เรื่องมันยาวมาก เคยบ่นในบล็อคตัวเองมาแล้ว เลยมาเตือนเพื่อน ๆ ในนี้อีกรอบค่ะ
เมื่อ 6 ปีที่แล้ว นาย บ. รุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยได้มาชักชวนให้ทำประกันแกมขอร้องเพราะเขาเพิ่งเป็นตัวแทนใหม่ ต้องการทำยอด แจนเลยช่วยน้องไป 1 กรมธรรม์ ชำระค่าเบี้ยประกันปีละประมาณ 45,000 ระยะเวลา 21 ปี โดยจะได้เงินคืน 3 ปีครั้ง ครั้งละ 50,000 บาท และได้เงินอีกจำนวนหนึ่งเมื่อครบกรมธรรม์ โดยแจนได้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรไปทางบริษัทว่าให้นำเงินที่คืนนั้นฝากไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งจะได้ดอกเบี้ยมากกว่า
ช่วง 3 ปีแรก นาย บ.เทคแคร์ดีมาก มารับเงินถึงออฟฟิศก่อนกำหนด พร้อมออกใบเสร็จรับเงินชั่วคราวให้ แต่พอครบกำหนดชำระ แจนกลับได้ใบแจ้งจากบริษัทว่าเช็คไม่มีเงิน ก็เลยโทรไปสอบถามนาย บ. ว่าจ่ายเป็นเงินสดแต่เช็คเด้งได้ยังไง นาย บ.ตอบว่าไม่มีปัญหาอะไร เป็นเพราะเลขาของเขาเอาเงินเข้าไม่ทัน (ซึ่งมันก็ไม่ make sense อยู่ดี) เลยเข้าใจว่าพี่แกเอาเงินเราไปหมุน เลยบอกไปว่าให้จัดการให้เรียบร้อยแล้วจะไม่เอาเรื่อง หลังจากนั้นก็ได้รับใบเสร็จจากทางบริษัทมาแสดงว่าได้รับชำระตามปกติ
เมื่อถึงปีที่ 4 (พ.ศ.2548) - ปกติกำหนดชำระค่าเบี้ยประกันคือเดือนพฤศจิกายน แต่ประมาณเดือนกันยายน นาย บ.โทรมาหาเพื่อขอยืมเงินจำนวน 50,000 อ้างว่าขอยืมไปสำรองในบัญชี ในกรณีที่เขาจะได้ตำแหน่งสูงขึ้น แล้วเขาจะเป็นคนจัดการค่าเบี้ยประกันของปีนี้เอง แจนก็เห็นว่าน้องเดือดร้อนจึงให้มารับเงิน โดยไม่ได้ขอใบเสร็จรับเงินชั่วคราวแต่อย่างใด เพราะเห็นเป็นเงินยืม ปีนั้นผ่านไปโดยปกติ โดยได้รับใบเสร็จตัวจริงจากบริษัทประกันภัยภายหลัง
ปีที่ 5 ได้นำใบ pay in ไปจ่ายค่าเบี้ยประกันกับทางธนาคารโดยตรงจึงไม่มีปัญหา
ปีที่ 6 คือเมื่อปลายปี 2550 ที่ผ่านมา นาย บ.โทรมาเพื่อขอรับเงินก่อนโดยจะลดเบี้ยประกันให้ จาก 45,000 เป็น 43,000 โดยขอให้โอนเข้าบัญชี ตอนแรกแจนบอกไปว่าฝากเงินประจำเอาไว้ คงเอาออกมาให้ไม่ทัน แต่นาย บ.คงจะเดือดร้อนมาก ถึงขนาดโทรมาขอร้องให้โอนเงินให้ตอนตีสาม พอตื่นเช้ามาก็ตกใจมากที่มีมิสคอลถึง 6 ครั้ง ตอนเช้าจึงเอาเงินในบัญชีแฟนไปโอนให้นาย บ. เพราะคิดว่าเขาคงมีความจำเป็นจริง ๆ เหตุการณ์ผ่านไป โดยได้รับใบเสร็จรับเงินตัวจริงจากทางบริษัท
--------------------------------------------------------------------------------
วันที่ 4 กุมภาที่ผ่านมา แจนได้โทรไปที่สนญ.เพื่อแจ้งเปลี่ยนที่อยู่พร้อมกับสอบถามยอดเงินคืนจากบริษัท ซึ่งถึงวันนี้ แจนต้องได้รับเงินคืนจากบริษัท 111,194.06 ซึ่งมาจากการคืนเงิน 2 ครั้ง ครั้งละ 50,000 + ดอกเบี้ย แต่พนักงานแจ้งว่า มีเงินคงเหลืออยู่ 14,186 บาท เนื่องจากมีการตัดไปชำระค่าเบี้ยประกัน ในปี 2548 และปี 2550 พนักงานแจ้งว่า เพราะไม่มีการชำระเบี้ยประกันเข้ามา บริษัทจึงดึงเงินไปชำระ เพื่อป้องกันไม่ให้กรมธรรม์ขาดอายุ
เท่านั้นแหละค่ะ ปริ๊ดส์แตกขึ้นมาทันที เพราะไว้ใจเพื่อนมากเกินไป นาย บ.โกงซะแล้ว จึงโทรไปหาเพื่อให้เขาคืนเงิน โดยบอกว่า ต้องการเงินคืนพร้อมดอกเบี้ยที่ควรได้ มิฉะนั้น
1. จะแจ้งทางบริษัทถึงพฤติกรรม ให้ถอดถอนใบอนุญาตขายประกัน ซึ่งมีผลทำให้ นาย บ.จะหมดอนาคตด้านประกันภัยไปตลอดชีวิต
2. แจ้งความ
3. บอกเพื่อน ๆ ทุกคนซึ่งเป็นลูกค้าของเขา ให้จับตาดูพฤติกรรมพร้อมทั้งตรวจสอบสถานะกรมธรรม์ของตัวเอง
นาย บ.ขอร้องว่าอย่าเพิ่งทำอะไร กลัวลูกค้าตกใจ เขาขอโทษพร้อมบอกว่าจะเอาเงินมาคืนภายในวันที่ 10 มีนาคม และขอร้องอย่าเพิ่งบอกเพื่อน ๆ แจนได้โทรปรึกษากับพี่ที่ทำงานในบริษัทนั้น เค้าบอกว่าดีนะที่รู้ตัวก่อน ไม่งั้นตัวแทนประกันจะรู้ช่องทางโกง พอบริษัทคืนเงินทุกปีที่ 3 พี่แกก็จะมารับเงินแล้วเอาไปใช้เอง แล้วปล่อยให้บริษัทหักเงินคืนของเราไป
รู้สึกโมโหเพื่อนมากเลยค่ะ ไม่น่าทำกันลง แถมยังบอกว่าเป็นแค่ความผิดพลาด แต่ไม่ใช่ความจงใจหรือเจตนาไม่ดีแน่นอน หนอยแหนะ ถ้าแจนไม่เอะใจตรวจสอบยอดเงินในกรมธรรม์ พอครบสัญญาจะกลายเป็นว่าเงินไม่เหลือเลยแม้แต่บาทเดียว ถึงวันนั้นมันก็คงหายหัวไปแล้ว จึงอยากมาเตือนคนที่อ่านว่าอย่าไว้ใจตัวแทนประกันภัยมากเกินไป
อยากมาเตือนเพื่อน ๆ ว่าถ้าเป็นไปได้ให้ชำระโดยตรงกับบริษัท และถ้ามีการชำระเงินผ่านตัวแทน ก็ให้ขอใบเสร็จรับเงินชั่วคราวทุกครั้ง และช่วยตรวจสอบสถานะกรมธรรม์ของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ห้ามไว้ใจตัวแทนเด็ดขาด (พี่ที่อยู่บริษัทนั้นบอกว่า กรณีนี้เกิดขึ้นบ่อย แม้แต่พี่น้องยังโกงเงินเบี้ยประกันกันเองเลย)
ส่วนความคืบหน้าตอนนี้ แจนได้รับเช็คคืนมาแล้วค่ะ แต่ลงวันที่ 15 มีนา เลยต้องไปลุ้นอีกทีว่าเช็คจะผ่านรึป่าว :roll:
ขอบคุณที่ตามอ่านกันนะคะ ยาวจริง ๆ เลย :wink: