1. ภัยร้ายรายวัน : เหตุเกิด ณ ปั้มน้ำมัน
"หากรถยนต์ยังต้องการน้ำมัน" นั่นคือหนึ่งในความจำเป็นที่คุณจะต้องแวะไปยังปั้มน้ำมัน รวมทั้งการทำกิจธุระหนัก-เบาที่ห้องน้ำ หาอาหาร-เครื่องดื่มรับประทาน และหยุดพักรถจากการเดินทาง ยืดเส้นยืดสายจากความเมื่อยล้าในการเดินทาง เรียกได้ว่าทั้งคน ทั้งรถ ต่างก็ต้องพักกันที่นั่น
ด้วยความที่ ปั้มน้ำมัน มีคนพลุกพล่าน สว่าง หลายๆ คนจึงคิดว่ามันคือสถานที่อันปลอดภัยแล้ว ... มันอาจจะไม่จริงเสมอไป! เนื่องจากระยะหลังมานี้ มีเรื่องราวร้ายๆ เกิดขึ้น ซึ่งผู้อ่านควรรับรู้ไว้เพื่อเป็นอุทาหรณ์
กรณีแรก :ช่วงเวลาที่มักจะเป็นนาทีทองของคนร้าย คือช่วงที่คนขับจอดรถเติมน้ำมัน โดยส่วนใหญ่ท่านเจ้าของรถจะไม่ล็อกรถ อาจจะเป็นเพราะต้องดับเครื่องยนต์ ระบบล็อกจึงปลดออก ในขณะนี้เอง เมื่อเติมน้ำมันเสร็จ เด็กปั้มที่มารับเงิน แล้วเดินกลับไป คนร้ายจะวิ่งเข้ามาเปิดประตูแล้วกระฉากกระเป๋าสตางค์ไปจากมือของคุณ และขับจักรยานยนต์หนีไปอย่างรวดเร็ว!...ในส่วนของปั้มน้ำมันเขาก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องรับผิดชอบใดๆ เพราะไม่ได้เกิดจากการกระทำของลูกจ้าง
กรณีที่สอง :ยังคงเกี่ยวข้องกับการไม่ล็อกประตูขณะจอดรถเติมน้ำมัน เพราะคนร้ายจะแอบขึ้นรถของคุณ นั่งติดออกไป แล้วทำร้ายร่างกาย อาจมีความต้องการทั้งทรัพย์สินและร่างกาย แต่ยังมีกระแสข่าวเล่าว่า คนร้ายอาจต้องการนำอวัยวะของเหยื่อไปขาย โดยจะตัดเส้นเอ็นบริเวณข้อเท้า เพื่อไม่ให้เหยื่อหนี ก่อนที่จะลงมือกรีดเอาอวัยวะบางอย่างของคุณไป ซึ่งทางปั้มน้ำมันบางแห่งสามารถสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ จนออกอุบายให้เด็กปั้มไปเรียกเจ้าของรถ เพื่อเชิญตัวลงมาจากรถให้ได้ เช่น บอกว่าคุณไม่ได้จ่ายเงิน หรือบัตรเครดิตที่ใช้จ่ายไม่ผ่าน ซึ่งอาจจะสร้างความไม่พอใจ แต่เมื่อคุณลงไปทางปั้มก็จะแจ้งให้คุณทราบว่า...เขาเห็นชายคนหนึ่งขึ้นไปบนรถแล้วหมอบลงไป เขาไม่คิดว่าชายคนนั้นจะมากับคุณ เมื่อผู้โชคดีที่เกือบจะตกเป็นเหยื่อหันไปมองที่รถ ก็พบว่ามีชายคนหนึ่งลงมาจากรถของเธอจริงๆ !
กรณีสุดท้าย :สำหรับผู้ที่จอดพักรถ โดยเปิดฝาหน้ารถเพื่อระบายความร้อน แล้วไม่มีใครเฝ้ารถเอาไว้ คนร้ายอาจใช้จังหวะนี้ มาทำให้เครื่องยนต์ใช้การไม่ได้ หรือให้เกิดความผิดปกติ จากนั้นเมื่อเจ้าของกลับมาที่รถแล้วขับออกไป ก็จะพบว่ารถของตนเองมีความผิดปกติจนอาจจะต้องหยุดเพื่อจอดแล้วลงไปดู ซึ่งคนร้ายจะทำทีว่าเป็นคนดี อาสาจะซ่อมให้โดยอ้างตัวเป็นช่างซ่อม มีอู่อยู่บริเวณใกล้เคียง หรือสามารถเรียกช่างมาให้ได้ หากคุณตกลงก็จะต้องจ่ายค่าซ่อมชนิดขูดเลือดขูดเนื้อ หรือหากไม่ตกลงซ่อม คนร้ายจะพยายามขับรถจี้ ตัดหน้า หรือชนเพื่อให้คุณเสียหลัก เพื่อต้องการปล้นทรัพย์ของคุณ!
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ แนะนำว่า...หากกรณีต่างๆ เกิดขึ้นกับคุณ ขอให้แจ้งความ โดยอย่าคิดว่าการแจ้งความคงจะไม่ทำให้ได้อะไรกลับคืนมาหรือไม่มีประโยชน์ การเข้าแจ้งความจะทำให้ทางตำรวจทราบข้อมูลต่างๆ ความถี่ที่เกิดเหตุ ซักถามรูปพรรณสันถารคนร้าย หรือคุณอาจจะได้เห็นภาพคนร้ายที่ทางการต้องการตัวอยู่แล้ว ซึ่งหากทางตำรวจได้รับข้อมูล เบาะแสเพิ่มเติมก็จะได้ทำการเพิ่มจุดตรวจให้สายตรวจไปยังบริเวณที่เกิดเหตุ หรือส่งตำรวจนอกเครื่องแบบคอยสังเกตการณ์ หาพยาน หลักฐาน เพื่อประโยชน์ในการจับกุมคนร้ายต่อไป
2. เดินห้างคนเดียวโปรดระวัง!!!
ทุกครั้งที่ได้รับรู้เรื่องราวของภัยสังคม อดไม่ได้ที่จะต้องนำมาขยายต่อ ด้วยหวังว่าเหตุการณ์ร้ายๆ จะไม่เกิดกับคนอื่น เช่นเดียวกับเรื่องราวของคุณผู้หญิงคนนี้ ที่แม้ไม่ได้ประสบเหตุกับตัวเองโดยตรง ก็ยังมีความเป็นห่วงเป็นใยนำเหตุการณ์มาบอกต่อกัน
เธอเล่าว่า เมื่อไม่นานมานี้เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องไปห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง สาขาศรีราชา ช่วงบ่ายๆ กะว่าจะเดินดูของนิดหน่อยๆ เพียงลำพัง ระหว่างเดินเล่นเรื่อยเปื่อยหน้าร้านขายเสื้อผ้ายี่ห้อหนึ่ง จู่ๆ มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาชนเธออย่างจัง แล้วก็ถามว่า "กระเป๋าเงินของพี่หล่นหรือเปล่า" พร้อมกับชี้ไปที่ผู้หญิงอีก 2 คน ที่ยืนอยู่ไม่ไกลกันนัก แล้วบอกว่า คนนี้เป็นคนเจอ พี่สาวรุ่นน้องคนนี้จึงตอบกลับไปว่า "ไม่ใช่" กลุ่มคนเหล่านั้นกลับพยายามยืนยันว่า ถ้าไม่ใช่ของพี่ อย่างนี้ควรมาแบ่งของกัน
ช่วงเวลาขณะนั้น ผู้ประสบเหตุการณ์พยายามจะบอกกับตัวเองว่าไม่อยากยุ่ง และไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น แต่ปฏิกิริยาของร่างกายกลับตรงกันข้าม รู้สึกมึนๆ เบลอๆ แล้วพวกนั้นก็พาไปนั่งที่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดร้านหนึ่ง แล้วเปิดกระเป๋าใบที่เจอ ก็พบว่ามีทั้งเงินและทอง กลุ่มมิจฉาชีพเหล่านั้นยังขอดูกระเป๋าสะพายของพี่สาวคนนี้ ซึ่งก็ส่งให้ไปอย่างไม่สามารถขัดขืนได้ ที่สำคัญพวกนี้ยังถามรหัสเอทีเอ็มอีกด้วย แล้วก็จากไป
พี่สาวรุ่นน้องคนนี้ ก็ยังคงอยู่ในอาการมึนงง นั่งได้สักพักประมาณ 10 นาที สติก็เริ่มกลับมา เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าถูกหลอก เธอจึงรีบขึ้นไปที่ธนาคารเพื่อเช็คยอดเงิน ถึงได้รู้ว่ากลุ่มมิจฉาชีพกดเงินออกไป 14,000 บาท แล้วยังไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มอีกตู้หนึ่ง 5 ครั้ง ครั้งละ 20,000 บาท
วันนั้นวันเดียว เธอต้องสูญเงินไปถึงแสนกว่าบาท...
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะนอกจากเงินในธนาคารจะหายไปแล้ว คนร้ายยังได้เงินสดในกระเป๋าไปอีก 1 หมื่นกว่าบาท สร้อยคอ 2 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง สร้อยข้อมือ 1 บาท และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
หลังจากเกิดเรื่อง เธอไม่รีรอเข้าแจ้งความที่ สภ.อ.ศรีราชา เจ้าหน้าที่แจ้งว่า เกิดกรณีแบบนี้หลายครั้งแล้ว คนร้ายกลุ่มนี้มักจะพาเหยื่อที่ถูกยาป้าย ในช่วงที่ทำทีท่ามาชน เพื่อให้เหยื่อเกิดอาการมึนงง และคล้อยตามในทุกคำพูด แล้วพามาที่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดร้านนี้ เพราะไม่มีกล้องวงจรปิด ยากต่อการจับกุม เพราะไม่มีหลักฐาน จากนั้นก็จะหลอกล่อถามรหัสเอทีเอ็มและปลดทรัพย์ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องเลย
3. รถหาย!! ทำไงดี ?
ข้อคิดเตือนใจ ภัยใกล้ตัว วันนี้เรามีเรื่องดีๆ มาฝากเพื่อนๆ กันอีกเช่นเคยค่ะ รถยนต์ อาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของบางคน เพราะสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ด้วยความสะดวกสบาย แต่ถ้าวันหนึ่ง รถหาย รถยนต์ ของเราหายล่ะ จะทำยังไง... ติดตามอ่าน ข้อคิดเตือนใจ ภัยใกล้ตัว เรื่อง รถหาย ทำไงดี... ได้ที่นี่ค่ะ
สวัสดีคุณผู้อ่านทุกท่าน...นับจากนี้เป็นต้นไป ทุก ๆ วันจันทร์ คอลัมน์นิสต์ ภูมิใจนำเสนอ ภัยร้ายรายวัน เพื่อบอกเล่าเรื่องราว แนะข้อคิด ข้อเตือนใจ ให้ผู้อ่านระแวดระวังภัยร้ายใกล้ตัว
สำหรับการได้พบกันครั้งแรก ขอว่ากันด้วยเรื่อง "รถ"
"รถยนต์" อาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของบางคน เพราะสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ด้วยความสะดวกสบาย ถ้าไม่มองในด้านของความสิ้นเปลืองเรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์ ทั้งค่าน้ำมัน ค่าดูแลรักษา หรือค่าประกันภัย
บางคนจะต้องเก็บเงินสักก้อนเป็นเวลานานแค่ไหน หรือยอมเป็นลูกหนี้เพื่อผ่อนรถยนต์ไปนานเท่าไหร่...เงินจำนวนนั้นย่อมไม่ใช่น้อยๆ จึงไม่แปลกที่รถยนต์ จะเป็นของสุดรัก ทรัพย์สุดหวง!
เคยลองคิดกันบ้างหรือไม่? หากรถยนต์คู่ใจหาย ถูกงัด ถูกกรีด คุณจะทำอย่างไร... มันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิด บางคนอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องไกลตัว มีความเป็นไปได้เพียงน้อยนิดที่จะเกิดขึ้นกับคุณ เพราะคุณมีความรอบคอบเพียงพอในการจอดรถ
แต่ถ้ามันเกิดขึ้นในสถานที่จอดรถ ซึ่งคุณคิดว่ามันปลอดภัยดีแล้วล่ะ?...
ผู้มีประสบการณ์ เล่าให้ฟังว่า "เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ได้แวะไปซื้อของ ทานข้าวที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งเป็นปกติ เนื่องจากใกล้บ้าน โดยช่วงเวลาที่เข้าไปใช้บริการนั้น อยู่ในช่วงบ่ายของวันหยุดสุดสัปดาห์ ผมจอดรถที่ชั้นใต้ดิน บี2 ใกล้กับประตูทางเข้า แต่มีเสาบังอยู่ต้นหนึ่ง ที่เลือกจอดตรงนั้นก็ไม่ได้คิดมากอะไร เห็นว่าว่างอยู่พอดี ผมล็อกเกียร์ ล็อกพวงมาลัย ล็อกรถและก็ตรวจตราอย่างดีแล้วก่อนเข้าไปยังตัวห้าง ผมใช้เวลาอยู่ในห้างไม่เกิน 2 ชั่วโมง จากนั้นกลับมาที่รถก็ไม่ทันได้ดูความเรียบร้อยอย่างอื่น พอขับรถถึงบ้านรถปรากฏว่า...ตัวอักษรรุ่นของรถหายไปหมดทุกตัว ฝาครอบล้อที่มีสัญลักษณ์ยี่ห้อหายหมดทั้ง 4 ล้อ..."
"ผมรีบโทรไปที่ฝ่ายรปภ.ของห้างฯ ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่ห้างจ้างให้ดูแลเรื่องความปลอดภัยอีกทอดหนึ่ง หัวหน้ารปภ.บอกให้ผมไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ แล้วนำบันทึกมาให้เขา พร้อมกับสอบถามรายละเอียดว่าจอดตรงไหน เข้า-ออกกี่โมง แล้วเขาจะไปดูที่กล้องวงจรปิดให้...ขณะที่ผมอยู่ที่สถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกกับผมว่า ที่ห้างฯนี้มีมาหลายครั้งแล้ว ทั้งงัดกระจกมองข้าง งัดโลโก้ หรือกรณีเดียวกับผมก็มี"
"เมื่อผมนำเอกสารไปให้รปภ.ของห้างฯ เขาก็อ้างว่า ตรวจดูที่วงจรปิดพบว่าเห็นรถของผมจริง แต่กล้องวงจรปิดไม่สามารถบันทึกภาพในมุมที่สามารถมองเห็นว่ามีคนร้ายมางัดแงะได้ (มุมกล้องอยู่สูงกว่า) แล้วพูดกับผมว่า เขาจะยื่นเรื่องไปให้ ต้องรอการพิจารณาประมาณ 15 วัน พร้อมกับบ่นว่า เดี๋ยวนี้ห้างให้ลดจำนวนรปภ. เหลือแค่ชั้นละ 2 คน ไม่ต้องแจกบัตรจอดรถ ผมจึงพูดย้อนกลับไปว่า... "ผมมาใช้บริการที่นี่บ่อย แต่นับครั้งได้เลยว่าผมเจอรปภ.เดินตรวจแค่กี่ครั้ง"
และจนถึงตอนนี้ ผมก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากหัวหน้ารปภ.ตามที่เขาบอก"
ส่วนอีกกรณีหนักกว่ารายแรก เพราะ รถหาย!! ของจริง
ผู้เสียหาย เล่าว่า เป็นเจ้าของรถกระบะรุ่นและยี่ห้อยอดนิยม ซึ่งซื้อร่วมกับเพื่อนสนิทชาวต่างชาติ ชื่อเจ้าของรถจึงเป็นชื่อของเธอ..ในวันเกิดเหตุ เพื่อนของเธอได้ยืมรถไปใช้ โดยแวะไปทานข้าวที่ห้างสรรพสินค้าย่านชานเมืองแห่งหนึ่ง หลังจากจอดรถเสร็จเรียบร้อย ก็จัดการเก็บบัตรจอดรถไว้ในรถซึ่งเป็นที่ลับตาคน ที่ไม่อยากนำบัตรจอดลงไปด้วยเนื่องจากกลัวทำหล่นหาย
จากนั้นก็เดินเข้าตัวห้างไป โดยใช้เวลาอยู่ในนั้นไม่นาน พอกลับมาที่ลานจอดรถ พบว่า รถหายไปแล้ว จึงรีบโทรศัพท์บอกเพื่อนที่เป็นเจ้าของรถ เพราะทำอะไรไม่ถูก เพื่อนจึงแนะนำให้ไปแจ้งรปภ. เธอจึงทำตามที่บเพื่อนบอก พร้อมกับไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ตำรวจรับแจ้งความและส่งตำรวจมาที่ห้างกับเธอ เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุและดูภาพจากกล้องวงจรปิด
ปรากฏว่า...บริเวณที่จอดรถ ไม่มีกล้องวงจรปิดติดอยู่ มีแต่เฉพาะบริเวณตู้ยามรับบัตรคืน กล้องบริเวณตู้ยามสามารถบันทึกภาพนาทีที่คนร้ายนำรถออกไปได้ แต่โชคร้าย เพราะวงจรปิดมีมุมกล้องที่บันทึกให้เห็นเพียงบริเวณแขนของคนร้ายเท่านั้น ซึ่งคาดว่าเป็นผู้ชาย
จากนั้นเธอโทรศัพท์แจ้งเหตุไปยังสถานีวิทยุชื่อดังหลายแห่ง ซึ่งไม่นานก็มีคนแจ้งไปยังสถานีวิทยุเหล่านั้นว่า รถจักยานยนต์หายที่ห้างฯเดียวกัน
เธอเปิดเผยความรู้สึกว่า"แน่นอนว่าทางเราก็ประมาทตรงที่ไม่นำบัตรจอดรถติดตัวไว้ และจากที่รับรู้ว่านอกจากรถของเรา รถของคนอื่นก็ยังถูกขโมยในเวลาใกล้เคียงกัน สถานที่เดียวกัน แต่ไม่มีใครทำอะไรได้ เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก เพราะรถเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น และไม่ใช่ของถูกๆ"
พร้อมกันนี้ เธอได้ฝากข้อคิดเกี่ยวกับเรื่องของประกันภัยรถยนต์ เนื่องจากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้รู้ว่า ควรตรวจสอบและเปรียบเทียบรายละเอียดของบริษัทประกันภัยต่าง ๆ ก่อน เช่น ระยะเวลาในการชดใช้ค่าเสียหาย เพราะบริษัทประกันชื่อดังแห่งหนึ่งที่มีส่วนรับผิดชอบรถของเธอ ปล่อยให้เธอผ่อนกุญแจก่อนพิจารณานานถึง 4 เดือน
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่นำรถไปจอดในห้างสรรพสินค้า ว่า
1. สำหรับห้างฯ ที่มีการมอบบัตรจอดรถ ทั้งที่คิด และไม่คิดค่าจอดรถ ให้เจ้าของรถอ่านข้อตกลงที่มีระบุไว้อย่างละเอียด และควรเก็บบัตรจอดรถไว้กับตัว อย่าเก็บไว้ภายในรถเด็ดขาด
2. เลือกบริเวณจอดรถที่มีไฟสว่าง มีกล้องวงจรปิด ไม่ใช่มุมอับ มีเสาบัง หรือเปลี่ยว
3. ก่อนลงจากรถควรล็อกรถ หรืออุปกรณ์กันขโมยให้เรียบร้อย และก่อนออกจากห้างฯ ควรเดินดูรอบรถว่ามีสิ่งปกติหรือไม่
4. กรณีที่รถมีความผิดปกติ เช่น มีรอยขีดข่วน อุปกรณ์หาย หรือรถหาย อย่าเพิ่งขับรถออกจากห้าง ให้แจ้งรปภ.รับทราบ และหากสะดวกถ่ายภาพก็ควรถ่ายเอาไว้ และอย่าเคลื่อนย้ายรถ
5. รปภ.มักจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ในที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย เช่น นำผู้เสียหายไปแจ้งความ ลงบันทึกประจำวัน นำหลักฐานมาขอดูภาพวงจรปิด
ที่สำคัญ ห้างฯ ส่วนใหญ่มักจะกำหนดในข้อตกลงว่าจะไม่ขอรับผิดชอบใด ๆ ซึ่งมีนัยว่า เขาต้องการเป็นเพียงพยานเท่านั้น ดังนั้นจึงยากที่จะเรียกค่าเสียหายจากห้างฯ จำไว้!!
4.ภัยร้ายรายวัน : คนอยู่หอ
มีเหตุผลหลายประการสำหรับการตัดสินใจเช่าห้องพักตามหอพัก หรืออพาร์ทเม้นต์ ทั้งความสะดวกในการเดินทางไปทำงาน-เรียน ราคาถูกกว่าเช่าบ้าน ทำความสะอาดง่าย หรือบางคนอาจจะมีเงื่อนไขในการตัดสินใจเลือกเพิ่มขึ้นอีก อย่างเรื่องความปลอดภัย ที่บางคนมองข้าม อาจจะเพราะความจำเป็น หรือต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย
ค่าเช่าที่แพงขึ้นไม่มาก อาจแลกมาซึ่งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ช่วยลดความเสี่ยง ป้องกันภัยร้าย เช่น การแลกบัตรเข้า-ออก กุญแจการ์ดที่อนุญาตให้เฉพาะผู้ถือบัตรเข้าอาคารได้ กล้องวงจรปิดที่บันทึกทุกความเคลื่อนไหว สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ แต่ถ้าขาดการรักษาความปลอดภัยที่ควรจะมี บางทีเหตุร้ายอาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด
อย่างในกรณีของนักศึกษาสาวคนหนึ่ง เช่าห้องพักที่หอซึ่งเธอยอมรับว่าขาดการรักษาความปลอดภัย แต่เธอก็เต็มใจเลือกเนื่องจากประหยัดค่าใช้จ่ายเป็นหลักหลายร้อย วันหนึ่งขณะที่เธอกำลังจะเดินทางไปเรียน เธอแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาอย่างเรียบร้อย ลงลิฟท์ (ที่ไม่มีกล้องวงจรปิด )มาชั้นล่างเพียงคนเดียว ก่อนถึงชั้นล่าง ลิฟท์หยุดรับที่ชั้น 3 เมื่อประตูเปิดมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาใช้มีดจี้ที่เอว บังคับห้ามไม่ให้เธอส่งเสียง
เมื่อลิฟท์ลงมาถึงชั้นล่าง ไม่มีใครยืนรอใช้ลิฟท์ เขาจึงสั่งให้เธอกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นบนสุด ขณะที่อยู่ในลิฟท์ เขาทำร้ายร่างกาย กระฉากกระเป๋าถือที่ในนั้นมีเงินสดจำนวนหนึ่ง โทรศัพท์มือถือ พร้อมกับลวนลามด้วยการจับหน้าอก เมื่อลิฟท์ขึ้นถึงชั้นบนสุด เขาฉุดกระฉากเธออกไปด้านนอก หวังจะพาเธอออกไปที่ดาดฟ้าเพื่อข่มขืน แต่โชคดีที่ประตูดาดฟ้าถูกล็อก เธอจึงถูกปล่อยตัวลงมา
หลังจากนั้น เธอรีบลงมาชั้นล่าง แจ้งกับเจ้าหน้าที่หอพักให้แจ้งตำรวจ จนสามารถจับกุมคนร้ายได้
หรือจะเป็นอีกกรณีที่เคยเป็นข่าว... คนร้ายตะเวนตามหอพัก โดยการเลือกห้องที่ไม่ได้ล็อกประตู แล้วเปิดเข้าไปขโมยของ หรือพยายามข่มขืนผู้หญิงที่อยู่ในห้อง ซึ่งตำรวจสามารถรวบตัวไว้ได้
แม้กรณีที่กล่าวถึง คนร้ายจะถูกจับกุม และดำเนินคดี แต่เชื่อว่ายังมีคนร้ายอีกหลายรายที่ก่อเหตุแล้วยังลอยนวล ดังนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องพักอาศัยอยู่ตามหอพัก ควรเพิ่มความระมัดระวัง เช่น ล็อกประตู-หน้าต่างห้องให้แน่นหนา ไม่เปิดประตูรับคนแปลกหน้า โดยอาจเจาะช่องมองหรือตาแมวที่ประตู และหากหอพักค่อนข้างเปลี่ยวก็ไม่ควรเดินไปไหนมาไหนคนเพียงลำพัง ควรฝึกหรือศึกษาเทคนิคการต่อสู้ป้องกันตัวเอาไว้บ้าง