20 พฤศจิกายน 2554
==================================================
>> กรุงเทพฯ <<
ศอส.สรุปน้ำท่วม ปชช.เดือดร้อน 1.8 ล้านครัวเรือน ตาย 602 คน
ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) กรุงเทพมหานคร สรุปรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน พบว่า ขณะนี้เหลือพื้นที่ประสบอุทกภัย 17 จังหวัด กรุงเทพมหานครมีพื้นที่ประสบภัยจำนวน 36 เขต จาก 50 เขต ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จำนวน 1,800,000 ครัวเรือน รวมยอดผู้เสียชีวิต 602 คน
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2554 13:01 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000147894
ทอท.คาดใช้งบฯ 1.5 พันล.ฟื้นฟูดอนเมือง-หามาตรการป้องกันระยะยาว
นายสมชัย สวัสดีผล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยถึงแผนการกู้ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณในการฟื้นฟูราว 1,500 ล้านบาท แต่ในขณะนี้ ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ ซึ่งภายหลังน้ำลด 2 - 3 เดือน จึงจะเข้าไปทำการสำรวจ อีกทั้งต้องรอให้น้ำแห้งสนิท จึงจะสามารถสำรวจความเสียหายบริเวณทางวิ่งทางขับได้ เนื่องจากต้องดำเนินการตามขั้นตอนของระบบวิศวกรรม ที่จะต้องเจาะพื้นเพื่อสำรวจอย่างละเอียด
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น้ำบริเวณท่าอากาศยานดอนเมือง มีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ โดยระดับน้ำอยู่ที่ 30 - 40 เซนติเมตร นอกจากนี้ทาง ทอท. ยังเตรียมหามาตรการเพื่อป้องกัยระยะยาวต่อไป
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2554 14:44 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000147938
“สุขุมพันธุ์” ยอมเปิด ปตร.คลองทวีวัฒนา สูงขึ้นเพิ่ม ช่วยเหลือคนนนท์ แต่ไม่ยอมลดระดับคันกั้นน้ำ หวั่นคนฝั่งธนฯเจอท่วมซ้ำซาก
“สุขุมพันธุ์” เผย กทม.จะเปิดประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนาให้สูงขึ้น เพื่อเร่งระบายน้ำช่วยคนนนทบุรี พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม แต่ปฏิเสธลงความสูงคันกั้นน้ำ เพราะหากน้ำจะเข้ามากเกินกำลังระบาย คนฝั่งธนฯเจอน้ำท่วมซ้ำซาก
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ประสานขอความร่วมมือกับ กทม.ในการช่วยลดความเดือดร้อนของชาวนนทบุรีจากปัญหาน้ำท่วม ว่า ได้มีการประสานแล้ว เบื้องต้น กทม.จะเปิดประตูระบายน้ำ (ปตร.) คลองทวีวัฒนา ให้สูงขึ้น และติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำให้ลงคลองทวีวัฒนา คลองภาษีเจริญ และคลองต่างๆ เพื่อให้น้ำไหลลงโคลงการแก้มลิงคลองสนามชัย มหาชัย และลงแม่น้ำท่าจีนโดยเร็ว ส่วนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีร้องขอให้ลดระดับคันกั้นน้ำ ตลอดแนวเขต กทม.และนนทบุรี ระยะทาง 6 กม.นั้น คงไม่สามารถทำได้ เนื่องจากจะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าในพื้นที่ กทม.ถึงวันละ 7.5 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งเกินกำลังการระบายน้ำของ กทม.
"ทุกวันนี้ พื้นที่ ฝั่งธนบุรี มีปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ 5 ล้านลบ.ม.เมื่อรวมกับน้ำที่ท่วมพื้นที่แล้ว ยังอยู่ในภาวะที่รับมือ และระบายลงสู่ช่องทางระบายน้ำได้ แต่หากน้ำมาเพิ่ม อย่างมหาศาล หรือ อีกกว่า 7.5 ล้าน ลบ.ม.อาจทำให้พื้นที่ฝั่งธนบุรี เจอกับปัญหาน้ำท่วมขังซ้ำอีก” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเป็นเช่นนั้น ภายใน 20 วัน สถานการณ์น้ำฝั่งธนบุรีจะยังไม่คลี่คลายไปกว่านี้หรือไม่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ปริมาณน้ำฝั่งธนบุรีมีมาก หากสามารถติดตั้งเครื่องสูบน้ำได้มากอย่างที่ต้องการ เชื่อว่า จะสามารถระบายไปได้เร็ว แต่ปัญหาคือว่า ขณะนี้ไม่สามารถผันน้ำไปได้เร็วตามที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม พื้นที่ดังกล่าวมีโครงการแก้มลิงคลองสนามชัย มหาชัย รองรับ และเขตบางขุนเทียน มีพื้นที่ติดทะเล จะยังสามารถระบายน้ำออกไปได้ ขณะนี้ตนอยากขอความร่วมมือไปยังทุกภาคส่วนช่วยประคับประคองสถานการณ์ เชื่อว่า จะไม่นาน ทุกอย่างจะเรียบร้อย
สำหรับระดับน้ำในหมู่บ้านการเคหะธนบุรี 1 ถนนพระราม 2 เช้าวันนี้ระดับน้ำลดลงกว่า 15 เซนติเมตร ก่อนเข้าซอย 200 เมตร น้ำท่วมสูง 30-60 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ประชาชนต้องอาศัยรถขนาดใหญ่ของทหารและหน่วยงานเอกชนที่มาให้บริการ รวมถึงเรือ
ส่วนที่คลองลาดลำพู เช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่จากเขตบางขุนเทียน ร่วมกับประชาชนจากหมู่บ้านการเคหะธนบุรี 2 และ 3 รวมทั้งหมู่บ้านศรัญญา และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขุดลอกคูคลองเพื่อสามารถระบายน้ำลงคลองสี่บาทได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากก่อนหน้านี้มีขยะสะสมมาก ทำให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างล่าช้า
ด้านนายพงษ์ศักดิ์ พันธุ์สวาสดิ์ ผู้อำนวยการเขตบางขุนเทียน กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมดีขึ้นเป็นลำดับ เนื่องจากกทม.ได้นำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งเพิ่มเติมทำให้การระบายน้ำรวดเร็วขึ้น ขณะนี้น้ำท่วมขังเหลือเพียงร้อยละ 1 ของพื้นที่ ส่วนใหญ่ค้างตามซอยต่างๆ เช่น หมู่บ้านการเคหะธนบุรี 1 และซอยต่างๆ ในถนนพระราม 2 เชื่อว่าหากไม่มีน้ำเหนือไหลลงมาเพิ่มเติม ก่อนปีใหม่นี้พื้นที่บางขุนเทียนน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ส่วนถนนตลิ่งชัน-นครชัยศรี น้ำยังท่วมสูงตั้งแต่ทางลงสะพานยกระดับบรมราชชนนี ทั้งขาเข้าและขาออก ระดับน้ำยังสูง 50 เซนติเมตร ระยะทางยาวถึงพุทธมณฑลสาย 4 ประชาชนที่จะเดินทางยังต้องใช้รถทหาร ชาวบ้านแจ้งว่า แม้ระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง แต่บางพื้นที่น้ำยังท่วมสูง เช่น ถนนพุทธมณฑลสาย 3 ระดับน้ำยังสูงกว่า 80 เซนติเมตร ชาวบ้านเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกโดยเร็ว ทำให้การเดินทางยากลำบาก ต้องอาศัยเรือหรือรถขนาดใหญ่ ซึ่งต้องเสียค่าโดยสารไม่ต่ำกว่าเที่ยวละ 100-200 บาท
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2554 16:06 น.
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNew...word=%a1%b7%c1.
กทม.ประสาน ศปภ.เร่งระบายน้ำคลองหกวาสายล่าง-คลองมหาสวัสดิ์
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงว่า ได้ทำหนังสือถึงศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ.เพื่อให้ดูแลเรื่องการระบายน้ำให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะคลองหกวาสายล่าง ที่จะระบายน้ำฝั่งตะวันออกกรุงเทพมหานคร และคลองมหาสวัสดิ์ กรุงเทพมหานครฝั่งตะวันตก
กรณีข้อเรียกร้องของชาว จ.นนทบุรี ให้เปิดประตูระบายน้ำเป็น 1 เมตร ขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการได้ ต้องขอเวลาประเมินอีกสักระยะ เพราะหากเปิดกว้างเกินไปจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2554 19:24 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...word=%a1%b7%c1.
>> พิจิต <<
ชาวพิจิตจมน้ำ 1 ม.กว่า 6 เดือนไม่มีทีท่าลดลง
ระดับน้ำใน อ.สามง่าม โพธิ์ประทับช้าง บึงนาราง และโพธิ์ทะเล จ.พิจิตร ยังสูงเกือบ 1 เมตร ทำให้ชาวบ้านเกือบ 10,000 ครัวเรือน ต้องประสบปัญหาน้ำท่วมขังนานกว่า 6 เดือนแล้ว โดยระดับน้ำยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง
นอกจากนี้ ในช่วงเช้าและกลางคืนยังประสบกับภัยหนาว หลังมวลอากาศเย็นเข้าปกคลุมพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 17 องศา ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังขาดแคลนเครื่องกันหนาว และยังไม่มีหน่วยงานรัฐให้การช่วยเหลือ
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2554 13:11 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000147901
>> นนทบุรี <<
คนเมืองนนท์บุกห้องประชุมทวงถามแก้น้ำท่วม
ชาวบ้านใน จ.นนทบุรี กว่า 300 คน ที่มารอฟังคำตอบการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจากทาง จ.นนทบุรี ได้บุกเข้าห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี ซึ่งภายในห้องดังกล่าว ทางจังหวัดได้มีการประชุมหารือในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ซึ่งบรรยากาศภายในห้องประชุมหลังจากที่ประชาชนเข้ามาเป็นไปด้วยความตึงเครียด เพราะชาวบ้านที่เข้ามามีความเดือดร้อน ทำให้บางคนมีอารมณ์ที่รุนแรง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประชาชนใน จ.นนทบุรี เรียกร้องคือ เมื่อไหร่น้ำที่ท่วมใน จ.นนทบุรี จะลด รวมทั้ง การที่กรุงเทพมหานคร เปิดประตูระบายน้ำ 50 เซนติเมตร ที่ประตูระบายน้ำ 6 แห่ง ที่เชื่อมกับคลองมหาสวัสดิ์ เพื่อช่วยระบายน้ำ จ.นนทบุรี ลงสู่แม่น้ำท่าจีน อยากทราบว่าจะทำให้ระดับน้ำใน จ.นนทบุรี ลดลงเท่าใด รวมทั้ง ชาวบ้านต้องการให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มาชี้แจงในรายละเอียดด้วยตนเอง
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2554 14:41 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000147937
น้ำท่วมเมืองนนท์ 500 โรงงานจม แรงงานยังไม่ถูกเลิกจ้าง
นายธาราธร สมิทธิภานนท์ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรม จ.นนทบุรี เปิดเผยถึงภาคอุตสาหกรรมใน จ.นนทบุรี ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ว่า ในเขตบางบัวทอง ไทรน้อย มีโรงงานที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม 500 โรงงาน ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ อาหาร เครื่องสำอาง และให้หยุดการประกอบธุรกิจชั่วคราวแล้ว ซึ่งขณะนี้ ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหาย เนื่องจากโรงงานยังถูกน้ำท่วม แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้รับร้องเรียนว่าแรงงานถูกเลิกจ้าง
ทั้งนี้ ทางภาคเอกชน เข้าใจสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดดี เพราะขณะนี้ ระดับน้ำในจังหวัดยังคงท่วมสูงอยู่ แต่เมื่อการกู้ถนนทางหลวงหมายเลข 340 ตลิ่งชัน - สุพรรณบุรี เป็นผลสำเร็จ ทำให้การฟื้นฟูโรงงานเป็นไปได้เร็วขึ้น รวมทั้งการคมนาคมขนส่งและการเดินทางของประชาชนเป็นไปอย่างไม่ติดขัด
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2554 14:49 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000147941
ทางหลวงหมายเลข 9 มุ่งหน้า 340 รถสัญจรค่อนข้างมาก
สถานการณ์น้ำท่วมใน อ.บางบัวทอง ตั้งแต่หน้าวัดลาดปลาดุก ยังคงมีน้ำท่วมขังประมาณ 50 - 60 เซนติเมตร ส่วนทางหลวงหมายเลข 9 ที่มุ่งหน้าตัดกับทางหลวงหมายเลข 340 (บางบัวทอง - สุพรรณบุรี) ได้มีการวางแนวบิ๊กแบ็ก และถุงทรายขนาดเล็ก ป้องกันน้ำทั้ง 2 ฝั่งถนน ไม่ให้ไหลเข้าท่วมเลนกลาง เพื่อให้รถนั้นสามารถสัญจรไปทางหลวงหมายเลข 340 ได้ โดยขณะนี้มีรถสัญจรค่อนข้างมาก แต่ในบางจุดอาจจะมีน้ำท่วมขังเล็กน้อย ซึ่งได้มีการสูบน้ำออกแล้ว
ทั้งนี้บ้านเรือนประชาชนและหมู่บ้านที่ตั้งติด 2 ฝั่งถนน อาทิ หมู่บ้าน ป.ผาสุขนิเวศน์ มีระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 60 - 70 เซนติเมตร
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2554 15:13 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000147957
ชาวนนท์รวมตัวปิด ถ.รัตนาธิเบศร์ กดดันเปิด ปตร.
ชาวชุมชนใน 3 อำเภอของ จ.นนทบุรี ได้แก่ อ.บางบัวทอง บางใหญ่ และบางกรวย เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี ทวงสัญญากับทางผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องให้ประสานงานกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ขอเปิดประตูระบายน้ำเพิ่ม เพื่อให้น้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ระบายออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และออกสู่ทะเลโดยเร็ว
ทั้งนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่กรมชลประทานได้เข้าร่วมเจรจา พร้อมแสดงหนังสือที่ทางกรุงเทพมหานครแจ้งกลับมาว่า จะเปิดประตูระบายน้ำต่างๆ ที่อยู่ริมคลองมหาสวัสดิ์ขึ้นเป็น 50 เซนติเมตร แต่ชาวบ้านยังไม่พอใจเรียกร้องให้เปิดขึ้นเป็น 1 เมตร พร้อมเปิดประตูระบายน้ำเพิ่มอีก 3 จุด คือ ประตูระบายน้ำบางพลัด บางอ้อ และบางบำหรุ ทางรองผู้ว่าราชการจังหวัดได้โทรศัพท์ไปยังผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่มีเพียงเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครรับสาย สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้าน และทั้งหมดได้ชักชวนกันไปพังแนวคันกั้นน้ำริมคลองมหาสวัสดิ์ โดยลุกออกจากห้องประชุมทันที
ล่าสุดชาวบ้านได้รวมตัวปิดถนนรัตนาธิเบศร์บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนนทบุรี
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2554 16:25 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000147985
ชาวนนท์รวมตัวปิด ถ.รัตนาธิเบศร์ จี้เปิดประตูมหาสวัสดิ์ 1 ม.
ชาวบ้านนนทบุรี รวมตัวปิดถนนรัตนาธิเบศร์หน้าศาลากลางจังหวัด หวังจี้ “กทม.” ให้ยอมเปิดประตูน้ำในคลองมหาสวัสดิ์1 เมตร เพื่อหวังได้กลับเข้าบ้านภายในวันที่ 1 ธ.ค.นี้
วันนี้ (20 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวชุมชนใน 3 อำเภอของ จ.นนทบุรี ได้แก่ อ.บางบัวทอง บางใหญ่ และบางกรวย เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี ทวงสัญญากับทางผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องให้ประสานงานกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ขอเปิดประตูระบายน้ำเพิ่ม เพื่อให้น้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ระบายออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และออกสู่ทะเลโดยเร็ว
ทั้งนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่กรมชลประทานได้เข้าร่วมเจรจา พร้อมแสดงหนังสือที่ทางกรุงเทพมหานคร แจ้งกลับมาว่า จะเปิดประตูระบายน้ำต่างๆ ที่อยู่ริมคลองมหาสวัสดิ์ขึ้นเป็น 50 เซนติเมตร แต่ชาวบ้านยังไม่พอใจเรียกร้องให้เปิดขึ้นเป็น 1 เมตร พร้อมเปิดประตูระบายน้ำเพิ่มอีก 3 จุด คือ ประตูระบายน้ำบางพลัด บางอ้อ และ บางบำหรุ ทางรองผู้ว่าราชการจังหวัดได้โทรศัพท์ไปยังผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่มีเพียงเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครรับสาย สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้าน และทั้งหมดได้ชักชวนกันไปพังแนวคันกั้นน้ำริมคลองมหาสวัสดิ์ โดยลุกออกจากห้องประชุมทันที พร้อมกับไปรวมตัวกันปิดถนนรัตนาธิเบศร์ เพื่อประท้วง
ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวจังหวัดนนทบุรีได้เสนอข้อเรียกร้อง 4 ข้อ คือ 1.ให้เปิดประตูระบายน้ำที่เชื่อมคลองมหาสวัสดิ์ ทุกประตูภายในวันนี้ ให้สูง 1 เมตร 2.ให้เร่งซ่อมคันดินแม่น้ำเจ้าพระยาและบางบัวทองให้เร็วที่สุด 3.ให้เร่งระบายน้ำออกจากจังหวัดนนทบุรี ทุกอำเภอ จนอยู่ในระดับที่จะกลับเข้าบ้านได้ 4.ให้ประกาศพื้นที่ของจ.นนทบุรีเป็นพื้นที่ภัยพิบัติพิเศษ รวมถึงเงินเยียวยาที่จะได้รับพิเศษด้วย
ล่าสุด ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ยืนยันจะเร่งนำข้อเสนอดังกล่าวประสานกับศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมหรือ (ศปภ.) พร้อมจะเร่งระบายน้ำออกให้เร็วที่สุด ซึ่งทำให้ชาวบ้านบางส่วนพอใจ แต่ได้นัดเพื่อจะกลับมาฟังผลทางปฏิบัติอีกครั้งในวันอังคารที่ 23 พฤศจิกายนนี้เวลา 10.00 น.
ชาวบ้านจึงได้ตัดสินใจนั่งปิดถนนรัตนาธิเบศร์ ทั้ง 2 ฝั่ง ทำให้การจราจรติดขัด มาเมื่อเวลา 15.20 น.จึงยอมเปิดถนนรัตนาธิเบศร์ขาออก 1 เลน ในช่องทางหลัก หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้เจรจา แต่ยังไม่ยอมเปิดด้านคู่ขนาน
ขอบคุณข้อมูลข่าวและรูปภาพบางส่วนจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2554 18:38 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000148032
ชาวนนท์โวย กทม.ไม่เปิด ปตร.บีบผู้ว่าฯนนท์ บุกปิดถนนหน้าศาลากลาง
ชาวบ้านกว่า 200 คน จาก อ.บางบัวทอง อ.บางกรวย อ.บางใหญ่ และ อ.ไทรน้อย โวยไม่พอใจคำชี้แจงแก้ปัญหาน้ำท่วม บุกปิดถนนหน้าศาลากลางจังหวัดกดดันบี้ผู้ว่าฯนนท์ ประสาน กทม.เปิดประตูระบายน้ำในคลองมหาสวัสดิ์ เพื่อระบายน้ำ ขู่รื้อกระสอบทรายที่คลองมหาสวัสดิ์
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (20 พ.ย.) ที่ห้องประชุมใหญ่ศาลากลาง จ.นนทบุรี ชาวบ้านกว่า 200 คน จาก อ.บางบัวทอง อ.บางกรวย อ.บางใหญ่ และ อ.ไทรน้อย ได้เข้าฟังคำชี้แจงถึงปัญหาและการแก้ไขปัญหาการป้องกันน้ำท่วม จากนายประดิษฐ์ สุคนธสวัสดิ์ รอง ผวจ.นนทบุรี หลังจากที่มีการรับปากว่าจะมีการเปิดประตูระบายน้ำในคลองมหาสวัสดิ์เพื่อระบายน้ำ
ด้าน นายประดิษฐ์ กล่าวว่า ทาง จ.นนทบุรี มิได้นิ่งนอนใจได้ประสานกับทาง กทม.เพื่อเปิดประตูระบายน้ำไปแล้วหลายคลองตามข้อเรียกร้อง อีกทั้งยังขอเครื่องสูบน้ำจากทาง ศปภ.มาเพิ่ม คาดว่าระดับน้ำจะลดลง
ระหว่างนั้นได้มีตัวแทนชาวบ้านเข้ามาร้องเรียนและโวยวายเสียงดังในห้องประชุม ว่า หลังจากที่ กทม.เปิดประตูระบายน้ำให้แล้วนั้น เมื่อชาวบ้านเดินทางกลับปรากฏว่าทาง กทม.ได้ปิดประตูระบายน้ำทันที สร้างความไม่พอใจให้กลับผู้ที่เข้าร่วมประชุม จนนายฉลอง เรี่ยวแรง และ นายอุดม รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี ต้องขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ก่อนที่จะเจรจาต่อรองให้กับนายประดิษฐ์ เพื่อต่อสายโทรศัพท์คุยกับ ผ.อ.สำนักระบายน้ำ ขอยื่นเงื่อนไขเพิ่มเติมเปิดประตูระบายน้ำทุกคลองใน จ.นนทบุรี เป็น 1 เมตร จาก 50 ซม.แต่ทาง ผอ.สำนักระบายน้ำไม่สามารถตัดสินใจได้ขอหารือกับทางผู้ว่าฯ กทม.ก่อน สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ร่วมประชุมและต่างส่งเสียงโวยวาย เพราะเชื่อว่าน้ำจะไม่ลดลงอย่างแน่นอนในวันที่ 1 ธ.ค.54 ทุกคนจึงรวมตัวกันประท้วงเพื่อจะไปรื้อคันกระสอบทรายที่ประตูระบายน้ำคลองมหาสวัสดิ์ แต่เนื่องจากหารถไปไม่ได้จึงพากันปิดถนนหน้าศาลากลาง จ.นนทบุรี ประท้วงแทน จนเป็นสาเหตุให้รถติดเป็นระยะทางยาว โดยต้องการทราบคำตอบภายในวันนี้และเรียกร้องให้นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าฯ จ.นนทบุรี ออกมาเจรจากับชาวบ้าน แต่ทาง ผวจ.นนทบุรี ติดภารกิจรับเสด็จ หม่อมเจ้าศรีรัศมิ์ ที่เสด็จเยี่ยมชมคลองมหาสวัสดิ์ มาไม่ได้ จึงให้รอง ผวจ.มาเจรจา และชี้แจงแทน
ต่อมาชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมต่างไม่พอใจคำชี้แจงของทางจังหวัดนนทบุรี จึงได้รวมตัวกันลงมาประท้วงปิดถนนหน้าศาลากลางจังหวัดนนทบุรี โดยมี พ.ต.อ.สมศักดิ์ชัย อมรส่งเจริญ ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนับร้อยนายมารักษาความสงบ ซึ่งกลุ่มชาวบ้านเรียกร้องต้องการพบ นายวิเชียร พุฒิวิญญู เพื่อขอคำตอบที่น่าพอใจ ทำให้การจราจรหน้าศาลากลางเป็นอัมพาตรถไม่สามารถวิ่งผ่านไปได้ ทำให้ผู้ขับรถจำนวนมากต่างพากันลงมาจากรถ และประจันหน้ากันกับกลุ่มผู้ประท้วงจนเกือบจะวางมวยกันกลางถนน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเจรจาอยู่นานกลุ่มผู้ประท้วงจึงยอมเปิดถนนให้ 1 ช่องทาง
เวลาเดียวกันนั่นเองนายประดิษฐ์ สุคนธสวัสดิ์ รอง ผวจ.นนทบุรี ได้เดินทางมาเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง พร้อมทั้งชี้แจงว่าทางจังหวัดนนทบุรีได้ประสานไปทาง กทม.และได้รับคำตอบกลับมาว่ายินดีเปิดประตูระบายน้ำตามคลองต่างๆ ที่ชาวบ้านต้องการให้แล้วในเบื้องต้น 50 ซม.พร้อมขอเครื่องสูบน้ำมาเพิ่มอีกหลายร้อยเครื่อง โดยคาดว่าจะทำให้ระดับน้ำในพื้นที่ต่างๆ ลดลง ทำให้ชาวบ้านต่างพอใจและนัดมาฟังผลกากรดำเนินการต่างๆ ที่ทางจังหวัดพูดไว้ว่ามีความคืบหน้าแค่ไหน ก่อนนัดมารวมตัวกันอีกครั้งในวันอังคารที่ 22 พ.ย.54 เวลา 11.00 น.จากนั้นจึงแยกย้ายกันกลับไป
ขอบคุณข้อมูลข่าวและรูปภาพบางส่วนจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2554 19:05 น.
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNew...word=%a1%b7%c1.
ม็อบนนท์สลายตัวพอใจ กทม.เปิด ปตร.มหาสวัสดิ์-บางพลัด
นายประดิษฐ์ สุคนธสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เปิดเผยหลังเข้าเจรจาชาวบ้านที่เปิดถนนรัตนาธิเบศร์หน้าศาลากลาง เรียกร้องให้ กทม. และ ศปภ. เปิดประตูระบายน้ำในว่า ล่าสุดชาวบ้านยินยอมเปิดถนน หลังทางตัวแทน กทม. และ ศปภ. เข้าเจรจา พร้อมเปิดประตูระบายน้ำ ในคลองมหาสวัสดิ์ คลองบางพลัด โดยชาวบ้านพอใจในข้อตกลงดังกล่าว โดยในวันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน แกนนำชาวบ้านจะรวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อประเมินระดับน้ำในพื้นที่ หลังมีการเปิดประตูระบายน้ำในคลองต่างๆ ร่วมกับ กทม. และ ศปภ. อีกครั้ง
ด้าน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษก ศปภ. กล่าวว่า ในวันอังคารนี้ จะลงพื้นที่ร่วมรับฟังปัญหา กับตัวแทนชาว จ.นนทบุรี อีกครั้ง โดยได้แสดงความเห็นใจชาวบ้าน ที่ได้รับความเดือดร้อนที่ถูกน้ำท่วม และยอมรับว่า การเข้าไปดูแลชาวบ้านของเจ้าหกน้าที่รัฐ ไม่ทั่วถึงเท่าที่ควร ซึ่งทำให้มีการประท้วง
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2554 19:05 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...word=%a1%b7%c1.
>> พระนครศรีอยุธยา <<
3 กระทรวงหลักจับมือฟื้นฟูนิคมฯ บางปะอิน นำร่องเปิด 5 แห่ง ธ.ค.นี้
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ (21 พ.ย.) เวลา 09.30 น. กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงสาธารณสุข ได้จับมือรวมพลังคืนพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน โดยจะนำร่องฟื้นฟูอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย 5 แห่ง ซึ่งทางจังหวัดจัดทำแผนปฏิบัติการฟื้นฟู 58 วัน คือระหว่างวันที่ 20 ตุลาคม - 16 ธันวาคม 2554 ทั้งในเรื่องการทำให้น้ำไหลผ่านนิคมฯ และเขตอุตสาหกรรม ลดปริมาณน้ำเข้าสู่กรุงเทพมหานคร เพิ่มการระบายน้ำและลดระดับน้ำให้ได้ประมาณ ร้อยละ 50 สูบน้ำและกู้พื้นที่ให้เข้าไปยังโรงงานได้ ผู้ประกอบการเข้าซ่อมแซมอุปกรณ์ ปรับปรุงโรงงาน และเริ่มประกอบกิจการ และแรงงานเข้าทำงานได้ในวันที่ 16 ธันวาคมนี้
ผู้ว่าราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวอีกว่า สำหรับนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ในวันที่ 1-15 ธันวาคม คาดว่า จะมีโรงงานเปิดทำการได้ 60-70 โรง จากทั้งหมด 90 โรง
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2554 15:25 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...c2%d8%b8%c2%d2
3 กระทรวงหลักจับมือฟื้นฟูนิคมฯ บางปะอิน นำร่องเปิด 5 แห่ง ธ.ค.นี้
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ (21 พ.ย.) เวลา 09.30 น. กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงสาธารณสุข ได้จับมือรวมพลังคืนพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน โดยจะนำร่องฟื้นฟูอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย 5 แห่ง ซึ่งทางจังหวัดจัดทำแผนปฏิบัติการฟื้นฟู 58 วัน คือระหว่างวันที่ 20 ตุลาคม - 16 ธันวาคม 2554 ทั้งในเรื่องการทำให้น้ำไหลผ่านนิคมฯ และเขตอุตสาหกรรม ลดปริมาณน้ำเข้าสู่กรุงเทพมหานคร เพิ่มการระบายน้ำและลดระดับน้ำให้ได้ประมาณ ร้อยละ 50 สูบน้ำและกู้พื้นที่ให้เข้าไปยังโรงงานได้ ผู้ประกอบการเข้าซ่อมแซมอุปกรณ์ ปรับปรุงโรงงาน และเริ่มประกอบกิจการ และแรงงานเข้าทำงานได้ในวันที่ 16 ธันวาคมนี้
ผู้ว่าราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวอีกว่า สำหรับนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ในวันที่ 1-15 ธันวาคม คาดว่า จะมีโรงงานเปิดทำการได้ 60-70 โรง จากทั้งหมด 90 โรง
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2554 15:25 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000147964
ผู้เชี่ยวชาญชี้โบราณสถาน “อยุธยา” เสี่ยงพังทลายหลังผ่านอุทกภัยครั้งใหญ่
ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณสถานเตือน อุทกภัยซึ่งท่วมขังเกาะเมืองอยุธยานานหลายสัปดาห์อาจบั่นทอนฐานรากของสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ จนเกิดการพังทลายลงในที่สุด
เอเอฟพี - แม้โบราณสถานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจะยืดหยัดผ่านกาลเวลามานานหลายร้อยปี แต่ผู้เชี่ยวชาญกังวลว่า อุทกภัยซึ่งท่วมขังแผ่นดินกรุงเก่านานนับเดือนอาจส่งผลให้โบราณสถานบางแห่งเกิดการพังทลาย
ปริมาณฝนที่มากผิดปกติในฤดูมรสุมปีนี้ทำให้มวลน้ำมหาศาลไหลบ่าจากภาคเหนือลงมาท่วมที่ราบลุ่มภาคกลางของไทยตั้งแต่เดือนกรกฎาคม กระแสน้ำได้คร่าชีวิตประชาชนไปกว่า 600 ราย และอีกหลายล้านคนต้องสูญเสียบ้านเรือนรวมถึงวิถีชีวิตของตนเอง
พระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางเหนือราว 80 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยหนักหนาสาหัสที่สุด ภาพถ่ายทางอากาศเผยให้เห็นวัดวาอารามและโบราณสถานประหนึ่งจมอยู่กลางทะเลสาบขนาดใหญ่
สิ่งปลูกสร้างอายุหลายร้อยปีต้องจมอยู่ใต้น้ำขุ่นข้นนานหลายสัปดาห์ ส่งผลให้เจดีย์สำคัญในเมืองมรดกโลกแห่งนี้เริ่มปรากฎรอยร้าว
หลังจากระดับน้ำในอยุธยาลดลงจนเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ทางการจึงประกาศเตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้ปีนป่ายขึ้นไปบนตัวโบราณสถาน เพราะอาจเกิดการพังทลายได้
ชัยนันท์ บุษยรัตน์ ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ประเมินความเสียหายในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 650 ล้านบาท และชี้ว่ายังไม่อาจสรุปผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งหมดได้
“โครงสร้างโบราณสถานไม่ได้ถูกออกแบบให้รับน้ำหนัก (น้ำ) มากขนาดนี้ น้ำซึ่งท่วมขังเป็นเวลานานยังทำให้พื้นดินอ่อนตัว ซึ่งจะส่งผลให้ฐานรากของโบราณสถานไม่มั่นคง อาคารบางแห่งอาจจมลง หรือที่ร้ายที่สุดก็อาจจะถล่มลงมา” ชัยนันท์ ให้สัมภาษณ์
ขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ใจกลางเมืองอยุธยาน้ำเริ่มแห้ง แต่วัดวาอารามซึ่งตั้งอยู่รอบนอกอุทยานประวัติศาสตร์ยังคงมีน้ำท่วมขัง
เกาะเมืองอยุธยาตั้งอยู่กลางวงล้อมของแม่น้ำ 3 สาย ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา, แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำลพบุรี ซึ่งทำให้โบราณสถานบนเกาะเสี่ยงต่ออุทกภัยเมื่อถึงฤดูน้ำหลาก
ผู้เชี่ยวชาญด้านมรดกโลกจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ อธิบายว่า ในอดีตเกาะเมืองอยุธยาเคยมีเครือข่ายลำคลองอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งช่วยระบายน้ำไม่ให้ท่วมเมือง
“ปัจจุบันลำคลองหลายสายถูกถม หรือไม่ก็ตื้นเขินไปตามกาลเวลา” ผู้เชี่ยวชาญรายนี้กล่าว หลังเจ้าหน้าที่ยูเนสโกลงพื้นที่สำรวจความเสียหายบนเกาะเมืองอยุธยา เมื่อวันพฤหัสบดี(17)
“มีความกังวลว่า รากฐานของโบราณสถานบางแห่งอาจได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ซึ่งจะทำให้โบราณสถานเหล่านั้นไม่มั่นคงแข็งแรงอีกต่อไป... แต่เวลานี้คงยากที่จะสรุปว่า ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นรุนแรงเกินว่าตัวโบราณสถานจะรับได้ หรือยังอยู่ในระดับที่รับไหว”
ที่วัดพระราม ชัยนันท์ ชี้ให้ดูรอยแตกแนวดิ่งบนโครงสร้างอิฐ ซึ่งมีความยาวร่วม 2 เมตร
“ผมว่ารอยแตกคงจะเกิดในช่วงที่น้ำท่วม สำหรับเจดีย์ขนาดเล็กนี่ยังถือว่าไม่รุนแรง แต่ถ้าเป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักหลายตัน จะน่าเป็นห่วงและน่ากลัวมากกว่าสำหรับผม”
อย่างไรก็ดี สิ่งที่หลายฝ่ายกังวลมากที่สุดก็คือ ความจำเป็นที่จะต้องเปิดโบราณสถานอยุธยาให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอีกครั้ง
กระแสน้ำแห้งเหือดไป ทิ้งไว้เพียงเศษขยะและสิ่งปฏิกูลกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นที่ ตั้งแต่ถุงพลาสติกไปจนถึงกิ่งไม้หัก
สุนีวรรณ พุดซ้อน วัย 65 ปี หนึ่งในพนักงานทำความสะอาดซึ่งกำลังเก็บกวาดขยะรอบๆองค์พระพุทธไสยาสน์ วัดโลกยสุธาราม บอกว่า เธอและเพื่อนๆตั้งใจจะทำให้โบราณสถานแห่งนี้กลับมางดงามอีกครั้ง แต่ก็ไม่ใช่งานที่ง่าย เพราะระหว่างน้ำท่วมมีชาวบ้านบางคนหนีน้ำขึ้นมาอาศัยบนโบราณสถาน และทิ้งเศษขยะเอาไว้เกลื่อนกลาด ไม่เว้นแม้กระทั่งซากรถตุ๊กตุ๊ก
“ฉันก็รู้สึกเสียใจ เพราะนี่เป็นโบราณสถานเก่าแก่และเป็นแหล่งท่องเที่ยว เราก็ควรจะช่วยกันปกป้องไว้ แต่เราไม่รู้ว่าน้ำจะมามากขนาดนี้ ไม่เคยเกิดเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อน” สุนีวรรณ กล่าว
ขอบคุณข้อมูลข่าวและรูปภาพบางส่วนจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2554 15:37 น.
http://www.manager.co.th/Around/View...c2%d8%b8%c2%d2
>> บุรีรัมย์ <<
พิษน้ำท่วมกรุง “นกแอร์” หยุดบิน “กทม.-บุรีรัมย์” ไร้กำหนด
บุรีรัมย์ - ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ อ.สตึก ประกาศแจ้งผู้ใช้บริการสายการบินนกแอร์ กรุงเทพฯ-บุรีรัมย์ ยังระงับให้บริการอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมที่สนามบินดอนเมืองคลี่คลายและสามารถเปิดทำการได้ปกติ ขณะประชาชน นักธุรกิจ ยังโทรศัพท์สอบถามต่อเนื่อง
วันนี้ (20 พ.ย.) นายสมหมาย ไชยนิจ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานบุรีรัมย์ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ขอแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน นักธุรกิจ และผู้โดยสาร ที่ใช้บริการเดินทางกับสายการบินนกแอร์ ทราบว่า ทางสายการบินนกแอร์ยังระงับให้บริการเที่ยวบิน บุรีรัมย์-กรุงเทพมหานคร ออกไปอีกโดยไม่มีกำหนดหรือจนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมที่ท่าอากาศยานดอนเมืองจะคลี่คลาย และสามารถเปิดทำการบินได้ปกติ จากที่ก่อนหน้านี้ได้ประกาศระงับการบินชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.-10 พ.ย.2554 เนื่องจากน้ำได้เอ่อท่วมขังรันเวย์ของท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งเป็นฐานการบินของสายการบินนกแอร์ ทำให้ไม่สามารถนำเครื่องบินลงจอดได้
นายสมหมาย ไชยนิจ ผอ.ท่าอากาศยานบุรีรัมย์
ทั้งนี้ สายการบินนกแอร์ ได้เปิดให้บริการเที่ยวบิน กรุงเทพฯ-บุรีรัมย์ สัปดาห์ละ 2 วัน คือ วันศุกร์ และวันอาทิตย์ เดินทางออกจากกุรงเทพเวลา 15.00 น.ถึงบุรีรัมย์ เวลา 16.05 น.และ เที่ยวขากลับ ออกจาก จ.บุรีรัมย์ เวลา 16.35 น.ถึงท่าอากาศยานดอนเมืองเวลา 17.40 น.ซึ่งขณะนี้ได้มีผู้โดยสารโทรศัพท์มาติดต่อสอบถาม และมาจองตั๋วด้วยตนเองหลายรายแต่ต้องผิดหวัง อย่างไรก็ตาม หากมีการเปลี่ยนแปลงทางท่าอากาศยานจะแจ้งให้ผู้โดยสารที่จะมาใช้บริการได้ทราบอีกครั้ง
สำหรับสายการบินของบริษัทนกแอร์ เส้นทาง กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี, จ. อุดรธานี และ จ.สกลนคร ขณะนี้ยังเปิดทำการบินตามปกติ เนื่องจากทางสายการบินได้ย้ายฐานการบินไปขึ้น-ลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแทนชั่วคราว
นายสมหมาย กล่าวต่อว่า สำหรับท่าอากาศยานบุรีรัมย์มีสายการบินนกแอร์เพียงสายการบินเดียวที่มาเปิดให้บริการ ดังนั้น การหยุดให้บริการครั้งนี้ ได้ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการสายการบิน นักธุรกิจ และประชาชนที่ต้องการเดินทางโดยสารเครื่องบิน เพื่อไปต่างจังหวัด ติดต่อราชการ หรือติดต่องานด้านธุรกิจเป็นอย่างมาก จึงขออภัยในความสะดวกในครั้งนี้ด้วยและเชื่อว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะเข้าสู่สภาวะปกติ และจะสามารถเปิดไฟท์บินบริการประชาชนได้ตามปกติในไม่ช้านี้ เพราะหลายฝ่ายกำลังเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอยู่
ขอบคุณข้อมูลข่าวและรูปภาพบางส่วนจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2554 16:51 น.
http://www.manager.co.th/Local/ViewN...word=%a1%b7%c1.