ด้วยความโชคดีอยู่ ๆ ก็ได้ไปโตเกียวรอบที่สอง . .


กับเพื่อนกลุ่มใหม่ . . ได้ไปเที่ยวในเมืองกันอีกแล้วค่าาาา

แต่ก่อนไปโทรจองทัวร์สำหรับวันรุ่งขึ้นที่จะไป Mount Fuji กันก่อน ไปกันทั้งหมดสี่คนถ้วน กับ Sunrise Tour ราคาไม่แพงเลยถ้าเทียบกับการได้ไปเที่ยวธรรมชาติแบบนี้ . . (เค้าคิดเอาเองว่าไม่แพง พวกที่ไม่สนใจบอกว่าแพง ไม่ไป -_-")


หลังจากจองเสร็จก็รวมหมู่กับคนอื่น ๆ ไปหาอะไรทานที่ Tokyo Station เนื่องจากมีคนนึงบอกว่าคราวที่แล้วมา มีซูชิอร่อยมากอยู่เจ้านึง

พอลงรถไฟมา เพื่อนคนนั้นทำหน้าเหวอ . . อ๊ากกก จำไม่ได้ไปทางไหน -_-" สถานีรถไฟใหญ่กว่าหัวลำโพงหลายเท่านัก !

หาไปครึ่งชั่วโมง จากที่เค้าจะกินซูชิ ตอนนั้นจะกินหัวเพื่อนแทนแล้วฮะ ปะกาศิตหมู่สั่งให้เปลี่ยนทิศไปกินอะไรก็ได้แถวนั้นทันที !


อาหารที่ญี่ปุ่นน้อยร้านที่จะไม่อร่อย . . จริง ๆ นะ เค้าค่อนข้างพิถีพิถันกับเรื่องอาหารการกินดีอะ

จากนั้นก็พากันไป Akasaka (อ้ะ อย่าสับสนนะ ครั้งแรกไป Asakusa คนละทางกันเลย)

วันนี้เลือกนั่ง JR ตลอดเลยฮะ จำไม่ได้ว่าสถานีอะไร แต่ไม่ยากดูจากแผนที่รถไฟเอา

เดินหลง ๆ ไปจนถึง Hie-jinja Shrine . . เดินเข้าไปแล้วรู้สึกสงบมาก ท่ามกลางเมืองใหญ่อย่างงี้ . . เหมือนหลุดมาอีกที่

เดินแป๊บ ๆ ฝนก็ตก ต้องหลบอยู่พักนึง ถึงจะได้ฤกษ์ออกมาถ่ายรูปเล่น . .

ที่นี่สร้างขึ้นมาตั้งกะ 1478 แล้วฮะ ซึ่งเป็นที่ ๆ จัดงาน festival นู่นนี่ของญี่ปุ่นที่ใหญ่ติดอันดับหนึ่งในสามซะด้วย . . ของสำคัญมากมายก็ถูกเก็บไว้ที่นี่ รวมถึงดาบยาวที่เป็นสมบัติแห่งชาติด้วย จุดเด่นของการมาครั้งนี้คือ ได้มาถ่ายรูปด้านหลังที่จะมีเสาแดงเรียงราย


เพราะเห็นในรูปที่เพื่อนเอามาให้ดูจากหนังสือแล้วสวยดีจัง แฮ่ ๆ















เดินเล่นและถ่ายรูปกันจนจะห้าโมงเย็นอยู่แล้ว -_-"


เค้าก็แยกไป Shibuya กับเพื่อนอีกคนนึง เพราะคนอื่นเค้าจะไป Asakusa กัน (ไปมาแล้ว ครั้งเดียวพอ แต่ Shibuya ครั้งเดียวไม่พอฮะ ฮ่า ฮ่า)


ก็ช้อปปิ้งต่อ หาของกินแล้วก็กลับโรงแรม


นอน ๆ ชาร์จแบตกล้องด้วย ชาร์จแบตคนด้วย ตื่นเช้าตรู่เตรียมตัวและข้าวของพร้อมออกเที่ยวภูเขาไฟฟูจิกัน ฮูเร่!


เอากล้องไปสองตัว ฟิล์มสองม้วน เสื้อกันหนาวสองตัว ผ้าพันคอหนึ่งผืน และของใช้จำเป็น . . (ทิชชู่คับ เตรียมไปด้วย เอาไปเช็ดน้ำมูก มันหนาวแล้วไหล ถ่ายรูปมาจะไม่งาม . . ถ้าไม่มี อนุญาตให้แอบเช็ดป้ายเสื้อเพื่อนได้ . . อย่าให้เค้ารู้นะ lol)


ต้องนั่งรถไฟไปจุดนัดพบ ซึ่งมีคนไทยสอง ฝรั่งสอง . . ไอ่สองคนหลังนี่ไม่มีประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น จองก็ต้องจองให้ ทางก็ไม่ช่วยดู ของก็ไม่เตรียมไป . . ให้กระเหรี่ยงสองคนนำทุกอย่างเลยยยยย ตอนขึ้นรถไฟนี่แบบ แน่นมาก แน่นขนาดออกมาอาจท้องได้ . .



ไม่ต้องจับราวก็ได้นะอันที่จริง เบรคแรงยังไงก็ไม่ล้ม -_-"


ไปถึงจุดนัดพบก็จ่ายตังค์ . . พึ่งรู้ว่าได้ส่วนลดด้วยจากการบอกอาชีพที่ทำงานว่าเป็นอันนี้นะ . . เยี่ยม ลดไปพันบาทได้ . . พวกเราเลือก package Mt.Fuji-Hakone 1 Day Tour Return by Shinkansen ตกเป็นเงินน่าจะประมาณสามสี่พันนะ (จำไม่ได้ รูดแล้วจบกัน กระเหรี่ยงตื่นเต้นจะได้เที่ยว lol)


ขาไปก็นั่งรถทัวร์มีป้าไกด์พูดภาษาอังกฤษเก่งเชียวคอยอธิบายนู่นนี่มากมาย . . (แต่ข่าวว่าแอบหลับไปหน่อยนึง . . )


ไปถึงจุดพักรถที่แวะซื้อของที่ระลึก แวะฉี่ แวะอึ แวะปั๊มตราภูเขาไฟฟูจิว่ามาถึงแล้ว แล้วแต่จะแวะทำอะไร . .





แอบถ่ายมา เห็นมันตลกดี มีวิธีนั่งส้วมที่ถูกต้องด้วยฮะ

ให้เวลาสิบนาที . . แล้วก็ไปกันต่อ . .



ระหว่างเดินทางฝ้าก็จับกระจกรถให้ครึ่ก เพราะข้างนอกหนาวมาก

ขึ้นไปถึง 4th Station (เค้าบอกว่า) ถือว่าโชคดี เพราะช่วงนี้หิมะหนามาก ทำให้บางทีรถขึ้นไม่ได้ก็มี . .


ถ่ายรูปกันพักใหญ่ ๆ บ้างก็ปั้นหิมะปาใส่กันเล่น . . บ้างก็ยืนอัดยาหันหน้ามองฟูจิให้ชื่นใจ . . บ้างก็บ้าถ่ายรูปว่าตูมาถึงแล้วนะกันอย่างไม่สนใจใคร . .



มีรถขายของหม่ำด้วยน้า





















เมื่อภูเขาไฟฟูจิโดนพวกเราแทะโลมจนสาแก่ใจแล้วก็ขึ้นรถจากไป . .



ต่อกันที่ Highland Resort เพื่อทานอาหารกลางวัน พวกเราเลือกไม่ทานอาหารกลางวันกับกรุ๊ปทัวร์ เพราะเพื่อนที่เคยมาบอกว่า เป็นเบนโตะ ไม่อร่อย . . เลยหาอะไรทานเองแถวนั้น . .











ถึงเวลานัดก็ขึ้นรถไป Hakone ฮะ นั่งเรือล่อง Lake ลูกฟลุ้ค (Ashi! ตึ่งโปีะ!) อากาศดีมาก เลือกขึ้นไปสูด O2 กันให้เต็มปอด จนครบรอบแล้วก็ไป Ropeway ขึ้น Mt.Komagatake ก็จะได้เห็น Mt.Fuji อีกด้าน . . ซึ่งสวยไม่แพ้กัน


















ให้เวลาเกือบชั่วโมงได้ ถ่ายรูปเล่นกันหนำใจแล้วก็ถึงเวลาบ๊ายบายธรรมชาติ กลับเมืองกันแล้ว ด้วย bullet train . .

ระหว่างยืนรอ ก็พยายามถ่ายรูป รถไฟเฟี้ยวจริง ๆ จะไวไปไหนคับพี่ focus ไม่ทันเท่าไหร่ . . อาศัยกดมั่ว ๆ อย่างเดียวเลย -_-"





ของเค้าไฮโซจริง ๆ . .




ให้ทายว่าพวกเราลงกันที่ไหนนนน
























Shibuya ค่ะ !


เพราะว่าฝรั่งหนึ่งหน่วยยังไม่เคยมา เลยพามาเห็นแสงสี (ตอนนั้นค่ำแล้ว ทัวร์เริ่มเก้าโมงกลับหกครึ่ง)


ชีตื่นเต้นมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เลยทำบ้าบอถ่ายรุปกลางแยกกัน คนญี่ปุ่นมองด้วยสายตาแปลก ๆ . .


แต่ไม่เป็นไร เราไม่รู้จักกัน !



นี่ยังท่าไม่แปลก . . ท่าแปลกไม่กล้าเอาลง เริ่มอายเป็นก็ตอนเนี้ยะ . .


แล้วก็แวะหาของทานก่อนลาชิบูย่า แต่ย้างงงงงงงงงงงเรายังไม่กลับโรงแรม . .


ไป Tokyo Tower ก่อน ไหน ๆ จะออกแล้วก็ออกให้สุด ๆ


กว่าจะเดินไปถึงก็นานใช่ย่อย แต่สนุกดี ออกกำลังกาย อากาศก็ดี


เห็น Tokyo Tower วิวกลางคืนนี่มันสวยจริง ๆ









ถ่ายรูปให้เพื่อนเสร็จ เพื่อนพยายามถ่ายรูปให้เค้า . . ยังไงก็ไม่ได้อยู่เป็นนาน



ตัวข่อยดำปื่อลื่อเลย นี่ขนาดเพื่อนใช้ความพยายามเกลือกกลั้วกับพื้น จนเค้าถึงกับกลัวตอนรถตำรวจจะเลี้ยวมานึกว่าจะจับ homeless เลยเดินถอดใจกลับมาขึ้นรถไฟไปโรงแรม . .


เดินไปถึงหน้าทางรอรถไฟ เอ๊ะคันไหน ซ้ายหรือขวา ไม่ถึงห้าวิ ประตูรถไฟปิด -_-"

พวกเราทำตัว chill ไปหาห้องน้ำเข้า หาของกินที่ minimart กันแล้วกลับมารอรถไฟ . .


หารู้ไม่ว่า . . นั่นมันรถด่วนขบวนสุดท้ายยยยยยยยยยยยย ที่จะได้กลับโรงแรมแล้ว . .


ตาเหลือก ! จะกลับแท๊กซี่ . . ค่าแท๊กซี่คงแพงกว่าค่าทัวร์สามคนรวมกัน >_<


เลยหาใครแถวนั้นถามว่าสถานีใกล้ที่สุดคือที่ไหน . .


หาที่ลง . .


ใกล้ที่สุด จากนั่นกลับโรงแรม ค่าแท๊กซี่ก็ยังหลักพัน T_T


หันหน้ามองกันเลิ่กลั่ก ทำไงดี . . เพื่อนคนไทยอีกคนบอกว่า จะแฮงรอที่สถานีสามชั่วโมงก็ได้นะ หรือนอนคาราโอเกะ? lol ขำ . . แต่ฝรั่งขำไม่ออกคับ

เลยเลือกลงใกล้สุดแล้วกลับแท๊กซี่


โดนค่าแท๊กซี่ไปคนละไม่มากเท่าที่คิด (*ปาดเหงื่อ*)


ถึงโรงแรมตีสองได้ . . สลบเป็นตาย วันถัดไปก็พากันเดินเล่น Aeon ตอนเที่ยง ๆ บ่าย ๆ



ข่าวว่าต้องออกจากโรงแรมตอนเกือบทุ่ม . . ช้อปกันยันห้าโมงเย็น !




แล้ววันถัดไปก็บินกลับฮับ


ปล. ข้อมูลตรงไหนผิดพลาดอะไรยังไง ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่า พอดีอ่านมาจากใบปลิวทั้งหลายที่เก็บ ๆ มาจากที่ต่าง ๆ (ยังดีที่มันมีภาษาอังกฤษบ้างนะ) : )
ปล. 2 ถ้ารูปประกอบไม่สวย (แถมเยอะด้วย) ก็ขออภัยอีกที ถ่ายมาเท่าที่ทำได้ >_<
ปล. 3 ถ้าทำผิดกฏอะไรยังไงตักเตือนได้ทันทีฮะ พอดีอยากลองของใหม่ ฮี่ฮี่