เห็นด้วยที่จะไม่ใช่ City Bank เด็ดขาดค่ะ เคยมาขอให้ทำทีนึง พอทำไปได้ไม่ถึงอาทิตย์ก้อไปเที่ยวฮ่องกง ปรากฎว่าโดนล้วงกระเป๋า กว่าจะ อายัติได้ ต้องโทรกลับมาอายัติที่เมืองไทย บัตรก้อหายไปแล้วไม่รุ็จะหาเบอร์จากไหน ไปหาเค้าเตอร์ City Bank ที่โน่นก้อไม่สนใจ ไม่ให้ข้อมูลใดๆ ต้องโทรมาให้เืพ่ือนที่เมืองไทยหาเบอร์ให้ กว่าจะ อายัติได้ก้อกินเวลาไปประมาณชม.นึงเห็นจะได้ พอกลับมาเมืองไทย ปรากฎว่าทาง City Bank ส่งบิลมาเก็บเินเกือยหกหมื่นบาท ทั้งๆที่ไม่ได้ใช้เลย เพราะโดนขโมยไปแล้ว เขาบอกว่ายังไงก้อต้องจ่ายไม่ฟังเหตุผลใดๆที่งสิ้น เราเลยขอดู copy ของสลิปที่คนที่ขโมยไปเอาไปรูดซื้อของ ซึ่งต้องเสียตังด้วยนะคะ สลิปที่กอปปี้มาให้นี้รู้สึกว่าจะคิดแผ่นละสองร้อย ประมาณนั้นไม่แน่ใจ แต่เราต้องการดูเลยยอมจ่าย พอเห็นก้อรู้ทันทีว่า ชาตินี้จะไม่มีวันใช้บริการบัตร City Bank อีกต่อไป เพราะ ลายเซ็นต์หลังบัตรของเรา เป็นภษาไทย แต่ขโมยเซ็นเป็ฯ ตัวย่อภาษาอังกิด เช่น K. C. ซึ่งดูเอาจากชื่อนามสกุลหน้าบัตร และไม่ตรกับลายเซ็นเราสักนิด แต่ธนาคารยังยอมปล่อยให้ผ่าน แถมมาเก็บเงินเรา
เราเอากอปปี้ของร้านแรกที่เราซื้อของเองจริงๆ ก่อนถูกขโมย (ซึ่งส่งมาพร้อมกัน กับสลิปหลังจากที่บัตรถูกขโมย) ลายเซ็นก้อชัดเจนว่าคนละภาษากัน จะบร้าตาย!!!
City Bank ยังมาเก็บเงินเราแถมทวงอย่างกับเราเป็นลูกหนี้ติดมานานไม่ยอมจ่ายทั้งๆที่จ่ายยอดเต็มมาตลอดจนทาง City Bank ส่งบัตรทองมาให้โดยไม่ได้สมัคร
สุดท่้าย ยื้อกันอยู่นาน เราก้อไม่ยอม เพราเราไม่ผิด อยู่ดีๆ City Bank ก้อหายไป กลับมาอีกทีคือ คำพิพากษาจากศาลว่าเรามีความผิดจริง (ทั้งๆที่ลายเซ็นไม่ตรงและอายัติแล้ว) และในช่วงการพิจารณาไม่มีจดหมายเรียกตัวสอบสวนใดๆมาเลย แบบนี้มันมัดมือชกกันชัดๆ
ทำไงได้...ซวยจริงๆ สุดท้ายก้อต้องจ่ายตังไป ทั้งๆที่ไม่ได้ใช้ ลายเซ็นก้อไม่ตรง
จำได้อย่างเดียวในชีวิตนี้ว่า บัตรเครดิต City Bank โฆษณาสวยหรู บริการสุดห่วย ไร้ความรับผิดชอบสุดๆ ชาตินี้จะไม่มีวันแตะต้องอีกเป็นอันขาดค่ะ
ขอเล่าไว้เป็นอุทาหรณ์ให้เพื่อนๆรับรู้ไว้ค่ะ เกิดขึ้นมาแล้ว เรื่องจริง จ่ายจริง ทั้งๆที่ไม่ได้ใช้ และลายเซ็นไม่ตรง กับ บัตรเครดิต "City Bank"