Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 10 of 22

Thread: เกาะติดสถานการณ์น้ำท่วม พฤศจิกายน 2554

Hybrid View

  1. #1
    IAm's Avatar
    IAm is offline Trusted Member
    Join Date
    Jun 2010
    Posts
    448
    Blog Entries
    4

    28 พฤศจิกายน 2554
    ==================================================



    “ในหลวง” และ “พระราชินี” พระราชทานถุงยังชีพแก่ผู้ประสบอุทกภัยในพัทลุง

    พัทลุง - ในหลวง และ พระราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานถุงยังชีพแก่ชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยใน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง

    วันนี้ (28 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า ที่บ้านปากคลองเก่า ม.ที่ 2 ต.มะกอกเหนือ อ.ควนขนุน พ.อ.อนุวัฒน์ ธรรมจักร ผบก.กองพันทหารช่าง 402 ค่ายอภัยบริรักษ์ ได้นำถุงยังชีพพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จำนวน 200 ชุด มอบให้ชาวบ้านผู้ประสบภัยในพื้นที่บ้านปากคลองเก่า ม.ที่ 2 ต.มะกอกเหนือ และหมู่ที่ 9 ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง

    หลังจากชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าวประสบภัยน้ำท่วมมานานกว่า 7 วัน และสถานการณ์น้ำยังท่วมสูง ถนนในหมู่บ้านยังไม่สามารถใช้สัญจรผ่านไปมาได้





    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 17:32 น.
    http://www.manager.co.th/Local/ViewN...=9540000151626


    >> กรุงเทพฯ <<



    กทม.เตรียมแผน 3 ระยะดูแลเมืองกรุงให้ปลอดน้ำท่วม

    กทม.เตรียมแผนฟื้นฟู เยียวยา ป้องกันภายหลังน้ำลดเผยระยะสั้น 90 วัน เน้นดูแลจิตใจประชาชน ระยะกลางเน้นประสิทธิภาพการระบายน้ำ ส่วนระยะยาวเตรียมพัฒนาระบบลำเลียงน้ำ

    วันนี้ (28 พ.ย.) ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯ กทม. เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและการแก้ไขในพื้นที่ก ทม. ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์ฟื้นฟู เยียวยา ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554 โดย กทม.จะเร่งประสานความร่วมมือทุกภาคส่วน เพื่อฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยในทุกมิติอย่างรวดเร็ว พร้อมวางระบบบริหารจัดการน้ำท่วม และลดความสูญเสียของกทม.ในอนาคต แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ มาตรการระยะสั้น (90 วัน), มาตรการระยะปานกลาง (1 ปี) และมาตรการระยะยาว (มากกว่า 1 ปี) โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับ พร้อมกำหนดกิจกรรมและระยะเวลาในการดำเนินงานต่อไป

    **ระยะสั้นเร่งเยียวยาจิตใจประชาชน

    สำหรับมาตรการระยะสั้นจะเร่งเยียวยาประชาชนในพื้นที่ประสบภัยทั้งด้านร่างกายและจิตใจ พร้อมเร่งสำรวจข้อมูล และการจ่ายเงินชดเชยความเสียหาย สร้างโอกาสทางธุรกิจ เช่น การฝึกอาชีพ การจัดหาแหล่งงาน แหล่งเงินกู้ จัดสรรงบประมาณเร่งด่วนในการปรับปรุงทางกายภาพในพื้นที่ชุมชน พื้นที่สาธารณะ ปรับปรุงทางระบายน้ำ ภูมิทัศน์ บูรณะศาสนสถาน ซ่อมแซมโรงเรียน ดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

    **ระยะกลางเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ

    ในส่วนของมาตรการระยะปานกลาง เน้นเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำระบบคลองและแนวป้องกันน้ำท่วมที่ยังมีจุดอ่อนรองรับการระบายน้ำในปี 2555 โดยขุดลอกคลอง 2,000 แห่ง ก่อสร้างเขื่อนถาวรในแนวป้องกันน้ำท่วมที่ยังมีจุดอ่อน จัดการอุปสรรคขวางทางระบายน้ำต่างๆ พร้อมติดตั้งเครื่องเร่งผลักดันน้ำในคูคลองออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาและอ่าวไทย จัดวางระบบการประสานงานและให้มีระบบเตือนภัยให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งจัดระบบข้อมูลสารสนเทศให้ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์น้ำท่วม และให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการวางแผนฟื้นฟูเมืองและป้องกันน้ำท่วมในอนาคต

    **เตรียมพัฒนาระบบลำเลียงน้ำและระบบป้องกันน้ำท่วมในระยะยาว

    นอกจากนี้ กทม.ยังได้เตรียมแผนฟื้นฟูฯ ระยะยาวโดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพระบบการลำเลียงน้ำและระบบป้องกันน้ำท่วม เช่น อุโมงค์ และระบบระบายน้ำต่างๆ ขุดลอกคลองขนาดเล็ก-ใหญ่ พร้อมปรับปรุงกฎหมาย ผังเมือง และกำหนดมาตรการดูแลผู้ถูกรอนสิทธิ สร้างระบบฐานข้อมูลการบริหารจัดการน้ำให้รองรับการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจังหวัดใกล้เคียง

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 13:05 น.
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNew...=9540000151465

    ชาวการ์เด้นโฮมร้อง ศปภ.เร่งระบายน้ำ-ขอเครื่องสูบน้ำ

    นายอดิศักดิ์ ศรีสรรพกิจ อดีตอธิบดีกรมวิชาการส่งเสริมการเกษตร แกนนำชุมชนหหมู่บ้านการ์เด้นโฮม ได้นำชาวชุมชนยื่นหนังสือและข้อเรียกร้องต่อ ศปภ.โดยมีนายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับเรื่อง
    ชาวชุมชนการ์เด้นโฮม ยืนยันว่า ตลอดระยะเวลาที่น้ำท่วมขังกว่าเดือนเศษ ในหมู่บ้านนั้นน้ำอยู่ในระดับ 1-1.50 เมตร ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 770 หลังคาเรือน จึงอยากเรียกร้องให้ ศปภ.ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนด้วยการระบายน้ำ รวมถึงการผันน้ำให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งขอเครื่องสูบน้ำภายในหมู่บ้าน และซ่อมกำแพง เนื่องจากชาวบ้านต้องการกลับเข้าบ้านให้ได้ก่อนวันที่ 5 ธันวาคม เพื่อจัดงานวันพ่อ ซึ่งทางหมู่บ้านได้ดำเนินการมาทุกปี
    ขณะที่ นายปลอดประสพรับปากในเรื่องของเครื่องสูบน้ำ และการซ่อมกำแพง รวมถึงการเปิดประตูระบายน้ำ โดยขณะนี้ได้เปิดประตูระบายน้ำคลอง 2 มีความกว้าง 1.50 เมตร และเชื่อว่าหลังจากเร่งผันน้ำ จะทำให้ระดับน้ำภายในหมู่บ้าน และเหนือคันบิ๊กแบ็กลดระดับลง พร้อมกันนี้เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้รื้อบิ๊กแบ็กทั้งหมดภายใน 2 สัปดาห์ หลังจากการหารือผลเป็นที่น่าพอใจของทั้งสองฝ่าย โดยยังไม่รับปากกับชาวบ้านว่า จะกลับเข้าบ้านได้ก่อนวันที่ 5 ธันวาคมหรือไม่
    โดยชาวบ้าน กล่าวว่า หากการร้องเรียนในครั้งนี้ไม่เป็นผล เตรียมจะยื่นฟ้องทั้งแพ่งและอาญากับ ศปภ.และ ครม.ทั้งคณะ ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 15:54 น.
    http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000151600

    หมู่บ้านย่านดอนเมืองยังมีน้ำท่วมขังสูงครึ่งเมตร

    สถานการณ์น้ำเขตดอนเมือง แม้ว่าระดับน้ำถนนสรงประภา ถนนโกสุมรวมใจ และถนนช่างอากาศอุทิศ ลดลงแล้ว แต่น้ำที่ยังท่วมขังในหมู่บ้านและชุมชนทางเข้าหมู่บ้านย่านดอนเมือง ยังสูงกว่า 50 เซนติเมตร เช่นเดียวกับหมู่บ้านที่อยู่ย่านดอนเมืองฝั่งวิภาวดีรังสิตขาเข้า เลยฐานทัพอากาศ น้ำยังท่วมสูง ชาวบ้านกลับที่พักอาศัยไม่ได้

    ขณะที่ระดับน้ำในคลองเปรมประชากร ยังเอ่อล้นคันคลอง เป็นปัญหาในการระบายน้ำท่วมขังออกจากพื้นที่เขตดอนเมือง ชาวบ้านเรียกร้องให้ กทม.เปิดประตูระบายน้ำ อย่ากักน้ำเนื่องจากน้ำท่วมขังนานกว่า 1 เดือน
    ทั้งนี้ โรงเรียนสีกัน ยังมีน้ำท่วมขัง อุปกรณ์การเรียน เช่น คอมพิวเตอร์ สื่อการเรียนการสอน ตู้เก็บเอกสารเสียหาย ยังไม่พร้อมเปิดเทอม วันที่ 6 ธันวาคม ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ กำหนด แจ้งเลื่อนเปิดเทอมออกไปเป็นวันที่ 3 ธันวาคม
    สำหรับถนนแจ้งวัฒนะ น้ำแห้งหมดแล้ว เจ้าหน้าที่ระดมกำลังฉีดล้างทำความสะอาดเพื่อเคลียร์เส้นทาง ขณะนี้ถนนแจ้งวัฒนะเปิดใช้งานได้ตามปกติ

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 17:37 น.
    http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000151678

    ศธ.พร้อมปล่อยกู้ช่วยครูน้ำท่วมรายละไม่เกิน 3 แสนบาท เริ่ม ธ.ค.เป็นต้นไป

    ศธ.พร้อมปล่อยกู้เยียวยาครูน้ำท่วม ผ่านกองทุนหมุนเวียน และ ธ.ออมสิน-กรุงไทย ให้วงเงินเท่ากันไม่เกินรายละ 3 แสนบาท โดยส่วนกองทุนหมุนเวียนยอมปลอดหนี้ให้ 3 ปี ขณะที่ส่วนของธนาคาร 2 แห่งนั้น จ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 4 เริ่มยื่นขอกู้ตั้งเดือน ธ.ค.นี้ พร้อมกันนี้ ในวันที่ 1 ธ.ค.ศธ.จะจัดกิจกรรม 5 ธันวา ส่งทีมจิตอาสาร่วมฟื้นฟูบ้านเรือน ซ่อมแซมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และจัดหาอุปกรณ์จำเป็นมาจำหน่ายราคาถูกให้แก่ประชาชนพื้นที่ กทม.และปริมณฑล

    นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ศธ.ได้เตรียมการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อนำมาปล่อยกู้ช่วยเหลือครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ประสบภัยน้ำท่วม ได้กู้เพื่อนำเงินไปซ่อมแซมบ้าน หรือใช้จ่ายในส่วนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรก ปล่อยกู้กองทุนเงินหมุนเวียน ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ดูแล จำนวน 700 ล้านบาท ให้แก่ครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักบริหารงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) วงเงินรายละไม่เกิน 3 แสนบาท ปลอดดอกเบี้ย 3 ปี สำหรับผู้กู้รายเก่าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเช่นกันก็จะปลอดดอกเบี้ยให้ 3 ปีเช่นกัน

    ส่วนที่สอง ปล่อยกู้ในส่วนของธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน วงเงิน 2,000 ล้านบาท สำหรับผู้กู้รายใหม่ไม่เกิน 3 แสนบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ส่วนผู้กู้รายเก่าของทั้ง 2 ธนาคารก็จะได้รับการขยายวงเงินกู้เพิ่มตามศักยภาพแต่ไม่เกิน 3 แสนบาท ซึ่งในส่วนนี้กำหนดระยะเวลาผ่อนชำระ 8 ปี อย่างไรก็ตาม ครูที่เดือดร้อนสามารถทะยอยยื่นเรื่องขอกู้ยืมได้ในเดือน ธ.ค.นี้

    นายวรวัจน์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในวันที่ 1 ธ.ค.2554 ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ศธ.จะจัดกิจกรรม 5 ธันวา รวบรวมจิตอาสาทั่วประเทศประมาณ 15,000 คน มาร่วมกันลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ กทม. และปริมณฑลที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและน้ำลดแล้วในการทำความสะอาดบ้านเรือน ที่พัก ซ่อมแซมเครื่อใช้ไฟฟ้า ขจัดเชื้อรา ฉีดยาฆ่ายุง โดยจะจัดส่งทีมศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน หรือ Fix it center ออกหน่วยเคลื่อนที่ไปให้บริการ รวมถึงส่วนของวิทยาลัยเกษตร จะร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำการฟื้นฟูดิน เพาะพันธุ์พืชในพื้นที่การเกษตร นอกจากนี้ จะจัดหาอุปกรณ์ที่จำเป็นใช้การซ่อมแซมบ้าน หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาจำหน่ายในราคาถูกด้วย

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 18:20 น.
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNew...=9540000151711

    ชาวแจ้งวัฒนะ 14 รวมตัวปากซอย จี้ ศปภ.เร่งระบายน้ำออก

    ชาวบ้านในซอยแจ้งวัฒะ 14 เริ่มรวมตัวบริเวณปากซอยยื่นข้อเสนอ ศปภ.ช่วยระบายน้ำท่วมให้แห้งภายใน 3 วัน ชี้ท่วมขังเป็นเดือนสูง 60-70 ซม.ไม่มีหน่วยงานใดช่วยเหลือ แถมน้ำเน่า ยุงชุม ยันหากไม่ส่งตัวแทนรับเรื่องจะเคลื่อนไหวต่อ





























    วันนี้ (28 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในซอยแจ้งวัฒนะ 14 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม.ที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมขังมานานนับเดือน ได้เดินทางมารวมตัวกันที่ปากซอย ใกล้ๆ กับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เพื่อเรียกร้องให้ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) เร่งดำเนินการสูบน้ำออกจากซอยให้แห้งภายใน 3 วัน และหากยังไม่มีตัวแทนจากภาครัฐเข้ามารับเรื่องจะมีมาตรการเคลื่อนไหวต่อไป ล่าสุดการชุมนุมของกลุ่มชาวบ้านยังเป็นไปด้วยความสงบ ยังไม่มีการปิดถนนแต่อย่างใด

    ด้าน นายสมเดช แจ้งประสิทธิ์ แกนนำชาวบ้าน เปิดเผยว่า ภายในซอยแจ้งวัฒนะ 14 มีชุมชนขนาดใหญ่ 6-7 หมู่บ้าน ถูกน้ำท่วมขังมา 1 เดือนกว่าแล้ว ระดับความสูง 60-70 ซม.ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแลชาวบ้านอยู่กันอย่างลำบาก เพราะน้ำเน่ายุงชุมมาก จึงมีความเห็นร่วมกันว่าต้องมารวมตัวกันที่ปากซอยแจ้งวัฒนะ14 เช้าวันนี้ เพื่อให้ทาง ศปภ.ส่งตัวแทนเข้ามารับเรื่องร้องเรียนของชาวบ้าน หากไม่มีใครออกมารับเรื่องจะกำหนดมาตรการเคลื่อนไหวต่อไป

    จี้เปิดประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์ 1.5 เมตร ผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ รุดเจรจา

    หลังจากเมื่อคืนนี้เวลา 22.30 น. มีประชาชน 30-40 คน เดินทางชุมนุมที่ประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์ เพื่อเรียกร้องให้เปิดประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ 1.50 เมตร โดยอ้างว่าได้รับหนังสือคำสั่งมาจากทาง ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม (ศปภ. ) ที่ได้ให้กรุงเทพมหานครเปิดประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ ช่วงวัดหนองใหญ่ที่ระดับ 1.50 เมตร จากเดิมที่เปิดอยู่ระดับ 1 เมตร และจากการเปิดเผยของพ.ต.ท.สุรพล รื่นสุข รอง ผกก.ปป.สน.คันนายาว ว่าทางชาวบ้านได้ทำการเปิดประตูระบายน้ำกันเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยไม่ได้เกิดเหตุวุ่นวายแต่อย่างใด

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ ( 28 พ.ย.) เวลา 08.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (กทม.) จะลงพื้นที่ไปยังสำนักเขตสายไหมเพื่อตรวจสอบและเจรจากับชาวบ้าน

    ขอบคุณข้อมูลข่าวและรูปภาพบางส่วนจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 19:03 น.
    http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000151325

    "รศ.เสรี" ชี้ลำลูกกาจมน้ำนาน ต้องเปิดบิ๊กแบ็ก เพิ่มสูบ ทอยน้ำออกคลองหกวาฯ

    หมู่บ้านการ์เด้นท์โฮม หมู่บ้านเสมาฟ้าคราม ลำลูกกา อ่วม ปล่อยตามยถากรรมน้ำจะท่วมขังอีก 24 วัน ต้องเปิดบิ๊กแบ็กช่วย ทะลวงคลองสองเร่งระบายน้ำให้หมดใน 10 วัน แนะปตร.พระยาสุเรนทร์ ไม่ต้องเปิดเพิ่ม ให้ทอยน้ำออกปลายคลองหกวาสายล่างแทนชดเชยได้

    เมื่อเวลา 20.30 น. รศ.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ภาพรวมวันนี้(28 พ.ย.) น้ำทะเลยังหนุนสูงอยู่อีก 2 วัน หลังจากวันที่ 1 ธ.ค.น้ำทะเลจะหนุนต่ำลง จะทำให้การระบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาลงทะเลได้รวดเร็วมากขึ้น

    ในวันนี้(28 พ.ย.) ได้ไปตรวจสถานการณ์น้ำที่ ถนนสายไหม ถนนสุขาภิบาล 5 และถนนลำลูกกา โดยถนนสายไหม และสุขาภิบาล 5 สถานการณ์เบาลง น้ำในคลองหกวาล่างลดลง ส่วนที่ลำลูกกา น้ำยังลดลงไม่มากประมาณ 20 ซ.ม. แต่ยังท่วมสูงอยู่ หมู่บ้านเสมาฟ้าครามยังหนักมาก และส่วนใหญ่เป็นบ้านชั้นเดียว รัฐบาลจะต้องตอบคำถามชาวบ้านว่าเมื่อไรเขาจะกลับมาอยู่บ้านได้ ที่ถนนลำลูกกา การระบายยังเป็นปัญหา เนื่องจากอาศัยคลองสอง คลองหกวาสายล่าง และคลองพระยาสุเรนทร์ เป็นทางระบายน้ำ ซึ่งมีข้อจำกัดระบายน้ำได้ช้า เช่นคลองพระยาสุเรนทร์มีความยาวถึง 16 ก.ม.

    ในพื้นที่หมู่บ้านเสมาฟ้าคราม มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 48 ล้านลูกบาศก์เมตร มีหนทางระบายน้ำ 4 ทาง คือ ระบายน้ำออกผ่านแนวกระสอบทรายยักษ์ หรือ บิ๊กแบ็กซึ่งสามารถเปิดบิ๊กแบ็กเพิ่มได้, การระบายออกทางคลองสอง ยังเป็นอุปสรรค ระบายไม่ค่อยไป, การระบายผ่านคลองหกวาสายล่าง น้ำก็ยังระบายไม่ค่อยไป, และการระบายผ่านคลองพระยาสุเรนทร์ ก็ระบายได้ช้า ทำให้ปริมาณที่ท่วมขังทั้งหมด 48 ล้านลบ.ม. ซึ่งในพื้นที่นี้ระบายออกได้วันละ 2 ล้านลบ.ม. จะต้องใช้เวลา 24 วันจึงจะระบายได้หมด

    สำหรับความเป็นห่วงปริมาณน้ำเหนือที่จะเข้ามาเติม ปริมาณน้ำในบล็อคบนเหนือคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ขึ้นไปทางถนนพหลโยธิน ทางอ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำท่วมขัง 120 ล้านลบ.ม. โดยน้ำจะไหลเติมลงมาที่คลองหนึ่ง ซึ่งคลองรังสิตฯจะสกัดน้ำไว้ ถ้าน้ำในคลองรังสิตฯต่ำกว่าคันกั้นก็จะไม่มีน้ำใหม่เติมเข้ามา

    ดังนั้น ปริมาณน้ำ 48 ล้านลบ.ม. จะใช้เวลาะบายน้ำกว่า 20 วัน ถ้าไม่มีน้ำเติมเข้ามา ในพื้นที่หมู่บ้านการ์เด้นท์โฮม หมู่บ้านเสามาฟ้าคราม จะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ ต้องเร่งเพิ่มการสูบน้ำ สูบออกให้หมดใน 10 วัน แนวบิ๊กแบ็กจะต้องเปิดให้มากขึ้น เพราะน้ำเหนือไม่เติมลงมาแล้ว ส่วนที่คลองสอง คลองพระยาสุเรนทร์ ต้องเพิ่มการระบายน้ำ

    สำหรับการเปิดประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์นั้น ถ้าเปิดประตูเพิ่มจาก 1 เมตร เป็น 1.50 เมตร ก็จะกระทบถนนสุขาภิบาล 5 ควรจะแก้ปัญหาโดยการไปทอยน้ำที่หกวาสายล่าง ให้ออกไปทางตะวันออกให้มากขึ้น ก็ทำให้ไม่จำเป็นต้องเปิดประตูระบายน้ำเพิ่ม

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 21:11 น.
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNew...=9540000151767

    ศธ.เล็งเลื่อนเปิดเทอม ร.ร.ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล พร้อม ร.ร.กทม.13 ธ.ค.นี้

    ศธ.จ่อเลื่อนเปิดเทอมอีก 1 สัปดาห์เฉพาะ ร.ร.ใน กทม./ปริมณฑล ที่ยังน้ำไม่ลด ขยับไปเปิดวันที่ 13 ธ.ค.พร้อม ร.ร.ใน กทม.ส่งผลเลื่อนวันสอบ O-Net ป.6 และ ม.3 ขยับออกไปอีก 2 สัปดาห์ รมว.ศธ.แจง เพื่อไม่ให้เหลือเวลาเรียนกระชั้นเกินไป จนต้องมาสอนชดเชยวันเสาร์-อาทิตย์ ย้ำ นโยบาย ศธ.ไม่ยอมให้เด็กเรียน 7 วัน หวั่นทำเด็กเหนื่อยและเครียดเกินไป

    นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ศธ.เตรียมแผนสำรองรองรับไว้เผื่อกรณีที่มีโรงเรียนจำนวนหนึ่งไม่สามารถเปิดภาคเรียนในวันที่ 6 ธ.ค. ได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จำเป็นต้องเลื่อนกำหนดการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) อีกรอบ รวมถึงต้องเลื่อนปฏิทินรับนักเรียนออกไปด้วย อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ต้องมีแผนสำรองไว้ เพราะจากการประเมินเบื้องต้นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) คาดว่า จะมีโรงเรียนจำนวนหนึ่งใน กทม. นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม หรือแม้แต่ในจังหวัดรอบนอก ไม่สามารถเปิดภาคเรียนได้ภายในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ ซึ่งในวันที่ 29 พ.ย.นี้ สพฐ.จะรายงานข้อมูลที่ชัดเจนมาอีกครั้ง ว่า มีโรงเรียนใดบ้างที่ต้องเลื่อนเปิดภาคเรียนออกไปอีก ทั้งนี้ โรงเรียนกลุ่มนี้มีแนวโน้มจะเลื่อนเปิดภาคเรียนออกไปอีก 1 สัปดาห์ เปิดวันที่ 13 ธ.ค.แทน แต่โรงเรียนอื่นที่น้ำลด มีความพร้อมเพียงพอแล้วให้เปิดภาคเรียนวันที่ 6 ธ.ค.ตามเดิม

    รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ได้หารือเบื้องต้นว่า เมื่อโรงเรียนจำนวนหนึ่งจำเป็นต้องเปิดภาคเรียนหลังวันที่ 6 ธ.ค. แล้ว ก็จำเป็นต้องเลื่อนวันสอบ O-Net ระดับชั้นประถมศึกษาที่ 6 และ มัธยมศึกษาที่ 3 อีกรอบ ซึ่งจากเดิมได้เลื่อนไปแล้ว 1 ครั้ง โดยนักเรียนชั้น ป.6 เดิมสอบวันที่ 1 ก.พ.2555 เลื่อนเป็นวันที่ 15 ก.พ.2555 นักเรียนชั้น ม.3 เดิมสอบวันที่ 2-3 ก.พ.2555 เลื่อนเป็นวันที่ 16-17 ก.พ.2555 และประกาศผลสอบวันที่ 31 มี.ค.2555 ส่วน นักเรียนชั้น ม.6 ให้สอบตามปฏิทินเดิม คือ วันที่ 18-19 ก.พ.55 และประกาศผลสอบวันที่ 10 เม.ย. 2555

    อย่างไรก็ตาม ได้มอบให้ รศ.ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) และ สพฐ.ไปหารือกันในเรื่องนี้ แต่มีแนวโน้ม อาจขยับวันสอบออกไปอีก 2 สัปดาห์ เพื่อให้โรงเรียนส่วนใหญ่มีเวลาจัดการเรียนการสอนได้โดยไม่ต้องสอนชดเชยในวันเสาร์และอาทิตย์ นโยบายของ ศธ.ชัดเจนว่า อยากให้โรงเรียนสอนชดเชยเฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ หากจำเป็นจริงๆ จึงค่อยสอนชดเชยในวันเสาร์ แต่จะไม่ให้เรียน 7 วันตั้งแต่จันทร์-อาทิตย์ เพราะจะทำให้เด็กเหนื่อยเกินไปและเป็นการสร้างความเครียดให้ทั้งเด็กและผู้ปกครอง

    “ ถ้าเลื่อนวันสอบO-Net ออกไปอีก 2 สัปดาห์ จะมีเวลาเหลือเพียงพอให้โรงเรียนที่เปิดภาคเรียนในวันที่ 13 ธ.ค.จัดการเรียนการสอนได้จบครบหลักสูตรโดยอาศัยแค่การสอนชดเชยในวันปกติ ไม่ต้องสอนชดเชยในวันเสาร์ ยกเว้นโรงเรียนที่น้ำท่วมหนัก จำเป็นต้องเลื่อนเปิดเทอมออกไปมาก อาจต้องสอนชดเชยในวันเสาร์ตามความจำเป็น แต่จะไม่ให้สอนชดเชยในวันอาทิตย์เด็ดขาด เมื่อเลื่อนวันเปิดภาคเรียนออกไปแล้ว ก็จำเป็นต้องเลื่อนสอบ O-Net และต้องเลื่อนปฏิทินรับนักเรียนของ สพฐ.ออกไปด้วย ทั้งนี้ กำหนดการสอบ O-Net ที่แน่นอน จะสามารถประกาศได้ เมื่อผ่านความเห็นชอบจากบอร์ด สทศ.ก่อน จากนั้น สพฐ.ก็จะสามารถประกาศปฏิทินรับนักเรียนใหม่” นายวรวัจน์ กล่าว

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 18:06น.
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNew...d3%b7%e8%c7%c1


    >> นนทบุรี <<


    กรมชลฯ มั่นใจเมืองนนท์น้ำลดก่อนสิ้นปีนี้

    นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงแผนการเร่งระบายน้ำในพื้นที่ จ.นนทบุรี แบ่งพื้นที่การระบายน้ำออกเป็น 29 บล็อก ว่า กรมชลประทานเร่งระบายน้ำในพื้นที่วิกฤต ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เช่น อ.บางกรวย บางใหญ่ บางบัวทอง ส่งผลให้ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยระบายน้ำทั้ง 29 บล็อก ลงคลองพระพิมล คลองพระยาบรรลือ คลองมหาสวัสดิ์ คลองบางกรวย คลองบางบัวทอง ถนนกาญจนาภิเษก เพื่อระบายน้ำออกแม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะนี้เร่งสูบน้ำในหมู่บ้านชลลดา ทั้งหมู่ 1 และ หมู่ 2 อ.บางใหญ่ ซอยประมวลสุข หมู่บ้านธนากร 2 และ 4 ออกไปยังคลองบางกอกน้อย บางกรวย-ไทรน้อย ต.บางไผ่ ต.บางศรีทอง ทั้งนี้ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำใต้สะพานพระราม 5 ฝั่งวัดนครอินทร์ อ.เมือง
    ด้านเทศบาล อ.เมืองปทุมธานี และเทศบาลนครรังสิต จ.ปทุมธานี เร่งระดมสูบน้ำ โดยใช้เครื่องสูบน้ำ จำนวน 10 เครื่อง โดยเฉพาะหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี และตลาดรังสิต ส่วนหมู่บ้านเมืองเอก อยู่ระหว่างการหาแนวทางระบายน้ำที่เหมาะสม เนื่องจากปริมาณน้ำท่วมขังสูงมาก โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำบริเวณประตูระบายน้ำคลองเปรมใต้ และประตูระบายน้ำจุฬา เพื่อระบายลงคลองรังสิต ออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เชื่อว่าช่วยปริมาณน้ำในเมืองเอกลดระดับลงเช่นเดียวกับพื้นที่เขตสายไหม คาดว่ามีโอกาสเป็นไปได้ ภายในเดือนธันวาคม จะมีพื้นที่น้ำลดมากขึ้

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 16:42 น.
    http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...b7%ba%d8%c3%d5

    >> นครปฐม <<


    ถ.เพชรเกษม มุ่งหน้านครปฐมระดับน้ำลดลงเกือบหมด

    ตลอดเส้นทางถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าไป จ.นครปฐม ระดับน้ำได้ลดลงจนเกือบแห้ง 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว มีเพียงบางจุดที่มีน้ำขังอยู่แต่น้อยมาก โดยขณะนี้สำนักการโยธากรุงเทพมหานคร และสำนักงานเขตบางแค ได้ระดมเจ้าหน้าที่มาเร่งปรับปรุงซ่อมผิวการจราจร และเก็บขยะจำนวนมากที่กองอยู่ริมถนน แต่จุดที่ยังมีปัญหาน้ำท่วมขังอยู่คือ หมู่บ้านเศรษฐกิจ
    ซึ่งวันนี้มีชาวบ้านกว่า 50 คน มารวมตัวกันเรียกร้องให้หน่วยงานราชการเข้ามาดูแล เพราะถูกน้ำท่วมขังมานานกว่าเดือนแล้ว และไม่สามารถประกอบอาชีพได้เหมือนกับจุดอื่นภายในเขตเดียวกัน และยังมีสัตว์มีพิษจำนวนมาก
    ผู้อำนวยการเขตบางแค เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่โดยรวมคลี่คลายลงมาก จุดที่เป็นห่วงคือ หมู่บ้านเศรษฐกิจที่มีน้ำท่วมสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ซึ่งทางเขตได้ไปทำสะพานไม้ไว้ให้ เพื่อใช้เดินทางเข้าออกภายในหมู่บ้าน และฝากถึงประชาชนในพื้นที่ขอให้ใจเย็นๆ สถานการณ์น้ำกำลังคลี่คลาย รวมทั้งเรื่องปัญหาซึ่งกำลังเร่งเก็บอยู่ จากเดิมวันละ 1-2 เที่ยว เพิ่มเป็น 4 เที่ยวต่อวันแล้ว เนื่องจากเขตบางแคเป็นพื้นที่ใหญ่ทำให้มีขยะมาก และยังพบว่าเป็นขยะใหญ่จากเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านที่ถูกน้ำท่วม ไม่สามารถใช้แรงงานคนได้ ต้องใช้รถยกมาช่วย และขอบคุณประชาชนที่ช่วยวางขยะเป็นจุด ทำให้ง่ายต่อการขนย้าย

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 16:51 น.
    http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...a4%c3%bb%b0%c1

    สสจ.นครปฐมลั่นฆ้องฟื้นฟูคืนสุขภาพดีให้ประชาชนหลังน้ำลด

    นครปฐม - สสจ.เมืองเจดีย์ใหญ่ รณรงค์ประชาชนฟื้นฟูบางส่วนหลังน้ำลด แนะวิธีใช้อีเอ็มแก้ปัญหาส้วมตันส้วมเหม็น รณรงค์ 6 กิจกรรม ได้แก่ “น้ำลด ล้างลดโรค บริโภคปลอดภัย พาหะร้ายเร่งกำจัด บำบัดด้วยอีเอ็ม จัดเต็มบริการ รักษาพยาบาลฟื้นฟู”

    วันนี้ (28 พ.ย.) ดร.นพ.ถวัลย์ พบลาภ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นครปฐม ได้จัดการดีเดย์ วันครบรอบสถาปนากระทรวงสาธารณสุข เปิดกิจกรรมรณรงค์ “รวมพลังคืนสุขภาพดีสู่พี่น้องจังหวัดนครปฐม” ที่ตลาด-บางหลวง ร.ศ.112 ระดมภาคีเครือข่ายเข้าร่วมรณรงค์ 6 กิจกรรมหลักลดโรค ได้แก่ การทำความสะอาดอาคารบ้านเรือน ตรวจสอบสารปนเปื้อนในน้ำและอาหาร การกำจัดสัตว์และแมลงนำโรค การบำบัดน้ำเสียด้วยสารอีเอ็ม แนะการฟื้นฟูสุขภาพกาย-สุขภาพจิตหลังน้ำลด และการตรวจรักษาพยาบาล

    “สถานการณ์น้ำจังหวัดนครปฐมเริ่มคลี่คลาย จึงเชิญชวนประชาชนร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรภาคีเครือข่ายอาสาสมัครต่างๆ ฟื้นฟูและดูแลให้พี่น้องทุกคนกลับเข้าสู่บ้านอย่างปกติสุข มีสุขภาพดี และในสภาพแวดล้อมที่ไม่ก่อให้เกิดโรคหลังผ่านช่วงเวลาที่วิกฤตอุทกภัย สิ่งแรกที่ต้องทำ คือตั้งสติ

    ส่วนผู้ที่มีภาวะเสี่ยง เช่น ผู้มีโรคเรื้อรัง คนพิการ คนชราควรพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพอย่างละเอียด การดูแลจิตใจให้พูดคุยปรึกษากัน สังเกตอาการคนในครอบครัวหากเครียด ซึมเศร้านอนไม่หลับควรพบแพทย์

    จากนั้นต้องฟื้นฟูอาคารที่พักอาศัย ขัดล้างทำความสะอาดกำจัดเชื้อโรค โดยนอกจากเชื้อโรคที่มากับน้ำอาจมีสารเคมี เชื้อราจึงต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันตนเอง สิ่งของที่ไม่สามารถกำจัดเชื้อโรคได้หมดควรตัดใจทิ้ง เสื้อผ้า จานชาม ต้องซักทำความสะอาดใหม่ เปิดบ้านให้มีลมระบายอากาศ น้ำกิน-น้ำใช้ ต้องสำรวจร่องรอยแตกรั่ว และคุณภาพน้ำว่ามีตะกอนหรือไม่

    หากไม่มั่นใจควรปรับปรุงคุณภาพน้ำก่อนใช้ด้วยวิธีง่ายๆ เช่น การแกว่งสารส้ม ส่วนน้ำกินหลังน้ำลดควรดื่มน้ำที่มั่นใจว่าสะอาด หรือควรดื่มต้มสุก ห้องน้ำห้องส้วมในบ้านเรือน เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องดูแล เนื่องจากเป็นแหล่งรองรับสิ่งขับถ่าย คาดว่าจะได้รับความเสียหายไม่ต่ำกว่า 2 ล้านครัวเรือน

    ปัญหาที่พบ คือ ส้วมอุดตัน ราดน้ำไม่ลง ส้วมเต็ม เพราะน้ำเข้าไปท่วม มีกลิ่นเหม็น แนะนำให้ขัดทำความสะอาดและใช้อีเอ็ม ชนิดน้ำหรือชนิดผงละลายน้ำราดลงในโถส้วม เพื่อให้จุลินทรีย์ไปย่อยสลายสิ่งสกปรกที่อยู่ในส้วม กลิ่นจะลดลงเห็นผลภายใน 1-2 วัน ไม่ควรใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ หรือน้ำยาดับกลิ่นราดลงในโถส้วมเนื่องจากสารเคมีจะไปทำลายจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ทำให้การย่อยสลายช้าและไม่ได้ผล

    ขยะเก็บรวบรวมกำจัด อีกทั้งการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดที่จมน้ำควรทำโดยช่างและตัดวงจรไฟฟ้าก่อน จนกว่าจะแน่ใจว่าปลอดภัย การซ่อมโครงสร้างบ้านที่เสียหาย และการตรวจสอบท่อแก๊สว่าปลอดภัยก่อนใช้งาน

    ดร.นพ.ถวัลย์ กล่าวถึงการดูแลสุขภาพผู้ประสบภัยที่ผ่านมา ว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐมได้จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการ ศูนย์พักพิงต่างๆ จนถึงวันนี้พบผู้ป่วยจากน้ำท่วมรวม 68,381 ราย อาการไม่รุนแรง ส่วนใหญ่เป็นโรคน้ำกัดเท้า ไข้หวัด ปวดเมื่อย ผื่นคัน โรคเรื้อรัง และเครียด แต่ยังไม่พบปัญหาการแพร่ระบาดของโรคฉี่หนู

    ส่วนการดูแลสุขภาพจิต ได้ตรวจคัดกรองผู้ประสบภัยและประชาชนทั่วไปแล้ว 12,032 คน พบผู้มีความเครียด ร้อยละ 8 พบผู้ที่มีอารมณ์ซึมเศร้า คิดเป็นร้อยละ 6 พบผู้ที่มีความเสี่ยงฆ่าตัวตาย ร้อยละ 2 ผู้ประสบภัยที่ต้องติดตามดูแลพิเศษเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะดูแลอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะกลับคืนสู่ภาวะปกติ

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 17:19 น.
    http://www.manager.co.th/Local/ViewN...a4%c3%bb%b0%c1

    >> พระนครศรีอยุธยา <<


    หลายกิจการในนิคมฯ โรจนะทยอยเลิกจ้างแรงงาน

    นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา ขณะนี้กลับเข้าสู่สภาพปกติ พบว่าโรงงานถูกน้ำท่วมเสียหายจำนวนมาก ต้องใช้เวลาฟื้นฟูให้กลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง ทำให้โรงงานหลายแห่งตัดสินใจปลดพนักงานแล้วหลายแห่ง บางโรงงานย้ายฐานการผลิตไปที่อื่น เช่น บริษัทนิคอน แห่งประเทศไทย และบริษัทเอ็มเอ็นบี พบว่ามีโรงงานขนาดใหญ่แห่งหนึ่งเตรียมปลดพนักงาน 2,000 คน หลังจากปลดพนักงานแล้วกว่า 500 คน

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 11:59 น.
    http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...2%d8%b8%c2%d2+

    กรมศิลป์เร่งสูบน้ำออกจากวัดไชยวัฒนาราม

    แม่น้ำเจ้าพระยา ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ลดลงต่อเนื่อง ทำให้การสูบน้ำออกจากโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม สะดวกขึ้น วันนี้พบว่าการสูบน้ำออกเกือบแห้ง เหลือเพียงพื้นสนามหญ้าชั้นล่างที่ยังท่วมสูง 60 เซนติเมตร เจ้าหน้าที่กรมศิลปากา ยังต้องเลี้ยงระดับน้ำนี้ไว้ เพื่อไม่ให้ตัวโบราณสถานเสียหาย หากสูบน้ำแห้งทั้งหมด กลัวว่าโบราณสถานจะทรุดตัวได้

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 12:46 น.
    http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...2%d8%b8%c2%d2+

    พิษน้ำท่วมกรุงเก่าประเดิมตกงานล็อตแรก รง.จ้างพนักงานออก 1,700 คน

    พระนครศรีอยุธยา - ประเดิมน้ำท่วมพระนครศรีอยุธยา 2 โรงงาน ลงขันเลิกจ้างพนักงานกว่า 1,700 คน อีก 59 บริษัทระส่ำ ทยอยจ้างออกเพิ่มอีกกว่า 4,000 คน


    วันนี้ (28 พ.ย.) พนักงานบริษัท มินอิก เทคโนโลยี ประเทศไทย จำกัด และพนักงานบริษัท เอ็มยูเทคโนโลยี ประเทศไทย จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา 1,723 คน ทยอยเข้าแถว เพื่อรับเงินชดเชยจากทางบริษัท หลังจากทั้ง 2 บริษัท เลิกจ้างพนักงาน เนื่องมาจากสภาพปัญหาน้ำท่วมในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จนไม่สามารถเปิดการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ส่งต่อให้กับบริษัทแม่ที่อยู่ในเมืองไทย และมาเลเซีย ได้ ทั้งนี้ พนักงานที่ถูกเลิกจ้างจะมีทั้งพนักงานทั้งที่เป็นพนักงานรายวัน และพนักงานประจำ

    นางวาณี อินทกูลอายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37/3 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พระนครศรีอยูธยา พนักงานบริษัท มินอิก เทคโนโลยี ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ก่อนที่จะมีการเลิกจ้าง ทางบริษัทฯ ไม่เคยแจ้งให้พนักงานทั้งหมดทราบล่วงหน้า ซึ่งการบอกเลิกจ้างทางบริษัทจะต้องแจ้งก่อนล่วงหน้า

    นอกจากนี้ น้ำท่วมที่ผ่านมา ทางบริษัทอ้างว่าขาดทุน และไม่มีแผนที่ชัดเจนให้กับพนักงาน ว่า จะเปิดการผลิตเมื่อใด อย่างไรก็ตาม ยังมีการฝากไปยังรัฐบาล หาทางแก้ปัญหาแรงงานตกงานหลังจากนี้ ไม่ใช่ออกมาพูดในลักษณะนโยบาย ซึ่งจะต้องมีการทำงานทันที

    สำหรับการจ่ายเงินชดเชยวันนี้ ทางบริษัทจ่ายเป็นเช็คให้กับพนักงาน 1,723 คน รวมเป็นเงิน 62 ล้านบาท โดยล่าสุดจากการตรวจสอบผู้ประกันตนกรณีว่างงานที่ขึ้นทะเบียน ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม - 25 พฤศจิกายน 2554 กับทางสำนักงานจัดหางานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีจำนวน 58 แห่ง รวมผู้ว่างงาน 4,047 คน

    ส่วน นางอุไรวรรณ ทาสะอาด อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นพนักงานซับคอนเทคของบริษัท เวิร์ล เอเชีย เป็นบริษัทที่รับงานมาจากบริษัท มินอิก บอกว่ายังไม่มีความชัดเจนที่บริษัทจะจ่ายเงินให้กับพนักงานบริษัทซับคอนเทค

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 17:59 น.
    http://www.manager.co.th/Local/ViewN...2%d8%b8%c2%d2+

    >> ภาคใต้ <<



    สบส.เร่งทำแผนฟื้นฟูหลังน้ำลด พร้อมส่งทีมดูแลสถานบริการภาคใต้

    สบส.เร่งทำแผนฟื้นฟูหลังน้ำลด เผยเครื่องมือแพทย์ชุดใหญ่เสียหายหนักสุด น้อมรับนโยบาย สธ.เดินหน้าซ่อมบำรุง พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ดูแลภาคใต้ หวั่นกระทบหนัก

    นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวถึงแผนการฟื้นฟูสถานบริการสาธารณสุขหลังน้ำลดว่า สำหรับแผนการฟื้นฟูนั้นจะเน้นที่การสนับสนุนอุปกรณ์ปั่นไฟ และเครื่องอำนวยความสะดวกด้านอื่นๆ เช่น เครื่องซักผ้า ตู้เก็บของ ซึ่งเป็นเครื่องมือขนาดใหญ่ที่เคลื่อนย้ายยากจึงได้รับความเสียหายมากที่สุด และกสรสร้างกำแพงโรงพยาบาล (รพ.) บางส่วน ที่พังทลายและเสียหายจากมวลน้ำ ซึ่ง รพ.พระนครศรีอยุธยานั้นได้รับความเสียหายมากที่่สุด สส่วนเครื่องมือแพทย์อื่นๆ นั้นสามารถขนย้ายได้ทัน ยังมีบางส่วนเท่านั้นที่เสียหาย ส่วนมากจะเป็นในโรงพยาบาลขนาดเล็กซึ่งมีเครื่องมือแพทย์สำรองบางส่วนแล้ว เช่น ชุดตรวจสุขภาพ เครื่องมือวัดต่างๆ เป็นต้น

    นพ.สมชัยกล่าวว่า หลังจากน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคกลาง รวมทั้ง กทม.บางส่วนสถานการณ์น้ำเริ่มลดลงแล้ว สบส.จะเร่งดำเนินการซ่อมบำรุงพื้นที่ให้บริการเพื่อให้กลับมาบริการได้ 100% โดยเร็วที่สุดตาม นโยบายของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รวมทั้งกำหนดแผนยุทธศาสตร์ในการป้องกันภัยพิบัติครั้งหน้าด้วย ทั้งอุทกภัย วาตภัย และแผ่นดินไหว ระหว่างที่พื้นที่ภาคเหนือ และภาคกลางอยู่ระหว่างการฟื้นฟูนั้น สบส.ยังมีการส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจความเสียหายที่พื้นที่ภาคใต้ในทุกจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมจากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย เพื่อจะได้ดำเนินการป้องกันสถานบริการในพื้นที่ให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 10:45 น.
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNew...2%d8%b8%c2%d2+

    ศอส.สรุปน้ำท่วมภาคใต้-ประกาศภัยพิบัติแล้ว 6 จว.

    ศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศอส. สรุปสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ว่า มีพื้นที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพัทลุง ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช นราธิวาส และสงขลา
    ส่วนจังหวัดยะลา มีฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มในพื้นที่ 5 อำเภอ ขณะที่สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ตอนบนของประเทศไทย 16 จังหวัด ยังมีอยู่


    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 17:11 น.
    http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...d3%b7%e8%c7%c1

    >> ปัตตานี <<


    น้ำท่วมปัตตานีคงที่เตรียมรับมือมรสุมอีกครั้ง 1 ธ.ค.นี้

    ปัตตานี - สถานการณ์น้ำท่วมในปัตตานีเริ่มคงที่ แต่ทางจังหวัดประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติทั้ง 12 อำเภอ เพื่อจะได้ดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบราชการได้อย่างสะดวก ส่วนภายในเขตเทศบาลเร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่ม เผย 1 ธ.ค.นี้ เตรียมรับมือมรสุมอีกครั้ง



    วันนี้ (28 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปัตตานี ว่าสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดปัตตานีวันนี้เริ่มคงที่ เนื่องจากฝนได้หยุดตก แต่ยังคงได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลที่หนุนสูงในระยะนี้ ประกอบกับยังต้องระบายน้ำจากที่สูงเพื่อไหลออกสู่ทะเล ส่งผลให้สถานการณ์น้ำท่วมไม่ขยายวงกว้างแต่ยังคงมีหลายตำบลที่เป็นทางผ่านแม่น้ำปัตตานี และแม่น้ำสายบุรี มีน้ำท่วมขังสูงในบางตำบลที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ทั้งใน อ.เมือง อ.กะพ้อ อ.หนองจิก อ.ยะหริ่ง อ.สายบุรี แต่สถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เพราะฝนได้หยุดตกแล้ว

    จากสถานการณ์น้ำที่ยังคงท่วมในหลายตำบลแม้จะไม่รุนแรง ในวันนี้ทางจังหวัดปัตตานีได้ประกาศให้ทั้ง 12 อำเภอ จำนวน 60 ตำบล 247 หมู่บ้านของ จ.ปัตตานี เป็นพื้นที่ประสบอุทกภัยทั้งจังหวัด เพื่อความสะดวกของส่วนราชการในการให้การช่วยเหลือตามระเบียบราชการแก่ประชาชนได้ได้อย่างทันท่วงที ซึ่งคาดว่า จ.ปัตตานี ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำอีกระยะหนึ่งจากภาวะน้ำทะเลหนุนตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสิ้นเดือน และจะได้รับผลกระทบจากฝนตกนักจากอิทธิพลของลมมรสุมอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 1ธันวาคมนี้

    อย่างไรก็ตาม น้ำทะเลหนุนสูงระยะนี้ส่งผลต่อการระบายน้ำของแม่น้ำปัตตานีที่ไหลผ่าน อ.เมืองปัตตานี เพื่อออกสู่ปากอ่าวปัตตานี ทางเทศบาลเมืองปัตตานีจึงได้เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม เพื่อเร่งระบายน้ำและป้องกันน้ำไหลย้อนกลับเข้าท่วมพื้นที่ในเขตเมือง

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 14:57 น.
    http://www.manager.co.th/Local/ViewN...=9540000151540

    >> นราธิวาส <<


    นราฯ ประกาศเตือนประชาชนระวังอุบัติเหตุช่วงน้ำท่วม

    นราธิวาส - จังหวัดนราธิวาสประกาศเตือนประชาชนระมัดระวังอุบัติเหตุช่วงเกิดอุทกภัย หลังในพื้นที่มีประชาชนเสียชีวิตแล้ว 2 ราย

    วันนี้ (28 พ.ย.) ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหา อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม จังหวัดนราธิวาส ประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียและได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ โดยขอให้ประชาชนช่วยกันดูแลบุตรหลานไม่ให้ลงเล่นน้ำ ไม่ควรขี่ยานพาหนะฝ่าลงกระแสน้ำ ระมัดระวังการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า ระวังสัตว์มีพิษ และให้ดูแลเรื่องการรับประทานอาหาร ตลอดจนผู้ที่มีโรคประจำตัวไม่ควรออกจากบ้านตามลำพังขณะที่มีสถานการณ์อุทกภัยเกิดขึ้น

    อย่างไรก็ตาม สำหรับในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส หลังจากเกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้นในพื้นที่ต่างๆ มีประชาชนเสียชีวิตแล้ว 2 ราย เป็นประชาชนในพื้นที่ อ.จะแนะ 1 ราย คือ นายสุเปียน อาบู อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 172 หมู่ 1 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ เป็นโรคลมชักขณะเดินลุยน้ำในพื้นที่ และอีก 1 ราย จากการเล่นน้ำในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบศพ







    ขอบคุณข้อมูลข่าวและรูปภาพบางส่วนจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 16:55 น.
    http://www.manager.co.th/Local/ViewN...d3%b7%e8%c7%c1

    >> ปัตตานี <<


    กว่า 10 โรงเรียนที่ถูกน้ำท่วมในปัตตานียังปิดไม่มีกำหนด

    ปัตตานี - โรงเรียนกว่า 10 แห่ง ใน 5 อำเภอที่ถูกน้ำท่วมยังคงปิดไม่มีกำหนด โดยเฉพาะโรงเรียนบ้านกือยา ต.ปะกาฮารัง และโรงเรียนบ้านปาการีมอปูโละ ต.บาราเฮาะ อ.เมือง คาดว่าจะต้องใช้เวลาร่วม 1 เดือนจึงจะเปิดเรียนตามปกติได้

    วันนี้ (28 พ.ย.) สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.ปัตตานี เริ่มคลี่คลายแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมสูงในหลายพื้นที่และยังขยายวงกว้างกินพื้นที่ในหลายอำเภอ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก ซึ่งเหตุดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อนักเรียนที่จะต้องหยุดเรียนไปด้วย เนื่องจากโรงเรียนถูกน้ำท่วมสูง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดปัตตานี ทั้ง 3 เขต จึงได้ออกสำรวจในแต่ละอำเภอ

    โดยพบว่า โรงเรียนต้องปิดการเรียนการสอนไปแล้วกว่า 10 โรง ในพื้นที่ 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมือง อ.ยะรัง อ.หนองจิก อ.แม่ลาน และ อ.กะพ้อ ซึ่งเป็นพื้นที่ติดแม่น้ำสายบุรี และแม่น้ำปัตตานี ที่ยังคงมีน้ำท่วมสูงอยู่กว่า 2 เมตร อาคาเรียน โรงอาหาร จมอยู่ใต้น้ำ ทำให้โรงเรียนต้องปิดการเรียนการสอนโดยปริยาย และไม่มีกำหนดจนกว่า สถานการณ์น้ำจะกลับเข้าสภาวะปกติ

    โดยเฉพาะที่โรงเรียนบ้านกือยา ต.ปะกาฮารัง และโรงเรียนบ้านปาการีมอปูโละ ต.บาราเฮาะ อ.เมือง คาดว่าจะต้องใช้เวลาร่วม 1 เดือนจึงจะเปิดเรียนตามปกติได้

    อย่างไรก็ตาม จังหวัดปัตตานียังคงประกาศให้พื้นที่ทั้ง 12 อำเภอ เป็นพื้นที่ภัยพิบัติและมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ล่าสุดพบว่ามีพื้นที่เกิดอุทกภัย 66 หมู่บ้าน 258 ตำบล ประชาชนได้รับความเดือนร้อน 15,355 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมกว่า 4,000 ไร่











    ขอบคุณข้อมูลข่าวและรูปภาพบางส่วนจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 21:09 น.
    http://www.manager.co.th/Local/ViewN...d3%b7%e8%c7%c1

    >> ฉะเชิงเทรา <<


    อุตสาหกรรมใต้แนวน้ำทิ้งเริ่มเชื่อมั่นไม่ถูกน้ำท่วมแล้ว

    ฉะเชิงเทรา-เขตนิคมอุตสาหกรรมใต้แนวน้ำทิ้งฝั่งตะวันออก พร้อมกลุ่มโรงงานย่านบางปะกงเริ่มเชื่อมั่นไม่ถูกน้ำท่วมแล้ว หลังพากันตะลุยรื้อพังแนวกระสอบทรายพร้อมกำแพงป้องน้ำทิ้งออกจากพื้นที่ด้านหน้าสถานประกอบการจนหมดเกลี้ยงแล้ว

    วันนี้ (28 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมใต้แนวเดินน้ำทิ้งจากทางภาคเหนือ และ กทม. ย่านอ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา จำนวนหลายร้อยโรงงาน ที่ได้ทำการก่อสร้างกำแพงกั้นน้ำสูงถึงกว่า 2-4 เมตร พร้อมแนวกระสอบทรายจำนวนมหึมา ได้พากันรื้อทำลายกำแพงทั้งหมดที่ได้เร่งระดมก่อสร้างขึ้น ตลอดเมื่อช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา นำออกทิ้งจากบริเวณรอบกำแพงรั้วจนหมดแล้ว หลังจากมีความเชื่อมั่นว่าจะไม่มีน้ำไหลเข้ามาท่วมพื้นที่อีก

    โดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ ที่ก่อนหน้านี้ได้เคยวิตกกังวลอย่างหนัก เพราะหวั่นเกรงว่าจะถูกรัฐบาลผันน้ำ ปล่อยระบายผ่านเข้ามาลงใส่ในพื้นที่เหมือนกับนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งในแถบลุ่มน้ำภาคกลาง และ กทม.จึงได้ตั้งแนวกำแพงกระสอบทรายขนาดมหึมาสูงถึงกว่า 3-4 เมตร โดยเฉพาะรอบบริเวณพื้นที่ของนิคม ซึ่งมีโรงงานตั้งอยู่ภายในมากถึงกว่า 300 โรงงานนั้น ขณะนี้แนวกำแพงกั้นน้ำดังกล่าวได้ถูกรื้อออกทิ้งจนหมดเกลี้ยงแล้วเช่นกัน

    สอบถามนายทวี มงคลรัตน์ อายุ 38 ปี หัวหน้างานฝ่ายซ่อมบำรุงของผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ย่านริมถนนสายบางนา-ตราด กม.37 เลขที่ 64 ม.5 ต.บางสมัคร อ.บางปะกง ซึ่งกำลังทำการควบคุม ให้คนงานเข้าทำการรื้อกระสอบทราย ที่บริเวณด้านหน้าโรงงาน กล่าวว่า ขณะนี้ผู้บริหารของบริษัทมีความมั่นใจแล้วว่า จะไม่มีน้ำไหลเข้ามาท่วมพื้นที่ของโรงงานแล้ว

    หลังจากได้มีการจับตาเฝ้าดูสถานการณ์และติดตามข่าวสารผ่านทางสื่อมาโดยตลอด ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่มีความตกใจกันมาก เพราะมีข่าวว่าจะมีการผันปล่อยระบายน้ำทิ้งมาทางนี้ และยังเห็นว่ามีนิคมอุตสาหกรรมอีกหลายแห่งถูกปล่อยจมน้ำด้วย จึงได้พากันเร่งสร้างกำแพงสูงกว่า 3 เมตรขึ้นมาล้อมรอบตัวโรงงานเอาไว้

    ซึ่งโรงงานมีความอ่อนไหว และเสี่ยงต่อความเสียหายสูงมาก เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ นั้นเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ แต่พอมาถึงตอนนี้แล้วเชื่อว่าสถานการณ์ได้ผ่านเลยจุดวิกฤติสูงสุดไปแล้ว เพราะไม่มีน้ำไหลผ่านมาทางนี้สักหยด และยังเห็นได้ว่าพื้นที่หลายแห่งโดยเฉพาะพื้นที่ภายในเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา ตามอำเภอต่างๆ ที่เคยถูกน้ำท่วมนั้น น้ำได้แห้งลดลงหมดแล้ว ถึงวันนี้จึงมั่นใจแล้วว่าจะไม่มีน้ำจากที่ไหนไหลเข้ามาท่วมโรงงานอีกเพราะว่าน้ำมาไม่ได้

    ถึงขณะนี้จึงอยากฝากความมั่นใจไปถึงยังนักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนจากต่างชาติ ด้วยว่า พื้นที่ในเขตย่าน อ.บางปะกง แห่งนี้ ปลอดภัยจากน้ำท่วม จนสามารถฝ่าผ่านวิกฤติต่างๆ ที่หลายพื้นที่ถูกน้ำท่วมทั้งทางภาคกลาง และ กทม. แต่ที่นี่รอดพ้นผ่านจากภัยพิบัติทั้งหมดมาได้แล้ว









    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 18:42 น.
    http://www.manager.co.th/Local/ViewN...d3%b7%e8%c7%c1

    ข่าวน้ำท่วมในต่างประเทศ

    >> ออสเตรเลีย <<


    ออสเตรเลียสั่ง ปชช.เร่งอพยพออกจากพื้นที่น้ำท่วม

    ทางการออสเตรเลีย ประกาศให้ประชาชนในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ที่ยังสามารถออกจากบ้านเรือนได้ให้เร่งอพยพออกจากพื้นที่ไปยังที่ปลอดภัย หลังเมื่อวานนี้ (27 พ.ย.) เกิดฝนตกหนักจนน้ำเอ่อท่วมสูง ขณะที่พื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประชาชนราว 2,000 คน ยังติดอยู่ท่ามกลางวงล้อมของน้ำท่วม ทำให้ไม่สามารถเดินทางออกจากพื้นที่ได้
    ด้านหน่วยบรรเทาสาธารณภัย ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินเล็ก ลำเลียงสิ่งไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยอย่างยากลำบาก

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 15:59 น.
    http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...d3%b7%e8%c7%c1
    >> สหรัฐอเมริกา <<


    สหรัฐน้ำท่วมหนัก!! ชาวบ้านเร่งอพยพจากบ้านเรือน

    สถานการณ์น้ำท่วมทางตอนเหนือของรัฐนิวเซาท์เวลส์ขณะนี้ อาสาสมัครระดมกำลังค้นหาเด็กชายวัย 7 ขวบคนหนึ่ง ซึ่งถูกกระแสน้ำพัดพาสูญหายไป ขณะกำลังเล่นกับเพื่อนๆ ริมแม่น้ำ
    นอกจากอาสาสมัครแล้ว ยังมีทีมนักประดาน้ำ ที่เข้าร่วมในการค้นหาด้วย ที่เมืองโมลีนชาวบ้านรวม 2,000 คน ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก หลังถนนหลายสายถูกน้ำท่วม ทางการต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงอาหาร และยารักษาโรค เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมทั้งขอให้ชาวบ้านในหลายพื้นที่อพยพออกจากบ้านเรือน หลังระดับน้ำยังคงท่วมสูงขึ้นเรื่อยๆ และจนถึงขณะนี้มีชาวเมืองอพยพออกจากบ้านเรือนแล้วหลายสิบหลัง

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2554 14:19 น.
    http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000151529
    Last edited by IAm; 11-28-2011 at 11:54 PM.


    ฝากติดตาม Business Social Group ของร้านแอมด้วยนะคะ ^^ ขอบคุณค่ะ
    Iam-Better2U เพราะเราใช้ เราดีขึ้น เราจึงสรรสิ่งที่ดีสำหรับคุณ

    ร่วมรณรงค์ใส่ลิ้ง เปิดโลก SBNTown ใน sign
    กระทู้ แนะนำความรู้ในการใช้เครื่องมือของชุมชน SBN Town ที่ทำให้พวกเราสามารถใช้งานได้อย่างเท่าเทียมกัน
    Thanks wnonach, Euphrates ขอบคุณ ผู้โพสต์ข้อความนี้

  2. #2
    IAm's Avatar
    IAm is offline Trusted Member
    Join Date
    Jun 2010
    Posts
    448
    Blog Entries
    4

    29 พฤศจิกายน 2554
    ==================================================


    >> กรุงเทพฯ <<


    ชาวสายไหมโวยม็อบปทุมฯเปิด ปตร.พระยาสุเรนทร์

    ชาวบ้านเหนือ ปตร.พระยาสุเรนทร์ อ้างน้ำเริ่มลดระดับ หลังบุกเปิด ปตร.ที่ระดับ 1.50 เมตร และยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ชี้ หาก กทม.ช่วยระบายน้ำชาวสายไหมและบางเขน ไม่น่าได้รับผลกระทบ ด้านชาวสายไหมรีบโวยทันที บอกทำให้เดือดร้อน หวิดปะทะกัน แต่ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ส่วน กทม.ส่งผู้แทนเจรจาแต่ชาวบ้านยันเจรจากับผู้ว่าฯ กทม.คนเดียวเท่านั้น

    วันนี้ (29 พ.ย.) ชาวบ้านย่านลำลูกกา ซึ่งอยู่เหนือประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ ยังคงรวมตัวกันบริเวณสะพานด้านหน้าประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่คืนวานนี้ได้รวมตัวบุกเปิดประตูระบายน้ำจาก 1 เมตร ให้กลายเป็น 1.50 เมตร และยังปักหลักเฝ้าติดตามสถานการณ์ เพราะเกรงว่า กทม.จะปิดประตูระบายน้ำเหลือเพียง 1 เมตร โดยชาวบ้านระบุว่า เมื่อเปิดประตูระบายน้ำ ระดับ 1.50 เมตร พบว่า น้ำที่เคยท่วมสูงในชุมชนเหนือประตูระบายน้ำ ทั้ง อ.ธัญบุรี คลองหลวง และลำลูกกา จ.ปทุมธานี เริ่มลดลง หากกรุงเทพมหานครช่วยเร่งระบายน้ำ เชื่อว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับชาวบ้านเขตสายไหม หรือเขตบางเขน ที่อยู่ใต้ประตูระบายน้ำ น่าจะไม่มี

    ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ชาวบ้านย่านสายไหม ซึ่งอยู่ด้านใต้ประตูระบายน้ำ ไม่พอใจการกระทำดังกล่าว จึงได้ออกมารวมตัวเช่นกัน โดยมีชาวบ้าน 2 ราย ที่แสดงอาการโกรธไม่พอใจ และตะโกนต่อว่า พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ ซึ่งเป็นแกนนำในการเปิดประตูระบายน้ำว่า การกระทำครั้งนี้ ทำให้ชาวบ้านย่านสายไหม พื้นที่ใต้ประตูระบายน้ำได้รับความเดือดร้อน เพราะเชื่อว่าระดับน้ำจะเพิ่มขึ้น จากนั้น พ.ต.ต.เสงี่ยม จึงได้เดินทางเข้าไปเจรจาถึงเหตุผลในการรวมตัวกัน ก่อนที่คนทั้ง 2 จะแยกย้ายเดินทางออกไป โดยไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น

    นอกจากนี้ ยังคงมีชาวบ้านย่านสายไหม บางส่วนที่เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า อยากให้ ศปภ.และ กทม.หาข้อยุติในเรื่องการเปิดประตูระบายน้ำในจุดนี้อย่างชัดเจน เพราะไม่ต้องการให้ชาวบ้าน 2 พื้นที่ทะเลาะกัน

    อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีตัวแทนจาก ศปภ.และ กทม.ทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ซึ่งกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ส่งเจ้าหน้าที่จาก สน.คันนายาว และ สายไหม เข้ามาควบคุมสถานการณ์ เนื่องจากเกรงว่า หากปล่อยเวลาให้นานออกไปสถานการณ์อาจรุนแรงได้ แต่ชาวบ้านยืนยันเรียกร้องด้วยความสงบ ไม่มีเรื่องการเมืองเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องความเดือดร้อนล้วนๆ และหากเปิดประตูระบายน้ำเพียง 1 เมตร ชาวบ้านจะหามาตรการที่เปิด 1.50 เมตรให้ได้

    ล่าสุด กรุงเทพมหานคร ส่ง นายณรงค์ เรืองศรี ผู้อำนวยการกองอาคารบังคับน้ำ เป็นผู้แทนมาเจรจากับชาวบ้านปทุมธานี นำโดย พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ เป็นแกนนำ ขณะที่ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมเป็นสักขีพยาน โดยชาวบ้านเสนอข้อเรียกร้องให้คงที่การเปิดประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ที่ 1.50 เมตร เพื่อช่วยระบายความเดือดร้อนชาวปทุมธานีในขณะนี้ลงมา

    นอกจากนี้ ยังยืนยันที่จะเจรจากับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพียงคนเดียว เพราะมีอำนาจตัดสินใจให้เปิดหรือปิดประตูระบายน้ำ โดยเฉพาะผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าใจผิดว่า ที่ชาวบ้านมาเรียกร้องเป็นผู้ชุมนุมที่จัดตั้งโดยรัฐบาล หรือ ศปภ.ซึ่งชาวบ้าน ยืนยันว่า ผู้ที่มาเป็นผู้ที่เดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วมมานานหลายเดือน พร้อมกับขอให้ทางตำรวจเป็นพยาน ว่า ผู้ชุมนุมมาเรียกร้องโดยสันติ และจะไม่มีการทำลายทรัพย์สิน สิ่งของของทางราชการ หากเกิดความเสียหายใดๆ ให้สามารถดำเนินการได้ทั้งทางคดีอาญา และทางแพ่ง

    ด้านผู้แทนกรุงเทพมหานคร ขอนำผลการเจรจากลับไปเสนอให้ผู้บริหารตัดสินใจ นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ได้มี 2 เจ้าหน้าที่ได้นำกล้องวงจรปิดมาติดตั้งบริเวณเสาไฟฟ้าใกล้กับประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ สายไหม 86 ด้วย











    ขอบคุณข้อมูลข่าวและรูปภาพบางส่วนจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤศจิกายน 2554 17:29 น.
    http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000152211

    คลองมอญน้ำยังสูง,ขยะเยอะ-ประสาน กทม.เร่งกำจัด

    นายอุเทน ชาติภิญโญ ที่ปรึกษาด้านน้ำของนายกรัฐมนตรี สรุปผลการตรวจสถานีสูบน้ำคลองมอญและคลองบางกอกใหญ่ โดยสถานีสูบน้ำคลองมอญระดับสูงเกินกว่าที่ควร มีขยะกีดขวางไม่มีการเปิดเครื่องสูบน้ำที่มีอยู่ ทำให้น้ำไหลได้ช้า ส่วนคลองบางกอกใหญ่ระดับน้ำต่ำ คลองยังสามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้อีกมาก และมีขยะ ส่วนเครื่องสูบน้ำขนาด 2 คิวต่อวินาทีจำนวน 5 เครื่องที่ติดตั้งอยู่ เจ้าหน้าที่ประจำประตูระบายน้ำเคยแจ้งว่าเครื่องใช้การไม่ได้ จึงแจ้งให้นำเครื่องไปติดตั้งที่สถานีสูบน้ำคลองมหาสวัสดิ์และคลองโยง ซึ่งผ่านไปกว่า 10 วันแล้วยังไม่มีการดำเนินการใดๆ จึงขอให้ทาง กทม.เก็บขยะทั้งหมด เพื่อเร่งระบายน้ำ และขณะนี้เขตตลิ่งชัน บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ น้ำแห้งแล้ว ทำให้เขตภาษีเจริญ บางแค หนองแขม น้ำลดลงได้เร็วขึ้น รวมถึงการเร่งรัดให้ กทม.ประสานกรมชลประทานนำเครื่องสูบน้ำ 2 คิวต่อวินาที จำนวน 2 เครื่องไปติดตั้งที่สถานีสูบน้ำคลองมหาสวัสดิ์และคลองโยง

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤศจิกายน 2554 17:42 น.
    http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000152227

    กทม. พร้อมส่งผู้อพยพกลับบ้าน ชวนจิตอาสาร่วมล้างโรงเรียน 1-5 ธ.ค.นี้

    โรงเรียนสังกัดกทม. จำนวน 345 โรงเรียน ในพื้นที่ 40 สำนักงานเขต จะเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554 ในวันที่ 6 ธ.ค. 54 นี้ ซึ่งกทม. ได้กำหนดจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน โดยในวันที่ 30 พ.ย. 54 นี้ จะทยอยส่งผู้อพยพที่ประสบภัยน้ำท่วม และสมัครใจกลับบ้าน พร้อมมอบถุงทำความสะอาดเพื่อนำไปใช้ในการทำความสะอาดบ้านเรือนด้วย โดยสำนักงานเขตจะจัดรถรับ–ส่งประชาชนไปยังจุดรวมพล ณ ชุมชนต่างๆ ส่วนผู้อพยพที่ยังไม่สามารถกลับบ้านได้ กทม. จะเปิดศูนย์เยาวชนฯ ศูนย์กีฬาฯ รวมทั้งค่ายลูกเสือของกทม. ให้เป็นที่พักอาศัยชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลาย
    สำหรับโรงเรียนในพื้นที่ที่ยังมีระดับน้ำท่วมสูง จำนวน 91 โรงเรียน ในพื้นที่ 10 สำนักงานเขต ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเรียนได้ในวันที่ 6 ธ.ค. 54 จะเลื่อนไปเปิดเรียนในวันที่ 13 ธ.ค. 54 ประกอบด้วย เขตสายไหม เขตหลักสี่ เขตดอนเมือง เขตบางบอน เขตทวีวัฒนา เขตหนองแขม เขตบางแค เขตคลองสามวา เขตมีนบุรี และเขตบางเขน
    ทั้งนี้ กทม. ขอเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมทำความสะอาดโรงเรียนตั้งแต่ 1–5 ธ.ค. 54 สำหรับหน่วยงานที่ประสงค์จะเข้าร่วมฯ สามารถประสานโดยตรงที่สำนักงานเขตทุกแห่ง โดยในวันเสาร์ที่ 3 ธ.ค. 54 คณะผู้บริหารกทม. จะร่วมกับภาคเอกชน และกลุ่มจิตอาสา ทำความสะอาด ฉีดพ่นยุง ฆ่าเชื้อรา ในโรงเรียนวัดหลักสี่ เขตหลักสี่ โรงเรียนวัดดอนเมือง (ทหารอากาศอุทิศ) และโรงเรียนประชาอุทิศ (จันทาบอนุสรณ์) เขตดอนเมือง

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤศจิกายน 2554 19:21 น.
    http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000152277

    "รศ.เสรี" ชี้หลัง 1 ธ.ค.น้ำต่ำกว่าตลิ่ง ระบายลงเจ้าพระยาได้ดีขึ้น

    คลองพระยาสุเรนทร์ระบายน้ำช้า ติดขยะ ตอม่อทางด่วน มีคอคอดหลายจุด คลองเปรมประชากรระบายน้ำได้ดีขึ้นมาก พื้นที่ในบล็อค ถ.สรงประภา ถ.ประชาอุทิศ ต้องรอน้ำในคลองเปรมฯลด จึงระบายน้ำท่วมขังออกได้ หลัง 1 ธ.ค.น้ำทะเลหนุนลดลง ระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้มากขึ้น

    เมื่อเวลา 20.30 น. รศ.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กล่าวว่า วันนี้( 29 พ.ย.)ได้ไปสำรวจสถานการณ์น้ำที่คลองพระยาสุเรนทร์ และคลองเปรมประชากร

    ถึงแม้ปริมาณน้ำเหนือลดลงต่อเนื่อง แต่ต้องรอว่าเมื่อไรจะลดลงต่ำกว่าตลิ่ง ขณะนี้ที่แม้น้ำเจ้าพระยาระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่งทั้งหมด ยกเว้นที่จ.ปทุมธานี ในวันพรุ่งนี้( 30 พ.ย.) น้ำจะลงต่ำกว่าตลิ่ง ก็สามารถระบายน้ำในทุ่งลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้ดีขึ้น โดยระดับน้ำทะเลหนุน วันนี้ยังสูงอยู่ แต่หลังจากนี้ ในวันที่ 1 ธ.ค. น้ำทะเลหนุนลดลง การระบายน้ำจะทำได้ดีขึ้น

    สถานการณ์น้ำที่คลองพระยาสุเรนทร์ ไหลช้า เนื่องจากมีขยะ โดยเฉพาะช่วงกลางคลองก.ม.ที่ 8 ส่วนที่เป็นคลองซอยเชื่อมกับคลองพระยาสุเรนทร์น้ำก็ไหลช้า ซึ่งทำให้มีปัญหาน้ำเอ่อในพื้นที่ ถนนสุขาภิบาล 5 ถนนวัชรพล หลายจุดในคลองมีตอม่อ ทำให้น้ำเอ่อขึ้นมา น้ำไม่ไหล

    สำหรับที่คลองเปรมประชากร ที่ถนนประชาอุทิศ ถนนสรงประภา น้ำยังมีอยู่บนถนน ขณะที่คลองเปรมประชากร ระบายน้ำได้ดีขึ้นมาก จาก 4 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีระบายได้เป็น 15 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยที่เมืองเอกมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำออก และที่ประตูระบายน้ำคลองเปรมก็มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเช่นกัน

    สำหรับพื้นที่ในบล็อค ถนนประชาอุทิศ ถนนช่างอากาศอุทิศ ถนนสรงประภา มีน้ำขังประมาณ 5 แสนลูกบาศก์เมตร แต่เนื่องจากน้ำในคลองเปรมฯบริเวณนี้ยังล้นอยู่ จึงต้องใช้เวลา ต้องรอให้ระดับน้ำในคลองเปรมฯลดลง เพราะตอนนี้มีปริมาณน้ำเข้าและออก 15 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีเท่ากัน เมื่อน้ำในคลองเปรมฯลดระดับลง ก็จะสูบน้ำท่วมขัง ที่มีอยู่ 5 แสนลูกบาศก์เมตร ออกจากพื้นที่ได้

    สำหรับคลองพระยาสุเรนทร์ มีความยาว 16 ก.ม. หลายจุดเป็นคอคอด มีตอม่อของทางด่วน และถนนวงแหวนหลายจุดอยู่ในคลอง ทำให้การระบายน้ำทำได้ช้า ในอัตรา 8 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ดังนั้นการจะเปิดหรือไม่เปิดประตูระบายน้ำไม่สำคัญ ถ้าทำให้ระบายน้ำลงได้เร็วขึ้น ก็สามารถเปิดประตูระบายน้ำได้

    ภาพรวมสถานการณ์น้ำในทุ่งภาคกลาง น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเริ่มลดลง แต่ด้านเหนือของกรุงเทพมหานครยังรับน้ำทุ่งอยู่ บนถนนอาจจะแห้ง แต่น้ำในทุ่งก็ยังมีอยู่บางแห่งท่วมสูงถึง 1 เมตร จึงต้องใช้เวลาในการระบายน้ำออก ขณะที่น้ำเหนือยังเติมอยู่ต่อเนื่อง แต่ที่กทม.มีคลองสกัดอยู่ ทั้งคลอรังสิตประยูรศักดิ์ และคลองหกวาสายล่าง จึงทำให้น้ำไม่เข้ากทม. ส่วนฝั่งตะวันตกของกทม.ใช้คลองมหาสวัสดิ์ เป็นคลองหลักในการระบายน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยา ถ้าตั้งคันได้ก็จะสูบน้ำลงได้ แต่น้ำตอนนี้น้ำก็ยังมีอยู่มาก

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤศจิกายน 2554 21:00 น.
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNew...=9540000152316

    5 ใน 7 นิคมฯ แห้งแล้ว ก.อุตฯ หนุนน้ำทำความสะอาด

    นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรม รวม 7 แห่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี ขณะนี้สูบน้ำแห้งแล้วรวม 5 แห่ง ยังคงเหลือที่อยู่ระหว่างสูบน้ำอีก 2 แห่ง คือ นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ที่คาดว่าจะเริ่มต้นสูบน้ำในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ และสวนอุตสาหกรรมนวนคร ซึ่งคาดว่าน้ำจะแห้งในวันที่ 10 ธันวาคม
    นอกจากนี้ เขตประกอบการอุตสาหกรรมบางกะดี ที่ประสบอุทกภัยตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม ที่ผ่านมา การฟื้นฟูมีความคืบหน้าอย่างมาก โดยได้กำหนดให้วันที่ 5 ธันวาคมนี้ เป็นวันบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ด้วย
    สำหรับนิคมอุตสาหกรรมบางหว้า หรือนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค มีการกำหนดให้วันที่ 1 ธันวาคมนี้ เป็นวัน Restore Full Operation เพื่อดำเนินเครื่องสู่ภาคการผลิต
    ทางด้านเขตประกอบการอุตสาหกรรมแฟคตอรี่แลนด์ มีโรงงานเริ่มเดินเครื่องแล้ว 47 โรงงาน จากทั้งหมด 93 โรงงาน
    นายแพทย์วรรณรัตน์ กล่าวด้วยว่า การฟื้นฟูโรงงานแต่ละแห่งใช้เวลาแตกต่างกัน เนื่องจากผลกระทบทีได้รับแตกต่างกัน ขณะเดียวกัน กระทรวงอุตสาหกรรมจะให้การสนับสนุนและการจัดหาน้ำสะอาดให้แก่โรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงงานด้านอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีความจำเป็นจะต้องใช้ในการทำความสะอาดโรงงานและเครื่องจักร

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤศจิกายน 2554 17:25 น.
    http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000152209

    >> นนทบุรี <<


    ชาวบ้านบางกรวยเร่งกู้พื้นที่น้ำท่วม ยังคงสัญจรด้วยเรือ

    บางกรวย นนทบุรี น้ำยังคงท่วม ชาวบ้านต้องใช้สะพานทางเดินเล็กในการสัญจรและใช้เรือ ในชีวิตประจำวัน คาดต้น ธ.ค.กู้ ถ.กาญจนาภิเษก ได้

    สถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ฝั่งตะวันตกกรุงเทพมหานคร ในภาพรวมน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง เช่น บริเวณถนนเพชรเกษม เขตบางแค ต่อเนื่องไปจนถึงตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร มีเพียงบางพื้นที่ซึ่งเป็นที่ลุ่มต่ำน้ำยังท่วมขัง

    ที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ในพื้นที่เขตเทศบาลน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง อยู่ที่ระดับ 50-70 เซนติเมตร แต่บางชุมชน เช่น ชุมชนริมถนนเทอดพระเกียรติ น้ำยังท่วมเกือบ 1 เมตร เพราะเป็นที่ลุ่ม ชาวบ้านยังเดือดร้อนเรื่องการเข้าออกพื้นที่

    ตำบลปลายบาง ถนนกาญจนาภิเษก ยังมีน้ำท่วมเป็นบางจุด โดยเฉพาะในชุมชนซอยวัดส้มเกลี้ยง หลายหมู่บ้านน้ำยังท่วมสูงตั้งแต่ 50 เซนติเมตร ถึง 1 เมตร ชาวบ้านไม่สามารถเข้าออกพื้นที่ได้ เนื่องจากรถยนต์ไม่สามารถสัญจรได้ องค์การบริหารส่วนตำบลจึงสร้างสะพานชั่วคราว เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาวบ้านในเบื้องต้น แต่สะพานมีความยาวเพียง 1 กิโลเมตร













    ขอบคุณข้อมูลข่าวและรูปภาพบางส่วนจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤศจิกายน 2554 20:02 น.
    http://www.manager.co.th/qol/viewnew...=9540000138124

    >> อุบลราชธานี <<


    น้ำท่วมอุบลฯตาย 9 ราย วอนรัฐเร่งสำรวจความเสียหายจ่ายเงินซ่อมบ้าน

    อุบลราชธานี -สรุปน้ำท่วมอุบลราชธานี เสียชีวิต 9 ราย ส่วนชาวบ้านเร่งซ่อมบ้านที่เสียหายจากน้ำท่วม พร้อมวอนเจ้าหน้าที่เร่งสำรวจจ่ายช่วยซ่อมแซม โดยนายกเล็กเทศบาลเมืองวารินชำราบ ระบุ ตั้งชุดสำรวจไปถ่ายรูปเก็บข้อมูล เพื่อหาทางช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมแล้ว ขณะที่เทศบาลตำบลคำน้ำแซบ พบบ้านทรุดตัวจากดินสไลด์เพิ่มเป็น 6 หลังคาเรือน และชาวบ้านในตำบลนี้ ยังไม่ได้รับเงินเยี่ยวยา 5,000 บาท

    วันนี้ (29 พ.ย.) ที่ชุมชนหาดสวนยา เทศบาลเมืองวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี นักเรียน ครูอาจารย์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานเทศบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข นำน้ำที่ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อฉีดลงตามพื้นห้องเรียน และขัดถูบริเวณเสาประตูที่ถูกสัมผัสจากเด็กนักเรียน เพื่อป้องกันเชื้อราและเชื้อโรคอื่นที่ปะปนมาขณะเกิดน้ำท่วมในโรงเรียนเป็นเวลานาน และได้เปิดทำการเรียนการสอนในโรงเรียนได้ตามปกติ ตอนช่วงสายของวันเดียวกัน

    ขณะที่ชาวบ้านเริ่มซ่อมแซมบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมมานานกว่า 3 เดือน เพราะพื้นและประตูหน้าต่างถูกน้ำพัดเสียหายหมดทั้งหลัง โดยเฉพาะบ้านชั้นเดียวได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งนี้มากที่สุด

    นางอรัญญา แสนโคตร ชาวชุมชนหาดสวนยา ที่บ้านได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม กล่าวว่า ต้องการให้เจ้าหน้าที่เข้ามาสำรวจความเสียหายเร็วขึ้น เพราะบ้านได้รับความเสียหายมาก ไม่สามารถทิ้งรอเป็นเวลานาน เพราะเป็นปัญหาในการเข้าอยู่อาศัย เมื่อชาวบ้านทราบวงเงินค่าซ่อมแซมจากรัฐบาล จะได้ซ่อมแซมบ้านได้อย่างถูกต้อง ไม่เกิดเป็นภาระหนี้สินที่ต้องเพิ่มขึ้นอีก

    ด้าน นายจีระชัย ไกรกังวาร นายกเทศบาลเมืองวารินชำราบ กล่าว่วา ขณะนี้ยังมีประชาชนในเขตเทศบาลไม่สามารถย้ายกลับเข้าอยู่อาศัยในบ้านได้ประมาณ 10% ของผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด หลังน้ำลดเจ้าหน้าที่ได้เข้าเก็บกวาดทำความสะอาดวัชพืชที่น้ำพัดพามาตกค้างในพื้นที่

    สำหรับการสำรวจความเสียหายที่เกิดกับอาคารบ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่ 14 ชุมชน ได้ตั้งชุดเข้าสำรวจโดยการถ่ายภาพ เพื่อรายงานให้อำเภอและสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของบประมาณช่วยเหลือจากรัฐบาล โดยเน้นจ่ายช่วยเหลือตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งการสำรวจคาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกินกลางเดือนธันวาคมศกนี้

    ขณะเดียวกัน ที่ชุมชนช่างหม้อ ในเขตเทศบาลตำบลคำน้ำแซบ อ.วารินชำราบ บ้านเรือนประชาชนที่ปลูกสร้างอยู่ติดแม่น้ำมูล ดินเกิดการสไลด์ตัว เพราะถูกน้ำท่วมไหลกัดเซาะเป็นเวลานาน ทำให้บ้านพังเสียหายทั้งหลังจำนวน 6 หลังคาเรือน

    นายณรงค์ พันธุโสรี รองนายกเทศบาลตำบลคำน้ำแซบ กล่าวว่า จากการสำรวจหลังน้ำลดพบบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ตามริมแม่น้ำมูล ถูกน้ำกัดเซาะหน้าดินจนบ้านทรุดตัวจำนวน 6 หลัง ซึ่งได้รายงานขอความช่วยเหลือไปทางจังหวัด เพื่อของบสนับสนุนการซ่อมแซมให้กับประชาชน สำหรับการแก้ปัญหาไม่ให้ดินทรุดตัว ต้องทำผนังกั้นน้ำ ซึ่งต้องรองบประมาณจากรัฐบาลกลาง

    ส่วนการให้ความช่วยเหลือบ้านเรือนประชาชนที่ถูกน้ำท่วมขังนานเกิน 7 วัน ได้ทำเรื่องขอรับงบประมาณครอบครัวละ 5,000 บาท จำนวน 207 ครอบครัวไปทางอำเภอแล้ว แต่ชาวบ้านยังไม่ได้รับเงิน เพราะงบประมาณยังไม่ตกมา ทั้งที่พื้นที่ใกล้เคียงกันชาวบ้านได้รับเงินหมดแล้ว

    สำหรับจังหวัดอุบลราชธานี ที่ผ่านมาได้ขอเบิกเงินให้ผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขังนานเกิน 7 วัน และถูกน้ำท่วมแบบฉับพลันไปแล้วจำนวน 3,955 ครอบครัว เป็นเงินกว่า 19 ล้านบาท และมีผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมรวมทั้งสิ้น 9 ราย


    สภาพบ้านที่สร้างริมตลิ่งถูกน้ำกัดเซาะพัง


    ผู้ประสบภัยน้ำท่วมเรียกร้องให้รัฐเร่งจ่ายเงินชดเชย เพราะต้องใช้ซ่อมแซมบ้าน

    ขอบคุณข้อมูลข่าวและรูปภาพบางส่วนจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤศจิกายน 2554 17:47 น.
    http://www.manager.co.th/Local/ViewN...=9540000152196


    >> ภาคใต้ <<


    4 อำเภอรอบทะเลสาบสงขลา ยังอ่วม เหตุน้ำทะเลหนุน

    ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - พื้นที่ริมทะเลสาบสงขลายังได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำทะเลหนุนเข้าท่วมจากมวลน้ำที่ไหลมาจากลำคลองสาขาทั้งใน จ.สงขลา และ จ.พัทลุง โดยเฉพาะพื้นที่หมู่ 7 บ้านดอนเคดเหนือได้ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติเนื่องจากสถานการณ์ค่อนข้างหนัก

    วันนี้ (29 พ.ย.) ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.สงขลา จนถึงขณะนี้เหลือเพียงพื้นที่ที่อยู่ติดริมทะเลสาบสงขลารวม 4 อำเภอ ที่ยังได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำในทะเลสาบสงขลาหนุนเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ติดริมทะเล ประกอบด้วย อ.สิงหนคร อ.สทิงพระ อ.ระโนด และบางส่วนของ อ.บางกล่ำ เป็นผลมาจากปริมาณน้ำในทะเลสาบสงขลาที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำที่ไหลมาจากลำคลองสาขาทั้งในพื้นที่ จ.สงขลา และมวลน้ำที่ไหลมาจาก จ.พัทลุง ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมหนัก

    สำหรับพื้นที่ริมทะเลสาบสงขลาที่สถานการณ์ค่อนข้างหนักคือที่บ้านดอนเคดเหนือ หมู่7 ต.คูขุด อ.สทิงพระ ซึ่งเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่ได้มีการประกาศเป็นเขตภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เนื่องจากน้ำได้หนุนเข้าท่วมบ้านเรือน และถนนภายในหมู่บ้าน บางครอบครัวที่ไม่มีเรือต้องใช้ถังผสมปูนเป็นพาหนะในการเข้าออกจากบ้าน

    ขณะที่สถานการณ์ในอำเภออื่นๆ ทั้ง อ.ควนเนียง อ.สะบ้าย้อย อ.รัตภูมิ อ.จะนะ และ อ.เมือง ซึ่งอยู่ในพื้นที่สูงและเชิงเขา สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ยังเหลือเพียงชาวบ้าน บ้านแลแบง ใน อ.สะบ้าย้อย ทั้ง 99 ครัวเรือนที่ยังคงพักพิงอยู่ภายในศูนย์อพยพในโรงเรียนสะบ้าย้อย แม้น้ำที่ท่วมในหมู่บ้านจะลดลงแต่ชาวบ้านยังไม่กลับเข้าไปเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดน้ำท่วมอีกครั้งในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ที่จะมีมรสุมเกิดขึ้นอีกระลอก



    ขอบคุณข้อมูลข่าวและรูปภาพบางส่วนจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤศจิกายน 2554 17:44 น.
    http://www.manager.co.th/Local/ViewN...=9540000152178

    ประมงสงขลาเก็บตัวอย่างน้ำทะเลสาบ หลังเกิดปลาตายอย่างต่อเนื่อง

    ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - นักวิชาการประมง ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำในทะเลสาบสงขลา ไปตรวจสอบหาเหตุที่ทำให้ปลากะพงขาวในกระชังของเกษตรกรตาย เมื่อสองวันที่ผ่านมาว่ามาจากผลกระทบจากปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้น้ำจืดและมีแบคทีเรียปนเปื้อนมากับน้ำ

    วันนี้ (29 พ.ย.) นายนิคม ละอองศิริวงศ์ นักวิชาการประมง ชำนาญการ สถาบันวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง จ.สงขลา ลงพื้นที่ตรวจสอบ และเก็บตัวอย่างน้ำในทะเลสาบสงขลาพื้นที่ ต.เกาะยอ อ.เมือง จ.สงขลา หลังจากที่เมื่อช่วงสองวันที่ผ่านมาปลากะพงขาวในกระชังของเกษตรกรใน ต.เกาะยอ ทยอยตายอย่างต่อเนื่อง

    เพื่อนำตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบหาสาเหตุว่า มาจากสภาพแวดล้อมของน้ำในทะเลสาบสงขลาที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงนี้หรือไม่ เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำทั้งจากในพื้นที่ จ.สงขลา และ จ.พัทลุง ซึ่งจะทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียจากสภาพน้ำที่เพิ่มขึ้นทำให้น้ำทะเลจืด ซึ่งพบบ่อยในปลาเล็กที่อยู่ในช่วงอายุประมาณ 3 เดือน

    ทั้งนี้ เพื่อเร่งหาทางป้องกัน และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพงขาวในกระชังรอบทะเลสงขลา โดยเฉพาะใน ต.เกาะยอ ซึ่งเป็นแหล่งเลี้ยงปลากะพงขาวมากที่สุดใน จ.สงขลามีกระชังเลี้ยงปลากะพงกว่า 500 กระชัง และเป็นสัตว์เศรษฐกิจของ จ.สงขลา ที่ส่งออกไปยังมาเลเซีย และประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำใน จ.สงขลา





    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤศจิกายน 2554 17:40 น.
    http://www.manager.co.th/Local/ViewN...=9540000152165

    >> ปัตตานี <<


    น้ำท่วมขังปัตตานีเริ่มลดลงแต่ชาวบ้านกว่า 2 หมื่นครัวเรือนยังเดือดร้อน

    ปัตตานี - จ.ปัตตานี ยังคงให้ 12 อำเภอของปัตตานีเป็นพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วม โดยบางจุดมีการสูบน้ำทำให้ระดับน้ำเริ่มลดลง ประกอบกับไม่มีฝนตกลงมา ทว่าชาวบ้านกว่า 2 หมื่นครัวเรือนยังประสบความเดือดร้อน

    วันนี้ (29 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมว่า ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ปัตตานี ยังคงประกาศให้พื้นที่ 12 อำเภอเป็นพื้นที่เกิดภัยพิบัติต่อไปอีก โดยเฉพาะ ต.ปะกาฮารัง, ต.บาราเฮาะ, ต.ตะลุโบ๊ะ, ต.ปูยุด, ต.รูสะมิแล อ.เมือง

    ต.ลิปะสะโง, ต.คอลอตันหยง, ต.ยาบี, ต.ดอนรัก อ.หนองจิก ยังคงมีน้ำท่วมสูงที่สุด เนื่องจากมวลน้ำจาก จ.ยะลายังไหลหลากทำให้แม่น้ำปัตตานีได้อ้อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่ม ราษฎรทั้ง 2 อำเภอ เกือบ 200,000 ครัวเรือน ยังคงได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก

    ขณะที่ อ.ยะรัง อ.แม่ลาน อ.มายอ อ.กะพ้อ อ.ทุ่งยางแดง ระดับน้ำเริ่มลดลงมีเพียงน้ำท่วมขัง ส่วนอำเภออื่นๆ สถานการณ์น้ำเริ่มคลี่คลายลงแล้ว ทั้งนี้สืบเนื่องจากฝนที่หยุดตก

    เช่นเดียวกับในเขตเทศบาลเมืองปัตตานีที่ ต.จะบังติกอ ต.สะบังรัง น้ำได้ลดลงแล้ว มีเพียงบางจุดยังคงมีน้ำท่วมขัง เนื่องจากเทศบาลเมืองปัตตานีได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่จำนวน 3 ตัว รอบเขตเทศบาลเมืองปัตตานี เพื่อเร่งระบายน้ำไหลลงสู่แม่น้ำโดยเร็ว จึงทำให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างรวดเร็ว และน้ำไม่ขยายวงกว้างเข้าท่วมย่างเศรษฐกิจของจังหวัดปัตตานี









    ขอบคุณข้อมูลข่าวและรูปภาพบางส่วนจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤศจิกายน 2554 16:05 น.
    http://www.manager.co.th/Local/ViewN...=9540000152133
    Last edited by IAm; 11-30-2011 at 12:33 AM.


    ฝากติดตาม Business Social Group ของร้านแอมด้วยนะคะ ^^ ขอบคุณค่ะ
    Iam-Better2U เพราะเราใช้ เราดีขึ้น เราจึงสรรสิ่งที่ดีสำหรับคุณ

    ร่วมรณรงค์ใส่ลิ้ง เปิดโลก SBNTown ใน sign
    กระทู้ แนะนำความรู้ในการใช้เครื่องมือของชุมชน SBN Town ที่ทำให้พวกเราสามารถใช้งานได้อย่างเท่าเทียมกัน
    Thanks wnonach ขอบคุณ ผู้โพสต์ข้อความนี้

  3. #3
    wnonach's Avatar
    wnonach is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    458

    Thumbs up

    Thank you very much kha. [/COLOR]
    You Can Try Without Succeeding. But You Can Not Succeed Unless You Try!



    BIG THANKS FOR SBN
    Like IAm ถูกใจ ข้อความนี้ ที่สุด

  4. #4
    IAm's Avatar
    IAm is offline Trusted Member
    Join Date
    Jun 2010
    Posts
    448
    Blog Entries
    4

    1 ธันวาคม 2554
    ==================================================



    ศอส.เผย ยังมีน้ำท่วม 21 จังหวัด เสียชีวิตรวม 666 ราย

    ศอส.ระบุ ไทยตอนบนมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 15 จังหวัด มี ปชช.ได้รับความเดือดร้อน 1,800,043 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 657 ราย สูญหาย 3 ส่วนในภาคใต้มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 6 จังหวัด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย

    วันนี้ 1 ธ.ค.ที่กระทรวงมหาดไทย ศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์ อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) รายงานถึงสถานการณ์อุทกภัยและประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ใน 2 พื้นที่ คือ ประเทศไทยตอนบนมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 15 จังหวัด 104 อำเภอ 773 ตำบล 4,898 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 1,800,043 ครัวเรือน 4,827,958 คน ได้แก่ นครสวรรค์ ชัยนาท อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ นครนายก ฉะเชิงเทรา และ กทม.มีผู้เสียชีวิต 657 ราย สูญหาย 3 คน (จ.แม่ฮ่องสอน 2 ราย จ.อุตรดิตถ์ 1 ราย)

    ส่วนสถานการณ์ในภาคใต้มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 6 จังหวัด 42 อำเภอ 228 ตำบล 1,421 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 100,233 ครัวเรือน 334,361 คน ได้แก่ พัทลุง ตรัง นครศรีธรรมราช สงขลา ยะลา และ ปัตตานี มีผู้เสียชีวิต 9 ราย (จ.พัทลุง 2 ราย สงขลา 2 ราย ยะลา 2 ราย นราธิวาส 3 ราย)

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 1 ธันวาคม 2554 20:44 น.
    http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...d3%b7%e8%c7%c1

    >> นราธิวาส <<


    เร่งซ่อมถนนในศรีสาครถูกน้ำเซาะพังเสียหายกว่า 20 เมตร

    นราธิวาส - เร่งขนเครื่องจักรกลหนักจาก อบจ.นราธิวาส เข้าซ่อมแซมถนนใน อ.ศรีสาคร ที่ถูกน้ำท่วมกัดเซาะผิวดินริมถนน กว่า 20 เมตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน และถวายเป็นพระราชกุศล 5 ธันวามหาราช

    สืบเนื่องจากกรณี นายการี อูมูมิยง กำนัน ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส นำลูกบ้านจาก 3 หมู่บ้าน ใน ต.เชิงคีรี คือบ้านกะดี หมู่ 1, บ้านลาเวง หมู่ 3 และบ้านดาฮง หมู่ 4 ประมาณ 100 คน เข้าร้องทุกข์ผ่านส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ช่วยแก้ปัญหากรณีกระแสน้ำจากคลองไอร์ปาเก๊าะกัดเซาะผิวดินของถนนบ้านดาฮง หมู่ 4 ต.เชิงคีรี จนดินพังเสียหาย กว่า 20 เมตร ซึ่งส่งผลให้ชาวบ้านใน 3 หมู่บ้านประมาณ 1,000 ครัวเรือน รวม 4,500 คน ไม่สามารถใช้ถนนเพื่อขนถ่ายสินค้าทางการเกษตรออกสู่ตลาดได้ โดยได้เข้าร้องเรียนเมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่ผ่านมา

    ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าว่า ล่าสุดในวันนี้ (1 ธ.ค.) นายเดชรัฐ สิมศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส รักษาราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้ประสานขอเครื่องจักรกลหนัก ได้แก่ รถแมคโคร รถไถเกลี่ยถนน และรถบรรทุกดิน จากสำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นราธิวาส เข้าทำการซ่อมแซมถนนสายนี้แล้ว คาดว่า อีก 4- 5 วัน การดำเนินการซ่อมแซมจึงจะแล้วเสร็จ

    โดยการดำเนินการซ่อมแซมครั้งนี้ นอกจากเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนแล้ว จังหวัดนราธิวาสได้ถือเป็นการทำงานที่ร่วมมือร่วมใจกันเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช ด้วย



    ขอบคุณข้อมูลข่าวและรูปภาพบางส่วนจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 1 ธันวาคม 2554 12:26 น.
    http://www.manager.co.th/qol/viewnew...=9540000138124

    ผู้เลี้ยงปลากระชังนราโอดรัฐปล่อยน้ำจืดลงทะเลปลาตายนับแสนตัว

    นราธิวาส - กลุ่มผู้เลี้ยงปลาในกระชังโอดปลาตายนับแสนตัว หลังรัฐเปิดประตูเร่งระบายน้ำจืดเหนือเขื่อนลงทะเล วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือด่วน ขณะที่ 26 โรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เตรียมเปิดพร้อมกันสัปดาห์หน้า

    วานนี้(1 ธ.ค.)ที่บริเวณชายหาดนราทัศน์ เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส กลุ่มเลี้ยงปลากระชังในคลองโคกเคียน ได้ร้องทุกข์ไปยังสื่อมวลชนในพื้นที่เพื่อให้ทำการบันทึกภาพข่าวภายหลังจากทางราชการเปิดประตูระบายน้ำบางนราตอนบน เพื่อระบายน้ำจืดลงทะเล ซึ่งน้ำจืดดังกล่าวเป็นน้ำป่าและน้ำโคลน ขณะที่น้ำคลองโคกเคียน เป็นพื้นที่น้ำเค็มที่ชาวบ้านกว่า 1,000 ครัวเรือนใช้เป็นพื้นที่เลี้ยงปลาในกระชัง เช่น ปลากะพง และปลาเก๋า แต่ภายหลังจากการเปิดประตูระบายน้ำดังกล่าว ทำให้ปลาในกระชัง โดยเฉพาะปลาเก๋า ลอยตัวเหนือน้ำและตายนับหลายแสนตัว

    นายซาการียา เจะยิ ผู้เลี้ยงปลาในกระชังคลองโคกเคียน กล่าวว่า ตนเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนระบายน้ำป่าที่ไหลหลาก เพื่อป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ตอนบนของเขื่อน ในขณะที่ชาวบ้านผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงปลาในกระชังในแม่น้ำบางนรา และในคลองโคกเคียนต้องได้รับความเดือดร้อน เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ได้ลงทุนซื้อลูกปลาและเลี้ยงปลาลงกระชัง ซึ่งปลากำลังโตเต็มที่แล้วเพียงอีก 2 เดือนก็จะสามารถยกปลาในกระชังทั้งหมดเพื่อนำไปขายแก่พ่อค้าแม่ค้า โดยราคาขายส่งปลาเก๋าอยู่ที่ประมาณ 370 บาทต่อกิโลกรัม

    "แต่ขณะนี้แทบหมดสิ้นเนื้อประดาตัว เนื่องจากปลาที่เลี้ยงโดยเฉพาะปลาเก๋า ลอยตายและตายอืดอยู่ใต้น้ำหลายหมื่นตัวทุกวันตั้งแต่มีการปล่อยน้ำป่า ซึ่งผมเลี้ยงปลา 12 กระชัง กระชังละประมาณ 1,000 ตัว ขณะนี้เหลือไม่กี่ตัวแล้ว ขาดทุนจริงๆ เงินทุนที่กู้มา ยังไม่รู้จะชดใช้หนี้สินได้อย่างไร ทั้งนี้ ไม่เพียงเฉพาะผมเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ กลุ่มเลี้ยงปลาในกระชังอีกหลายรายก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน จึงขอวิงวอนไปยังหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โปรดเข้าไปดูแลและให้การช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเร่งด่วน อย่างจริงจัง และจริงใจด้วย"

    สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ จ.นราธิวาส ล่าสุดบริเวณแม่น้ำสุไหงโก-ลก ซึ่งไหลผ่าน 3 อำเภอ คือ อ.ตากใบ อ.แว้ง และ อ.สุไหงโก-ลก พบว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำสุไหงโก-ลก ที่เอ่อล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตรของราษฎรเป็นเวลานานกว่า 1 สัปดาห์ มีปริมาณน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง จากผลพวงของการเปิดประตูระบายน้ำลงสู่ทะเล ทำให้ปริมาณน้ำท่วมมีความสูงโดยเฉลี่ยล้นจากตลิ่งอยู่ที่ระดับ 30-40 ซม.และชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อนหนักที่สุดคือ ชุมชนหัวสะพาน ซึ่งตั้งอยู่เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก มีผู้อพยพ 227 คน 45 ครัวเรือน ซึ่งยังคงอาศัยปักหลักอยู่ที่ศูนย์อพยพของโรงเรียนเทศบาล 4 เนื่องจากยังไม่มั่นใจในสถานการณ์น้ำ หลังกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนว่าลมมรสุมจะพัดผ่านอีกระลอก

    ในส่วนของสถานศึกษาต่างๆ ที่ประกาศปิดการเรียนการสอนทั้งสิ้น 26 โรงล่าสุดหลายโรงเรียนได้ทยอยเปิดทำการเรียนการสอน โดยบางแห่งคณะครู นักเรียน รวมทั้งนักการภารโรง ได้ร่วมกันเก็บกวาดและทำความสะอาดห้องเรียนแล้ว เพื่อเตรียมตัวเปิดการเรียนการสอนในสัปดาห์หน้า ครบทั้ง 26 โรง



    ขอบคุณข้อมูลข่าวและรูปภาพบางส่วนจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 1 ธันวาคม 2554 19:08 น.
    http://www.manager.co.th/Daily/ViewN...d3%b7%e8%c7%c1

    >> ปัตตานี <<


    ปัตตานีลมแรงพัดบ้านริมชายฝั่งพัง 1 หลัง

    ปัตตานี - ลมพัดบ้านเรือนราษฎรริมชายฝั่ง ต.ปะเสยะวอ อ.สายบุรี เสียหาย 1 หลัง ขณะน้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย ด้านอุตุฯ เตือนในระยะ 5 วันนี้ทะเลมีคลื่นลมแรง เรือเล็กงดออกจากฝั่ง

    วันนี้ (1 ธ.ค.) นายปัญญาศักย์ โสภณวสุ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ปัตตานี เปิดเผยว่า จากรายงานของสถานีอุตุนิยมวิทยา จ.ปัตตานี ในวันนี้ แจ้งว่า แม้ระยะนี้ใน จ.ปัตตานี จะไม่มีภาวะฝนตกหนักในพื้นที่ แต่ยังคงได้รับอิทธิพลจากร่องความกดอากาศสูงกำลังแรงที่พัดผ่านทะเลอ่าวไทย ส่งผลให้เกิดคลื่นลมแรงในทะเลปัตตานีตั้งแต่วันนี้ไปอีก 5 วัน

    ดังนั้น ในวันนี้ทางศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม จ.ปัตตานี จึงได้ออกประกาศแจ้งเตือนเรือประมงใน จ.ปัตตานี โดยเฉพาะเรือเล็กห้ามออกจากฝั่ง เพราะอาจจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์คลื่นลมแรงในทะเล ความสูงคลื่น 1-2 เมตร

    ขณะเดียวกัน ก็ได้แจ้งเตือนไปยังบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยตลอดริมชายฝั่งทะเลปัตตานีในหลายอำเภอให้ระมัดระวังสถานการณ์กระแสลมแรงพัดเข้าสู่ฝั่งในช่วงนี้ ซึ่งรายงานเบื้องต้นพบบ้านเรือนประชาชนเสียหาย 1 หลัง จากลมพัดแรงที่ ต.ปะเสยะวอ อ.สายบุรี โดยทางอำเภอได้เร่งเข้าไปสำรวจและให้ความช่วยเหลือเป็นการด่วนแล้ว

    สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในปัตตานีวันนี้ แทบทุกพื้นที่ถือได้ว่ากลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ยังคงมีบางพื้นที่ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำท่วมซ้ำซากที่นำระบายออกยังไม่หมด แต่ในภาพรวมสถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ และจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในเร็วๆ นี้ หากไม่มีฝนตกลงมาอีก

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 1 ธันวาคม 2554 17:37 น.
    http://www.manager.co.th/Local/ViewN...d3%b7%e8%c7%c1
    >> สงขลา <<


    ตลาดน้ำคลองแหยังคงเจิ่งนอง คาดสัปดาห์หน้าสู่ภาวะปกติ

    ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - น้ำยังหนุนท่วมท่าน้ำตลาดน้ำคลองแห แหล่งท่องเที่ยวของ จ.สงขลา สุดสัปดาห์นี้ยังต้องย้ายเรือไปขายริมฝั่งแทน ขณะที่พื้นที่โดยรอบมีร่องรอยของตลิ่งพังต้นไม้ล้มลงมาในคลอง คาดสัปดาห์หน้าพร้อมเปิดให้บริการตามปกติ

    วันนี้ (1 ธ.ค.) สภาพตลาดน้ำคลองแห แหล่งท่องเที่ยวทางน้ำของ จ.สงขลา ซึ่งตั้งอยู่ริมคลองแห เขตเทศบาลเมืองคลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา บริเวณท่าน้ำซึ่งเป็นทางเดินสำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อเลือกซื้อของจากเรือ ยังคงถูกน้ำหนุนท่วมแม้จะลดระดับลงจากเดิมมากแล้ว แต่สภาพทางเดินและที่นั่งยังมีน้ำเจิ่งนองและเต็มไปด้วยโคลนตมสกปรก ทำให้ในสุดสัปดาห์นี้แม้ตลาดน้ำคลองแหจะเปิดให้บริการตามปกติ แต่บรรดาพ่อค้าแม่จำเป็นต้องย้ายเรือไปขายยังริมตลิ่งที่อยู่ใกล้เคียงแทนติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สอง

    โดยหลังจากนี้ แม้น้ำจะลดลงจนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่จำเป็นต้องฟื้นฟูบริเวณท่าน้ำครั้งใหญ่ เนื่องจากเต็มไปด้วยโคลน และบริเวณริมตลิ่งมีร่องรอยของดินพัง ต้นไม้ทรุดลงไปอยู่ในคลอง ทั้งนี้ คาดว่าตลาดน้ำคลองแหจะกลับมาสู่สภาพเดิมอีกครั้งภายในสัปดาห์หน้า

    อย่างไรก็ตาม แม้สภาพตลาดน้ำคลองแหจะไม่เหมือนเดิม เพราะไม่สามารถลงไปเดินบริเวณท่าน้ำได้ แต่ในทุกวันศุกร์, เสาร์, อาทิตย์ ที่เปิดให้บริการ ยังคงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและมาเลเซียเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก





    ขอบคุณข้อมูลข่าวและรูปภาพบางส่วนจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 1 ธันวาคม 2554 21:03 น.
    http://www.manager.co.th/Local/ViewN...=9540000153449


    3 แนวทางแก้น้ำท่วมภาคใต้แบบยั่งยืน สร้างเศรษฐกิจแข็งแกร่ง

    กูรูน้ำแนะแนวทางแก้ปัญหาน้ำท่วมภาคใต้แบบบูรณาการและนำมาใช้ได้ทันที “บริหารการจัดการโครงสร้างชลประทานรักษาคูคลองและพื้นที่ป่า - ปัดฝุ่นเหมืองเก่า - รวมการบริหารจัดการเมืองหาดใหญ่ ” เพื่อแก้ปัญหาการระบายน้ำในเขื่อนรัชประภาและบางลางลงสู่ทะเลได้มีอย่างประสิทธิภาพ และลดข้อขัดแย้งเวรคืนที่ดินชาวบ้านเพื่อนำมาสร้างแกล้มลิงและผลิตน้ำปะปา ช่วยให้เศรษฐกิจภาคใต้แข็งแกร่ง

    สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ที่เป็นธรรมชาติที่มีแนวโน้มความรุนแรงขึ้นทุกปี อีกทั้งพื้นที่การระบายน้ำที่ลดลงจนไม่สามารถระบายน้ำฝนที่เพิ่มปริมาณขึ้นนั้น ได้สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจภาคใต้ติดต่อกันมาหลายปี โดยความเสียหายล่าสุด ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน จากมีน้ำท่วมใน 4 จังหวัดใต้ ได้แก่ สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวมทั้งหมด 27 อำเภอ 145 ตำบล 606 หมู่บ้าน และมีพื้นที่การเกษตร 33,848 ไร่ สัตว์ปีก 309 ตัว บ่อปลา กุ้งตะพาบ 92 บ่อ

    สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาน้ำท่วมภาคใต้แบบยั่งยืน “ดร.รอยล จิตรดอน” ผู้อำนวยการ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) กล่าวกับ “ ผู้จัดการ 360 องศารายสัปดาห์ ” ถึงแนวทางการแก้ปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ซ้ำซากมานาน ผ่านโครงสร้างระบบชลประทาน โดยการบริหารจัดการคูคลองและพื้นที่ป่า โดยบริหารจัดการคูคลอง ปรับสภาพฟื้นคลองให้กลับมามีประสิทธิภาพในการระบายน้ำจากเขื่อน 2 แห่งของภาคใต้ คือ เขื่อนรัชประภาและเขื่อนบางลางให้มีศักยภาพในการระบายน้ำฝนที่ตกมาในปริมาณมากจนล้นเขื่อนให้สามารถไหลลงสู่ทะเลได้ดี


    เขื่อนทะเลน้อย


    เขื่อนรัชประภา

    ที่ผ่านมา ปัญหาน้ำท่วมที่จังหวัดพัทลุง นับว่าเป็นตัวอย่างพื้นที่ชี้ให้เห็นถึงการบริหารจัดการน้ำในทะเลสาบที่ไม่ดี เพราะมี 1.การบุกรุกที่ดิน 2.สภาพตื้นเขินที่มาจากตะกอน 3.ป่าชายเลนเสียหาย โดยผลที่ตามมา คือ มีน้ำท่วมและน้ำขังในจังหวัดพัทลุง เห็นได้จากตั้งแต่ต้นปีนี้เผชิญน้ำท่วมถึง 3 - 4 ครั้ง

    ปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมานั้นเกิดจากคูคลองมีสภาพตื้นเขินจนทำให้ไม่สามารถระบายน้ำเช่นในอดีต อีกทั้งการขุดลอกคูคลองที่ผ่านมานั้น ไม่ได้มองทางแก้ปัญหาในเรื่องการเกาะเซาะบริเวณตลิ่ง ซึ่งส่วนใหญ่ใช้วิธีการแก้โดยทำเป็นคลองคอนกรีต ซึ่งต้องมองว่าจะเป็นแนวกันชนได้หรือไม่ แล้วจะทำอย่างไร ซึ่งเวลาขุดลอกบริเวณตลิ่ง ทำให้ต้นไม้บริเวณริมตลิ่งก็ถูกตัดด้วย ซึ่งต้นไม้ช่วยแก้ปัญหาการกัดเซาะได้ ซึ่งถ้าไม่มีอยู่ก็ต้องมีการอนุรักษ์รักษาไว้ แต้ถ้าไม่มีรณรงค์ให้มีการปลูกขึ้นมา

    กรณีตัวอย่างของจังหวัดสมุทสาครมีสภาพดินอ่อน เมื่อมีการขุดลอกจะส่งให้ดินพังลงมา เมื่อมีการขุดลอกในระยะเวลาเพียง 7 - 8 เดือน คลองกับไปตื้นเขินอีกเนื่องจากมีสภาพดินที่อ่อน อย่างไรก็ตามระยะหลังก่อนขุดลอกมีการแก้ปัญหาโดย ปลูกโกงกาง กับแสมที่ริมตลิ่ง ซึ่งจะช่วยเกาะยึดตลิ่งไว้ หลังจากนั้นพบว่าการขุดลอกเริ่มได้ผลตามเป้าหมาย

    ส่วนการแก้น้ำท่วมที่อำเภอหาดใหญ่ ซึ่งระยะหลังมีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากมาหลายปีติดกัน ผู้อำนวยการ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร บอกว่า แม้จะมีคลองรอบนอกคือคลอง ร.1 -ร.6 ที่มีการระบายน้ำได้ดี แต่พื้นที่ด้านในเป็นแอ่งกะทะ เมื่อมีฝนตกลงมาในปริมาณมากและทำให้บริเวณรอบนอกมีระดับน้ำสูงทำให้น้ำรั่วเข้าไป รวมถึงมีน้ำล้นจากคลองรอบนอกเข้ามาสมทบอีกด้วย

    นอกจากนั้นหลังจากที่มีการขุดคลองรอบนอกขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ระบายน้ำลงสู่ทะเลสาบ ทำให้การความสำคัญกับคลองระบายน้ำที่อยู่ในตัวเมืองหลายๆแห่งลดลง ไม่มีการดูแลสภาพคลองในตัวเมืองไม่ให้ตื้นเขิน ดังนั้นเมื่อน้ำเข้าไปในตัวเมืองทำให้การระบายน้ำเป็นไปได้ยาก

    รวมพื้นที่ปกครองแก้น้ำท่วม

    อีกแนวทาง คือ การบริหารการจัดการการปกครองส่วนท้องถิ่นที่แยกออกไป คือ อำเภอหาดใหญ่ ,คอหงส์ ,คลองแห ถือว่าเป็นจุดอ่อนทำให้การแก้น้ำท่วมไม่เป็นศูนย์รวม ซึ่งพื้นที่ทั้ง 3 ส่วนต้องมีการรวมตัวเป็นเทศบาลเดียวกัน ซึ่งเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด โดยการรวมเป็นเทศบาลเดียวกันจะทำให้มีการบริหารน้ำไปทิศทางเดียวกันเป็น 1 ลุ่มน้ำย่อย จะทำให้การบริหารจัดการน้ำง่ายขึ้น


    เขื่อนบางลาง

    หากไม่แก้ปัญหาเรื่องระบบบริหารในส่วนท้องถิ่น แต่แก้ที่การบริหารจัดการน้ำให้ไปในทิศทางเดียวกันนั้น นับว่าการระบายน้ำลงสู่ทะเลของ หาดใหญ่ คอหงส์ และคลองแห มีความไปได้น้อยมาก ที่สำคัญจะเผชิญปัญหาเช่นเดียวกับปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งปัจจุบันเกิดปัญหาการถกเถียงกันในเรื่องของการระบายน้ำจากนนทบุรีเข้ากรุงเทพฯ และกรุงเทพฯเข้านนทบุรี ซึ่งเป็นปัญหาที่ชัดเจนมาก

    ปรับเหมืองเก่าเสร้างแกล้มลิง

    ทั้งนี้การแก้น้ำท่วมโดยการสร้างเขื่อน-คูคลองเพื่อใช้เป็นเส้นทางการระบายน้ำลงทะเล ที่ผ่านมามักประสบปัญหาเรื่องการเวนคืนที่ดิน ในส่วนนี้ ผู้อำนวยการ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร บอกว่า ที่ผ่านมามีความพยายามผลักดัน โดยสร้างแกล้มลิงจากเหมืองเก่า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ 2 ทาง คือ 1. เพื่อมาแก้ปัญหาน้ำท่วม 2.หลังหาวิธีการแก้เรื่องโลหะหนักได้แล้ว ยังเป็นแหล่งผลิตน้ำปะปา ช่วยแก้ปัญหาการขาดน้ำปะปาดิบในพื้นที่ ซึ่งเผชิญปัญหานี้มานานอีกด้วย

    แนวทางแก้น้ำท่วมนี้ ยังมีการศึกษเพื่อนำมาใช้กับจังหวัดยะลา และจังหวัดปัตตานี โดยปรับเหมืองเก่า ชื่อเหมืองตาสา ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1000 ไร่ให้มาเป็นโครงการแกล้มลิง อย่างไรก็ตามแนวทางนี้ สอดคล้องกับพื้นที่ทางภาคใต้ซึ่งมีเหมืองเก่าหลายแห่ง อาทิ เหมืองลูกรังเก่าตั้งอยู่ในพื้นที่ด้านหลังเขาสิงหนคร จังหวัดสงขลา นับว่าเป็นอีกทางเลือกในการแก้ปัญหาน้ำท่วมที่ภาคใต้

    ส่วนที่จังหวัดภูเก็ตเองก็มีเหมืองเก่าหลายแห่ง ที่ผ่านมีปัญหาน้ำท่วมอยู่บ้าง ควรเอามาใช้ประโยชน์อื่น นอกจากท้องถิ่นนำเหมืองเก่ามาออกโฉนดกัน ที่ผ่านมามีการผลักดันในส่วนนี้ มีการเดินหน้านำเสนอแนวทาวทางเหล่านี้ผ่านสส. มาตลอด และยังพูดกันในเรื่องเดิมๆ ซึ่งในปัจจุบันเมื่อมีปัญหาน้ำท่วมใหญ่ขึ้นในหลายพื้นที่ก็ตาม แต่แนวทางการแก้ไขเหล่านี้มีความเป็นไปได้น้อยมาก

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 1 ธันวาคม 2554 11:06 น.
    http://www.manager.co.th/mgrWeekly/V...d3%b7%e8%c7%c1
    >> กรุงเทพฯ <<


    แจ้งเส้นทางสัญจรถนนสายหลัก-สายรอง

    บก.จร.แจ้งปิดเส้นทางจราจรมีน้ำท่วมขัง และแจ้งเปิดการจราจรหลังน้ำลดอย่างไม่เป็นทางการ 1 เส้นทาง คือถนนโกสุมร่วมใจ

    วันนี้ (1 ธ.ค.) ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร กองบังคับการตำรวจจราจร หรือ บก.จร. แจ้งระดับน้ำลดลงเปิดการจราจรอย่างไม่เป็นทางการ 1 เส้นทาง คือ ถ.โกสุมร่วมใจ เปิดการจราจรตลอดสาย

    ทิศเหนือ ถนนสายหลัก ปิดการจราจร 2 เส้นทาง

    1. ถ.พหลโยธิน ขาเข้า-ขาออก ปิดการจราจรตั้งแต่ สะพานข้ามคลองถนน ถึงอนุสรณ์สถาน มีน้ำท่วมขัง

    2. ถ.วิภาวดี-รังสิต ขาเข้า-ขาออก ปิดการจราจรตั้งแต่ สะพานกลับรถศูนย์ลูกเรือ ถึงอนุสรณ์สถาน มีน้ำท่วมขัง, ถ.วิภาวดีรังสิต รถยนต์ขนาดเล็กใช้ได้ถึงสะพานกลับรถศูนย์ลูกเรือ

    ถนนสายรอง ปิดการจราจร 7 เส้นทาง
    1. ถ.ช่างอากาศอุทิศ ปิดการจราจรตลอดสาย มีน้ำท่วมขัง
    2. ถ.เทิดราชันย์ ปิดการจราจรตลอดสาย มีน้ำท่วมขัง
    3. ถ.กำแพงเพชร 6 ตั้งแต่ทางเข้า สน.ดอนเมือง ถึง สุดเขตนครบาล มีน้ำท่วมขัง
    4. ถ.สรงประภา ปิดการจราจรตลอดสาย มีน้ำท่วมขัง
    5. ถ.เชิดวุฒากาศ ปิดกาจราจรตลอดสาย มีน้ำท่วมขัง
    6. ถ.เตชะตุงคะ ปิดการจราจรตลอดสาย มีน้ำท่วมขัง
    7. ถ.แจ้งวัฒนะ ซอย 14 ปิดการจราจรตลอดสาย มีน้ำท่วมขัง

    ทิศตะวันตก-ใต้ ถนนสายหลัก ปิดการจราจร 1 เส้นทาง

    1. ถ.บรมราชชนนี ขาเข้า - ขาออก ตั้งแต่ ทางลงคู่ขนานลอยฟ้า ถึง ถ.พุทธมณฑลสาย 4 มีน้ำท่วมขัง

    ถนนสายรอง ปิดการจราจร 4 เส้นทาง

    1. ถ.ทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก ขาเข้า-ขาออก ปิดการจราจร ตั้งแต่คลองทวีวัฒนา ถึงตัด ถ.พุทธมณฑลสาย 2 มีน้ำท่วมขัง
    2. ถ.ฉิมพลี ขาเข้า-ขาออก ปิดการจราจร ตั้งแต่แยกทุ่งมังกร ถึงหน้า สน.ตลิ่งชัน มีน้ำท่วมขัง
    3. ถ.บางแวก ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ ถ.พุทธมณฑลสาย 2 ถึงคลองทวีวัฒนา มีน้ำท่วมขัง
    4. ถ.พุทธมณฑล สาย 3 ปิดการจราจรตลอดสาย มีน้ำท่วมขัง

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 1 ธันวาคม 2554 11:28 น.
    http://www.manager.co.th/Crime/ViewN...d3%b7%e8%c7%c1

    กทม.เร่งหารือแผนกู้หมู่บ้านถูกน้ำท่วมขัง

    กทม.ร่วมมือภาคเอกชนวางแผนกู้หมู่บ้านน้ำท่วมขัง คาดเร็วสุด 5 ธ.ค. แต่หากน้ำท่วมสูงเสร็จ 14 ธ.ค. หวังทุกพื้นที่แห้งทันเป็นของขวัญปีใหม่ ยันเปิด ปตร.คลองพระยาสุเรนทร์ที่ 1.40 เมตร

    วันนี้ (1 ธ.ค.) ที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เวลา 14.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. แถลงข่าวความร่วมมือกับภาคเอกชนในการกู้พื้นที่น้ำท่วมขังภายในชุมชนและ หมู่บ้านในเขตกรุงเทพมหานคร โดยการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำจากหน่วยงานภาคเอกชน 8 บริษัท จำนวน 36 เครื่อง สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร 20 เครื่อง และสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย 1 เครื่อง รวมทั้งสิ้น 57 เครื่อง เพื่อเร่งสูบน้ำในพื้นที่น้ำท่วมขัง 4 พื้นที่ที่สามารถ ดำเนินการได้ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 5 ธ.ค. ได้แก่ 1.หมู่บ้านโกสุมนิเวศน์ 2 เขตดอนเมือง ซึ่งมีน้ำสูง 25 ซม.จากผิวจราจร โดยจะเร่งระบายน้ำในพื้นที่ลงสู่คลองตาอูฐและคลองบางพูด จะทำให้ระดับน้ำในหมู่บ้านลดลงโดยเฉลี่ยวันละ 5 ซม. 2.ซอยแจ้งวัฒนะ 14 เขตหลักสี่ น้ำท่วมขังสูง 50-60 ซม. จะสูบน้ำสู่คลองเปรมประชากร คลองบางตลาด และท่อระบายน้ำ ซึ่งจะทำให้น้ำในพื้นที่ลดลงวันละประมาณ 10 ซม. 3.เคหะชุมชนทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ ระดับน้ำสูง 20-30 ซม.จะระบายน้ำสู่คลองตาอูฐและทำให้น้ำลดลงประมาณ 5-7 ซม. และ 4.ถนนรามอินทรา ซอย 1-39 เขตบางเขน ระดับน้ำสูง 15-20 ซม.จะเร่งสูบน้ำลงคลองถนนและคลองกระเฉด ทำให้น้ำลดลงวันละประมาณ 10 ซม. ส่วนในพื้นที่น้ำท่วมขังสูงกว่านี้คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในวันที่ 14 ธ.ค.นี้

    ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า กทม.ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในทุกพื้นที่ แต่การจะเร่งระบายน้ำในพื้นที่น้ำท่วมขังจะต้องทำการปิดล้อมพื้นที่เพื่อไม่ให้น้ำเข้ามาเพิ่มอีก และเร่งระบายน้ำออกโดยใช้เครื่องสูบน้ำจำนวนมากสูบลงท่อระบายน้ำหรือคลองในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วยิ่งขึ้น ในส่วนของหมู่บ้านเศรษฐกิจ เขตบางแคนั้น ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากมีขนาดพื้นที่กว้างทำการปิดล้อมพื้นที่ได้ยาก อีกทั้งระดับน้ำในคลองทวีวัฒนายังสูงมาก หากสูบน้ำออกตอนนี้น้ำจะไหลวนกลับเข้ามาในพื้นที่ได้ อย่างไรก็ตาม หากระดับน้ำในคลองทวีวัฒนาลดลงและสามารถทำการปิดล้อมพื้นที่ได้ กทม.จะระดมเครื่องสูบน้ำและทำการระบายน้ำหมู่บ้านเศรษฐกิจ รวมถึงพื้นที่อื่นๆ ที่มีน้ำท่วมขังในกรุงเทพฯ ทันที และทุกพื้นที่ของกรุงเทพฯ จะแห้งภายใน 31 ธ.ค. 2554 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนกรุงเทพฯ

    สำหรับภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเพื่อกู้หมู่บ้านน้ำท่วม จำนวน 36 เครื่อง ประกอบด้วย บริษัท ริเวอร์ เอนจีเนียริ่ง จำกัด 14 เครื่อง บริษัท อมตะคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 5 เครื่อง ห้างหุ้นส่วนจำกัดสามประสิทธิ์ 5 เครื่อง บริษัท ซิโน-ไทย เอนจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) 4 เครื่อง บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง จำกัด 2 เครื่อง บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) 2 เครื่อง บริษัท ไออีทีแอล จำกัด 2 เครื่อง และบริษัท เสริมสงวนก่อสร้าง จำกัด 2 เครื่อง

    ส่วนกรณีที่ยังมีชาวบ้านไปกดดันจะปิดถนนให้ กทม.เปิดประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ที่ระดับ 1.50 เมตร นั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ยืนยันว่า จะเปิดประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ที่ระดับ 1.40 เมตร ตามระบบขั้นบันได และได้มอบหมายให้ข้าราชการฝ่ายประจำ กทม.ไปดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีในเรื่องดังกล่าวแล้ว

    ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 1 ธันวาคม 2554 16:52 น.
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNew...d3%b7%e8%c7%c1


    ฝากติดตาม Business Social Group ของร้านแอมด้วยนะคะ ^^ ขอบคุณค่ะ
    Iam-Better2U เพราะเราใช้ เราดีขึ้น เราจึงสรรสิ่งที่ดีสำหรับคุณ

    ร่วมรณรงค์ใส่ลิ้ง เปิดโลก SBNTown ใน sign
    กระทู้ แนะนำความรู้ในการใช้เครื่องมือของชุมชน SBN Town ที่ทำให้พวกเราสามารถใช้งานได้อย่างเท่าเทียมกัน
    Thanks Siambrandname Webmaster ขอบคุณ ผู้โพสต์ข้อความนี้

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •