Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 10 of 22

Thread: หน้านี้..มีรางวัลจ้าๆๆๆๆ( ครั้งที่1)

Hybrid View

  1. #1
    titled's Avatar
    titled is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    54
    ขอบคุณนะครับ สำหรับสิ่งดีๆ
    ^^Love city glow *deLaCour

  2. #2
    pepsi5510's Avatar
    pepsi5510 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    308
    Quote Originally Posted by titled View Post
    ขอบคุณนะครับ สำหรับสิ่งดีๆ
    คุณ titled ไม่ตอบบ้างเหรอครับ...
    นิดหน่อยก็ยังดี..เดี๋ยวกระทู้จะเหงา ...
    กาลเวลาเป็นเครื่องชี้ตัวตนแห่งคน.
    ยินดีต้อนรับเพื่อนๆเข้ากลุ่ม Buddha Pra เพื่อเรียนรู้และถามปัญหาต่างๆเกี่ยวกับพระเครื่องที่คุณมี ด้วยความเต็มใจและจริงใจ การแบ่งปันความรู้ เป็นกุศลอันใหญ่หลวง.

    http://siambrandname.com/forum/forumdisplay.php?f=72

  3. #3
    greenpark's Avatar
    greenpark is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    98
    มาแว้ว 55555

    คำถามที่หนึ่งที่ถามถึงสิ่งสำคัญ อิอิ หนูชอบกินมั้งเลยทำกิน

    วิธีทำนะคะ
    ส่วนผสม
    -กระเพาะปลา,ขิงทุบ 2-3 แง่ง,ต้นหอมซัก 7-8 ต้น,เหล้าขาว นำมาต้มรวมกัน ถ้าไม่มีเหล้าขาวเอาชาจีนมาต้มก็ได้นะคะ แต่มัดใส่ผ้าขาวบางไว้ เวลาเอาใบชาออกจะได้ง่าย เพื่อกระเพาะปลาของเราจะได้ไมกลิ่นเหม็นสาบ

    -โครงไก่ 2 โครง
    -เห็ดหอมแช่น้ำแล้ว 2-3 ดอก
    -หน่อไม้หั่นเป็นเส้นๆ 3 ขีด
    -ไข่นกกระทาต้มสุกแกะเปลือก ปริมาณตามชอบ
    -เลือดไก่ 1 ก้อนหั่นเป็น สี่เหลี่ยมลูกเต๋า (ประมาณ 1.5 ซม.)
    -ไก่ต้มสุกฉีก 2 ขีด
    -รากผักชี 3 ต้น
    -ซีอ๊วดำ
    -ซีอิ๊วหวาน
    -น้ำตาล
    -เกลือป่น
    -แป้งมัน
    -รากผักชี
    -จิ๊กโฉ่ว

    วิธีทำนะคะ
    1.ต้มน้ำให้เดือด ใส่ขิงทุบ ต้นหอมทั้งต้น และเหล้าขาว หลังจากนั้นใส่กระเพาะปลาลงไป ต้มไปเรื่อยๆพอนิ่มก็ตักขึ้นมา บีบน้ำ พักเก็บไว้
    2.ต้มน้ำให้เดือดใส่โครงไก่ รากผักชี ลงไปพอเดือด แล้วเติมเครื่องปรุงต่างๆ ชิมรสตามชอบ กรองเอาโครงไก่กับรากผักชีออก แล้วใส่ หน่อไม้ กระเพาะปลา ไก่ฉีก ไข่นกกระทา เห็ดหอม
    3.นำแป้งมันมาละลายน้ำแล้วค่อยๆเทลงไป รีบคนไม่งั้นแป้งจะเป็นลูกๆ ไม่น่ากิน พอเริ่มข้นตักใส่ชาม
    4.ถ้าชอบใส่เส้นหมี่ก็ลวกรอไว้ก้นชามแล้วราดกระเพาะปลาลงไป แล้วโรยหน้าด้วยผักชี พริกไทย ทานกับจิ๊กโฉ่วนี่สุดยอด หรือถ้าชอบน่องไก่อันใหญ่ๆก็ตุ๋นรอไว้ โอ๊ยหิวแล้ว 55555

    พอไหวมั้ยค่ะคุณ pepsi นึกถึงสมัยตอนเด็กๆ เวลามีหนังกลางแปลงชอบไปนั่งกินกระเพาะปลามาก เห็นไฟสีส้มๆที่ห้อยอยู่หน้าร้านได้อารมณ์มาก พอกินกระเพาะปลาเสร็จต้องต่อด้วยขนมถังแตก 55555 รู้อายุเลยนะเนี่ย

  4. #4
    pepsi5510's Avatar
    pepsi5510 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    308
    เหอๆๆๆๆ...คุณ greenpark เผยไต๋หมด...พอเล่ามาก็รู้เลยว่า อิอิ แก่....55555
    ยังขาดอยู่อีกอย่างครับ....ขนมแบบน้ำตาลที่ทําได้หลายๆสี ถ้าเป็นรูป ลิง ก็ใช้เป่า รูปข้าวโพด แบบว่าได้หลายๆแบบ...คงรู้นะครับ...อิอิ แล้วก็เสียบไม้....
    กาลเวลาเป็นเครื่องชี้ตัวตนแห่งคน.
    ยินดีต้อนรับเพื่อนๆเข้ากลุ่ม Buddha Pra เพื่อเรียนรู้และถามปัญหาต่างๆเกี่ยวกับพระเครื่องที่คุณมี ด้วยความเต็มใจและจริงใจ การแบ่งปันความรู้ เป็นกุศลอันใหญ่หลวง.

    http://siambrandname.com/forum/forumdisplay.php?f=72

  5. #5
    greenpark's Avatar
    greenpark is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    98



    ให้คุณ pepsi อันนึงอยากได้อันไหนเลือกตามใจเลยนะคะ

  6. #6
    makeberry's Avatar
    makeberry is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    35
    คุณ pepsi ผึ้งมาช่วยกลัวกระทู้เหงาค่ะ
    แต่ขอไม่รับรางวัลนะคะ เพราะผึ้งไม่ได้คิดเอง
    ไป search หามาให้ค่ะ


    กระเพาะปลาน้ำแดง

    ส่วนผสม

    กระเพาะปลา 1 ถ้วย
    เห็ดหอมแช่น้ำจนนิ่มแล้วผ่าครึ่ง 1 ถ้วย
    หน่อไม้หั่นชิ้น 1 ถ้วย
    ไข่นกกระทา 1 ถ้วย
    ปีกกลางไก่ 1 ถ้วย
    ซีอิ๊วดำ 1/2 ถ้วย
    ซีอิ๊วขาว 1/2 ถ้วย
    แป้งมันละลายน้ำ 1 ถ้วย
    ผักชีซอย 1 ถ้วย
    เกลือป่นเล็กน้อย
    น้ำตาลทรายเล็กน้อย

    วิธีทำ
    1.ตั้งหม้อใส่น้ำใช้ไฟแรงพอน้ำเดือดนำกระเพาะปลาลงต้มให้สุก

    ใส่เกลือเล็กน้อย เมื่อสุกแล้วนำขึ้นบีบน้ำออกให้หมดแล้วพักไว้
    2.ตั้งหม้อน้ำอีกครั้งใช้ไฟกลาง ใส่เห็ดหอม หน่อไม้ กระเพาะปลา

    ไข่นกกระทาและปีกกลางไก่ ต้มต่อไปจนน้ำเดือด
    3.ใส่เครื่องปรุงชิมรสให้ได้ตามชอบ ต้มเคี่ยวจนกระทั่งส่วนผสมทั้งหมดสุกและเข้ากันดี
    4.ค่อยๆใส่แป้งมันที่ละลายน้ำแล้วลงไป ค่อยๆคนอย่าให้เป็นก้อน

    คนต่อจนน้ำเหนียวข้นดีแล้วยกลง
    5.ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยผักชีซอย และพริกไทยป่น ทานร้อนๆ



    รูปปลากรอบค่ะ ^^ (น่ากินใช่ม๊า อิอิ)

    ก่อนอื่นเอากระเพาะปลามาต้มก่อน



    ตั้งหม้อต้มน้ำใหม่

    1.ใส่คนอร์ผงเพื่อได้รสชาติซุปกระดูกที่ไม่ต้องเคี่ยวนาน
    2.ใส่เกลือนิด
    3.ซีอิ้วขาวหน่อย
    4.น้ำปลานิด
    5.ซีอิ้วดำหน่อย ดูให้สีเข้มพอดีถูกใจ
    6.ตามมาด้วย หมูบดปรุงรส(แบบนุ่ม)
    7.ใส่หน่อไม้ต้มหั่นฝอย
    8.ปกติที่ขายๆกันจะใส่เลือดไก่ต้มหั่นไปด้วย แต่ถ้าใครไม่ชอบกินเลือดก็ใส่เต้าหู้ไข่ไก่ไปแทน
    9.เห็ดหอมก็ไม่มีเหมือนกัน เลยใช้เห็ดเข็มทองเอา
    10.ต้มให้เข้ากันสักพัก อันที่จริงค่อยๆตุ๋นไปเรื่อยๆรสชาดมันจะได้กลมกล่อมเข้าไปในกระเพาะปลา
    11.ละลายแป้งมันกับน้ำสัก 1ถ้วย กะเอาว่าทำเยอะแค่ไหน แต่ที่หอไม่มีแป้งมันวันก่อนซื้อแป้งข้าวโพดมาเลยใช้แทนกันพอถูๆไถๆไปกันได้ (แป้งมันจะให้ความข้นเหนียว กว่าแป้งข้าวโพด)
    12.ค่อยๆเทลงไปทีละนิด ให้คนมาคนๆให้ทั่ว ช้าๆอย่าใส่เยอะเดี๋ยวข้นเกินแล้วจะเสียใจ
    13.ต้มต่อไปสักพักให้เดือดปุดๆ หรือถ้าไม่รีบกินก็เบาไฟให้อ่อนลง







    เสร็จแล้วก็ตักใส่ถ้วย





    credit รูปและวิธีทำจาก คุณ P.P.Yai@2008 ค่ะ


    I would rather hurt myself
    Than to ever make you cry
    There's nothing left to say but goodbye

  7. #7
    makeberry's Avatar
    makeberry is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    35
    การอยู่ร่วมกันแบบมีความสุขบนโลก online.

    อันนี้ตอบตามความรู้สึกเลยค่ะ
    โดยส่วนตัวคิดว่าไม่ว่าจะโลกออนไลน์
    หรือในชีวิตประจำวัน
    ถ้าทุกคนที่อาศัยอยู่ในสังคมเดียว
    พึงระลึกเอาไว้ที่คำๆนึงนั่นคือ "ใจเค้าใจเรา"
    เท่านี้ทุกคนก็อยู่กันอย่างมีความสุขค่ะ

    ไม่ต้องคิดอะไรมากค่ะ
    แค่ก่อนจะทำอะไรสักอย่าง
    ลองถามตัวเองดูก่อนว่าถ้าเป็นเรา
    เราจะชอบมั๊ย เราจะรับได้มั๊ย
    โดยคิดให้เป็นกลางนะคะ อย่าคิดแบบเข้าข้างตัวเอง
    เพราะในความจริงแล้วคนทุกคนก็อยากได้สิ่งที่ถูกใจตัวเองทั้งนั้น
    แต่ตอนนี้เราอยู่ในสังคมของคนหมู่มาก
    จะทำทุกอย่าง อย่างที่ใจต้องการไม่ได้หรอกค่ะ
    แค่ทำทุกอย่าง ที่เราคิดว่าดี
    และไม่เดือดร้อนใครก็พอแล้วค่ะ

    ปล.ขอร่วมเล่นเกมส์แบบไม่ขอรับรางวัลนะคะ
    เล่นกันสนุกๆ เพื่อขอบคุณ คุณ pepsi
    ที่นำเรื่องราวดีๆมาให้ SBN เสมอๆ

    ปล อีกที.ชอบเรื่องของยายมากที่สุด
    อ่านไปขนลุกไป 55555555555


    I would rather hurt myself
    Than to ever make you cry
    There's nothing left to say but goodbye

  8. #8
    TEDDY07's Avatar
    TEDDY07 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    3
    น่ากินจังเลยยยยยยย
    ขอบคุณ SBN จ๊ะ

    หนังสือสวดมนต์ แจกฟรี ฟรี ฟรี
    ขอเชิญเพื่อนๆ SBN รับหนังสือสวดมนต์ฟรี
    เพื่อสวดบูชา ก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล
    แก่ตัวท่านเองและครอบครัว
    หรือจะเอาไปช่วยกันบอกบุญต่อก็ดียิ่งๆขึ้นไปเลยนะจ๊ะ

    ตามลิ้งค์นี้เลย
    http://siambrandname.com/forum/showthread.php?t=390560

  9. #9
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    152
    มาเกือบไม่ทันๆ ขอร่วมสนุกด้วยครับโดยการส่งเรียงความเข้าประกวด 555+

    .....................................................การอยู่ร่วมกันแบบมีความสุขบนโลก online
    .......สังคม (Social) หมายถึง การอยู่ร่วมกันของบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปภายใต้อำนาจเดียวกันในอันที่จะดำเนินไปสู่จุดหมายร่วมกัน และยึดถือคุณค่าทางสังคมอย่างเดียวกัน ตลอดจนมีการกระทำโต้ตอบกันอย่างต่อเนื่อง และมีการสังสรรค์ระหว่างกัน ซึ่งในปัจจุปัน”สังคม” มีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น เช่น “สังคมออนไลน์” เป็นต้น
    .......ในเมื่อมนุษย์เป็นสัตว์สังคม (Social animals) ดังนั้นมนุษย์ทุกคนย่อมเสาะแสวงหาสังคมของตัวเองทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสังคมในชุมชนก็ดี สังคมในที่ทำงานก็ดี หรือแม้กระทั่ง “สังคมออนไลน์” แต่โดยธรรมชาติแล้วสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตย่อมมีความคิดเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะมนุษย์ ในสังคมของคนหมู่มาก สิ่งหนึ่งที่จะเพิ่มขึ้นไม่แพ้จำนวนคนเลยนั่นคือ ความคิด ความคิดสำคัญมากในการดำรงชีวิตเรามักใช้ความคิดในการแก้ไขปัญหาต่างๆอยู่เสมอ ดังนั้นความคิดจึงเป็นสาเหตุแห่งการกระทำ ซึ่งการกระทำจะส่งผลต่อตนเองและบุคคลรอบข้างซึ่งก็คือสังคมนั่นเอง ดังนั้นสรุปได้ว่าความคิดมีผลต่อสังคมเป็นอย่างมาก แล้วอะไร? ที่จะทำให้ความคิดของคนทุกคนเป็นกลางเอาใจเขามาใส่ใจเรา อะไร? ที่จะทำให้การกระทำของตนนั้นจะไม่ทำให้ตนและผู้อื่นเดือดร้อน ผมจึงขอยกเอาคำสอนขององค์พระตถาคตที่พระองค์ทรงสอนไว้เป็นหลักธรรมในการปฏิบัติ ดังนี้
    .......สังคหวัตถุธรรม แปลว่า ธรรมหรือข้อปฏิบัติสำหรับการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม ที่จะก่อให้เกิดความสงบสุขทุกฝ่ายต้องรู้จักเฉลี่ยแบ่งปันประโยชน์ส่วนน้อยของตน เพื่อประโยชน์สุขอันไพบูลย์ของคนส่วนใหญ่ ทุกฝ่ายจะต้องมีคุณธรรมสำคัญ 4 ประการคือ ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา และสมานัตตตา
    ......1. ทาน คือ การให้แสงความโอบอ้อมอารี ได้แก่ การช่วยเหลือเกื้อกูลกันด้วยวัตถุสิ่งของ การยอมเสียสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อประโยชน์ส่วนรวมการสงเคราะห์ดูแลกันตามกำลัง ตามความจำเป็น และตามเหตุการณ์หนักเบาที่เกิดขึ้น ไม่นิ่งดูดาย ไม่เฉยเมย เข้าทำนองว่า “มือไม่พาย แต่เอาเท้าราน้ำ” ผู้ที่ให้ย่อมได้รับผลแห่งการให้เฉพาะตน เช่น ได้บุญ ได้คุณ และความสุข ส่วนในด้านสังคม ได้ความภักดี ความกตัญญูกตเวทีและความปลอดภัย
    ......2. ปิยวาจา คือ คำพูดที่ชวนให้เกิดความรัก ความชื่นใจ ได้แก่ พูดด้วยเจตนาดี มุ่งประโยชน์ สานประโยชน์ เว้นคำพูดที่ทำลายประโยชน์ เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น เช่น พูดเท็จ พูดหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ การพูดดี คือพูดอ่อนหวานพูดสานประโยชน์ พูดลดความขัดแย้ง เป็นมงคลภาษา ดังคำพังเพยที่ว่า “ปากเป็นเอก เลขเป็นโท” คนที่พูดดี เป็นคนมีปากทอง เมื่อพูดไปแล้ว จะได้รับผลตอบสนอง คือ มีคนชอบ มีคนเชื่อ และมีคนช่วย
    ......3. อัตถจริยา คือ การบำเพ็ญประโยชน์ ได้แก่ การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ด้วยกำลังกาย กำลังทรัพย์ การอนุรักษ์สาธารณสมบัติ การสร้างสรรค์สาธารณประโยชน์ การช่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่สาธารณชน โดยไม่เห็นแก่ตัว หรือประโยชน์ของตัวจนเกินงาม
    ......4. สมานัตตตา คือ วางตนเป็นกลาง ได้แก่ มีความยุติธรรมเที่ยงตรง ไม่อคติ เพราะชอบ ชัง ลุ่มหลง หวาดกลัว ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่เลือกปฏิบัติ ปฏิบัติตนกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน ที่สำคัญคือต้องวางตนอย่างเหมาะสมเสมอต้นเสมอปลายตามฐานานุรูป
    .......จะเห็นได้ว่า สังคหวัตถุธรรม คือ ทาน โอบอ้อมอารี ปิยวาจา วจีไพเราะ อัตถจริยา สงเคราะห์ประชาชน สมานัตตตา วางตนเหมาะสมเป็นคุณธรรมที่ยึดโยงคนในสังคมให้มีน้ำใจต่อกัน รู้จักให้โอกาสให้อภัยต่อกัน หากคนในสังคมใดโดยเฉพาะสังคมไทย ยึดถือปฏิบัติ ย่อมจะได้รับความสงบสุข และเกิดความสมัครสมานสามัคคีปรองดองขึ้นแบบยั่งยืน เปรียบเสมือนลิ่มสลักทำให้อาคารบ้านเรือนมั่นคงแข็งแรง
    ........สาราณียธรรม คือ ธรรมะข้อปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความรัก ความเคารพยกย่อง และช่วยให้คิดถึงกันและกันอย่างจริงใจเป็นหลักธรรมสำคัญที่เป็นไปเพื่อการสงเคราะห์ช่วยเหลือกัน เพื่อการไม่ทะเลาะวิวาทบาดหมางกัน เพื่อความสามัคคีกัน และเพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พระพุทธเจ้า ทรงแสดงหลักสาราณียธรรม คือ
    .......1. เมตตากายกรรม ช่วยเหลือผู้อื่นทางกาย ด้วยความปรารถนาดี คือช่วยด้วยแรงกายเต็มตามกำลังความสามารถ
    .......2. เมตตาวจีกรรม ช่วยเหลือผู้อื่นทางวาจา ด้วยความปรารถนาดี คือช่วยด้วยการพูด ให้คำปลุกปลอบ ให้คำแนะนำ การไม่กล่าวร้าย ไม่ดูหมิ่นเหยียดหยามไม่เหยียบย่ำซ้ำเติมผู้อื่น
    .......3.เมตตามโนกรรม ช่วยเหลือผู้อื่นทางใจด้วยความปรารถนาดี คือเอาใจช่วย คิดช่วย ไม่มุ่งเอาแต่ได้ ไม่คิดร้ายหมายขวัญ ไม่ก่อกวนด้วยทัศนคติที่ผิดทำนองคลองธรรม ไม่เห็นผิดเป็นชอบ ไม่กำหนดกรอบสองมาตรฐาน
    ......4. สาธารณโภคี แบ่งปันสิ่งของที่ตนได้มาโดยชอบธรรมแก่ผู้อื่น ให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์จากทรัพย์สิ่งของของตนบ้าง ซึ่งก็คือการรู้จักเฉลี่ยประโยชน์แก่คนรอบข้างแก่สังคม และสูงขึ้นไปกว่านั้นคือ การสละทรัพย์ เพื่อรักษาอวัยวะ สละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต สละทรัพย์ อวัยวะ และชีวิตเพื่อรักษาธรรม ในที่นี้ได้แก่ การสละทรัพย์
    อวัยวะ และชีวิตเพื่อรักษาและสร้างความมั่นคงแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
    ......5. สีลสามัญญตา มีความประพฤติดีงามเท่าเทียมผู้อื่น หมายถึง เคารพกฏเกณฑ์กติกา ระเบียบแบบแผน ในที่นี้ ได้แก่การปฏิบัติตามกฎหมาย ศีลธรรม วัฒนธรรม จารีตขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของสังคม ตลอดถึงการรู้จักแพ้ รู้จักชนะ รู้อภัย ไม่มุ่งแต่จะเอาชนะกันอย่างเดียวกัน เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
    ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมเป็นทุกข์ (คิดแต่จะแก้แค้น)
    ......6. ทิฏฐิสามัญญตา มีความคิดเห็นร่วมกับผู้อื่นในสังคม การยอมรับความแตกต่างทางความคิด ไม่เป็นเหตุก่อให้เกิดความแตกแยกเพราะการที่คนในสังคมมีความหลากหลายทางความคิด เป็นความงอกงามของสังคม หากสามารถปรับแนวคิดต่าง ๆให้เป็นไปเพื่อจุดมุ่งหมายในทางสร้างสรรค์ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมหันต์ ในทางกลับกัน หากคนในสังคมมีความคิดเห็นร่วมกันในทางทำลาย ก็จะกลายเป็นภัยอย่างใหญ่หลวงเช่นกัน
    ......จะเห็นได้ว่า สาราณียธรรมทั้ง ๖ ประการนั้น เป็นหลักธรรมพื้นฐานของสังคม ที่จะเชื่อมประสานรอยร้าว
    สร้างความรักความผูกพันของคนในสังคมให้แนบแน่น เป็นแกนกลางของความสมานฉันท์สามัคคี ปลูกรักปลูกไมตรีมีความร่วมมือร่วมใจ ห่วงหาอาทรต่อกัน ดังคำที่ว่า “รักกันให้เหมือนพี่ ดีกันให้เหมือนน้อง ปรองดอง ให้เหมือนญาติ สังคมจะเจริญ”
    ......สิ่งเหล่านี้ที่องค์พระศาสดาได้ทรงสอนไว้ซึ่งเป็นคำสอนที่พวกเราทุกคนสามารถปฏิบัติได้อย่างไม่ยากนัก ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติใด ศาสนาใดก็ตาม อย่ามองว่านี่เป็นคำสอนของศาสนาพุทธให้มองว่านี่เป็นคำสอนสำหรับมนุษย์ “ดาวไม่ว่าจะมีซักกี่หมื่นล้านทุกดวงก็ยังทอแสงส่องลงมาให้เราได้เห็น” นี่จึงเป็นแสงอีกแสงหนึ่งที่จะส่องสว่างให้กับมุนยษ์ว่าทำอย่างไรถึงจะดำรงอยู่อย่างมีคุณค่าในสังคม โดนเฉพาะ”สังคมออนไลน์”จะได้ไม่มีการหลอกลวงขายของปลอม ไม่มีการเอาเปรียบในการซื้อ-ขาย เป็นต้น สังคมออนไลน์ เป็นสังคมที่ผู้คนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน ดังนั้นเราควรปฏิบัติตามนี้ให้ได้อย่างดีที่สุด เพื่อสังคมออนไลน์ที่ดีของเราครับ


    ทุกเรื่องของพระเครื่องมีคำตอบที่นี่ครับ

    http://siambrandname.com/forum/forumdisplay.php?f=72

  10. #10
    pepsi5510's Avatar
    pepsi5510 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    308
    รางวัล ผมเพิ่มเป็น 2 หัวข้อนะครับ...เพื่อนๆจะตอบข้อใดก็ได้.
    หัวข้อละ 1 รางวัล ..... สนุกๆกันครับ

    1.กระเพาะปลาน้ำแดง
    2.การอยู่ร่วมกันแบบมีความสุขบนโลก online.

    ผมเพิ่มให้อีก 1 หัวข้อ หัวข้อละ 1 รางวัลครับ.

    กาลเวลาเป็นเครื่องชี้ตัวตนแห่งคน.
    ยินดีต้อนรับเพื่อนๆเข้ากลุ่ม Buddha Pra เพื่อเรียนรู้และถามปัญหาต่างๆเกี่ยวกับพระเครื่องที่คุณมี ด้วยความเต็มใจและจริงใจ การแบ่งปันความรู้ เป็นกุศลอันใหญ่หลวง.

    http://siambrandname.com/forum/forumdisplay.php?f=72

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •