ผมได้รับลิงค์ของบทความหนึ่ง บทความนี้ทำให้ผมรู้ว่า พระองค์ท่านได้ทรงทำอะไรไว้มากกว่าที่ผมเคยรู้
จึงขอนำบทความนี้มาลงที่นี้ด้วยครับ
-------------------------
23 คุลาคม 2552
อยาก ฝากบทความนี้ ให้คนไทย หลายๆ คนได้อ่าน เนื่องในวัน วันคล้ายวันสวรรคตของพระมหาราชเจ้า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 23 ตุลาคม 2552
ข้าพระพุทธเจ้า ขอสดุดี
บทความเรื่อง "ประเทศไทยกำลังเหมือนเรือที่ผุทั้งลำ"
ของคุณ สิริอัญญา
จึงขออนุญาต นำบดความนี้มาช่วยเผยแพร่ ณ ที่นี้ด้วยครับ
----------------
บทความวันนี้แม้ตั้งชื่อเรื่องออกจะน่ากลัว แต่แท้จริงแล้วจะเป็นบทความที่เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสที่วันคล้ายวันสวรรคตของพระมหาราชเจ้าพระองค์นั้น ได้เวียนมาถึงอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 23 ตุลาคม ศกนี้
ที่ตั้งชื่อ บทความเช่นนี้ ก็โดยนัยแห่งพระราชดำริที่สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้าได้ทรงมีพระราชดำริ วินิจฉัยสถานการณ์บ้านเมืองในยามนั้นว่าสยามในบัดนั้นผุกร่อน หากเปรียบกับเรือแล้วก็เหมือนเรือที่ผุทั้งลำ ไม่สามารถปะผุได้อีกต่อไป จะต้องซ่อมแซมเป็นการใหญ่จึงจะรักษาเรือนั้นเอาไว้ได้
และ ด้วยพระบรมราชวินิจฉัยดังพระราชดำรินั้น ความเป็นสัมมาทิฐิในการปฏิรูปสยามจึงเกิดขึ้นตั้งแต่บัดนั้น และเป็นผลให้สยามในยุคนั้นเป็นยุคที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูมากที่สุด และอาจกล่าวได้ว่ารุ่งเรืองที่สุดในภูมิภาคนี้ จนเป็นที่เคารพศรัทธาถ้วนหน้ากัน
เมื่อวันปิยมหาราชมาถึงในแต่ละปี ก็จะมีพิธีรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณทั่วราชอาณาจักร และเนื้อหาส่วนใหญ่ก็มุ่งไปที่เรื่องพระมหากรุณาธิคุณในการเลิกทาส ซึ่งความจริงเป็นเพียงส่วนเดียว แต่ก็เป็นส่วนเดียวที่ยอดเยี่ยมกว่าการเลิกทาสในสหรัฐอเมริกา เพราะการเลิกทาสในสยามนั้นไม่ต้องทำสงครามให้สูญเสียเลือดเนื้อคนไทยด้วยกัน
ดังนั้นในโอกาสนี้จึงสมควรที่จะน้อมนำรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและ พระปัญญาทัศน์อันประเสริฐของพระมหาราชเจ้าพระองค์นั้นในแง่มุมอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากการเลิกทาสให้เป็นเรื่องเป็นราวสักครั้งหนึ่ง
ก็ ต้องเริ่มต้นด้วยการตั้งสัมมาทิฐิในการปฏิรูปสยามก่อน นั่นคือพระบรมราชวินิจฉัยที่สอดคล้องถูกตรงกับสถานการณ์บ้านเมือง ว่าสยามยามนั้นไม่อยู่ในภาวะปกติ มีความชำรุดทรุดโทรมประดุจดั่งเรือที่ผุทั้งลำแล้ว จึงต้องซ่อมแซมครั้งใหญ่ หาไม่แล้วก็จะรักษาชาติบ้านเมืองไว้ไม่ได้
เมื่อ ทรงตั้งสัมมาทิฐิดังนั้นแล้ว การปฏิรูปสยามครั้งใหญ่จึงเกิดขึ้นตลอดรัชสมัย และเป็นผลให้สยามเจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟูโดดเด่นเป็นหนึ่งอยู่ในภูมิภาคนี้
พระ ปิยมหาราชเจ้าพระองค์นั้นทรงประกอบพระราชกรณียกิจใดบ้างที่เป็น นัยหรือเนื้อหาสำคัญในการพลิกฟื้นสยาม จากสภาพเรือผุทั้งลำ จนกลายเป็นประเทศที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูแห่งภูมิภาค ที่สำคัญเห็นจะมีดังต่อไปนี้
ประการแรก พระปรีชาสามารถและพระอัจฉริยภาพที่ทรงแปรวิกฤตเป็นโอกาสได้สำเร็จอย่างยอดเยี่ยม
สยาม ขณะนั้นอยู่ภายใต้บังคับของสัญญาเบาริ่ง ซึ่งมีสาระใหญ่ 3 เรื่อง คือต้องยกเลิกการผูกขาดค้าข้าว ต้องจัดเก็บภาษีอย่างเป็นระบบ และให้บรรดาคดีพิพาทระหว่างชาวสยามกับต่างชาติต้องขึ้นศาลโพลิสต์สภา หรือศาลของต่างชาติ นับเป็นวิกฤตใหญ่หลวงของชาติที่เปรียบได้ว่าได้สูญเสียเอกราชอธิปไตยไปถึง ครึ่งหนึ่งแล้ว
แต่ด้วยพระปรีชาสามารถ วิกฤตทั้งหลายกลับกลายเป็นโอกาสหมดสิ้น จากการถูกบังคับให้ยกเลิกการผูกขาดการค้าข้าว ทรงแปรสยามให้เป็นประเทศเปิดเสรีค้าข้าว ทำให้การค้ารุ่งเรืองเฟื่องฟูขึ้น ทำรายได้ให้ประเทศจำนวนมหาศาล ทำให้การค้าต่างประเทศขยายตัวออกไป ส่งผลให้เกิดกิจการอุตสาหกรรมและการพัฒนาการคมนาคมและการสื่อสารครั้งใหญ่
จาก การถูกบังคับให้จัดเก็บภาษีอย่างเป็นระบบ ทรงแปรวิกฤตด้วยการปรับระบบการเงิน การคลัง และภาษีอากรครั้งใหญ่ของประเทศ จัดตั้งหน่วยงานทำหน้าที่รับผิดชอบเฉพาะ ทั้งการเงิน การคลัง การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และระบบการจัดเก็บภาษี ทำให้รายได้ของประเทศเพิ่มพูนขึ้น จนกล่าวได้ว่ามีเงินล้นท้องพระคลังหลวง ค่าเงินบาทแข็งแกร่ง มีอัตราแลกเปลี่ยนที่ 1 บาทต่อ 2 ปอนด์สเตอริง
จาก การถูกบังคับให้คดีพิพาทระหว่างคนสยามกับต่างชาติต้องขึ้นศาลโพ ลิสต์สภา เป็นเหตุให้ทรงส่งเสริมการปฏิรูปกฎหมายครั้งใหญ่สุดของประเทศ นำพาสยามเข้าสู่ระบอบนิติรัฐเป็นประเทศแรกในเอเชียอาคเนย์นี้ ทำให้กฎหมายเริ่มเป็นระบบเป็นครั้งแรก และจัดระบบศาลอย่างเป็นระบบเป็นครั้งแรก และในที่สุดก็ต้องยกเลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขตนั้น
จาก การแปรวิกฤตเป็นโอกาส จึงทำให้กลายเป็นพลังผลักดันและขับเคลื่อนการพัฒนาและการปฏิรูปสยามครั้ง ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เจริญรุ่งเรืองถึงขั้นสูงสุด
ประการ ที่สอง ทรงกำหนดแนวทางหรือทิศทางพัฒนาสยามขึ้นเป็นครั้งแรกโดยไม่ต้องมีสภาพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นทิศทางนำพาชาติที่สอดคล้องกับความเป็นจริงของสยาม ไม่ฝันเฟื่องเรื่องในอากาศเหมือนคนบ้ากัญชาอย่างนักวิชาการบางพวกในยุค ปัจจุบัน
หลังจากเสด็จนิวัติกลับจากยุโรปแล้ว ทรงมีพระราชดำริว่ายุโรปกำลังเจริญก้าวหน้าเพราะได้พัฒนาอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรปก่อนหน้านั้นร่วม 150 ปี แต่สยามไม่สามารถเดินหนทางอุตสาหกรรมได้ เพราะไม่มีปัจจัยพื้นฐานแทบทั้งหมด และเนื่องจากพื้นฐานของสยามนั้นเป็นประเทศเกษตรกรรม แต่ทรงเห็นว่าไม่มีประเทศใดที่จะมั่งคั่งได้เพราะการเป็นประเทศเกษตรกรรม ธรรมชาติ จึงทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยว่าทิศทางพัฒนาสยามจะต้องเป็นการแปรรูปผลิตผลทาง การเกษตร หรือนัยหนึ่งก็คือเกษตรอุตสาหกรรม นี่คือแนวทางที่หนึ่ง
และ อีกแนวทางหนึ่งนั้นทรงเห็นว่า สยามเป็นแหล่งอารยธรรมและวัฒนธรรมที่งดงามและยิ่งใหญ่ ทั้งชาวสยามก็มีน้ำใจโอบอ้อมอารี มีความเป็นมิตรกับทุกผู้ เป็นพื้นฐานของภาคบริการ จึงทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยว่าการอำนวยความสะดวกในทางบริการแก่ต่างชาติจะ เป็นหนทางของความเจริญรุ่งเรืองอีกทางหนึ่ง หรือถ้าเป็นปัจจุบันก็คือทิศทางพัฒนาชาติเป็นอุตสาหกรรมบริการนั่นเอง
เพราะ เหตุนั้นการจัดตั้งระบบโทรคมนาคม กิจการโรงแรม และการฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณีครั้งใหญ่จึงเกิดขึ้น และด้วยสองทิศทางพัฒนาสยามนี้ก็ได้นำพาสยามไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองและ มั่งคั่งที่สุดในภูมิภาค
ประการ ที่สาม การกำหนดยุทธศาสตร์การคมนาคมให้ใช้รถไฟเป็นหลักของการคมนาคมทางบก เพื่อประโยชน์ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ การค้าและประโยชน์สุขของมหาชน
ทรง มีพระราชดำริเห็นว่าสยามยังล้าหลังในทุกด้าน เพราะประชาชนไม่สามารถไปมาหาสู่ถึงกันได้ ไม่สามารถทำมาค้าขายทางไกลได้ด้วยความสะดวกรวดเร็ว และการปกครองก็ไม่สามารถเป็นไปโดยทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องปฏิรูปการคมนาคมครั้งใหญ่ ซึ่งในขณะนั้นก็มีแต่การคมนาคมทางน้ำซึ่งใช้เรือเป็นพื้น และทางบกซึ่งใช้ช้างม้าเป็นพื้น
ทรง พัฒนาถนนหนทาง แต่ก็ทรงเห็นว่าการคมนาคมที่จะเป็นหลักในการพัฒนาสยามให้เจริญรุ่งเรืองและ เป็นประโยชน์สุขแก่ราษฎรก็คือรถไฟ จึงทรงสถาปนาการรถไฟขึ้น และเร่งสร้างรางและการเดินรถไฟอย่างจริงจังตลอดรัชกาล
ทรงมีพระราช ดำริว่าเป็นการยากที่การรถไฟซึ่งเป็นบริการสาธารณะจะทำ กำไรได้เป็นกอบเป็นกำ เพื่อประกันให้พสกนิกรในอนาคตเข้าถึงบริการได้โดยสะดวกและเสียค่าใช้จ่ายไม่ สูง จึงทรงพระราชทานที่ดินสองข้างทางรถไฟข้างละ 4-10 เส้น และพระราชทานที่ดินสำหรับให้รถไฟจัดทำประโยชน์หรือจัดหาประโยชน์ คิดเป็นเนื้อที่กว่า 400,000 ไร่ ทางรถไฟไปถึงไหน ตั้งสถานีถึงนั่น ก็ทรงมุ่งให้สถานีรถไฟเป็นศูนย์การพาณิชย์ของแต่ละพื้นที่ นั่นก็คือการริเริ่มสร้างกิจการพาณิชย์ขึ้นในขอบเขตทั่วประเทศของสยามเป็น ครั้งแรกนั่นเอง
แต่เพราะนักวิชาการใจโฉดและโง่งมตามก้นฝรั่งได้ เลิกล้มพระบรมราโชบาย นี้เสียในภายหลัง เปลี่ยนเป็นให้รถยนต์เป็นหลักในการคมนาคมทางบก จึงต้องสร้างถนนหนทางเต็มไปทั้งบ้านทั้งเมือง จนคนไทยเป็นหนี้ค่ารถยนต์กันทั้งประเทศ และประเทศก็ต้องจ่ายค่าน้ำมันจนสูงเป็นรายจ่ายลำดับหนึ่งของประเทศไปแล้ว และจะนำความพินาศย่อยยับมาให้คนไทยทั้งประเทศในอนาคตอันไม่ไกลนัก
ประการที่สี่ การพระราชทานเอกสารสิทธิ์ในรูปโฉนดที่ดินแก่ราษฎร เพื่อความมีฐานะและความมั่งคั่งของราษฎรและราชอาณาจักร
หลัง จากเสด็จนิวัติกลับจากยุโรปแล้ว ทรงมีพระราชดำริเห็นว่าชาวยุโรปมีความมั่งคั่งก็เพราะมีเรียลเอสเตท หรือเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน สามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ ทุนรอนและแสดงความมั่งคั่งของราษฎรได้ แต่ชาวสยามไม่มี จึงเป็นเหตุของความยากจน ขาดแคลนและล้าหลัง จึงทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยว่าการจะสร้างความมั่งคั่งให้แก่สยามและราษฎรจะ ต้องออกเอกสารสิทธิ์คือโฉนดที่ดินแก่สับเยกสยามโดยถ้วนหน้า
โฉนด ที่ดินฉบับแรกได้พระราชทานที่จังหวัดอยุธยา และทรงเร่งรัดพระราชทานโฉนดที่ดินแก่ราษฎรตลอดรัชกาล นับถึงวันนี้แผ่นดินประเทศไทย 320 ล้านไร่ ได้ออกเอกสารสิทธิ์ไปแล้ว 120 ล้านไร่ เหลืออีก 200 ล้านไร่ ซึ่งจะต้องกันไว้สำหรับรัฐ 100 ล้านไร่ คงเหลืออีก 100 ล้านไร่ ยังไม่ได้ออกเอกสารสิทธิ์ แต่หน่วยงานของรัฐ 7 หน่วยงานเข้าไปยึดครองไว้หมดสิ้น
ใน เนื้อที่อันจำกัดนี้จึงขอน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและพระปัญญาคุณในพระ มหาราชเจ้าพระองค์นั้นด้วยพระราชกรณียกิจสี่ประการสำคัญ เพื่อเป็นที่ตั้งแห่งความเคารพศรัทธาของมหาชนชาวไทยในการรำลึกถึงพระองค์ ท่านในวันนี้.
--------------
บทความจากลิงค์ http://yourfwd.com/forum/showthread.php?tid=19
ข้าพระพุทธเจ้าขอสดุดี
สยามแบรนด์เนม
 Citizen Member /
 Citizen Member /  Trusted Member
 Trusted Member เพื่ออ่านคู่มือ ของเครื่องมือใดๆ ที่มีเครื่องหมายนี้
 เพื่ออ่านคู่มือ ของเครื่องมือใดๆ ที่มีเครื่องหมายนี้ 
 Previous
		Previous
	 
	 Downtown
Downtown 
		 
						
		 
						
		 
		 
						
					 Siambrandname Webmaster
Siambrandname Webmaster 
					
					 
                            
                            
                                  
				
				
				
					 Reply With Quote
  Reply With Quote 
						
					 
						
					 เก่าไม่ไป ใหม่ก็ต้องไม่มา ....
 เก่าไม่ไป ใหม่ก็ต้องไม่มา ....  
						
					 
				 
						
					 
						
					
 
						
					 Originally Posted by wawe
 Originally Posted by wawe
					
 
						
					