตามที่ได้รับปากไว้จะมีการหารือกับกลุ่มชาวบ้านอีกครั้งว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2554 19:53 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000145925
ฮอนด้า ซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ถูกน้ำท่วม ฟรี 6 จังหวัด 15-29 พ.ย.นี้
ฮอนด้า ร่วมกับ ผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า, กรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดขบวนคาราวาน Free Service “ฮอนด้าห่วงใย เพื่อผู้ประสบภัยน้ำท่วม” ให้บริการซ่อมบำรุงรถจักรยานยนต์ฮอนด้าที่เสียหายจากภัยน้ำท่วม ในพื้นที่ประสบภัยหลังระดับน้ำลด ประกอบไปด้วย การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเฟืองท้าย หัวเทียน พร้อมไปกับการเปลี่ยนไส้กรองอากาศให้ฟรี! กับรถที่มีปัญหาในจุดดังกล่าว รวมถึงการตรวจสภาพ และซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ ให้รถกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม โดยจะลงพื้นที่ใน 6 จังหวัดภาคกลาง เริ่มต้น 15 พ.ย.นี้ ที่ นครสวรรค์, อุทัยธานี, สิงห์บุรี, อ่างทอง, ลพบุรี และอยุธยา ดังนี้
วันที่ 15-17 พ.ย. ที่อุทยานนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์
วันที่ 19-21 พ.ย. ที่หอนาฬิกา จ.อุทัยธานี
วันที่ 23-25 พ.ย. ที่ฝาครอบคลอง จ.สิงห์บุรี
วันที่ 27-29 พ.ย. บริเวณหน้าศาลากลาง จ.อ่างทอง
วันที่ 15-17 พ.ย. ที่ตลาดศรีนคร จ.นครสวรรค์
วันที่ 19-21 พ.ย. วงเวียนสระแก้ว จ.ลพบุรี
วันที่ 23-26 พ.ย. สะพานปรีดีฯ อ.เมือง จ.อยุธยา
วันที่ 28-29 พ.ย. หน้าร้านผู้จำหน่ายสมชายมอเตอร์เซลล์ อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา
สำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือในการซ่อมบำรุงรถจักรยานยนต์ฮอนด้าที่เสียหายจากอุทกภัย สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมของบริการ Free Service ในพื้นที่ของท่านผ่านทางร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าใกล้บ้านท่านได้ทันที
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2554 19:55 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000145929
>> สตูล<<
ผอ.ศูนย์วิจัยสารสนเทศฯค้านย้ายเมืองหลวง ชี้เงื่อนไขน้อยเกิน
ผอ.ศูนย์วิจัยสารสนเทศฯค้านข้อเสนอ 20 ส.ส. เพื่อไทย ที่จะให้ย้ายเมืองหลวง แจงไม่ใช่เรื่องง่าย สถานที่สำคัญหลายแห่งอยู่ที่นี่ อีกทั้งข้อมูลกทม.ทรุดปีละ 20 ซม.ไม่จริง ขนาดเมื่อก่อนทรุดแค่ 1-3 ซม.ต่อปี ยิ่งทุกวันนี้แทบไม่ทรุดเลยเพราะเลิกใช้น้ำบาดาลแล้ว ซัดถ้ามีเงื่อนไขแค่นี้อย่าพูด มั่นใจใช้แนวคิด "ในหลวง" จัดการน้ำอย่างยั่งยืน และทุกคนช่วยกันทำงานตั้งแต่วันนี้ สู้น้ำได้แน่นอน
>>คลิี๊กที่นี่ เพื่อรับชมวีดีโอ 15/11/54 คนเคาะข่าว ช่วงที่2 วิกฤตน้ำท่วม!!! <<
วันนี้ (15 พ.ย.) ผศ.ดร.สมบัติ อยู่เมือง ผอ.ศูนย์วิจัยสารสนเทศแห่งประเทศไทย ในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) กล่าวในรายการ "คนเคาะข่าว" ว่า ที่พูดกันว่ากทม.จะจมบาดาลใน 50 ปีข้างหน้า อันนั้นไม่น่ากังวลนักหนา แผ่นดินเราไม่ได้ทรุดถึง 20 ซม. ต่อปี อันนั้นข้อมูลคลาดเคลื่อน เมื่อก่อนทรุดประมาณ 1-3 ซม.ต่อปี ซึ่งปัจจุบันก็แทบไม่ทรุดแล้วเพราะเราเลิกใช้น้ำบาดาลมานาน
แม้แต่การศึกษาระดับโลกก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าน้ำจะขึ้นทุกที่เหมือนกัน บางประเทศต่ำกว่าน้ำก็ยังอยู่ได้ การที่กังวลว่ากทม.จะจมน้ำใน 25 - 50 ปี มันไม่ได้เกิดขึ้นฉับพลันแน่นอน มันมีจะเงื่อนไขระหว่างทาง ตนไม่กลัวกรุงเทพฯจมน้ำ เพราะเราอยู่กับน้ำมานานแล้ว เราต่างหากที่รู้สึกว่าต้องไม่มีน้ำ
ผศ.ดร.สมบัติ กล่าวอีกว่า มีบางคน (ส.ส.เพื่อไทย) เสนอให้ย้ายเมืองหลวง ถ้ามันง่ายอย่างนั้นก็ดี การเสนออะไรโดยมีเงื่อนไขแค่นี้ไม่ควรพูด เราต้องจำกัดการเติบโตของเมือง ไม่ไปปลูกสร้างในที่ที่ไม่ควร อะไรที่กีดขวางคลองก็ต้องไปจัดการ ที่ผ่านมาเราปล่อยปละละเลย ให้รุกรานทางน้ำผ่าน
แล้วที่บอกว่านครนายก พื้นที่ลาดชันน้ำมาจะระบายออกได้สะดวก ซึ่งพื้นที่ลาดชันในประเทศมีเต็มไปหมด เลือกเอาได้ทั้งอีสาน มีเงื่อนไขแค่นี้มันไม่ควรพูดเรื่องนี้ในตอนนี้
จัดโซนนิ่ง ทำผังเมืองใหม่ หาเมืองรองรับการขยายตัวของเมือง ได้ทำหรือยัง สิ่งนั้นคือสิ่งที่ต้องทำ แล้วมาออกแบบวิศวกรรมในการป้องกันดูแล ไม่ว่าจะเป็นฟลัดเวย์ คันกั้นน้ำ หรืออะไรก็แล้วแต่ ถอยไม่ได้ เมืองเราอยู่นี่ สถานที่สำคัญอยู่ที่นี่ทั้งหมด แล้วจะย้ายไปไหน มันสู้ได้ ไม่อยากให้โดดข้ามช็อตแล้วพูดอะไรออกมาไม่สมเหตุสมผล อยากให้อยู่กับความเป็นจริงแล้วแก้ปัญหา
เมื่อถามว่าการจัดลำดับวางแผนการจัดการทรัพยากรน้ำที่จะนำเสนอต่อรัฐบาลในฐานะคณะกรรมการกยน.มีอย่างไรบ้าง ผศ.ดร.สมบัติ กล่าวว่า ตนก็ยังใช้แนวคิดของพระองค์ท่าน ที่ดร.สุเมธ ได้ให้สัมภาษณ์หลายๆครั้ง เราต้องดูลุ่มน้ำย่อยทุกระบบ ลุ่มน้ำใหญ่ ให้ยั่งยืน ความหมายคือ ป่าไม้ ต้นน้ำลำธาร จัดการทรัพยากรในพื้นที่ ทุกอย่างต้องมีข้อมูลการจัดการอย่างเป็นระบบ โดยให้ชุมชนมีส่วนร่วม นั่นคือความยั่งยืนอย่างแน่นอน จะใช้เวลา 20 ปี ก็ต้องทำ เราจะมาแก้ไขปัญหาระยะกลาง ระยะปลายอย่างเดียวไม่ได้
หลายคนกังวลว่าเราจัดการพิบัติภัยอย่างเดียวหรือจัดการน้ำทั้งระบบ มันแยกไม่ออก เพราะหากเราจะจัดการพิบัติภัยเราก็ต้องดูแลน้ำต้นทุน ทั้งใช้ในการเกษตร ทั้งใช้ลดพิบัติภัย ใช้ในหน้าแล้ง การจัดการชายฝั่ง อุตสาหกรรม ใช้ในการอุปโภค บริโภค ซึ่งเราก็ต้องใช้ เราหนีไม่พ้น
ต้องใช้ที่ดินให้เหมาะสม ต้องโซนนิ่งมันให้ดี แล้วใส่วิศวกรรมในพื้นที่ที่เราตั้องสู้ นั่นคือมาตรฐานสากล แค่มาดูแลส่วนล่างแล้วผลักน้ำไปให้ดีที่สุด โดยหน้าแล้งไม่มีน้ำใช้ อันนั้นไม่ยั่งยืน ต้องเป็นธรรมกับทุกลุ่มน้ำ
คนมักถามปีหน้าจะน้ำท่วมหนักแบบนี้หรือไม่ ตนคิดว่าทุกคนต้องช่วยกัน ทำงานอย่างเป็นระบบ ทำงานหนักอย่างตลอด ตั้งแต่วันนี้ ไม่ใช่น้ำท่วมแล้วค่อยมาพูดกัน มันไม่ได้
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2554 23:33 น.
http://www.manager.co.th/Politics/Vi...word=%a1%b7%c1.
ข่าวนี้ไม่เกี่ยวกับน้ำท่วมค่ะ เป็นข่าวเตือนธรณีพิบัติ อยากนำมาให้ได้อ่านค่ะ
กรมทรัพย์ “เฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัยสตูล”
สตูล - กรมทรัพย์ จัดสัมมนา เครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย จ.สตูล เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับระบบการเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยบริเวณต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ หลังพบบางพื้นที่มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน ซึ่งอาจเสี่ยงต่อดินโคลนถล่มยิ่งขึ้น
วันนี้ (15 พ.ย.) ที่ห้องประชุมโรงแรมพินนาเคิลวังใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสตูล นายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานเปิดการสัมมนา "เครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย” จังหวัดสตูล จัดโดยกรมทรัพยากรธรณี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับระบบการเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยบริเวณต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วย เครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากทุกภาคส่วนจำนวน 150 คน
โดยการเตรียมความพร้อมก่อนเกิดเหตุธรณีพิบัติภัยเป็นเวทีให้อาสาสมัครเครือข่ายฯ ของกรมทรัพยากรธรณีได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กระบวนการ และวิธีการในการเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัย รวมทั้งเป็นการกระตุ้นเตือนเครือข่ายฯให้มีความพร้อมในการเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัย ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่มให้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด อันจะนำมาซึ่งการสูญเสียน้อยที่สุดหากเกิดธรณีพิบัติภัย
นายธวัชชัย เทพสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 4 กล่าวว่า จังหวัดสตูล เป็น 1 ใน 51 จังหวัดที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณีจึงได้ดำเนินการจัดตั้งเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัยในพื้นที่เสี่ยงภัยขึ้นในปี 2550 ครอบคลุมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่อำเภอทุ่งหว้า อำเภอละงู อำเภอมะนัง อำเภอควนกาหลง และอำเภอควนโดน
อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานการณ์และตรวจสอบข้อมูลจากเครือข่าย พบว่าระบบการเตรียมความพร้อมในการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยมีประสิทธิภาพเฉพาะในบริเวณต้นน้ำ โดยยังไม่ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณกลางน้ำและปลายน้ำ อีกทั้งภายหลังจัดตั้งเครือข่ายแล้วบางพื้นที่มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดดินโคลนถล่มเพิ่มขึ้น กรมทรัพยากรธรณีจึงได้ดำเนินการจัดตั้งระบบเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่มให้ครอบคลุมทั้งระบบต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2554 20:23 น.
http://www.manager.co.th/Local/ViewN...=9540000145859
>> นนทบุรี<<
กู้ ถ.340 เริ่มเสร็จแล้วบางจุด! "สุกำพล" โผล่ตรวจงาน
ถ.ตลิ่งชัน - สุพรรณบุรี ช่วงคลองแยกไทรน้อย - คลองลำรี
เจ้าหน้าที่เร่งกู้ บางใหญ่ - สุพรรณบุรี ขาออก ถ.กาญจนาภิเษก ช่วงสมบัติบุรีน้ำเริ่มแห้งเหลือไม่ถึง 20 ซม. ด้านหน้า ซ.ลาดปลาดุกวางท่อเสร็จแต่ยังไม่ได้สูบน้ำ ส่วนวงแหวนแยกบางใหญ่เริ่มวางท่อบ้างแล้ว ด้านสาย 340 ฝั่งนนท์ เร่งขุดดินทำคันกั้นฝั่งถนน ส่วนช่วงลาดหลุมแก้ว กู้เสร็จแล้ว ด้าน รมว.คมนาคม โผล่ตรวจงาน
วันนี้ (15 พ.ย.) ที่ จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสำรวจการกู้ถนนตลิ่งชัน - สุพรรณบุรี และถนนทางหลวงสาย 340 บางบัวทอง - สุพรรณบุรี พบว่า บน ถ.ตลิ่งชัน - สุพรรณบุรี ทางหลักขาออก จุดแรกที่เริ่มทำการกู้คือช่วงตั้งแต่คลองลำรี - คลองแยกไทรน้อย เจ้าหน้าที่ได้สูบน้ำจนมีระดับลดลงอย่างมากเหลือราว 5 - 20 ซม. โดยได้ใช้เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่สูบออกไปทางหมู่บ้านสมบัติบุรี แต่ก็ยังพบมีน้ำซึมอยู่ตามแนวกั้นกระสอบทรายหลายแห่ง จนเจ้าหน้าที่แขวงการทางต้องรื้อกระสอบทรายฝั่งในถนนเพื่อวางอุดรอยรั่วอีกครั้ง
ขณะจุดที่ 2 บริเวณปากซอยวัดลาดปลาดุก ก็ได้เริ่มมีการวางท่อคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดความสูง 1 เมตรอย่างต่อเนื่องจนครบทั้งสองข้างของถนนรวมทั้งเว้นจุดที่จะสูบน้ำแล้ว พร้อมทั้งมีการเริ่มวางถุงทรายกั้นน้ำบางส่วน แต่จากระดับน้ำที่มีความสูงราว 50 - 100 ซม.ทำให้ปฏิบัติภารกิจได้ยากลำบากขึ้น
ด้านจุดที่ 3 คือบริเวณ ถ.รัตนาธิเบศร์ ทางหลักขาออกช่วงขึ้นวงแหวนแยกบางใหญ่ จนไปถึงทางลงบน ถ.กาญจนาภิเษก มุ่งหน้าสู่ อ.บางบัวทอง เจ้าหน้าที่แขวงการทางบางใหญ่ได้เริ่มนำถังยางมะตอยเก่าบรรจุถุงทรายมาวางบน ถ.รัตนาธิเบศร์ ก่อนถึงสะพานวงแหวนแล้ว พร้อมทั้งนำถุงทรายมากั้นกันน้ำซึมเข้าพื้นที่ รวมทั้งนำท่อคอนกรีตฯ มาเสริมกั้นช่วงจุดขึ้นสะพานซึ่งมีระดับน้ำลึกถึง 60 ซม. ส่วนอีกข้างก็จะใช้แผ่นปูนที่ใช้ปิดการจราจรของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง มากั้นน้ำด้านทิศเหนือพร้อมใช้ถุงทรายกั้นอีกชั้นหนึ่ง โดยหลังจากวางคันกั้นเรียบร้อยก็จะนำหินคลุกมาทำเป็นเนินความสูงราว 60 ซม.กั้นขวางช่วงจุดเริ่มวางถังยางมะตอยเพื่อไม่ให้น้ำซึมเข้ามาด้วย ส่วนทางลงของสะพานวงแหวนเจ้าหน้าที่ก็ได้เริ่มนำท่อคอนกรีตฯ มาวางไว้นำเส้นทางกั้นน้ำแล้ว โดยจะกั้นปิดเส้นทาง ถ.ตลิ่งชัน - สุพรรณบุรี ทางคู่ขนานขาออก และจะนำหินคลุกทำเป็นเนินให้รถสัญจรบริเวณทางหลักแทน โดยระดับน้ำบริเวณนี้อยู่ที่ราว 40 - 90 ซม.
ขณะที่บริเวณ ถนนทางหลวงสาย 340 ขาออก บริเวณทางแยกบางบัวทองในพื้นที่ จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ได้ทำคันดินกั้นน้ำไว้ทั้ง 2 ข้างทางแล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จในบางจุด โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้รถแบ็กโฮกว่า 10 คันขุดดินทำแนวกั้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนพื้นที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ตั้งแต่คลองเจ๊ก - แยกนพวงศ์ ขณะนี้ได้มีการวางคันดินกั้นน้ำเสร็จสิ้นแล้ว และสูบน้ำออกจนเหลือความสูงของน้ำแค่ 5 - 15 ซม. แต่บนถนนก็มีดินเลนอยู่เป็นจำนวนมากด้วย
ส่วนระดับน้ำบนถ.ตลิ่งชัน - สุพรรณบุรี ช่วงที่ไม่ได้มีการกู้ก็ยังคงมีน้ำท่วมขังอยู่ราว 5 - 30 ซม. ล่าสุด พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็ได้เดินทางโดยรถบรรทุกน้ำของกรมทางหลวงมาตรวจสอบความคืบหน้าการกู้ถนนดังกล่าวด้วยเช่นกัน
จนท.เร่งอุดรอยรั่วของน้ำที่ซึมเข้ามา
ถ.ตลิ่งชัน - สุพรรณบุรี ช่วงปากซอยวัดลาดปลาดุก
ถ.รัตนาธิเบศร์ ช่วงทางขึ้นสะพานวงแหวนแยกบางใหญ่
ถ.ตลิ่งชัน - สุพรรณบุรี ช่วงแยกบางใหญ่
ถนนทางหลวงสาย 340 ช่วงแยกบางบัวทอง
ขอบคุณข้อมูลข่าวและรูปภาพบางส่วน จาก astvผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤศจิกายน 2554 21:09 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000145950
>> พิษณุโลก <<
คนบางระกำทุกข์หนัก น้ำท่วมขัง-เจอหนาวซ้ำ
ชาวบ้าน อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ยังคงอพยพหนีน้ำ อาศัยอยู่บนถนน เดือดร้อนหนัก เผชิญอากาศหนาวซ้ำ
วันนี้ (15 พฤศจิกายน) มีรายงานข่าวว่า ที่ อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ยังมีชาวบ้านที่อพยพมาอาศัยอยู่ที่พักชั่วคราวริมถนน เนื่องจาก บ้านถูกน้ำท่วมขัง และยังคงเดือดร้อน เนื่องจาก เผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเย็น แม้ว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ ปริมาณน้ำจะลดลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติ โดย นางสังเวียน ดีอินทร์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 302/9 บ้านวังกุ่ม ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ชาวบ้านผู้อพยพรายหนึ่ง เปิดเผยว่า บ้านพักอาศัยของตน ถูกน้ำท่วมทั้งหมด ตนและครอบครัว จำนวน 6 คน จึงต้องมาอาศัยอยู่ที่พักชั่วคราว ริมถนน สายพิษณุโลก – บางระกำ มากว่า 4 เดือนแล้ว
ถึงแม้ว่า ขณะนี้หลายพื้นที่น้ำจะลดลงไปมากแล้วก็ตาม แต่ยังมีอีกหลายสิบหลังคาเรือน ที่ยังคงเผชิญกับน้ำท่วมขังอยู่ ซึ่งตอนนี้ยังคงเดือดร้อน เพราะเผชิญกับอากาศหนาวซ้ำ เพิงพักชั่วคราว ไม่สามารถต้านทานลมหนาวได้ ทำให้เริ่มมีอาการเจ็บป่วย
อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำที่ท่วมขัง เริ่มลดลงเรื่อยๆ ประกอบกับ สภาพอากาศที่แห้งและไม่มีฝนตกในพื้นที่ คาดว่า 1 สัปดาห์ จะสามารถรื้อถอนเพิงพักชั่วคราว กลับเข้าไปอยู่อาศัยในบ้านได้ตามปกติ
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก http://hilight.kapook.com/view/64783