5 พฤศจิกายน 2554
==================================================
>> กรุงเทพฯ <<
บางโฉมศรีพังซ้ำ ทะลักเข้าลพบุรี รมว.เกษตรฯ คาดไม่กระทบ กทม.
ศูนย์ข่าวภูมิภาค - ฝ่ายน้ำล้นบางโฉมศรีพังรอบ 2 ความยาว 6 เมตร ทำน้ำเจ้าพระยาไหลทะลักเข้าคลองเชียงรากไหลบ่าเข้าสู่อำเภอบ้านหมี่-ท่าวุ้ง เมืองลพบุรีอีกครั้ง รมว.เกษตรฯ คาดไม่กระทบ กทม.
มีรายงานข่าวจากประตูน้ำบางโฉมศรี ตำบลชีน้ำร้าย อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรีว่า หลังจากมีการซ่อมแซมประตูน้ำบางโฉมศรี ที่แตกเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่ได้ใช้ระยะเวลาในการซ่อมจนเสร้จไปเมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา จนสามารถปิดกั้นน้ำไม่ให้ไหลทะลักเข้าท่วมในพื้นที่เขตอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี แต่ปรากฎว่าเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.วานนี้ (4 พ.ย.) ประตูระบายน้ำบางโฉมศรี ที่บริเวณหูช้าง ได้พังชำรุดลงมาอีกครั้งโดยมีความยาวประมาณ 6 เมตร ทำให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไหลทะลักเข้าสู่คลองเชียงราก และเริ่มไหลบ่าเข้าสู่พื้นที่อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรีอีกครั้ง หลังจากที่น้ำในพื้นที่อำเภอบ้านหมี่ เริ่มลดลง เนื่องจากน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงกว่าระดับน้ำในคลองเชียงรากกว่า 2 เมตร
นายศิระ ศิริสูงเนิน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ปภ.) สิงห์บุรี กล่าวว่า หลังจากประตูระบายน้ำบางโฉมศรี ที่บริเวณหูช้าง ชำรุดพังทะลายลงมาอีกครั้งทำให้น้ำไหลทะลักเข้าเพิ่มขึ้น 10 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งขณะนี้ถือว่าไม่ส่งผลกระทบที่รุนแรงมากนัก และหลังเกิดเหตุตนได้ประสานงานไปทางกรมชลประทาน ซึ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาซ่อมแซมจุดที่พังแล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะซ่อมแซมได้แล้วเสร็จเมื่อไร
นายทวีป จูมั่น นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หัวไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี กล่าวว่า จุดที่ประตูระบายน้ำบางโฉมศรีพัง ในครั้งนี้อยู่ใต้ประตูน้ำบางโฉมศรี โดยเหตุเกิดขณะที่ทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราช กำลังทำการก่ออิฐปิดฝายน้ำล้น เพื่อกั้นน้ำไม่ให้ไหลผ่านเข้ามายังคลองเชียงราก แต่ได้เกิดพังลงมา
"ขณะนี้ทราบว่ามีการรายงานถึงนายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน เพื่อที่จะตัดสินใจว่าจะปิดกั้นไม่ให้น้ำทะลักเข้าบ้านหมี่ หรือจะเปิดให้น้ำบ่าเข้าคลองเชียงรากต่อไป"
นายศักดิพงษ์ ธรรมอาชวกุล ปลัดเทศบาลตำบลบางงา อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี กล่าวว่า น้ำที่ท่วมในพื้นที่อำเภอบ้านหมี่ และอำเภอท่าวุ้ง กำลังลดลงตามลำดับ แต่พอประตูระบายน้ำบางโฉมศรี ได้พังชำรุดลงมาอีกครั้ง และทำให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไหลทะลักเข้ามาในพื้นที่อำเภอบ้านหมี่ และอำเภอท่าวุ้ง อีกครั้ง ก็จะต้องทำให้ชาวบ้านรับความเดือดร้อนรอบ 2 อีกอย่างแน่นอน
ด้านนางญาณิศา เพชรสัมฤทธิ์ นักวิชาการศาสนาชำนาญการ เปิดเผยว่า หลังจังหวัดนครสวรรค์น้ำลดลงในหลายพื้นที่ พบว่า วัด ศาสนสถาน เสียหายในพื้นที่ 9 อำเภอ จำนวน 189 แห่ง พระ เณร ได้รับความเดือดร้อนจำนวน 2,108 รูป เบื้องต้นจากการสำรวจพบว่า อาคารไม้สัก กำแพงวัด ศาลาเก่าแก่ ถนนเข้าวัด เสียหายจากน้ำที่ท่วมขังยาวนานจำนวนมาก โดยอำเภอชุมแสง วัดเสียหาย 49 แห่ง อำเภอเมือง 38 แห่ง อำเภอท่าตะโก 39 แห่ง อำเภอเก้าเลี้ยว 14 แห่ง อำเภอพยุหะคีรี 14 แห่ง อำเภอโกรกพระ 12 แห่ง อำเภอบรรพตพิสัย 8 แห่ง และอำเภอหนองบัว 4 แห่ง ทั้งนี้ ตัวเลขความเสียหายน่าจะไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า มาจากกระแสน้ำที่แรงขึ้น คิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าว จะไม่เพิ่มปริมาณให้กับน้ำใน กทม.เพราะทิศทางของน้ำมุ่งหน้าไปที่ จ.ลพบุรี และจ.พระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้ น้ำจะเข้าไปในทุ่งแทน ที่จะลงมาในแม่น้ำเจ้าพระยาโดยตรง
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤศจิกายน 2554 00:18 น.
http://www.manager.co.th/Daily/ViewN...word=%a1%b7%c1
กทม.อ่วมทุกทิศ มีสิทธิ์จมยาวถึงสิ้นเดือน ระวังกองโจรน้ำบุกทะลวงท่อ
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ต้องนับว่าเป็นเหตุการณ์ความระทึกขวัญคนเมืองหลวงอย่างกทม.อีกคำรบ เพราะในที่สุดแล้วรัฐบาลนำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้แสดงความบ้อท่าล่าช้าในการจัดการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะกรณีประตูระบายน้ำคลองสามวา ที่ประชาชนภายใต้การชักใยของนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลก่อม็อบ เพื่อบีบบังคับให้เจ้าหน้าที่เปิดประตูระบายน้ำเพิ่มเป็น 150 ซม.และสุดท้ายนายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็ได้ตัดสินใจสั่งให้เปิดประตูระบายน้ำคลองสามวาให้สูงขึ้น ซึ่งนั่นส่งผลทำให้ กทม.เข้าสู่ภาวะเสี่ยงที่จะถูกน้ำท่วมทั้ง 50 เขตในทันที
ดังที่ นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม.ได้คาดการณ์ถึงผลร้ายดังกล่าวว่ามาตรการนี้ว่าจะส่งผลกระทบให้ 20 เขต กทม. ซึ่งเดิมประกาศไปว่าเป็นเขตที่จะไม่ถูกน้ำท่วม กลายเป็นเขตเสี่ยงที่จะถูกน้ำท่วมทั้งหมด โดยเฉพาะเขตบึงกุ่ม สะพานสูงและบางกะปิที่รอดยาก แต่ที่น่าวิตกคือน้ำจะกระจายไปตามคลองย่อยซึ่งมีอยู่กว่า 2,000 คลอง และระบบระบายน้ำของ กทม.ทั่ว 1,000 ตารางกิโลเมตร โดยคาดไม่ได้ว่าน้ำจะไปผุดที่ไหนบ้าง
แต่ดัชนีที่ทำให้คนกรุงขวัญผวามากที่สุด เห็นจะเป็นคำให้สัมภาษณ์ของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ที่ระบุว่า “ระดับน้ำในทางเหนือได้เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ในวันที่ 6 พ.ย. เราจะรอดแล้ว สถานการณ์หลังวันที่ 6 พ.ย.จะดีขึ้นเรื่อยๆ” เพราะทุกครั้งที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์บอกว่า “เอาอยู่ สู้ไหวค่ะ” เหตุการณ์จะเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามทุกคราไป
ยิ่งเมื่อตรวจสอบสถานการณ์และข้อเท็จจริงที่เห็นและเป็นอยู่ก็ยิ่งไม่เห็นว่า น้ำจะเลิกถล่มกรุงเมื่อไหร่ เพราะนับวันมีแต่จะยิ่งขยายวงกว้างและทะลุทะลวงเข้าสู่พื้นที่ชั้นในมากขึ้นทุกที
กล่าวคือ ทางทิศตะวันออก หลังจากที่รัฐบาลได้เปิดประตูระบายน้ำคลองสามวา โดยวิธีการแก้ปัญหาน้ำท่วมในฝั่งตะวันออกยังคงใช้วิธีผันน้ำไปทางทิศตะวันออกผ่านทางคลองสามวาเพื่อระบายน้ำเข้าสู่พื้นที่รับน้ำในเขตมีนบุรีหนองจอก ลาดกระบัง ลงสู่คลองด่านระบายออกอ่าวไทยต่อไป แต่ปัญหาก็คือน้ำบริเวณคลองรังสิตประยูรศักดิ์ยังถูกระบายออกไปได้น้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณน้ำที่ถูกเติมเข้ามาจากน้ำทุ่งทางตอนเหนือ ส่งผลให้มีน้ำไหลบ่าเข้าสู่พื้นที่ชั้นกลางและชั้นในของกรุงเทพฯมากขึ้น
แน่นอน ประชาชนที่ต้องสะดุ้งก็หนีไม่พ้น เขตบึงกุ่ม สะพานสูง บางกะปิ มีนบุรี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมลาดกระบังและบางชัน เหมือนที่ถล่ม 7 นิคมอุตสาหกรรมมาแล้วก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ หากนิคมอุตสาหกรรมบางชันยันน้ำไม่อยู่ จะเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 8 ที่จมน้ำ โดยนิคมฯ แห่งนี้มีมูลค่าการลงทุน 2 หมื่นล้านบาท มีโรงงาน 93 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มบริษัทผลิตอาหาร โดยมีแรงงานกว่าแรงงาน 1.4 หมื่นคน และขณะนี้น้ำก็เริ่มเอ่อเข้าท่วมให้เห็นกันอย่างระทึกขวัญไปเรียบร้อยแล้ว
ที่สำคัญคือ หากนิคมอุตสาหกรรมบางชันจมน้ำ หรือกรุงเทพฯ ชั้นในที่ กทม.เคยประเมินสถานการณ์ว่า 20 เขตอาจจะรอด เพราะมีปัจจัยบวกเกิดขึ้น เช่น การระบายน้ำทางตะวันออกเริ่มทำได้ดี แต่ถ้าที่สุดแล้วฝั่งลาดกระบัง มีนบุรี เอาไม่อยู่ก็จะทะลุมาถึง บางกะปิ สะพานสูง บึงกุ่ม คันนายาว และหากผ่านตรงนี้มาได้ก็มีสิทธิ์ที่น้ำจะไหลเข้าทะลักพื้นที่ชั้นในกทม.อีกไม่ว่าจะเป็นเขตห้วยขวาง วังทองหลาง ดินแดง พญาไท วัฒนา ราชเทวี ปทุมวัน
ก็คงโทษใครไม่ได้นอกเสียจากคำสั่งของยิ่งลักษณ์ ที่ถูกบรรดาส.ส.พรรคเพื่อไทยกดดันจนต้องสั่งให้ กทม.เปิดประตูระบายน้ำคลองสามวาจึงเป็นใบเสร็จชิ้นดีที่มัดการตัดสินใจชนิดไม่เอาอ่าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี อีกครั้ง
ขณะที่ ด้านตะวันตก ของกทม.ก็ต้องเรียกว่าอยู่ในขั้นอ่วมอรทัยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะว่าไปแล้ววิกฤตยิ่งกว่าฝั่งตะวันออกเป็นเท่าตัวก็ว่าได้ เพราะพื้นที่ส่วนนี้ต้องรับน้ำมาจากพื้นที่จังหวัดปทุมธานี นนทบุรี บางกรวย ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยากว่า 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ได้ไหลข้ามคลองมหาสวัสดิ์เข้าสู่พื้นที่เขตบางพลัด ทวีวัฒนา บางกอกน้อย และตลิ่งชัน เกือบเต็มพื้นที่แล้วโดยทรงตัวอยู่ระดับเป็นเมตรเลยทีเดียว โดยปริมาณส่วนหนึ่งได้ไหลไปทางทิศตะวันตกเข้าสู่พื้นที่ศาลายา พุทธมณฑล แผ่เป็นวงกว้างปริมาณจำนวนนี้มีความเชื่อกันว่าจะถูกระบายออกไป 2 ทิศทาง คือ ผันเข้าสู่แม่น้ำท่าจีน กับถูกระบายผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา
ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือน้ำที่ล้นคลองทวีวัฒนา โดยน้ำเริ่มเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนประชาชนริมฝั่งคลอง หากน้ำเอ่อมากขึ้น น้ำมวลนี้จะไหลเข้าเขตบางบอน บางขุนเทียน บางแค ภาษีเจริญ บางกอกน้อย ท่าพระ ซึ่งพื้นที่รอบนอกแม่น้ำเจ้าพระยา ข้างต้นนี้จะได้ผลกระทบน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร
และเมื่อวันที่ 3 พ.ย. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการ กทม. ได้ประกาศให้เขตบางแค เป็นพื้นที่อพยพ เนื่องจากมีน้ำไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
ทั้งนี้ สำหรับฝั่งตะวันตกน่าเป็นห่วงที่สุด เนื่องจากไม่ได้มีการออกแบบผังเมืองเพื่อรองรับสถานการณ์น้ำท่วม อีกทั้งไม่มีถนนขวางทางน้ำ ถนนวงแหวน หรือคันกั้นน้ำ ทำให้น้ำไหลทะลักมาเร็วและแรงกว่าพื้นที่ฝั่งตะวันออก ขนาดนายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ยังยอมรับว่าบ้านตัวเองอยู่บริเวณนี้ อาจต้องจมยาวเป็นเดือน
เรื่องนี้ ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้เชี่ยวชาญภัยพิบัติ ม.รังสิต และผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อม นานาชาติสิรินธร ได้แสดงความวิตกถึงพื้นที่ฝั่งตะวันตกว่า "พยายามชี้ให้รัฐบาลทราบหลายครั้งว่าให้หันมาสนใจการระบายน้ำในฝั่งตะวันตกให้มากๆ เพราะว่าแทบจะมันไม่มีคลองระบายน้ำเลย ที่สำคัญมันยังมีคลองขวาง ขวางอย่างเดียว ฉะนั้นขณะนี้มันจะรับ ส่งก้อนน้ำมหึมาเป็นทอดๆ ท่วมไล่เป็นบล็อกๆ แต่ละพื้นที่จะหนักหนามากกว่าฝั่งตะวันตกมาก เพราะไม่รู้จะระบายน้ำไปไหน จะเอาไปท่าจีนน้ำก็สูง ส่งไปเจ้าพระยาก็สูงอีก แถมขณะนี้คันกั้นน้ำก็แตกหนัก เรื่องนี้รัฐบาลต้องตระหนักให้มากๆ ซึ่งฝั่งตะวันตกรัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาทันที”
กลับไปทางฝั่งเหนือก็ต้องเรียกว่ากระเจิดกระเจิงกันถ้วนหน้าไม่เว้นแม้แต่ ศปภ.เองก็แทบเอาปี๊ปคลุมหัวเดินกันทั้งคณะ เพราะแม้แต่ศูนย์บัญชาการของรัฐบาลเองแท้ๆ ที่ดอนเมือง ก็ยังปกป้องดูแลเอาไว้ไม่ได้ จนต้องย้ายไปที่เอนเนอยี่ คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นตึกของบริษัท ปตท. และทำท่าว่าน้ำจะตามไปราวีอย่างไปเลิกรา
สำหรับทางด้านเหนือนั้น ต้องรับน้ำเอ่อล้นคลองมาจากรังสิตโดยเส้นทางได้รับผลกระทบได้แก่ ดอนเมือง หลักสี่ สายไหม บางเขน รามอินทรา เส้นทางนี้น้ำได้ไหลมาตามทางถนนวิภาวดีรังสิตและพลโยธินแล้วอย่างหนักหน่วง กล่าวคือด้านถนนพหลโยธินน้ำได้บุกเข้าโจมตีราบเป็นหน้ากลองไล่ตั้งแต่วัดพระศรีมหาธาตุบางเขน ราบ 11 สี่แยกเกษตร เสนานิคมมาจนถึงเมเจอร์รัชโยธินและ SCB ปาร์ค ส่วนด้านถนนวิภาวดีรังสิตก็กินยาวมาตั้งแต่สนามบินดอนเมืองอันเป็นที่ตั้งของศปภ. เลี้ยวเข้าถนนแจ้งวัฒนะ ถนนประชาชื่นเลียบคลองประปา แยกพงษ์เพชร ประชานุกูล จนถึงวัดเสมียนนารี
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่น้ำทั้งสองสายจะมาบรรจบกันที่ห้าแยกลาดพร้าว จากนั้นก็บุกตะลุยเข้าสู่พื้นที่ชั้นในสุดแต่มวลน้ำจะเลือกทางเดินไปทางไหน โดยถ้าหากน้ำจากพหลโยธินเลี้ยวซ้ายก็มุ่งหน้าเข้าสู่รัชดาภิเษก ห้วยขวาง ดินแดง ทะลุไปจนถึงสุขุมวิท ส่วนน้ำจากห้าแยกลาดพร้าวก็จะบุกตะลุยผ่านใจกลางเมืองมุ่งหน้าเข้าสู่บางซื่อและอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
และคำเตือนที่ชวนให้คนกรุงระทึกขวัญปิดท้ายเห็นจะหนีไม่พ้น คำเตือนของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ให้สัมภาษณ์ภายหลังขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจพื้นที่ กทม.และปริมณฑลที่ประสบอุทกภัยวันที่ 3 พ.ย.ว่า ปริมาณน้ำทางทิศเหนือที่มาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา เหนือคลองรังสิตยังมีจำนวนมาก
หรือนั่นหมายความว่า ยังมีมวลน้ำก่อนใหญ่จาก “อยุธยา” และ “รังสิต” เตรียมบุกเข้า กทม.อีกระลอกหนึ่ง
ขณะเดียวกันที่คนกรุงเทพฯ ต้องระวังไม่แพ้กันคือกองทัพน้ำที่บุกทะลวงเข้ามาทาง “ท่อระบายน้ำ” ของ กทม.ดังเช่นที่ปรากฏในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้พื้นที่กรุงเทพฯ เสี่ยงหนักเข้าไปอีก ดังคำสารภาพของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) ที่ยอมรับว่า อาจมีเอ่อท่วมขึ้นมาจากท่อระบายน้ำบ้าง ซึ่ง การควบคุมน้ำที่เอ่อมาจากท่อระบายน้ำนั้น ทำได้อยาก
ดังนั้น จงอย่าถามว่า กทม.จะตกอยู่ในวงล้อมของน้ำนานแค่ไหน
แต่ขอให้เตรียมตัวและเตรียมใจ รับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ด้วยใจระทึกไปอีกนานนับเดือนทีเดียว
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤศจิกายน 2554 06:08 น.
http://www.manager.co.th/Daily/ViewN...word=%a1%b7%c1
รมว.คค.ปฏิเสธใช้ ถ.วิภาวดี เป็นคลองระบายน้ำ
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การวางกระสอบทรายใหญ่ หรือ บิ๊กแบ็ค ขณะนี้ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะสามารถลดปริมาณน้ำจากทางเหนือของกรุงเทพมหานครให้น้อยลงได้ แต่ทั้งนี้ ยังไม่สามารถประเมินได้ว่า น้ำที่ไหลเข้าท่วมพื้นที่ กทม.ขณะนี้ จะไหลเข้าท่วมจุดใดบ้าง นอกจากนี้ ยังปฏิเสธว่า เป็นไปไม่ได้ ที่จะใช้ถนนวิภาวดีรังสิต เป็นคลองระบายน้ำ
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤศจิกายน 2554 00:13 น.
[http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...word=%a1%b7%c1
“จากอีเอ็มบอล”ถึงมรณะที่น่ากลัวกว่าน้องน้ำ”
ระหว่างที่สถานการณ์น้ำท่วม ตามมาด้วยภาพน้ำเน่า ขังอยู่ทั่ว กทม.และปริมณฑลขณะนี้ เราลองมาดูมุมมมองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์กันบ้างว่าเป็นอย่างไร
โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ (American Board of Anti-aging medicine) อธิบายไว้อย่างขัดเจนในงานเขียน เรื่อง “จากอีเอ็มบอล”ถึงมรณะที่น่ากลัวกว่าน้องน้ำ”
โดยมีเนื้อหาพอสังเขป ว่า อีเอ็ม หรือ EM ย่อมาจาก Effective Microorganisms ขอแปลง่ายๆว่าก้อนเชื้อบำบัดน้ำเสีย โดยในช่วงน้ำท่วมแถวคลองลาดพร้าวจ่อคอหอยเต็มทีผมได้เข้าไปทำรายการที่ช่องโมเดิร์นไนน์เลยได้มีโอกาสพบกับท่านอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ โดยท่านมีความเห็นต่างออกไปในเรื่องของเจ้าลูกจุลินทรีย์นี้ซึ่งในแง่ของสื่อผมเห็นว่ามีแง่มุมน่าสนใจจึงได้ไปค้นหาข้อมูลจากแหล่งอื่นๆที่เชื่อถือได้มาเล่าสู่กันฟังดังนี้ครับลูกอีเอ็มบอลลูกหนึ่งโดยทั่วไปดูแลน้ำได้แค่ราว 4X4 ตารางเมตรและควรใช้ในน้ำนิ่งจึงจะได้ผลดีที่สุด อย่างใน 2 กรณีคือ
- โยนในคอห่าน ใช้กับสุขาในบ้านหรือในสุขาลอยน้ำก็ได้ ช่วยป้องกันไม่ให้ห้องน้ำของท่านกลายสภาพเป็นห้องแพร่เชื้อ
- โยนในน้ำเน่าขังที่บ้าน หากท่านรับน้องน้ำเข้าไว้ในห้องรับแขกแล้วเริ่มเน่า เอาลูกนี้โยนไปตามขนาดพื้นที่เลยครับ
การใส่ลูกที่สองต่อไปควรใช้ในอีกราว 1 เดือนครับ ส่วนประกอบของเจ้าลูกกลมปั้นได้นี้ก็มีเชื้อจุลินทรีย์โดยมีแกลบและรำเป็นอาหารหลัก ต้นทุนต่อลูกไม่เกิน 2 บาท ซึ่งนับว่าถูกมาก
นี่เป็นข้อมูลจากทางการได้มาครับ
ดังนั้นสรุปว่าลูกบอลนี้ก็มีที่ใช้และมีประโยชน์อยู่แต่ควรต้องใช้ให้ตรงกับข้อบ่งใช้ ไม่ใช่เห็นน้ำที่ไหนก็เอาไปหย่อนไว้เสมอ เช่นเห็นน้ำท่วมกำลังไหลซู่ซ่าอย่างกับน้ำตกไนแองการ่าก็เอาอีเอ็มบอลไปใส่ อย่างนี้ไม่มีประโยชน์ครับ หรือมวลน้ำปริมาณมหาศาลแล้วใส่อีเอ็มบอลไม่พอก็ไม่ช่วยครับ
เผลอๆจะกลายเป็นทำให้น้ำยิ่ง “ป่วย” หนักขึ้น
เพราะลูกบอลนี้มีส่วนประกอบที่คล้ายขยะดีๆนี่เอง เน่าเสียได้ง่ายนะครับเหมือนกับกรณีที่เรือน้ำตาลพลิกคว่ำในแม่น้ำจังหวัดพระนครศรีอยุธยาไม่นานมา ลูกบอลอีเอ็มจะแปรสภาพจากพระเอกน้ำเน่าไปเป็นผู้ร้ายที่ทำให้น้ำยิ่งเน่าหนักขึ้น เห็นท่านผู้มีจิตอาสามาช่วยกันปั้นแล้วก็อนุโมทนาด้วยครับ แต่ขอให้นำมาใช้ให้ถูกจุดนะครับไม่อย่างนั้นน่าเสียดายที่สู้อุตส่าห์ช่วยกันปั้น
สุขสันต์กับอีเม้ยบอล
มรณะซ่อน แผนซ้อนจาก “น้ำ”
พอพูดถึงน้ำเน่าแล้วก็ขอเพิ่มเรื่อง “ผู้ร้ายตามน้ำ” แถมพกเข้ามาสักนิดนะครับ สำหรับกระแสชลาลัยที่ผ่านตัวเราไปไม่ได้มีภัยเฉพาะจากจระเข้หรืองูกรีนแมมบ้าเท่านั้นนะครับ สิ่งที่ตามน้องน้ำมายังมีได้อีกครับ
1) กรดกำมะถัน เป็นกรดที่ละลายน้ำได้มักอยู่ในโรงงานหล่อยางรถยนตร์และแบตเตอรีรถยนตร์ครับ น้ำที่ผ่านตามนิคมอุตสาหกรรมเป็นน้ำที่ไม่น่าไว้วางใจ มิไยที่ใครต่อใครจะออกมาบอกว่าโรงงานของเขาปลอดภัย แต่จะมีใครให้ความมั่นใจได้บ้างไหมว่าน้ำที่ผ่านออกมาจะปลอดภัยไปด้วยร้อยเปอร์เซนต์ เพราะเท่าที่ทราบยังไม่มีใครนำน้ำเน่าเหล่านี้มาตรวจอย่างจริงจังเลย จึงอยากให้ท่านผู้อ่านระวังไว้ก่อนก็จะดีครับเป็นการไม่ประมาทด้วย
2) เชื้อบาดทะยัก โดยปกติเชื้อนี้อยู่กับ “พี่ดิน” ครับแต่เมื่อน้องน้ำ(เน่า)พบเข้ากับพี่ดินก็จะชะเชื้อที่อยู่ติดดินตามมาด้วย กลายเป็นน้ำที่อุดมเชื้อโรค หากท่านมีบาดแผลแค่เพียงเล็กน้อยเชื้อจากน้ำเน่าก็สามารถเข้าได้แล้วครับ เช่นเพิ่งตัดแต่งตะไบเล็บมาแล้วมีแผลนิดๆก็ติดเชื้อได้ หรือในเด็กน้อยแรกเกิดที่ภูมิยังอ่อนแออยู่ เชื้อบาดทะยักสามารถผ่านเข้าทางสายสะดือที่ปนเปื้อนได้นะครับ
3) โลหะหนักปนเปื้อน โดยปกติโลหะหนักอย่างตะกั่ว,สังกะสี,ทองแดง ส่วนหนึ่งจะอยู่ในผืนดินที่เรายืนอยู่ทุกวันนี่แหละครับ แต่เมื่อน้ำผ่านมาก็เป็นธรรมดาว่าพี่ดินก็จะต้องปล่อยของตามน้องน้ำออกไปไม่มากก็น้อยขึ้นอยู่กับพื้นที่ แถบนิคมอุตฯที่เป็นทางผ่านน้ำก็น่าจะมากหน่อย กว่าจะกู้นิคมได้ก็คงปล่อยของออกมาเยอะพอดูครับ ส่วนตามบ้านก็มีตะกั่วอยู่ในสีทาบ้านแล้วก็ผ่านตามน้ำออกมา โลหะเหล่านี้สามารถผ่านเข้าไปทางเยื่อบุร่างกายได้ โดยเฉพาะในเด็กน้อยนี่ดูดซึมตะกั่วได้ดีกว่าผู้ใหญ่ 5-8 เท่าเชียวนะครับ ยิ่งอยู่กับน้ำนานก็ยิ่งมีโอกาสรับสารมรณะมาก ถ้าไม่อยากให้ลูกเสริมตะกั่วโดยไม่จำเป็นก็ขอให้ป้องกันให้ดีครับ
จำเนียรกาลผ่านไป เชื้อและสารปนเปื้อนจากน้ำเน่าก็จะมีความเสี่ยงเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้มากขึ้น ท่านที่พยายามสู้ยิบตากับน้ำมานับเดือนจะทราบดีครับ การอยู่ในบ้านที่แวดล้อมด้วยน้ำเสียนอกจากเสียสุขภาพจิตแล้วยังเสียสุขภาพกายโดยรวมอีกด้วย ท่านจะรู้สึกได้ทันทีถึงสภาพร่างกายที่แย่ลง
ติดเชื้อง่ายขึ้น เป็นหวัดไม่สบายได้ง่ายๆ
แค่เชื้อขำๆผ่านมาก็ติดได้แล้ว
กลายเป็นสุขภาพที่พลอยจมอยู่ในน้ำไปด้วย ซึ่งทางช่วยยังพอมีอยู่บ้างครับแม้จะไม่มากเพราะทางหลักๆอยู่ที่ทางการจะจัดการให้ “น้ำลด” ลงเร็วเท่าไร ถ้ายังไม่ไวพอสุขภาพของผู้คนก็จะตกกราฟลงเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไป ไม่เป็นไรครับยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องสู้กันไปให้กำลังใจกันไปในฐานะที่เป็นผู้ประสบภัยเหมือนๆกัน
สิ่งสำคัญที่จะพอช่วยป้องกันภัยจากน้ำร้ายที่ว่านี้ได้คือ “รองเท้าบู้ท” ครับ หาซื้อไว้สักท่านละคู่ ใช้ใส่ยามจำเป็นต้องย่ำลงไปชั้นล่างของบ้านที่เฉอะแฉะและยังใช้ป้องกันไฟฟ้าดูดได้ด้วยครับ ผมได้รับไอเดียนี้มาจากคุณแม่ที่ท่านแนะให้ซื้อเก็บเอาไว้ตั้งแต่น้ำยังไม่มา และยามน้ำลดก็ยังเอามาใช้ได้ต่อ
แต่ขอให้อย่าต้องเอามาใช้อีกปีหน้าเลย
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤศจิกายน 2554 12:43 น.
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNew...word=%a1%b7%c1
สั่งอพยพ ซ.จรัญฯ 13 แขวงท่าพระ-4 แขวงเขตภาษีเจริญ เฝ้าระวังเขตดินแดง
ผู้ว่าฯกทม.ประกาศเขตอพยพเพิ่ม "ซ.จรัญฯ 13 แขวงท่าพระ -4 แขวงเขตภาษีเจริญ "คลองขวาง-บางด้วน-บางแวก-บางจาก พร้อมเฝ้าระวังพื้นที่ริมคลองบางซื่อ เขตดินแดง
วันนี้(5 พ.ย.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. แถลงว่า
กทม.ประกาศพื้นที่อพยพเพิ่มเติม คือ เขตบางกอกใหญ่ เฉพาะ พื้นที่ ซ.จรัญฯ13 แขวงท่าพระ และ เขตภาษีเจริญเฉพาะ 4 แขวง คือ แขวงคลองขวาง แขวงบางด้วน แขวงบางแวก แขวงบางจาก
ทั้งนี้ ยังประกาศ พื้นที่เฝ้าระวังเพิ่มเติมคือ เขตดินแดง เฉพาะชุมชนริมคลองบางซื่อ ชุมชนอยู่เจริญ ซ.อินทามะระ 41 ชุมชนอยู่เจริญโครงการ 3
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤศจิกายน 2554 13:21 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...word=%a1%b7%c1
ประกาศอพยพ! บางกอกใหญ่-ภาษีเจริญ 4 แขวง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงภายหลังประชุมสถานการณ์น้ำร่วมกับผู้บริหาร กทม.ว่า ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา และคลองหลังต่างๆ ส่วนใหญ่ยังทรงตัว แต่ที่น่าเป็นห่วงขณะนี้ คือ สถานการณ์น้ำถนนวิภาวดีรังสิต และถนนพหลโยธิน ที่ไหลลงห้าแยกลาดพร้าว และกำลังจะขยายวงกว้างไปยังดินแดง สะพานควาย จากเดิมจะใช้คลองบางซื่อเป็นที่รับน้ำ แต่เนื่องจากคลองบางซื่อมีปริมาณน้ำเต็ม ไม่สามารถรองรับมวลน้ำเหล่านี้ได้ เหลือเพียงบึงมักกะสันเท่านั้นที่จะสามารถพึ่งได้ แต่ต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้กรุงเทพมหานครจำเป็นต้องประกาศให้เขตดินแดงบางพื้นที่ เป็นเขตเฝ้าระวังพิเศษ ได้แก่ ชุมชนริมคลองบางซื่อ ชุมชนหมู่บ้านอยู่เจริญ ซอยอินทรามระ 41 และชุมชนหมู่บ้านอยู่เจริญ โครงการ 3 รวมถึงประกาศให้เขตบางกอกใหญ่ แขวงท่าพระ ซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 และเขตภาษีเจริญ แขวงคลองขวาง บางด้วน บางแวก และบางจาก เป็นพื้นที่อพยพ เนื่องจากกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก ยังคงมีน้ำแผ่ขยายวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวอีกว่า ดีใจที่ ศปภ.สามารถปิดประตูระบายน้ำคลอง 8 และ คลอง 10 ได้ เหลือเพียงคลอง 9 เท่านั้น ซึ่ง กทม.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมให้เวลา 48 ชั่วโมงนับจากนี้ไป หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น จะทบทวนมาตรการในการจัดการกับสถานการณ์น้ำต่อไป โดยยังไม่ระบุถึงการดำเนินการ
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤศจิกายน 2554 14:30 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...word=%a1%b7%c1
กทม.ประกาศเขตดินแดงเฝ้าระวัง
“สุขุมพันธุ์” น้ำเจ้าพระยาลดลงแล้ว แต่เขตดินแดงต้องระวังเป็นพิเศษ
วันนี้ (5พ.ย.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการ กทม.กล่าวแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วม ว่า ขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเริ่มลดลงแล้ว ขณะที่คลองหลักต่างๆ ส่วนใหญ่ยังคงทรงตัว แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ สถานการณ์น้ำจากถ.วิภาวดีรังสิต และถ.พหลโยธิน ได้ไหลลงมายังห้าแยกลาดพร้าวและกำลังจะแผ่ลงไปยังดินแดงและสะพานควาย เดิมจะใช้คลองบางซื่อเป็นที่รับน้ำ แต่เนื่องจากคลองบางซื่อมีปริมาณน้ำเต็ม จึงไม่สามารถรองรับมวลน้ำได้ เหลือแต่เพียงบึงมักกะสันเท่านั้น ซึ่งต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ กทม.จำเป็นต้องประกาศให้เขตดินแดงบางพื้นที่เป็นเขตเฝ้าระวังพิเศษได้แก่ ชุมชนริมคลองบางซื่อ ชุมชนหมู่บ้านอยู่เจริญ ซอยอินทามระ 41 และชุมชนหมู่บ้านอยู่เจริญ โครงการ 3 รวมถึงประกาศให้เขตบางกอกใหญ่ แขวงท่าพระ ซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 และเขตภาษีเจริญ แขวงคลองขวาง บางด้วน บางแวก และบางจาก เป็นพื้นที่อพยพเนื่องจาก กทม.ฝั่งตะวันตกยังคงมีน้ำแผ่ลงไปเรื่อยๆ และดีใจที่ศปภ.สามารถปิดประตูระบายน้ำคลอง 8 และคลอง 10 ได้ เหลือเพียงคลอง 9 เท่านั้น ซึ่งทางกทม.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และให้เวลา 48 ชั่วโมงจากนี้ไป หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นก็จะมีการทบทวนมาตรการในการจัดการกับสถานการณ์น้ำต่อ ไป แต่ยังไม่มีการระบุถึงการดำเนินการ
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤศจิกายน 2554 15:03 น.
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNew...word=%a1%b7%c1
บก.จร.แจ้งปิดการจราจร-เส้นทางเลี่ยงน้ำท่วม
กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) แจ้งปิดเส้นทางการจราจรล่าสุดดังนี้
ทิศเหนือ ถนนสายหลัก ปิดการจราจรเพิ่ม จำนวน 3 แห่ง
1) ถ.วิภาวดีรังสิต ขาเข้า-ขาออก ขยายพื้นที่ปิดการจราจร ถึง สำนักงานใหญ่การบินไทย ระดับน้ำ 80-120 ซม.
2) ถ.รัชดาภิเษก ขาเข้า-ขาออก ขยายพื้นที่ปิดการจราจร ตั้งแต่ทางต่างระดับรัชวิภา ถึงแยกรัชดา- ลาดพร้าว ระดับน้ำ 40-80 ซม.
3) ถ.ลาดพร้าว ขาเข้า -ขาออก ปิดการจราจรตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าว ถึง แยกถ.รัชดาตัดลาดพร้าว ระดับน้ำ 80 ซม.
ทิศตะวันตก ถนนสายหลัก ปิดการจราจรเพิ่ม จำนวน 1 แห่ง
1) ถ.เพชรเกษม ขาเข้า-ขาออก ขยายพื้นที่ปิดการจราจร จากแยกพุทธมณฑลสาย 4 ถึงสะพานข้ามคลองบางไผ่ (ซ.เพชรเกษม 22 )ระดับน้ำ 60 -120 ซม.
ทิศตะวันออก ถนนสายรอง ปิดการจราจรเพิ่ม จำนวน 1 แห่ง
1) ถ.ประชาร่วมใจ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 50 ซม.
เส้นทางเลี่ยง เวลา 11.00 น. เพิ่มเติม
ทิศเหนือ จำนวน 2 แห่ง
1) ถ.รัชดาภิเษก ตั้งแต่แยกรัชดา-ลาดพร้าว ถึงอุโมงสุทธิสาร (ปิดทางลงอุโมงค์) ระดับน้ำ 30-40 ซม.
2) ถ.รามอินทรา ตั้งแต่ รามอินทรา กม. 5 ถึง รามอินทรา กม.8 ระดับน้ำ 20-30 ซม.
เส้นทางเลี่ยงที่ใช้การได้
ทิศเหนือ1) ดอนเมืองโทลเวย์ ขึ้นด่านดินแดง - ลงสุดทางบริเวณโรงกษาปณ์
2) ถ.วิภาวดีรังสิต มุ่งหน้าห้าแยกลาดพร้าว ขาเข้า - ขาออก ใช้การได้ ถึงบริเวณแยกสุทธิสาร
3) ถ.พหลโยธิน มุ่งหน้าห้าแยกลาดพร้าว ขาเข้า-ขาออก ใช้การได้ ถึงบริเวณแยกสะพานควาย
4) ถ.ลาดพร้าวมุ่งหน้าห้าแยกลาดพร้าว ขาเข้า - ขาออก ใช้การได้ ถึงบริเวณแยกภาวนา
5) ถ.รามอินทรา ใช้การได้ตั้งแต่ กม.5 ถึง กม.8
6) ถ.นวมินทร์มุ่งหน้า ถ.รามอินทรา ขาเข้า - ขาออก ใช้การได้ ถึงบริเวณสะพานข้ามแยกเกษตรนวมินทร์
7) ถ.ประเสริฐมนูญกิจ(เกษตรนวมินทร์ ) มุ่งหน้าแยกเกษตร ขาเข้า- ขาออก ใช้การได้ ถึงบริเวณลาดปลาเค้า
ทิศตะวันออก
1) ถ.เลียบท่างด่วนรามอินทรา ใช้การได้ตลอดสาย
2) ถ.เสรีไทย ใช้การได้ตลอดสาย
3) ถ.รามคำแหง ใช้การได้ตลอดสาย
4) ถ.ศรีนครินทร์ ใช้การได้ตลอดสาย
5) ถ.สุวินทวงศ์ ขาเข้า - ขาออก จากจังหวัดฉะเชิงเทรา มุ่งหน้ามีนบุรี ใช้การได้ถึงแยกตัดถ.ราษฎร์อุทิศ
6) ถ.มอเตอร์เวย์ ใช้การได้ตลอดสาย
7) ถ.วงแหวนตะวันออก(ใต้) ขาเข้า - ขาออก ใช้การได้ตั้งแต่ทางต่างระดับรามอินทรา ถึงทางขึ้น-ลงสุขสวัสดิ์บางขุนเทียน
8) ถ.บางนาตราด ใช้การได้ตลอดสาย
9) ถ.บูรพาวิถี ใช้การได้ตลอดสาย
10) ถ.ลาดกระบัง ใช้การได้ตลอดสาย
11) ถ.อ่อนนุช ใช้การได้ตลอดสาย
12) ถ.สุขุมวิท ใช้การได้ตลอดสาย
ทิศใต้
1) ถ.พระราม 2 ใช้การได้ตลอดสาย
ทิศตะวันตก
1) ถ.ราชพฤกษ์ ขาเข้า -ขาออกใช้การได้ตั้งแต่ถ.เพชรเกษม ถึง เชื่อมถ.กรุงธนบุรี
สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่ใช้การได้
1) สะพานพุทธฯ
2) สะพานพระปกเกล้าฯ
3) สะพานตากสิน(สาธร)
4) สะพานกรุงเทพ
5) สะพานพระราม 3
6) สะพานพระราม 9 (สะพานแขวน)
7) สะพานภูมิพลฯ(วงแหวนอุตสาหกรรม)
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤศจิกายน 2554 15:47 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000141204
กทม.ประกาศให้ชุมชนริมคลองบางซื่อเป็นพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ
ขณะนี้ระดับน้ำในคลองบางซื่อ ในพื้นที่เขตดินแดงได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่ที่อยู่ติดริมคลองได้รับความเดือดร้อน ล่าสุดกรุงเทพมหานครได้ประกาศให้ชุมชนริมคลองบางซื่อ หมู่บ้านอยู่เจริญ ซอยอินทามระ41 และหมู่บ้านอยู่เจริญ โครงการ 3 เป็นพื้นที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยขอให้ประชาชนยกสิ่งของมีค่าขึ้นที่สูง และล่าสุดระดับน้ำได้ท่วมหมู่บ้านอยู่เจริญซอยอินทามระ41 อยู่ที่ระดับ 40-50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ขณะนี้เขตดินแดงได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปเจรจาทำความเข้าใจกับชาวบ้านกว่า 200 หลังคาเรือนจำนวน 500 คน ให้ปฏิบัติตามที่กรุงเทพมหานครประกาศอย่างเคร่งครัด เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งเตือนกันหลายครั้ง แต่ชาวบ้านไม่ยอมปฏิบัติตาม ส่วนระดับน้ำในคลองบางซื่อที่เพิ่มสูงขึ้นในขณะนี้ ส่งผลให้ถนนรัชดาภิเษกตั้งแต่ช่วงหน้าโรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค มีน้ำท่วมสูงประมาณ 20 เซนติเมตร เป็นระยะทางประมาณ 100 เมตร โดยหลังจากนี้น้ำมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงค่ำวันนี้
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤศจิกายน 2554 16:23 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...word=%a1%b7%c1
กทม.ยันระบายน้ำตามลำคลองเต็มกำลัง
นายวสันต์ มีวงษ์ รองโฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงประสิทธิภาพในการจัดการระบายน้ำภายในของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า ขณะนี้ กทม.สามารถระบายน้ำออกได้กว่า 70 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ในอุโมงค์หลัก และคลองแสนแสบ คลองลาดพร้าว คลองเปรมประชากร คลองบางซื่อ และคลองต่างๆ ทั้งหมดอย่างเต็มกำลัง ขณะนี้น้ำในห้าแยกลาดพร้าวที่ลดลงอย่างรวดเร็วแล้ว เนื่องจากน้ำได้เข้าสู่ระบบการจัดการของกรุงเทพมหานคร ทำให้มีการระบายน้ำได้เร็วขึ้น
ส่วนการจะเร่งระบายน้ำที่ยังคงท่วมอยู่ในพื้นที่เหนือขึ้นไป ในเขตลาดพร้าวนั้น ก็จะสามารถจัดการได้ หลังจากที่มีการวางบิ๊กแบ็คเสร็จสิ้น ซึ่งจะทำให้มวลน้ำที่ไหลลงสู่กรุงเทพมหานครมีปริมาณลดลง
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤศจิกายน 2554 16:51 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...word=%a1%b7%c1
น้ำจากคลองมหาสวัสดิ์แผ่จ่อเขตบางบอนแล้ว
น้ำจากคลองมหาสวัสดิ์ได้แผ่ขยายครอบคลุมบริเวณกว้าง ตั้งแต่ทวีวัฒนา ศาลายา หนองแขม บางแค และล่าสุดได้ไปจ่อที่เขตบางบอนแล้ว
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤศจิกายน 2554 17:30 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000141236
ภาษีเจริญวิกฤต!! ชาวบ้านร้องขอเรือ-รถใหญ่เร่งอพยพ
ประชาชนในเขตภาษีเจริญ บางแค และหนองแขม กำลังเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมอย่างหนัก โดยชาวบ้านบริเวณถนนเพชรเกษม ต่างเร่งขนย้ายสิ่งของอพยพออกจากพื้นที่ หลังจากไม่แน่ใจว่าระดับน้ำจะสูงขึ้นอีกหรือไม่ ซึ่งระดับน้ำจากแยกบางแคถึงแยกท่าพระยังสูงต่อเนื่อง อยู่ที่ระดับ 85 เซนติเมตรแล้ว และภายในชุมชนสูงกว่า 1 เมตร
ส่วนชาวบ้านที่ยังปักหลักอยู่ภายในบ้าน ต้องอาศัยเรือรับจ้างที่วิ่งให้บริการบนท้องถนน และรถทหารที่มาช่วยอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ในการเดินทางเข้า-ออก ซึ่งมีจำนวนไม่เพียงพอ จึงร้องขอทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้จัดหารถและเรือเพิ่ม ขณะที่ห้างโลตัส สาขาเพชรเกษม ยังเปิดบริการตามปกติ ตั้งแต่ 07.00 น.ถึง 23.00 น. โดยชาวบ้านต้องเดินฝ่าสายน้ำระดับเอวเข้าไปซื้อของจำเป็นภายในห้าง
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤศจิกายน 2554 17:37 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000141240
เขตพระนครทำพนังกั้นน้ำริมเจ้าพระยายาวกว่า 100 ม.
นายมนัส อยู่นาม หัวหน้าฝ่ายรักษาความสะอาด สำนักงานเขตพระนคร กล่าวว่า ผู้อำนวยการเขตพระนคร ได้มีคำสั่งให้สำนักงานเขตพระนครลงพื้นที่เพื่อทำพนังกั้นน้ำ บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งท่าพระจันทร์ ตั้งแต่ตรอกมหาธาตุจนถึงซอยกลาง เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ โดยได้ร่วมกับกองทัพบกนำกำลังทหารกว่า 100 นาย เข้ามาสมทบ โดยทางเขตพระนครได้จัดส่งเจ้าหน้าที่กว่า 130 นาย สร้างพนังกั้นน้ำยาวกว่า 100 เมตร สูง 60 เซนติเมตร เพื่อกั้นน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะไหลเข้าพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว โดยขั้นตอนต่อไปจะเป็นการอุดท่อระบายน้ำในพื้นที่ เพื่อป้องกันน้ำที่จะหนุนมาจากพื้นที่ โดยพื้นที่ตรอกสนามพระ เป็นพื้นที่ต่ำที่สุดในบริเวณ ซึ่งระดับน้ำที่เคยสูงที่สุดอยู่ที่ 1 เมตร
นายมนัส กล่าวต่อไปว่า สำนักงานเขตพระนครได้เคยทำพนังกั้นน้ำดังกล่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่พอถึงช่วงเวลาที่น้ำลด พ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่รื้อออก เนื่องจากกีดขวางการเดินทาง แต่ภายหลังจากที่บริเวณดังกล่าวเริ่มถูกน้ำท่วมบ่อยขึ้น และมีปริมาณน้ำสูงขึ้น ทางผู้อำนวยการเขตพระนคร จึงได้มีคำสั่งให้สร้างขึ้นใหม่
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤศจิกายน 2554 17:58 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000141249
เขตภาษีเจริญเร่งระบายน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานระบายน้ำของเขตภาษีเจริญกำลังพยายามที่จะระบายน้ำจากคลองภาษีเจริญ รวมไปถึงคลองบางกอกใหญ่นั้นให้ลงแม่น้ำเจ้าพระยาให้มากที่สุด
ทั้งนี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ฝั่งธน
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤศจิกายน 2554 17:59 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9540000141250
ศปภ.ยันน้ำขยายวงกว้างแต่จะไม่ท่วมสูง แนะกทม.ชั้นในติดตามข่าวใกล้ชิด
ศปภ.ยันน้ำในกทม.ขยายวงกว้าง - ระดับสูงขึ้น แต่จะไม่หนักเท่าพื้นที่ที่ท่วมช่วงแรกๆ แนะกทม.ชั้นใน ติดตามข่าวใกล้ชิด พร้อมวอนอย่าทำลายบิ๊กแบ็ค แจงพื้นที่เหนือคันขึ้นไปจะเร่งสูบน้ำออกเช่นเดียวกัน ไม่ต้องห่วงโดนละเลย อีกทั้งกำลังเร่งกู้ถนน 340 เพื่อเป็นเส้นทางสำรองลงภาคใต้
วันนี้ 5 พ.ย. เมื่อเวลาประมาณ 21.15 น. ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ชี้แจงสถานการณ์ประจำวันโดยนายธงทอง จันทรางศุ เผยว่า ขณะนี้กทม.มีระดับน้ำเพิ่มขึ้น แต่ไม่น่ากังวลเท่ากับหลายๆเขตที่ประสบภัยในช่วงแรก ปริมาณยังไหลกระจายวงกว้างมากขึ้นแต่ระดับน้ำจะไม่สูง ขอแนะนำให้เขตดินแดง และกทม.ตอนในเฝ้าระวัง คอยตรวจสอบประกาศจากภาครัฐว่าอยู่ในเขตอพยพหรือไม่
ทั้งนี้ทางกรุงเทพมหานครได้ทำหนังสือถึงศปภ.ต้องใช้เครื่องสูบน้ำ ขนาด 1 ลบ.ม.ต่อวินาที จำนวน 20 เครื่อง , เครื่องสูบน้ำขนาด 2 ลบ.ม.ต่อวินาที จำนวน 20 เครื่อง และเครื่องสูบน้ำขนาด 3 ลบ.ม.ต่อวินาที จำนวน 20 เครื่อง รวมแล้ว 60 เครื่อง เพื่อนำไปเร่งในการระบายน้ำพื้นที่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมหานคร แต่ศปภ.ไม่สามารถจัดหาตามจำนวนนี้ได้ ซึ่งจะมีการจัดซื้อแต่ต้องใช้เวลาหลายวัน จึงต้องขอจากพี่น้องประชาชนก่อน หากใครมีเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่จะขายให้ศปภ. หรือให้เช่า หรือให้ยืม ก็ได้
ส่วนบิ๊กแบ็คที่ทำขึ้นเพื่อชะลอน้ำเข้าสู่กทม.ชั้นใน เวลานี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยจากนี้จะสูบน้ำที่เข้ามาลงสู่คลองเปรมประชากร เพื่อลดระดับน้ำที่ท่วมถนนวิภาวดี ส่วนที่กังวลว่าจะทำให้บริเวณตอนเหนือของบิ๊กแบ็คน้ำไม่ลดลง จนมีการใช้ของมีคมทำลาย จึงขอยืนยันว่าน้ำที่ขังพื้นที่เหนือบิ๊กแบ็คจะรีบสูบลงคลองรังสิตประยูรศักดิ์และคลองอื่นๆในระบบ ไม่ต้องกังวล รวมถึงคันกั้นน้ำบริเวณต่างๆ ด้วย ขอความกรุณาทุกท่านคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม
เรื่องการจราจร ถนนพระราม 2 ที่เป็นเส้นทางหลักออกจากกทม. ขณะนี้ยังใช้สัญจรไปมาได้ และวันนี้ได้ใช้กระสอบทรายจำนวน 100,000 ใบเป็นแนวกั้นน้ำ เพื่อกู้ถนนสาย 340 บางบัวทอง-สุพรรณบุรี สำหรับใช้เป็นเส้นทางสำรองในการสัญจรลงไปยังภาคใต้
ทั้งนี้การอำนวยความสะดวกงดเว้นจัดเก็บค่าผ่านทางถึง 14 พ.ย. อาจขยายออกไปตามความเหมาะสม โดยทางที่งดเว้นการเก็บเงิน มีดังนี้ 1.มอเตอร์เวย์ 2.กาญจนาภิเษก 3.ด่วนรามอินทรา 4.บูรพาวิถี 5.บางปะอิน-ปากเกร็ด 6.โทลล์เวย์ ส่วนพื้นที่กทม.ชั้นในที่สถานการณ์ปกติ ยังคงเก็บเงินตามปกติ
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก astvผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤศจิกายน 2554 21:52 น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...word=%a1%b7%c1