นอกจากความผิดทางอาญาแล้วความผิดฐานหมิ่นประมาทยังต้องมีความรับผิดทางแพ่งฐานละเมิดด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดกล่าวหรือไขข่างแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงเป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณขอบคุณอื่นก้ดี หรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหากินได้ หรือทางเจริญเติบโตของเขาโดยประการอื่นก็ดี ท่านว่าผู้นั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เขาเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ อันเกิดแก่การนั้น แม้ทั้งเมื่อตนมิได้รู้ว่าข้อความนั้นไม่จริงแต่หาควรควรจะรู้ได้.."
ความผิดฐานหมิ่นประมาท บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 มีองค์ประกอบความผิด ดังนี้คือ ผู้ใด
(1) ใส่ความผู้อื่น
(2) กระทำต่อบุคคลที่สาม
(3) โดยการประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง
ผู้กระทำ หรือผู้หมิ่นประมาท จะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้
ผู้ถูกกระทำ หรือผู้อื่น หรือบุคคลที่ถูกหมิ่นประมาท ต้องมีการระบุไว้เป็นการแน่นอนว่าเป็นใครหรือเข้าใจได้ว่าหมายถึงใคร แต่ไม่จำเป็นต้องระบุชื่ออกมาตรง ๆ เพียงแต่บุคคลที่สามได้ยินหรือได้ทราบหรือได้อ่านข้อความนั้นแล้ว สามารถเข้าใจได้ว่าหมายถึงผู้เสียหายก็เป็นการเพียงพอแล้ว
ใส่ความ คือการแสดงพฤติการณ์อันเป็นข้อเท็จจริงอย่างใดอย่างหนึ่งของผู้ดูหมิ่น โดยกระทำด้วยวิธีการใด ๆ ก็ได้ เช่น การพูด การเขียน การแสดงกิริยา การพิมพ์ข้อความเผยแพร่ การวาดภาพ วาดการ์ตูน การทำหุ่น การใช้สื่อ เช่น การพิมพ์เผยแพร่ทางหนังสือพิมพ์ การพูดทางวิทยุ หรือโทรทัศน์ การเผยแพร่ภาพหรือข้อความทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น และการกระทำดังกล่าวนั้นก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย เนื่องจากผลของการกระทำนั้นน่าจะทำให้ผู้เสียหายหรือผู้ถูกหมิ่นประมาท เสื่อมเสียชื่อเสียงหรือถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง
การใส่ความจะต้องเป็นการกระทำหรือใส่ความต่อบุคคลที่สาม ไม่ใช่กระทำต่อตัวผู้เสียหายโดยตรง ถ้าเป็นการดูหมิ่น หรือใส่ความต่อผู้เสียหายโดยตรงไม่ถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทแต่อาจเป็นความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าได้ การใส่ความผู้เสียหายต่อบุคคลอีกคนหนึ่ง เช่นจำเลยใส่ความผู้เสียหายต่อหน้านายแดงเช่นนี้ถือว่านายแดงเป็นบุคคลที่สาม ไม่ว่าจะกระทำต่อหน้าหรือลับหลังผู้เสียหายก็ตาม หากผลของการใส่ความนั้นน่าจะทำให้ผู้เสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว แม้ความจริงบุคคลที่สามซึ่งเป็นผู้ฟัง ผู้เห็น หรือผู้อ่านจะไม่รู้สึกดูหมิ่นหรือรู้สึกเกลียดชังในตัวผู้ถูกดูหมิ่นเลยก็ถือเป็นการทำความผิดสำเร็จฐานหมิ่นประมาทแล้ว
ความผิดฐานหมิ่นประมาทมิได้ระบุให้กระทำได้เฉพาะผู้ถูกดูหมิ่นซึ่งยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น แม้เป็นการกระทำที่เป็นการใส่ความผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว ผู้ใส่ความก็อาจมีความผิดฐานหมิ่นประมาทได้เช่นกัน ถ้าการใส่ความที่ได้กระทำต่อผู้ตายนั้น น่าจะเป็นเหตุให้บิดา มารดา คู่สมรส บุตรธิดา หรือญาติของผู้ตายเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นก็มีความผิดฐานหมิ่นประมาทได้