ขอบคุณข่าวจาก www.soccersuck.com/ssOriginally Posted by Zaine_R
สิงห์ไม่ฟื้น!นำก่อนโดนท๊อฟฟี่ตีเจ๊าท้ายเกม 1-1
"สิงห์ไฮโซ" เชลซียังคงไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาสู่ฟอร์มที่พวกเขาต้องการได้สักที แม้ว่าเกมนี้จะขึ้นนำไปก่อนจากลูกจุดโทษของดิดิเย่ร์ ดร็อกบา แต่สุดท้ายก็มาโดนทางเอฟเวอร์ตันบุกกดดันจนถูกตีเสมอจากเจอร์เมน เบ็คฟอร์ดทำให้แบ่งแต้มกันไปในท้ายที่สุด
พรีเมียร์ ลีก
วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม 2553
เชลซี 1 : 1 เอฟเวอร์ตัน
ประตู : 1-0 ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา(จุดโทษ) น.41,1-1 เจอร์เมน เบ็คฟอร์ด น.86
"สิงห์ไฮโซ" เชลซีเปิดรังแสตมป์ฟอร์ด บริดจ์หมายจัดการกับเอฟเวอร์ตันให้จงได้ เพื่อกู้สถานการณ์ที่ฟอร์มของทีมช่วงนี้ทำคะแนนหายเพียบ
โดยข่าวดีก็คือพวกเขาได้ตัวจอห์น เทอร์รี่กัปตันทีมคนเก่งกลับมาลงสนามอีกครั้ง หลังหายหน้าไปพักหนึ่ง รวมทั้งมิชาเอล เอสเซียงมิดฟิลด์คนสำคัญด้วย
ส่วนเอฟเวอร์ตันก็ใช่ว่าจะไม่มีทีเด็ดเมื่อได้ตัวหลุยส์ ซาฮากลับมาฟิตสมบูรณ์พร้อมล่าตาข่ายอีกครั้ง
ครึ่งแรก
พี่ดุกส่องซะเร็ว
เริ่มเกมมาได้แค่ครึ่งนาที เอฟเวอร์ตันก็ทำเสียวก่อนเลยจากซาฮาที่ได้บอลนอกกรอบเขตโทษ สบโอกาสพี่แกเลยลองส่องด้วยซ้ายข้างถนัดดู บอลพุ่งคมใช้ได้จนเช็กต้องล้มตัวปัดออกไป
สิงห์ยังงึกงัก
ผ่านช่วง 10 นาทีแรก เกมของเชลซีดูเหมือนว่าจะยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางสักเท่าไร โดยเฉพาะในแดนหน้าที่วันนี้ดร็อกบา กับอเนลก้าเหมือนจะจูนกันติดๆขัดๆ
ส่วนทางเอฟเวอร์ตันในช่วงต้นเกมนี้ถือว่าดูดีเลยทีเดียว
ฮาวเวิร์ดทำเสียวซะงั้น
นาทีที่ 14 จากจังหวะไม่มีอะไร ฮาวเวิร์ดก็เกือบจะทำให้เอฟเวอร์ตันมาเสียประตูง่ายๆ จากจังหวะที่เขาจะออกไปรับบอลแล้วดันทำลั่น แต่ถือว่าโชคดีที่จาเกียลก้าอยู่แถวนั้นเคลียร์ทิ้งออกไปได้ทัน
ท๊อฟฟี่มาดีจริง
เกมของทีมเยือนเอฟเวอร์ตันในวันนี้ถือว่าวางแทคติคกันมาได้ดีเลยทีเดียว สามารถบีบเกมตรงกลางของเชลซีให้ทำอะไรไม่ค่อยถนัดนัก และยังยืนตำแหน่งกันได้อย่างเหนียวแน่น โอกาสของเชลซีก็เลยน้อยลงไปด้วย
มาลูด้าปะทะเนวิลล์
นาทีที่ 24 เกิดเหตุปะทะอารมณ์กันขึ้นมาบริเวณกลางสนาม จากจังหวะที่ฟีล เนวิลล์ไปอัดใส่มาลูด้าแบบเต็มข้อ จนทำให้ปีกเลือดเฟร้นช์เดือดขึ้นมา สวนกลับไปด้วยการเอามือตบไปบริเวณอก-คอทันทีแบบแค่เฉียดๆ จนทำให้ต้องมีการมาห้ามทัพกันเบาๆ และผู้ตัดสินก็ต้องเข้ามาคุยเพื่อให้ระงับอารมณ์ด้วย
เจทีดีดเืกือบได้เฮ
อีก 4 นาทีต่อมา จอห์น เทอร์รี่ทำเอาทั้งสนามครางฮือ หลังโชว์เทคนิคดีดบอลในกรอบเขตโทษ ทั้งน้ำหนัก และทิศทางสวยงามสุดๆ ข้ามหัวของฮาวเวิร์ดไปได้แล้ว แต่บอลกลับตกลงคานเด้งออกมา แม้ดร็อกบาจะพยายามตามโหม่งซ้ำ แต่ก็ถูกทางกองหลังของเอฟเวอร์ตันมาเบียดตั๊นท์ไว้ได้ก่อน
เกมชักจะหนัก
เล่นเป็นเล่นมาเริ่มกลายเป็นเกมหนักเสียแล้ว เพราะทั้งผู้เล่นของเชลซี และเอฟเวอร์ตันต่างก็ใส่กันแบบไม่มียั้ง ถึงลูกถึงคนพอสมควร โดยเฉพาะอิวาโนวิชที่สกัดแบบเต็มสูบโดดขาคู่เสียบถึง 2 ครั้งติดๆ แต่ก็เป้นการสกัดบอล
สิงห์เสียว!แมลงสาบเจ็บเอง
นาทีที่ 35 แฟนเชลซีเสียวว๊าบกันทั้งสนาม จากจังหวะที่ดร็อกบาหมุนตัวแต่งบอลแล้วขาหลังดันลื่น ทำให้เสียหลักล้มลงผิดธรรมชาติ สีหน้าบ่งบอกได้ถึงความเจ็บปวดเป็นอย่างดี
แต่พอปฐมพยาบาลขั้นต้นเสร็จแล้วก็สามารถกลับลงไปเล่นได้อีกครั้ง
ซี๊ด!กาลูโหม่งหลุดอย่างเสียว
อีก 3 นาทีต่อมา หลังจากถูกทางเอฟเวอร์ตันกดดันอยู่พักหนึง เชลซีก็มาได้ลุ้นจากลูกเตะมุมที่เปิดเข้าในกรอบเขตโทษแล้วกาลูมีโอกาสได้ขึ้นโหม่งคนเดียว เพราะกองหลังของเอฟเวอร์ตันประกบพลาดไปแล้ว เพียงแต่บอลกลับหลุดกรอบออกไปนิดเดียวเท่านั้นเอง
จังหวะนี้ฮาวเวิร์ดถึงกับปี๊ดแตกตะโกนโวยใส่เพื่อนทันทีว่าทำไมให้โขกได้ง่ายแบบนี้
เนวิลล์พลาด!คืนหลังโดนฉก-เสียจุดโทษ
นาทีที่ 40 ฮาวเวิร์ดทั้งเซงและเฮงในเวลาเดียวกัน จากจังหวะจ่ายคืนหลังพลาดของฟีล เนวิลล์ที่น่าตบกบาลสุดๆเพราะไม่เห็นว่ามีอเนลก้ายืนดักอยู่ ทำให้ถูกฉกเข้าไปแตะหลบฮาวเวิร์ดที่เอาตัวกันเอาไว้ปะทะล้มลงไปทั้งคู่ ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษทันที
ถือได้ว่าโชคดีมากที่ผู้ตัดสินเดินมาแจกแค่ใบเหลืองให้กับฮาวเวิร์ด เพราะมองว่ามีผู้เล่นของเอฟเวอร์ตันเหลืออยู่อีกคนในกรอบเขตโทษ ถือว่าไม่ใช่ตัวสุดท้าย
แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องเสียประตูอยู่ดี เพราะโดนทางดร็อกบาที่รับหน้าที่ซัดจุดโทษเข้าไปไม่มีเหลือ เชลซีนำแล้ว 1-0
หมด 45 นาทีแรก ความผิดพลาดของฟีล เนวิลล์ทำให้มีความแตกต่างเกิดขึ้นในเกมที่สูสีกัน เชลซีนำเอฟเวอร์ตันอยู่ 1-0
ครึ่งหลัง
ท๊อฟฟี่เร่งเกมใหญ่
ผ่านช่วง 10 นาทีแรกของครึ่งหลัง ถือได้ว่าเอฟเวอร์ตันกระตุ้นกันมาดี เพราะเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่าทางเจ้าบ้าน และมีโอกาสบุกขึ้นไปกดดันอยู่เนืองๆ เพียงแต่จังหวะยิงยังไม่จะแจ้งสักดอก
ในขณะที่ทางเชลซีเหมือนกับว่ายังต่อบอลกันไม่ค่อยติดในแดนหน้าคล้ายๆช่วงครึ่งแรก
พี่ดุกไม่ไหว-เบ็คฟอร์ดลง
นาทีที่ 58 หลุยส์ ซาฮามีปัญหาอาการบาดเจ็บตกค้างจากการที่โดนทางอิวาโนวิชหวดแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทำให้เอฟเวอร์ตันต้องเปลี่ยนเอาเจอร์เมน เบ็คฟอร์ดลงมาเล่นแทน
ร็อดเวลล์โขกชนเสา
อีก 3 นาทีต่อมา เอฟเวอร์ตันพลาดได้ประตูตีเสมอไปอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะที่เบนส์เติมขึ้นทางซ้ายโยนบอลเข้ากลางเขตโทษให้ร็อดเวลล์ได้พุ่งตัวโหม่งคนเดียวเต็มๆ และทางเช็กก็หมดสิทธิ์รับไปแล้ว แต่บอลดันไปชนเสา แถมยังเป็นเหลี่ยมนอกที่เด้งออกมา น่าเสียดายแท้
ท๊อฟฟี่กดดันดี-สิงห์ชักยังไง
เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย เกมของเอฟเวอร์ตันถือว่ามุ่งมั่น และกดดันทางเชลซีได้ดีอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่จังหวะสุดท้ายนั้นยังขาดไปอยู่ ในขณะที่เชลซีนั้นเกมถือว่าไม่เฉียบ หรือมิติน้อยไปหน่อยในนัดนี้
เคฮิลล์ไม่น่าเล่น
นาทีที่ 73 ทิม เคฮิลล์ไปเล่นตามน้ำแบบไม่น่าเล่นเลยสักนิดในจังหวะที่พยายามจะเข้าไปเล่นบอลจากลูกจ่ายทะลุช่องของพีนาร์ ซึ่งทางเช็กพุ่งออกมารับบอลได้ก่อน และไม่ทันแน่ๆแล้ว แต่เคฮิลล์ก็ยังยื่นสตั๊ดเข้าไปจิ้มใส่หน้าของเช็ก จนทำให้ต้องนอนหมอบ เห็นแล้วน่าหวาดเสียวสุดๆ
จังหวะนี้ทำให้เทอร์รี่ถึงกับฉุนขาดเข้าไปเอาเรื่องเคฮิลล์ จนเพื่อนต้องมาห้ามทัพกันยกใหญ่
หลังเข้ามาแพทย์เข้ามาปฐมพยายามถือว่าโชคดีมากที่เช็กแค่คิ้วแตก เพราะจังหวะนี้อาจจะอันตรายได้มากหากปุ่มสตั๊ดเข้าจุดสำคัญ เช่น ตา
ท๊อฟฟี่พยายามต่อ
เกมดำเนินเข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย เอฟเวอร์ตันยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำเกมเพื่อที่จะทวงประตูตีเสมอกลับคืนมาให้ได้ แต่ก็ยังไม่สามารถเจาะแนวรับของเชลซีที่บัญชาการโดนเทอร์รี่ซึ่งเด่นมากๆในเกมนี้ไปได้
สิงห์เกือบได้เม็ดสอง
นาทีที่ 82 เชลซีเกือบจะได้ประตูปิดกล่องไปแล้ว จากจังหวะที่เอสเซียงแทงทะลุช่องสวยหยดให้กับแฟร์เรร่าเติมขึ้นมาเปิดเลียดปาดหน้าประตู แต่ไม่มีเข้าใครชาร์จได้ทัน แม้แต่โคลที่เสาสองเพราะโดนทางกองหลังเอฟเวอร์ตันเข้ามากระแทกเข้าไว้
เบนส์สุดตีน!เบ็คฟอร์ดโขกตุง
นาทีที่ 86 เลห์ตัน เบนส์โชว์ความสุดยอดด้วยการกระขากบอลหนีผู้เล่นของเชลซีถึง 3 คนไปเปิดบอลยาวไปเสาสอง เคฮิลล์ขึ้นโขกชงกลับเข้ากลางให้กับเบ็คฟอร์ดหลุดไปโขกเหน่งๆเผาขนคนเดียวไม่มีเหลือ เอฟเวอร์ตันตีเสมอสำเร็จแล้ว
ทด 7 นาทีกันไปเลย
ผู้ตัดสินที่ 4 ออกมาชูป้ายทดเวลา 7 นาที เพราะมีจังหวะอาการบาดเจ็บของเช็ก และพีนาร์ ทำให้เกมนี้ยังไม่เจ็บลงง่ายๆ ได้ลุ้นกันต่ออีกเฮือก
ช่วงทดเวลากลายเป็นทางเอฟเวอร์ตันที่โหมบุกกดดันใส่อย่างหนัก จนเชลซีต้องตั้งรับกันอุตลุด
จบเกมเชลซีทำได้แค่เสมอกับทางเอฟเวอร์ตันไป 1-1 ฟอร์มยังคงบู่ต่อเนื่อง 6 เกมเก็บชัยชนะได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก 6.5,จอห์น เทอร์รี่7.5,บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 7.5,แอชลี่ย์ โคล 6.5,โจเซ่ โบซิงวา 6.5(แฟร์เรร่า 6 น.65),จอห์น โอบี มิเกล 7(สเตอร์ริดจ์ - น.88),ฟลอร็องต์ มาลูด้า 7,มิชาเอล เอสเซียง 6.5,นิโกล่าส์ อเนลก้า 7(รามิเรส 6 น.78),ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา 7,ซาโลมอง กาลู 6.5
เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาวเวิร์ด5.5,ซิลแวง ดิสแต็ง 7,ฟีล จาเกียลก้า
7,เลห์ตัน เบนส์ 6.5,ฟีล เนวิลล์
5.5,มารูยาน เฟลายนี่ 6,แจ็ค ร็อดเวลล์ 6.5,ทิม เคฮิลล์
6,สตีเว่น พีนาร์ 6.5(บิยาเลตดินอฟ - น.87),เซมัส โคลแมน 6.5,หลุยส์ ซาฮา 6(เบ็คฟอร์ด 7 น.58)