Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 8 of 8

Thread: ตัดกรรมตัดเวร

Hybrid View

  1. #1
    due's Avatar
    due is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    64
    ขอยืมพื้นที่นิดนึงนะคะน้องhut

    การล้างบาปตามวิถีพุทธ


    ในพระพุทธศาสนานั้น มีวิธีการแก้ไขบาปอกุศลที่เคยพลาดพลั้งกระทำไป อย่างมีเหตุผลดังนี้

    สมมุติว่าเราใส่เกลือช้อนหนึ่งลงในน้ำ 1 แก้ว เมื่อคนให้ละลาย แล้วลองชิมดู ผลจะเป็นอย่างไร "ก็เค็ม"
    ถ้าเติมน้ำลงไปอีก 1 ถัง ชิมดูเป็นอย่างไร "ก็แค่กร่อย ๆ"
    ถ้าเติมน้ำลงไปอีก 1 แทงค์ใหญ่ ชิมดูเป็นอย่างไร "ก็จืดสนิท"

    "เกลือหายไปไหนหรือเปล่า????"
    "เปล่า ยังอยู่ครบถ้วนตามเดิม"

    "แล้วทำไมไม่เค็ม????"
    "ก็เพราะน้ำ 1 แทงค์มีปริมาณมาก มากจนสามารถเจือจางรสเค็มของเกลือจนกระทั่งหมดฤทธิ์ เราจึงไม่รู้สึกถึงความเค็ม"

    ภาษาพระท่านเรียก อัพโพหาริก หมายความว่า มีหมือนไม่มี คือเกลือนั้นยังมีอยู่ แต่ว่าหมดฤทธิ์เสียแล้ว ถือได้ว่าไม่มี

    เช่นกัน วิธีแก้ไขบาปในพระพุทธศาสนาก็คือ การหยุดทำบาป แล้วตั้งใจทำความดีสั่งสมบุญให้มากเข้าไว้ ให้ผลบุญกุศลนั้นมาทำให้ผลบาปทุเลาลงไป

    การทำบุญเหมือนการเติมน้ำ การทำบาปเหมือนการเติมเกลือ

    เมื่อเราทำบาป บาปนั้นก็ติดตัวเราไปเหมือนเกลือที่ยังคงอยู่ในน้ำ ที่สำคัญไม่มีใครไถ่บาปแทนเราได้ ดังพระพุทธวจนะที่ว่า "นาญโญ อัฏฐะ วิโสธะเย - ผู้ใดจะไถ่บาปให้ผู้อื่นบริสุทธิ์ไม่ได้"

    หนทางแก้ไขก็คือการเติมน้ำเพื่อเจือจางความเค็ม นั่นคือ เราต้องหมั่นสร้างบุญกุศลให้มากเพื่อมาทำให้บาปมีฤทธิ์น้อยลงหรือให้หมดฤทธิ์ลงไปให้ได้

    จะเติมน้ำหรือเติมเกลือ พวกเราทั้งหลายคงต้องเลือกเอง

    ขอยกพระพุทธวจนะเกี่ยวกับการเกิดบาปมา ณ ที่นี้ว่า
    "นัตถิ ปาปัง อกุพพะโต - บาปย่อมไม่เกิดแก่ผู้ไม่ทำบาป"
    "อัตตะนา วะ กะตัง ปาปัง อัตตะนา สังกิลิสสะติ - ผู้ใดทำบาป ผู้นั้นก็เศร้าหมองเอง"
    "อัตตะนา อะกะตัง ปาปัง อัตตะนา วะ วิสุชฌะติ - ผู้ใดไม่ทำบาป ผู้นั้นก็บริสุทธิ์"

    เอกสารอ้างอิง: ธรรมะสว่างใจ ปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๑๘๕, พฤศจิกายน-ธันวาคม ๒๕๔๘, วัดสังฆทาน, Bermingham.
    เรารักอะไรก็จะทุกข์เพราะสิ่งนั้น
    เพราะว่าสิ่งทั้งหลายล้วนแปรปรวนทั้งสิ้น
    ไม่มีอะไรคงที่อยู่ได้ตลอดเวลา

  2. #2
    hut2211's Avatar
    hut2211 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,986

    Talking

    ขอบคุณและอนุโมทนาครับ พี่ดิว
    บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้น ใจย่อมอยู่สบาย......
    อย่าเรียกร้องในสิ่งที่ไม่มี แต่จงภูมิใจในสิ่งที่มีอยู่...
    โกงเค้าชาตินี้ 1 ต้องใช้เค้าชาติหน้าเป็น พัน ทำทำไม?
    ศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่คนเสื่อมจากศาสนา

    ธรรมนิยายธรรมะผู้สละโลก
    http://groups.google.com/group/DhammaSawasdee/web/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81


  3. #3
    TEDDY07's Avatar
    TEDDY07 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    3
    Quote Originally Posted by due View Post
    ขอยืมพื้นที่นิดนึงนะคะน้องhut

    การล้างบาปตามวิถีพุทธ


    ในพระพุทธศาสนานั้น มีวิธีการแก้ไขบาปอกุศลที่เคยพลาดพลั้งกระทำไป อย่างมีเหตุผลดังนี้

    สมมุติว่าเราใส่เกลือช้อนหนึ่งลงในน้ำ 1 แก้ว เมื่อคนให้ละลาย แล้วลองชิมดู ผลจะเป็นอย่างไร "ก็เค็ม"
    ถ้าเติมน้ำลงไปอีก 1 ถัง ชิมดูเป็นอย่างไร "ก็แค่กร่อย ๆ"
    ถ้าเติมน้ำลงไปอีก 1 แทงค์ใหญ่ ชิมดูเป็นอย่างไร "ก็จืดสนิท"

    "เกลือหายไปไหนหรือเปล่า????"
    "เปล่า ยังอยู่ครบถ้วนตามเดิม"

    "แล้วทำไมไม่เค็ม????"
    "ก็เพราะน้ำ 1 แทงค์มีปริมาณมาก มากจนสามารถเจือจางรสเค็มของเกลือจนกระทั่งหมดฤทธิ์ เราจึงไม่รู้สึกถึงความเค็ม"

    ภาษาพระท่านเรียก อัพโพหาริก หมายความว่า มีหมือนไม่มี คือเกลือนั้นยังมีอยู่ แต่ว่าหมดฤทธิ์เสียแล้ว ถือได้ว่าไม่มี

    เช่นกัน วิธีแก้ไขบาปในพระพุทธศาสนาก็คือ การหยุดทำบาป แล้วตั้งใจทำความดีสั่งสมบุญให้มากเข้าไว้ ให้ผลบุญกุศลนั้นมาทำให้ผลบาปทุเลาลงไป

    การทำบุญเหมือนการเติมน้ำ การทำบาปเหมือนการเติมเกลือ

    เมื่อเราทำบาป บาปนั้นก็ติดตัวเราไปเหมือนเกลือที่ยังคงอยู่ในน้ำ ที่สำคัญไม่มีใครไถ่บาปแทนเราได้ ดังพระพุทธวจนะที่ว่า "นาญโญ อัฏฐะ วิโสธะเย - ผู้ใดจะไถ่บาปให้ผู้อื่นบริสุทธิ์ไม่ได้"

    หนทางแก้ไขก็คือการเติมน้ำเพื่อเจือจางความเค็ม นั่นคือ เราต้องหมั่นสร้างบุญกุศลให้มากเพื่อมาทำให้บาปมีฤทธิ์น้อยลงหรือให้หมดฤทธิ์ลงไปให้ได้

    จะเติมน้ำหรือเติมเกลือ พวกเราทั้งหลายคงต้องเลือกเอง

    ขอยกพระพุทธวจนะเกี่ยวกับการเกิดบาปมา ณ ที่นี้ว่า
    "นัตถิ ปาปัง อกุพพะโต - บาปย่อมไม่เกิดแก่ผู้ไม่ทำบาป"
    "อัตตะนา วะ กะตัง ปาปัง อัตตะนา สังกิลิสสะติ - ผู้ใดทำบาป ผู้นั้นก็เศร้าหมองเอง"
    "อัตตะนา อะกะตัง ปาปัง อัตตะนา วะ วิสุชฌะติ - ผู้ใดไม่ทำบาป ผู้นั้นก็บริสุทธิ์"

    เอกสารอ้างอิง: ธรรมะสว่างใจ ปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๑๘๕, พฤศจิกายน-ธันวาคม ๒๕๔๘, วัดสังฆทาน, Bermingham.
    โห อ่านแล้ว ดีจังเลย
    ขอบคุณ SBN จ๊ะ

    หนังสือสวดมนต์ แจกฟรี ฟรี ฟรี
    ขอเชิญเพื่อนๆ SBN รับหนังสือสวดมนต์ฟรี
    เพื่อสวดบูชา ก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล
    แก่ตัวท่านเองและครอบครัว
    หรือจะเอาไปช่วยกันบอกบุญต่อก็ดียิ่งๆขึ้นไปเลยนะจ๊ะ

    ตามลิ้งค์นี้เลย
    http://siambrandname.com/forum/showthread.php?t=390560

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •