Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 3 of 3

Thread: กองแช่งฉลองต่อ!สิงห์บู่ไม่เลิกเจ๊านิว 1-1

Hybrid View

  1. #1
    iDnOuSe4's Avatar
    iDnOuSe4 is offline Trusted Member
    Join Date
    Sep 2010
    Location
    Nontaburi
    Posts
    1,250
    Blog Entries
    6
    โทษทีครับช้าไปหน่อย ไม่ได้ตามดูเลย วันอาทิตย์ที่แล้วเหนื่อยมาก นอนแต่หัวค่ำ ลากยาวมาวันจันทร์ความเหนื่อยก็ยังไม่หายไป เร่ิมมีเรี่ยวแรงก็นึกถึง SbnTown ทันที ^ ^

    Quote Originally Posted by บุ๊ค ฟอร์ลัน
    กองแช่งฉลองต่อ!สิงห์บู่ไม่เลิกเจ๊านิว 1-1

    กองแช่งได้ฉลองกันต่อหลัง "แชมป์เก่า" เชลซีฟอร์มบู่ไม่เลิกไม่ชนะใครติดต่อกันเป็นเกมที่สาม ทำได้แค่ไล่ตีเสมอนิวคาสเซิ่ล 1-1 เก็บเพิ่มได้แค่แต้มเดียวเท่านั้น ทำให้ตอนนี้ตกเป็นฝ่ายตามหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 คะแนนแล้ว

    พรีเมียร์ลีก

    วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน 2553


    นิวคาสเซิ่ล 1 : 1 เชลซี

    ประตู :
    1-0 แอนดี้ แคร์โรลล์ น.6, 1-1 ซาโลมอง กาลู น.45

    ครึ่งแรก

    นิวเกือบนำไก่โห่
    เริ่มเกมมานาทีเศษเจ้าบ้านเกือบได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วหลังได้ฟรีคิกทางริมเส้นฝั่งซ้ายเปิดเข้ากลางมาเป็นแคร์โรลล์ที่ได้โขกเช็คปัดได้[imgr]http://upic.me/i/ug/whve3.jpg[/imgr]

    อเล็กซ์พลาด!แคร์โรลล์เก็บส้มนิวนำ 1-0
    นาที 7 แฟนทีมเยือนช็อคสุดๆหลังอเล็กซ์ทำพลาดคืนหลังให้ปีเตอร์ เช็คที่วิ่งออกมาสวนทางกันทำให้บอลเลยเช็คไปแล้วเป็นแอนดี้ แคร์โรลล์วิ่งตามไปเก็บส้มยิงเข้าประตูไปอย่างง่ายดาย นิวคาสเซิ่ลขึ้นนำ 1-0

    นิวเหนือกว่าชัดเจน
    ช่วง 15 นาทีแรกของเกมเป็นฝั่งเจ้าบ้านที่ทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจนทั้งโอกาสในการจบสกอร์และเปอร์เซ็นต์การครองบอล

    แมลงสาบพลิกยิง
    นาที 19 เชลซีมาได้โอกาสที่ใกล้เคียงการเป็นประตูที่สุดในครึ่งแรกหลังดิดิเยร์ ดร็อกบาได้บอลอยู่ในเขตโทษก่อนพลิกหนีตัวประกบแล้วซัดเต็มข้อด้วยซ้ายบอลพุ่งแรงมากแต่ทิม ครูลโชว์ซุปเปอร์เซฟปัดออกหลังไปได้

    โจนาสส่องไกล
    เกมผ่านพ้นไป 30 นาทีรูปเกมยังคงเหมือนช่วงต้นเกมคือนิวคาสเซิ่ลเป็นฝ่ายบุกกดดันทีมเยือนได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัดแล้วก็มีโอกาสลุ้นอีกหนจากลูกส่องไกลของโจนาส กูเตียร์เรสแต่บอลก็เหินข้ามคานไปไกล

    อเมโอบี้หลุดสิงห์เกือบโดนอีก
    เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกนิวคาสเซิ่ลเกือบได้ลูกสองหลังวางบอลจากกลางสนามไปที่หน้าเขตโทษแอนดี้ แคร์โรลล์เบียดแย่งโหม่งอเล็กซ์ได้โขกตั้งไปให้อเมโอบี้หลุดเข้าไปในเขตโทษแล้วแต่ดันกะจังหวะบอลพลาดทำให้พลาดโอกาสยิงไป

    สิงห์ตีเสมอนาทีสุดท้าย
    นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกเชลซีมาได้ประตูตีเสมอแบบโชคช่วยเล็กน้อยหลังฟลอร็องต์ มาลูด้าจ่ายให้ซาโลมอง กาลูที่ยืนว่างอยู่ในเขตโทษล็อกหนีตัวประกบแล้วซัดทีนทีบอลไปแฉลบแดนนี่ ซิมป์สันเปลี่ยนทางผ่านมือทิม ครูลเข้าประตูไป เชลซีตีเสมอ 1-1 จากนั้นผู้ตัดสินก็เป่าจบครึ่งแรกไป

    ครึ่งหลัง

    สิงห์ดีขึ้น
    ช่วงต้นครึ่งหลังเกมของเชลซีดีขึ้นกว่าครึ่งแรกอย่างเห็นได้ชัดหลังครองบอลเก็บบอลได้มากขึ้นไม่เสียง่ายแบบครึ่งแรกแล้วก็มีโอกาสได้ลุ้นจากลูกยิงในกรอบเขตโทษของดร็อกบาแต่ทิม ครูลล้มตัวเซฟเอาไว้ได้

    แอชลี่ย์ โคลเจ้าพ่อเซฟบนเส้น
    เกมพลิกกลับมาเป็นของเจ้าบ้านอีกครั้งหลังจากที่ปล่อยให้เชลซีได้ครองเกมอยู่พักนึงในช่วงต้นหลังแล้วก็เกือบได้ประตูออกนำอีกหนจากจังหวะที่เช็คออกมาจากหน้าปากประตูเพื่อตัดบอลแต่ไม่ขาดไปเข้าทางเราท์เลดจ์ที่รออยู่ทางริมเส้นเขตโทษฝั่งขวาซัดสวนเต็มแรงเข้ามาเลยหมดสิทธิ์สำหรับเช็คไปแล้ว แต่ยังมีแอชลี่ย์ โคลที่ยืนอยู่บนเส้นสกัดออกมาได้หวุดหวิด

    อิวาโนวิชโขกติดเซฟ
    นาที 70 เชลซีมีลุ้นจากจังหวะเตะมุมที่เปิดเข้ามาเป็นบรานิสลาฟ อิวโนวิชได้โขกแม้บอลจะตรงกรอบแต่ก็ตรงตัวทิม ครูลรับเอาไว้ได้

    เหลือเชื่อ!กาลู 3 หลาออกเฉย
    เกมนี้เชลซีไม่ได้สามแต้มซาโลมอง กาลูนอนไม่หลับแน่หลังได้โอกาสทองจากจังหวะที่นิโคลาส์ อเนลก้าเปิดให้กาลูที่อยู่ในเขตโทษพักอกหนีกองหลังนิวคาสเซิ่ลและทิม ครูลที่ออกมาพลาดได้แล้วแต่ดันยิงระยะเผาขน 3 หลาออกไปอย่างเหลือเชื่อ

    วัดกันทดเจ็บ
    ช่วงทดเวลาบาดเจ็บต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีใครพอใจในผลเสมอพยายามเปิดเกมบุกใส่กันอย่างเต็มที่แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทำอะไรกันเพิ่มได้ทำให้จบเกมนิวคาสเซิ่ลเปิดบ้านเสมอกับเชลซี 1-1

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

    นิวคาสเซิ่ล :
    ทิม ครูล 6.5, โซล แคป์เบลล์ 7.5**, สตีเว่น เทย์เลอร์ 7, แดนนี่ ซิมป์สัน 6, โฆเซ่ เอ็นริเก้ 7, โจนาส กูเตียร์เรซ 7, ติโอเต้ 7.5 , แดนนี่ กัธธรี่ 6.5 , โชล่า อเมโอบี้ 6.5 (เรนเจอร์ส น.78), แอนดี้ แคร์โรลล์ 7, เวย์น เราท์เลดจ์ 7

    เชลซี : ปีเตอร์ เช็ค 5.5, แอชลี่ย์ โคล 6, โจเซ่ โบซิงวา 6, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 6, อเล็กซ์ 5.5, ฟลอรองต์ มาลูด้า 6, จอห์น โอบี มิเกล 5 (สเตอร์ริดจ์ น.80), รามิเรส 5.5 , นิโคล่าส์ อเนลก้า 6, ดิดิเยร์ ดร็อกบา 6.5, ซาโลมอง กาลู 6.5

    ****หมายเหตุเกมนี้ไม่ใส่ stat ให้นะครับเนื่องจากเว็บที่อัพ stat มีปัญหา



































































    credit:www.soccersuck.com/ss

  2. #2
    iDnOuSe4's Avatar
    iDnOuSe4 is offline Trusted Member
    Join Date
    Sep 2010
    Location
    Nontaburi
    Posts
    1,250
    Blog Entries
    6
    ตอนนี้เซลซีแย่แล้วครับ ห้านัดหลังสุดแพ้ไปซะสาม
    ยิงได้สอง เสียประตูไป 7 ไม่รู้ว่าจะกลับมาได้รึปล่าว
    ตอนนี้โดนแมนยูแซงไปแล้ว t t

  3. #3
    iDnOuSe4's Avatar
    iDnOuSe4 is offline Trusted Member
    Join Date
    Sep 2010
    Location
    Nontaburi
    Posts
    1,250
    Blog Entries
    6
    เอามาจากบทความของคุณ Petrboat แพทเชลซีตัวยง ที่บทความเกี่ยวกับฟอร็มทีย่ำแย่ของ เซลซีไว้ได้ดีทีเดียว
    Quote Originally Posted by Petrboat


    เพราะอะไรทำไม เชลซี ถึงฟอร์มตกอย่างน่าใจหาย ?????


    ..........ในขณะที่กระแส เอล กลาซิโก้ กำลังกึกก้องท่ามกลางบรรยากาศอันแสนเหน็บหนาวจนบาดลึกถึงขั้วหัวใจทำให้เกิดเครื่องหมายคำถามมากมายมาขึ้นมาตั้งแง่ใส่อภิมหากุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ จอมอหังการณ์..

    คำถามที่ว่านั่นก็คือเพราะเหตุใด เดอะ สเปเชี่ยล วัน ที่ขึ้นชื่อในด้านการสร้างมาตรฐานเกมรับอันเหนียวแน่นถึงได้เสียประตูเละเทะขนาดนั้น ?

    นับตั้งแต่ เรอัล มาดริด เจอ ดาวิด บีญ่า พิฆาตประตูที่ 3 เข้าไปเปรียบได้ดั่งกับว่าตัว มูรินโญ่ ถูกคำสาปให้ทำได้เพียงนั่งปลงในผลงานของลูกทีมอยู่ข้างสนามเพราะโดน บาร์เซโลน่า งัดลูกโหดมาเล่นขนาดนั้นเป็นใครก็คงโชว์สกิล "เครียด" ไม่ออก

    ผลที่ตามมาจึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทำดีมาจนเกือบๆ 1 ใน 3 ของซีซั่นแต่พบเหตุการณ์อันไม่คาดฝันแบบนั้นที่ คัมป์ นู เข้าไปอนาคตกุนซือ ณ เบอร์นาบิว ก็สั่นคลอนเล็กน้อยเหมือนกัน..

    จะว่าไปแล้วช่วงนี้เส้นชะตาของเหล่าผู้จัดการทีมยักษ์ใหญ่คนก็อยู่บนเส้นด้ายหลายคน.. รอย ฮอดจ์สัน ถูกสบประมาทว่าไม่เหมาะกับการคุมระดับ ลิเวอร์พูล และสถานการณ์ต่างๆ เริ่มไม่สวยงามเหมือนที่คาดหวังไว้ตอนต้น

    ส่วนทางด้าน ราฟาเอล เบนิเตซ ตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดเป็นพิเศษเพราะเข้ามารับงานต่อจาก โชเซ่ มูรินโญ่ ที่วาดความสำเร็จ 3 แชมป์ไว้ให้คนทั่วโลกตราตึงแล้วพอตัว เอลราฟา ต้องมาสานต่อความกดดันจึงเป็นศัตรูที่อันตรายที่สุด

    ทว่าในความรู้สึกแล้วมีอีกคนที่กำลังประสบปัญหาแต่ว่าเจอในสิ่งที่แตกต่างออกไป.. คาร์โล อันเชล็อตติ คนนี้การันตีฝีมือได้ว่าของแท้แต่พอทีมผลงานแย่ภาพวันเก่าๆ เสี่ยหมีเฮดช็อตเริ่มลอยมาให้เห็นเป็นลางๆ กันอีกครั้ง..

    ออกสตาร์ทด้วยการยิงคู่แข่งไส้แตกชนะ 5 นัดรวดถล่มไป 21 ดอกและเจอเปิดซิงเพียงประตูเดียวเท่านั้นในเกมที่บุกไปเอาชนะ เวสต์แฮม 1 - 3 จนเกิดเสียงอุทานออกมาอย่างต่อเนื่องว่า "เอ็งเอาแชมป์ไปเถอะ"

    ไม่พอ.. เชลซี เคยนำ แมนยูไนเต็ด มากสุดด้วยช่องว่าง 5 แต้มแต่เพราะเหตุใดปัจจุบันนี้ทีมที่อยู่บนหัวตารางจึงเป็นปีศาจแดงหาใช่สิงโตน้ำเงินครามที่ร้อนแรงในช่วงเปิดซีซั่น ?

    อันนี้มันน่าคิดจริงๆ ครับแต่โดยส่วนตัวแล้วผมขอแยกออกเป็น 2 ปัจจัยหลักๆ ..

    อย่างแรกเลยคือการที่ เรย์ วิลกิ้น ตำนานของสโมสรจึงถูกเด้งฟ่า่ผ่าอย่างกระทันหัน.. อันนี้ส่งผลต่อสภาพจิตใจนักเตะเป็นแน่แท้เพราะแค่เกมแรกที่ปราศจากชายที่หน้าตาคล้าย ทอม เฮนนิ่ง ออฟเรโบ ไปเพียงเกมเดียวทัพสิงห์บลูปราชัยทันที..

    และที่ร้ายแรงไปกว่านั้นคือเป็นการพ่ายคาบ้านให้กับ ซันเดอร์แลนด์ ถึง 0 - 3 ในชนิดที่เล่นกันได้สมควรแพ้ด้วยความสัตย์จริง

    จะบอกว่าถูกเฉดหัวออกเพราะ วิลกิ้น ไม่เก่งก็ไม่ใช่.. รับช่วงต่อเป็นคนตราทัพในช่วงที่ทีมไร้กุนซือก็เคยมาแล้ว หรือจะเป็นการช่วยประสานงานกับ กุส ฮิดดิงค์ ผงาดคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ 2009 น่าเชิดชูชะมัด

    ปีที่ผ่านมาก็ยังคงทำหน้าที่ต่อไปและผนึุกกำลังกับ คาร์โล อันเชล็อตติ จนกระชากแชมป์ลีกสูงสุดจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาครองได้สำเร็จแถมคอยเป็นล่ามให้กับตัว อันเช่ อีกด้วยเวลากุนซือคางทูมอยากระเบิดโทสะใส่นักเตะบางคน

    เรื่องของเรื่องคือมันน่าสงสัยไม่น้อยเมื่อ ไมเคิ่ล เอมินาโล่ อดีตหัวหน้าแมวมองผู้ซึ่งเคยเกือบอิมพอร์ต เนย์มาร์ โกทูลอนดอน ดันเป็นผู้ที่ขึ้นมารับตำแหน่งแทนซึ่งบ่งบอกได้เป็นนัยๆ เลยว่างานนี้มีลับลมคมไหนจากคนเบื้องบนอย่างไม่ต้องสงสัย

    ตัวอันเช่เองก็ดูเหมือนจะแอนตี้เสียด้วยเพราะสังเกตุได้ง่ายๆ เลยว่าเวลาืที่ตัวเขาต้องการความแน่ใจบุคคลที่จะปรึกษาเป็นอันดับแรกไม่ใช่ เอมินาโล่ แต่กลายเป็น พอลล์ คลีเมนต์ ผู้ช่วยอีกคนต่างหาก..

    ของแบบนี้ต่อให้พูดสัก 10 วันมันก็ไม่จบเพราะมันหามูลความจริงที่เชื่อถือไม่ได้.. ต่อความยาวสาวความยืดต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์และยังถือว่าโชคดีที่ เรย์ วิลกิ้น เองยอมใจเย็นไม่เอาเรื่องที่สิ่งที่เกิดขึ้น

    อีกสิ่งนึงที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการที่ผู้เล่นตัวหลักประสบปัญหาอาการบาดเจ็บ.. ซึ่งผมให้น้ำหนักในส่วนนี้ค่อนข้างเยอะมากถ้าว่ากันถึงเรื่องในสนามล้วนๆ ไม่ต้องเอาคนอื่นมาเอี่ยว

    การเสีย จอห์น เทอร์รี่ ไปทำให้แผงเกมรับยวบลงทันทีไม่ต้องรีรออะไร.. แถมช่วงนั้นปราการหลังบราซิลเลี่ยนอย่าง อเล็กซ์ ก็ดันมาเจ็บพร้อมกันพอดีส่งผลให้ เรนาโต้ เปาโล เฟอร์เรร่า ต้องลงไปเล่นแทนจนเสียผู้เสียคน

    นั่นแสดงให้เห็นว่าขุมกำลังตัวสำรอง เชลซี ไม่สามารถทดแทนกันได้เหมือนฤดูกาลก่อนๆ.. บทจะดันดาวรุ่งอย่าง เจฟฟรี่ บรูม่า ลงไปเล่นก็ดันเกรงว่าประสบการณ์จะไม่พอซึ่งอันนี้ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าถ้าเป็นแบบนั้นอันเช่จะบอกว่าซีซั่นนี้ดันดาวรุ่งเต็มตัวเพื่อ ???

    คือของแบบนี้มันต้องกล้าลอง.. เพราะจะว่าไปดาวรุ่งส่วนใหญ่มีโอกาสเฉพาะนัดที่ไม่สำคัญเท่านั้น.. จอสช์ แม็คเอแคร่น ได้ลงเล่นเยอะจริงแต่ก็เหมือนที่ผมบอกไปถ้าเกมใหญ่ก็ได้ลงช่วงคับขันสุดๆ หรือไม่ก็เฉพาะเวลาที่ทีมยิงสกอร์ขาดแค่นั้นเอง

    ตัดบทสรุปด้านดาวรุ่งและเกมรับไปมาต่อกันที่แดนกลางกันต่อ.. อันนี้ผมว่าร้ายแรงที่สุดเพราะภาพก็ฟ้องในทางอ้อมเมื่อ ดิดิเยร์ ดร็อกบา หรือ นิโกล่าส์ อเนลก้า ไม่มีตัวเปิดป้อนอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด พวกเขาก็ไม่ได้มีจังหวะได้จบงามๆ สักที

    ส่วนใหญ่ที่เห็นๆ กันคือาศัยชงเองกินเองแบบนั้นความหลากหลายไม่พอ เจอจับทางได้เกมตัน ขาดนักเตะที่มีวิชชั่นไปแบบนี้กองหน้าเหนื่อย..

    ตัวแทนที่น่าจะทำหน้าที่ได้ดีที่สุดอย่าง ยอสซี่ เบนายูน ก็ดันบาดเจ็บยาวครั้นจะให้ รามิเรส มาเล่นแทนก็ไม่ไหวเพราะยังปรับตัวกับบอลอังกฤษไม่ได้แถมสไตล์ก็ไม่ให้อีกต่างหาก

    หลายครั้ง ฟลอล็องค์ มาลูด้า ต้องมาเล่นแต่ก็ทำให้เกมริมเส้นดูดร็อปไปเพราะ แอชลีย์ โคล จะเติมความร้อนแรงทางด้านซ้ายได้เผ็ดมันที่สุดต้องคอมโบร่วมกับ มาลูด้า เท่านั้น

    แล้วพอลองใช้ ยูริ เชียร์คอฟ เล่นก็พอไปวัดไปวาได้ นักเตะคนนี้ผ่านบอลเก่ง เอาตัวรอดดี แต่มิติไม่เพิ่มเพราะเวลาเล่นดันชอบไปทับไลน์กับ มาลูด้า และ เอโคล ที่ถนัดเท้าซ้ายด้วยกันทั้งนั้น

    เจอกุนซือฝ่ายตรงข้ามจับทางหาตัวเข้าและคนรอซ้อนแบบเต็มสตรีมเสียหน่อยเกมรุกก็ตื้อไปเสียดื้อๆ ????

    ร้ายยิ่งไปกว่านั้นคือการขาด ไมเคิ่ล เอสเซียง เพราะโดนโทษแบนถึง 3 นัดส่งผลกระทบต่อทีมอย่างมาก.. คือไม่มีคนสร้างสรรค์เกมตรงกลางประสิทธิภาพมันก็หายแต่ว่าขาดความหนาแน่นอย่าง เอสเซียง ไปแดนกลางดูเบาหวิวไปโดยปริยาย

    เอากันง่ายๆ นัดที่แพ้ ซันเดอร์แลนด์ มีเพียง จอห์น โอบิ มิเกล ที่สอบผ่านส่วน เชียร์คอฟ ดูดร็อปและ รามิเรส ออร่ายังไม่ถึงสร้างความหนาแน่นแบบที่ เอสเซียง ทำยังไม่ได้เลยโดน ลี แคทเทิ่ลโม คนเดียวกลบ 3 มิดฟิล์ดสิงโตน้ำเงินครามซะเรียบวุธ

    เกมวันเสาร์ืที่จะถึงนี้ เชลซี เตรียมเปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับการมาเยือนของ เอฟเวอร์ตัน น่าจะเคลียร์ปัญหาหลายๆ อย่างไปได้เพราะ จอห์น เทอร์รี่ ฟิตปั๋งส่วน เอสเซียง ก็พ้นโทษแบนกลับมา

    จะขาดก็เพียงแค่ แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่ยังเป็นข้อสงสัยว่าชายคนนี้หรือไม่ที่คือต้นเหตุแห่งการฟอร์มทรุดของ เชลซี ตัวจริง ?

    ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าจะเป็นเช่นไรเพราะถ้าหาก เชลซี คืนฟอร์มกลับมาชนะได้ก็จะเป็นแบบเดิมคือเสียงเชิดชูกลับมาอีกครั้งเหมือนตอนที่ออกสตาร์ทร้อนแรงตอนต้นฤดูกาลทั้งๆ มี แลมพาร์ด ในแผงฟอร์เมชั่นแค่ 2 นัดเท่านั้น

    บางทีทนรอไป 10 วันเพื่อยลโฉมของ "เดอะ แฟรงค์" อย่างเต็มตัวเราคงได้บทสรุปสักทีว่า เชลซี ที่เคยร้อนแรงนั้นมันเป็นความสามารถของแท้หรือเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา..


    ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยครับตอนเขียนมึนหัวมากแต่ก็ยังอยากเขียนเพราะต้องการเขียนให้เสร็จก่อนเกมเจอเอฟเวอร์ตัน

    Petrboat

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •