นายพงศ์พันธ์ เบญจาสินสวัสดิ์
หากไม่มีแก่นวิชา ผมในวันนี้คงไม่ใช้ผมคนนี้
ตั้งแต่ที่ผมได้เข้ามาบ้านแก่นวิชา หลากหลายอย่างรอบกายผมก็เปลี่ยนไป ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม แก่นวิชาเป็นบ้านที่สอนในสิ่งที่ผมควรจะรู้แต่กลับไม่รู้ มันมากกว่าสิ่งที่เรียกว่าความรู้ครับ มากกว่านั้นจริงๆครับ
เดิมผมคนนี้เป็นเพียงบุคคลหนึ่งที่พยายามแข่งขันกับคนอื่น ในโลกกลมๆ ใบนี้ โลกที่คนจำนวนมากต้องแข่งกัน เพื่ออะไรหรือครับ ? สำหรับผม เพื่อให้ได้มาซึ่งการยอมรับ การที่คนอื่นยอมรับเรา ว่าเก่ง ว่ามีความรู้ความสามารถ ทั้งที่เบื้องหลังความสามารถเหล่านี้เกิดขึ้นเพียงเพราะผมรู้มาก่อน ผมเสียเงินพ่อแม่ของผม แลกกับความรู้ที่ได้จากการเรียนพิเศษ แล้วผมก็ต้องเอาเงินพ่อแม่ของผมอีกเช่นกัน ไปเสียเป็นค่าเทอมสำหรับให้ผมได้อวดความรู้ที่ผมเรียนพิเศษมา สำหรับคำชมของอาจารย์ที่ผมจะได้รับจากการโอ้อวดนั้น วันเวลาผ่านไป ผมอยากที่จะติดอันดับหนึ่ง เพราะมันเป็นสัญลักษณ์ทางสังคมว่าผมเก่ง ผมต้องฝืนใจตัวเองเรียนในสิ่งที่ผมไม่ชอบ แต่นั้นก็ไม่ร้ายแรงเท่ากับ การที่ผมหวงความรู้ ไม่แบ่งเพื่อน เพราะความกลัวครับ กลัวว่าคนอื่นจะเก่งกว่า มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้เข้ามาที่บ้านแก่นวิชาครับ ผมได้เริ่มรู้จักที่จะตั้งคำถามกับตัวเอง คำถามแรกที่ผมถามคือ นี่ตัวผมกำลังทำอะไรอยู่ ... ผมจึงได้รู้สึกตัวครับ ว่าที่ผ่านมาผมทำบ้าอะไร ด้วยความกลัวและความอยากเป็นที่หนึ่ง มันทำให้ผมตาบอด หวงวิชากับเพื่อน มองข้ามคน มองข้ามคำว่ามิตรภาพ ผมรู้ว่าที่ผ่านมาผมเรียนเพื่อสอบ ไม่ได้เรียนเพื่อรู้ ผมเลยหยุดครับ หยุดวิ่งตามคำว่าที่หนึ่ง แต่กลับหันมาถามตัวเองว่าชีวิตหนึ่งและชีวิตเดียวของผมเกิดมาต้องการสิ่งใดกันแน่ ผมเริ่มที่จะมองหาคุณค่าในตัวเอง มองหาสิ่งที่ผมชอบ และพิจารณาการกระทำของตนในอดีตนะครับว่า ผมทำอย่างนั้นไปทำไม ผมจึงเริ่มมองเห็นตัวตนของผมเอง ว่าที่ผมเป็นอยู่นั้นผมกำลังทำอะไร ผมทำมันไปทำไม ทุกวันนี้ผมมีความสุขกับการเรียนเพื่อรู้ เรียนในสิ่งที่ผมชอบ ไม่ได้หมายความว่าวิชาที่ผมไม่ชอบผมไม่เรียนนะครับ แต่ ผมเรียน เรียนอย่างไม่ฝืนใจตนเพราะเรียนอย่างรู้คุณค่าของสิ่งที่เรียน ว่าเราเรียนไปทำไมครับ ตอนนี้เวลาที่ผมอยู่กับเพื่อนนิสัยที่หวงวิชาก็หายไปครับ ก็ไม่รู้ว่าจะหวงไปทำไม หวงไปแล้วได้อะไร ตรงกันข้ามผมกับเพื่อน เรามาแบ่งปันความรู้ความคิดเห็นของกันและกันทำให้เข้าใจอะไรหลายอย่างมากขึ้น จนรู้สึกว่าบางทีเพียงแค่เราพยายามที่จะเข้าใจตัวเราเอง เส้นผมที่เคยบังตาเราก็คงจะหายหรือจางไปบ้าง โลกที่เราเห็นก็จะชัดขึ้นเหมือนกับวันนี้ที่ผมรู้สึกว่าสิ่งแวดล้อมรอบตัวดูสวยกว่าแต่ก่อนมากครับ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า สิ่งที่เปลี่ยนคือสิ่งแวดล้อมหรือตัวของผมที่เปลี่ยนไป
.....................................................................................................................
ปัจจุบัน ศึกษาใน คณะวิศวกรรมศาสตร์ การบินและอวกาศยาน ปี 2
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน