เคยลงกระทู้ไว้เมื่อนานมาแล้ว ไม่ได้มาอัพเดทต่อเพราะกะรอให้ปิดคดีทีเดียว ตอนนี้จบแล้วค่ะ เลยมาเล่าให้ฟังกัน และเตือนคนที่ยังไม่รู้กฎระเบียบของ Paypal ด้วยว่า ถึงชนะคดี ก็ไม่แน่ว่าจะได้เงินคืนเสมอไป
ประมาณต้นเดือน ก.พ. เราบิดกระเป๋า LV MC จากอีเบย์ออสเตรีย เป็นจำนวน 465 ยูโร คนขายจะให้โอนเงินผ่านธนาคาร แต่เราก็ไม่ไว้ใจเพราะคนละประเทศ เพื่อความปลอดภัย เลยขอคนขายว่า จะจ่ายผ่าน Paypal ซึ่งคนขายก็โอเค
สองอาทิตย์ผ่านไป ได้รับของ พอเปิดพัสดุออกมาแล้วช็อกเลย กระเป๋าคนละใบกับในรูปและปลอม แต่เพราะต้องการยืนยันกับคนขาย เลยรีบถ่ายรูปแล้วส่งไปเช็คที่ TPF ก็ได้รับการยืนยันว่าปลอม ภายในวันนั้นก็รีบส่งเมล์ให้คนขาย พร้อมกับลิ้งค์ประกอบ
คนขายตอบกลับมาว่า ของเขาของแท้ เขาไม่สนใจหรอกว่าคนในเว็บจะว่ายังไง แต่ของเขาแท้ ไม่เชื่อก็เอาไปให้ร้านตรวจสอบได้เลย เราเห็นว่าท่าทางจะไม่ได้การ เลยขอเปิด Dispute กับทาง Paypal
เกือบๆ สามอาทิตย์ ทาง Paypal แจ้งมาว่า ให้เราหาเอกสารมายืนยันว่ากระเป๋าใบนี้ปลอม เอกสารต้องมาจากบุคคลที่สาม (ที่ไม่รู้จักเรา) และเป็น Specialist ทางด้านนี้ ให้เวลาสิบวัน ถ้าไม่แฟกซ์เอกสารมาให้ ปิดเคส
เราก็พยายามหา แต่ค่าใช้จ่ายสูงมาก เกรงว่าจะไม่คุ้ม เลยโทรไปถามทาง Paypal ว่า เราจะเอาไปให้ร้าน LV เขาตรวจนะ แล้วให้เขาออกเอกสารให้ แต่ว่าเขาต้องยึดกระเป๋าไว้ทำลายนะ ทาง Paypal โอเคไหม ทางนั้นตอบว่าโอเค
เราเอากระเป๋าไปให้ที่ร้าน เขาออกเอกสารมาให้ เราส่งเอกสารไปให้ Paypal ต่อทางเมล์ หายเงียบไปสิบวัน ก็เมล์แจ้งเรามาว่า ขอลายเซ็นต์คนออกเอกสารด้วย ให้เวลาสามวัน ไม่งั้นปิดเคส เราก็ต้องล่กๆ ไปขอลายเซ็นต์ผู้จัดการร้านเขา โดยหลักแล้ว ถ้าอยากตรวจสอบว่าเอกสารเป็นของจริง ง่ายนิดเดียว ก็แค่ยกหูโทรไปที่ร้านถามหาคนออกเอกสาร เท่านั้นก็จบเรื่อง ทำไมต้องทำให้มันยากก็ไม่รู้ (ในเอกสารมีโลโก้ร้าน ชื่อสาขา ที่อยู่ เบอร์โทร ชื่อคนออกเอกสารให้ครบถ้วน)
หายเงียบไปอีกอาทิตย์นึง เราไม่เป็นอันทำอะไร จะไปไหนก็ต้องเช็คเมล์ตลอดเวลา กลัวเขาจะเมล์มาขออะไรเพิ่มอีก แล้วก็จริง ทีนี้เมล์มาแจ้งว่า ให้เราแฟกซ์เอกสารยืนยันมาว่า ได้ทำลายกระเป๋าใบนี้แล้ว พร้อมลายเซ็นต์ของเรา ให้เวลาสามวัน ไม่งั้นปิดเคสเหมือนเดิม