
Originally Posted by
69
เท่าที่อ่าน น้อง จขกท ย้ำว่าซื้ออะไรไม่เคยคิดว่าเป็นการลงทุน แต่ซื้อเพราะชอบ
คือพี่ไม่ทราบว่าคำว่ารายได้น้อยนี่คือเท่าไหร่เลยแนะนำไม่ถูก เพราะน้อยของน้องอาจจะมากกว่าเงินของพี่ก็ได้เพราะพื้นฐานทางบ้านอาจจะฐานะดี แต่อยากให้เข้าใจว่ากระเป๋ากับนาฬิกาถือเป็นของฟุ่มเฟือยนะคะ หมายความว่าจะซื้อได้ก็ต่อเมื่อเรามีเงินเหลือมากพอ ถ้าน้อง จขกท รู้จักและรู้สึกว่าตัวเองรายได้น้อย พี่ว่าน้องไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะใช้ซื้อของฟุ่มฟือยได้น่ะค่ะ คนรวยหลายคนกว่าเค้าจะควักเงินซื้อนาฬิกาหรือกระเป๋าแพง ๆ เค้าก็คิดแล้วคิดอีกนะคะ
แนะนำอย่างนี้ละกันค่ะ คนที่พี่เคยเจอมี 3 ประเภท
1. เงินตัวเองน้อย แต่ที่บ้านรวย คนแบบนี้จะซื้อทุกอย่างที่อยากได้เพราะถือว่าถ้าเงินหมดก็ไปขอกงสีได้ เค้าก็ไม่เดือดร้อน แต่จะติดนิสัยแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่ยังมีเงินกงสี เงินกงสีหมดเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที
2. เงินตัวเองน้อย ที่บ้านไม่รวย แต่ก็ซื้อทุกอย่างที่อยากได้ไปเรื่อย พอถึงวันที่ต้องใช้เงินขึ้นมา พวกนาฬิกา กระเป๋าที่ซื้อมาเพราะใจรักต้องตัดใจขายสุด ๆ ทั้ง ๆ มูลค่าเหลือไม่ถึงครึ่งเพราะเดือดร้อนต้องใช้เงินจริง ๆ
3. เงินตัวเองน้อย ที่บ้านไม่รวย ซื้อนาฬิกาที่ชอบที่สุดปีละเรือน ซื้อกระเป๋าที่ชอบที่สุดปีละใบ เงินส่วนใหญ่หมดไปกับเพชร ถึงเวลาเดือดร้อนต้องใช้เงิน ขายเพชรถูกหักค่าเสื่อม 10% ได้เงินก้อนใหญ่มาและยังมีนาฬิกาใส่ มีกระเป๋าแบรนด์หิ้ว
ทีนี้น้อง จขกท ลองเลือกดูค่ะว่าอยากอยู่ข้อไหน
ปล. เพิ่งได้อ่านหนังสือแพรวเล่มล่าสุด มีสัมภาษณ์เศรษฐีรวยติดอันดับของโลก หนึ่งในนั้นมีเจ้าสัวกระทิงแดงรวมอยู่ด้วย (ขออภัยที่จำชื่อท่านไม่ได้ จำได้แต่ว่านามสกุล อยู่วิทยา) ท่านบอกว่า "การใช้เงินซื้อสิ่งใดอย่างไม่คิด อาจทำให้เราต้องขายสิ่งที่ต้องการที่สุดไป"