Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Page 1 of 3 1 2 3 LastLast
Results 1 to 10 of 27

Thread: ถึงคนที่แต่งงานแล้วและยังไม่ได้แต่งงาน....

  1. #1
    Phicha_pk's Avatar
    Phicha_pk is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    15
    Warning Points:
    0/5

    ถึงคนที่แต่งงานแล้วและยังไม่ได้แต่งงาน....

    เรื่องนี้พอพิอ่านแล้วกินใจดีค่ะ เลยนำเอามาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน...
    ((ขอบคุณเครดิตจากเว็บบทความดีๆด้วยจ้า...))

    "เมื่อเธอต้องการหย่าขาดจากชั้นไป....
    เธอควรเป็นคนที่จูงมือชั้นออกไป "

    ในวันแต่งงานของผม ผมจูงมือภรรยาของผมในอ้อมแขน
    รถแต่งงานจอดหน้าที่พักของเรา
    เพื่อนเจ้าบ่าวบอกผมว่า ผมควรจะอุ้มเธอเข้าไปในบ้าน
    ดังนั้นผมจึงทำตาม
    เธอเขินอายในอ้อมแขนผม

    ผมช่างเป็นเจ้าบ่าวที่มีความสุขที่สุดในโลก...
    นี่เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วสิบปี... ในวันถัดๆ มาทุกอย่างก็เหมือนเดิม

    เรามีลูกด้วยกัน...ผมทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะหาเงินมาจุนเจือครอบครัว...
    เมื่อเราเริ่มมีฐานะที่ดีขึ้น...
    ความห่างของเราก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน...
    ทุกๆเช้าเราออกจากบ้านไปด้วยกันแล้วก็ถึงบ้านเวลาเดียวกัน
    ลูกเราเรียนที่โรงเรียนใกล้บ้าน
    ดูเหมือนความรักของเราช่างน่าอิจฉายิ่งนัก...

    แต่แล้ว
    ความสงบสุขก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างมิได้คาดหมาย....

    เจนเข้ามาในชีวิตของผม .... ผมยืนอยู่ที่ระเบียงบ้าน...
    เจนเข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลัง..
    หัวใจผมเต้นแรงด้วยความรัก...

    ที่นี่...เป็นคอนโดที่ผมซื้อให้เธอ...
    เธอบอกว่า คุณเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงทุกคน ถวิลหา...

    คำพูดของเธอทำให้ผมนึกถึงภรรยาผม...
    ตอนที่เราแต่งงานกันใหม่ ๆ ..เธอบอกว่า
    วันที่คุณประสบความสำเร็จ
    ผู้ชายอย่างคุณจะมีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้ามาหา...

    ผมเริ่มรู้สึกลังเล...
    ผมรู้ว่าผมกำลังทรยศภรรยาผม...
    แต่ผมก็ได้ทำลงไปแล้ว....
    ผมปลีกตัวออกจากเจน "
    วันนี้คุณไปเลือกเฟอร์นิเจอร์เองแล้วกันน๊ะ
    ผมต้องเข้าออฟฟิศ " ...
    แน่นอน... เธอไม่ค่อยพอใจนัก เพราะผมสัญญากับเธอว่าเราจะไปด้วยกัน...

    ในตอนนั้น...ความรู้สึกถึงการหย่าร้างเริ่มวิ่งเข้ามาในความคิดของผม....
    ทั้งที่จริงๆแล้วผมไม่เคยมีความคิดแบบนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
    แต่ผมก็พบว่าเป็นเรื่องยากที่จะบอกกับภรรยาของผม....
    ไม่ว่าผมจะพูดกับเธอดีสักเพียงใด...
    เธอจะต้องเจ็บปวดใจอย่างแน่นอน...
    จริง ๆ แล้วเธอเป็นภรรยาที่ดีมาก...
    ทุกๆ เย็นเธอจะวุ่นวายกับการทำอาหาร..ในขณะที่ผมนั่งอยู่หน้าทีวี ทานอาหารเสร็จเราก็นั่งดูทีวีด้วยกัน...
    หรือ... ถ้าผมจะเลือกเป็น...นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์....
    มองเรือนร่างอันงดงามของเจน...
    ช่างเป็นอะไรที่หน้าฝันถึงเสียจริง

    วันนึงผมพูดทีเล่นทีจริงกับภรรยาของผมว่าจะเธอจะทำยังงัยถ้าเราหย่ากัน...
    เธอจ้องมองผมอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน...และเธอก็ไม่ได้ตอบว่าอะไร..
    เธอมั่นใจว่าการหย่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวเธอมาก...
    ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าหากเธอรู้ว่าเรื่องที่ผมกำลังพูดอยู่นั้นเป็นเรื่องจริง... เธอจะเป็นอย่างไร

    วันนึงภรรยาผมมาที่ออฟฟิศ...สวนทางกับเจนที่เพิ่งจะออกไปพอดี...
    พนักงานทุกคนทำหน้าตาเลิกลัก... เหมือนกำลังพยายามซ่อนอะไรบางอย่างจากเธอ....
    เธอเหมือนจะรับรู้มันได้... แต่เธอก็ยิ้มน้อย ๆกับพนักงานทุกคน....
    แต่ผมก็สังเกตุเห็นแววตาที่เจ็บปวดของเธอภายใต้รอยยิ้มนั้น

    ในที่สุด...เจนก็บอกกบผมว่า...หย่ากับเธอน๊ะ..แล้วเราอยู่ด้วยกัน..ผมพยักหน้า....

    ผมจะลังเลอีกต่อไปไม่ได้อีกแล้ว....ผมตัดสินใจบอกภรรยาผมในอาหารค่ำ..
    ผมมีอะไรจะบอกคุณ... เธอนั่งทานอาหารอย่างเงียบๆ...
    ผมสังเกตุเห็นแววตาอันเจ็บปวดของเธอ...มันทำให้ผมพูดในสิ่งที่ผมต้องการพูดไม่ออก..
    แต่ท้ายที่สุดผมก็พูดออกไป...

    ผมต้องการหย่า...

    เธอดูไม่ตกใจกับสิ่งที่ผมเพิ่งจะพูดออกไปเลย...
    ผมย้ำกับเธออีกครั้ง...เธอเขวี้ยงตะเกียบในมือทิ้ง...
    แล้วตะโกนใส่หน้าผมว่า..คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย...เราไม่ได้คุยกันอีกเลยคืนนั้น...

    เธอร้องไห้อย่างหนัก...

    ผมรู้ว่าเธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตแต่งงานของเรา...
    แต่ผมเองไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้...เป็นเพราะใจผมได้ให้เจนไปหมดแล้วงั้นเหรอ...
    ผมคงไม่สามารถบอกเธออย่างนั้นได้..มันจะทำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก...

    ผมร่างสัญญาการหย่าร้างขึ้น...ระบุว่า..เธอเป็นเจ้าของบ้าน...
    ทุกๆ อย่างในบ้าน ทั้งรถ... หุ้นบริษัท 30% ผมยกให้เธอหมด....

    เธอเหลือบมองกระดาษที่ผมร่างขึ้นแล้วฉีกมันทิ้ง...
    มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น...
    ผู้หญิงที่ผมอยู่ด้วยมาเป็นระยะเวลาสิบปีกลายเป็นคนแปลกหน้ากันภายในหนึ่งวัน...
    ผมไม่สามารถคืนคำที่ผมพูดไปได้...

    เธอร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างที่สุด...
    สำหรับผมแล้ว...การร้องไห้ของเธอเหมือนเป็นการปลดปล่ยยความสับสนของตัวผมเอง...

    หลังจากที่ผมกลุ้มใจกับการตัดสินใจครั้งนี้ของผม..ในที่สุด...มันก็เป็นรูปธรรมขึ้นมาจริงๆ เสียที

    คืนนั้น...ผมกลับถึงบ้านค่อนข้างดึก...
    เห็นเธอเขียนอะไรบางอย่างบนโต๊ะ..ผมหลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความเพลีย...
    ผมตื่นขึ้นมาอีกทีแล้วพบว่า...

    เธอเขียนเงื่อนไขการหย่าร้างว่าเธอไม่ต้องการสิ่งใดจากผม...
    แต่เธอต้องการให้ผมให้เวลาเธอหนึ่งเดือนเพื่อตั้งตัวสำหรับการหย่า...
    และในช่วงระยะเวลาหนึ่งเดือนนั้นทุกอย่างต้องดำเนินไปตามปกติ...
    ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอต้องการให้ลูกจบการศึกษาซึ่งกำลังจะมาถึงเสียก่อน..
    เธอไม่อยากให้ลูกต้องเห็นความล้มเหลวในการแต่งงานของพ่อแม่ก่อนเวลานั้นจะมาถึง...

    รัชต์..คุณจำได้มั๊ย...วันที่เราแต่งงานกัน...คุณประคองชั้นไว้ในอ้อมกอดในวันที่เราเข้าเรือนหอ..
    ผมพยักหน้า..นั่นเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของชั้น...

    ชั้นมีเรื่องขอร้อง...
    ชั้นอยากให้คุณประคองชั้นไว้ในอ้อมกอดจากห้องนอนไปถึงด้านล่างทุกวันนับจากวันนี้ไปจนถึงวันที่เราต้องแยกจากกัน
    ผมยอมรับด้วยความเต็มใจ...ผมรู้ดีว่า เธอคิดถึงวันดีๆ เหล่านั้น...
    และเธอต้องการให้ชีวิตการแต่งงานเธอจบลงด้วยความทรงจำที่ดี

    ผมบอกเจนถึงเงื่อนไขที่ภรรยาผมตั้งขึ้นในการหย่าร้าง...
    เธอหัวเราะถึงความไร้สาระของเงือนไข....
    ภรรยาผมบอกกับผมว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม...เธอจะต้องยอมรับผลของการหย่าร้างให้ได้...

    คำพูดของเธอทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง....

    เราไม่ได้ถูกต้องตัวกันเลยนับแต่วันที่ผมขอเธอหย่า...ความจริงเหมือนจะเป็นคนแปลกหน้าต่อกันด้วยซ้ำไป...

    พอถึงวันที่ผมประคองเธอลงจากห้องวันแรก...มันจึงทำให้ผมทำตัวไม่ถูก...
    ลูกชายเราตบมือแล้วพูดด้วยความดีใจว่า

    ว้าว...วันนี้พ่ออุ้มแม่ลงจากห้องด้วย....มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น......
    เธอบอกว่าอย่าบอกลูกเราถึงเรื่องของเรา...ผมพยักหน้า...ด้วยความรู้สึกผิดอย่างเต็มเปี่ยม...
    ผมขับรถไปส่งเธอที่ป้ายรถเมล์..แล้วเลยไปออฟฟิศ

    วันถัดมา...ความรู้สึกขัดเขินเริ่มน้อยลงไป...เธอซบบนอกผม...
    เราใกล้ชิดกันมากจนผมได้กลิ่นน้ำหอมของเธอ...
    ผมถึงได้ตระหนักว่า....เธอไม่ใช่เด็กสาวอีกต่อไปแล้ว...เธอเริ่มมีริ้วรอยบนใบหน้ามากขึ้น

    ในวันที่สาม...เธอกระซิบบอกผมว่าสวนกำลังรื้ออยู่ให้เดินระวังด้วย...

    ในวันที่สี่...มันช่างเหมือนกับว่าเราเป็นคู่รักที่หวานชื่นมาก...ภาพของเจนเริ่มเลือนลางไป...

    วันที่ห้าและหก..เธอคอยเตือนผมในเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่นเธอวางเตารีดไว้ที่ไหน..
    ผมควรจะระวังอะไรบ้างตอนทำอาหาร...และอื่นๆ อีกมากมาย...
    ความสนิทสนมของเราเพิ่มมากขึ้นทุกที...ผมไม่ได้บอกเจนถึงเรื่องนี้เลย...
    ผมรู้สึกว่าผมอุ้มเธอง่ายขึ้นทุกวันโดยไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเธอเลย...

    หรือบางทีคงเป็นเพราะผมแข็งแรงขึ้น...แต่แล้วผมก็พบว่ามันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด...
    เป็นเพราะว่าเธอผอมลงจนไม่สามารถใส่เสื้อผ้าเดิมได้..นั่นต่างหากที่ทำให้ผมอุ้มเธอได้ง่ายขึ้น
    ผมรู้ดีว่าเธอพยายามซ่อนความขมขื่นเอาไว้...
    ลูกของเราร้องขึ้นว่า พ่อได้เวลาอุ้มแม่แล้วน๊ะ...
    สำหรับลูกแล้ว...การได้เห็นพ่ออุ้มแม่เป็นภาพที่เขามีความสุขที่สุด....
    เธอเอื้อมมือไปกอดลูกไว้แน่น...ผมทนมองภาพนั้นไม่ได้จริง ๆ
    ผมกลัวว่าผมจะเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย

    และแล้ววันสุดท้ายก็มาถึง....ผมอุ้มเธอไว้ในอ้อมกอด...เท้าผมแทบจะก้าวไม่ออก......เธอบอกกับผมว่า...

    ความจริงแล้ว...ชั้นอยากให้คุณอุ้มชั้นไปจนเราแก่เถ้า...ผมกอดเธอแน่น...และผมก็ตระหนักว่า..
    ชีวิตคู่ของเราขาดการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน...ผมขึ้นรถทันทีเพื่อจะไปยังจุดหมายใหม่..
    ผมลังเลเล็กน้อย..

    แต่ในที่สุดแล้ว..ผมก็มาพบเจนจนได้....เธอเปิดประตูออก...ผมบอกเธอว่า
    เจน..ผมขอโทษ...ผมจะไม่หย่า....เธอมองหน้าผม แตะหน้าผากผม.. คุณสบายดีหรือเปล่า
    เจน...ผมขอโทษ...ผมขอโทษจริง ๆ...ผมจะไม่หย่ากับภรรยาผม...
    ชีวิตการแต่งงานของเราน่าเบื่อมันเป็นเพราะผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กน้อย...
    ผมขาดการเอาใจใส่ในตัวเธอ....มันไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้รักกัน....
    ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว....ว่าตั้งแต่วันที่ผมอุ้มเธอเข้าบ้าน...เธอมีลูกให้ผม...ผมควรจะประคองเธอไปจนแก่...
    เจนตบหน้าผมอย่างแรงและกระแทกประตูใส่ผม....

    ระหว่างทางกลับบ้านผมแวะร้านดอกไม้....
    พนักงานขายดอกไม้ถามว่าจะเขียนว่าอะไร....ผมให้เธอเขียนว่า...ผมจะอุ้มคุณทุกเช้าจนกว่าเราจะแก่เฒ่า....
    " Love knows no limit to its endurance no end to its trust.Love still stands when all else has fallen. "

  2. #2
    pepsi5510's Avatar
    pepsi5510 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    308
    Warning Points:
    0/5
    อ่านแล้ว ดีมากครับ..
    ขอบคุณในบทความที่นําเสนอนะครับ....
    กาลเวลาเป็นเครื่องชี้ตัวตนแห่งคน.
    ยินดีต้อนรับเพื่อนๆเข้ากลุ่ม Buddha Pra เพื่อเรียนรู้และถามปัญหาต่างๆเกี่ยวกับพระเครื่องที่คุณมี ด้วยความเต็มใจและจริงใจ การแบ่งปันความรู้ เป็นกุศลอันใหญ่หลวง.

    http://siambrandname.com/forum/forumdisplay.php?f=72

  3. #3
    wawe's Avatar
    wawe is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    685
    Warning Points:
    0/5
    ขอบคุณคุณPhicha_pk พี่ผ่านเวลานั้นมา ร่วมสามสิบปีแล้ว การมีชีวิตคู่อย่ามองข้ามสิ่งเล็ก ๆ น้อย แต่อย่าคิดเล็กคิดน้อยค่ะ
    ความง่ายอยู่ที่ปาก ความยากอยู่ที่ทำ
    การรู้จักปล่อยวาง เป็นวิถีทางแห่งความสุขสงบ
    มนุษย์ย่อมได้รับผลของการกระทำของตนเสมอ อาจจะเร็วหรือช้าเท่านั้น

  4. #4
    ple15's Avatar
    ple15 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    40
    Warning Points:
    0/5

    อ่านแล้วซึ้งมากๆๆเลยค่ะ

    อ่านแล้วซึ้งมากๆๆเลยค่ะ ขอบคุณมากๆๆนะคะที่นำบทความดีๆๆมาให้อ่านค่ะ

  5. #5
    Ohh's Avatar
    Ohh is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,124
    Warning Points:
    0/5
    อ่านกี่ทีๆ ก็ซึ้งค่ะ อ่านแล้วน้ำตาคลอทุกทีเลยย.ยยย

    ขอบคุณมากๆค่า สำหรับบทความดีๆแบบนี้
    U r.. my L i F e

    ~~> ^ โอ๋ ^ <~~

  6. #6
    PaNgiE is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    21
    Warning Points:
    0/5
    อ๊าก ซึ้งน้ำตาคลอเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะค้า

  7. #7
    story2lady's Avatar
    story2lady is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Location
    Smile Land
    Posts
    12
    Warning Points:
    0/5
    เป็นเรื่องไกล้ตัวที่ดูทุกคนคาดไม่ถึงเลยจริงๆ อ่านแล้ว น้ำตาคลอเลย ขอบคุณ คุณ จขกท มากๆเลยนะคะ ซึ้งมากๆจริงๆ
    ✿✿♥♥ Don't worry about people from the past because there's a reason they aren't in your future... ♥♥✿✿

  8. #8
    greenpark's Avatar
    greenpark is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    98
    Warning Points:
    0/5
    ขอบคุณสำหรบข้อคิดดีๆค่ะ แฟนเราคงอุ้มเราไม่ไหว ต้องออกแนวลากลงบันได อิอิ อ่านแล้วซึ้งดีจัง

  9. #9
    due's Avatar
    due is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    64
    Warning Points:
    0/5
    เคยอ่านแล้วครั้งนึง แต่พอได้อ่านอีก กลับรู้สึกซึ้งใจมากกว่าครั้งแรกอีกอ่ะ
    แล้วก็ยังรู้สึกว่า คุณภรรยาเป็นคนที่ฉลาด มีความอดทน และมีสติมากๆๆๆๆ!
    การตั้งสติและยอมรับความจริงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าเรารับความจริงได้
    เราก็จะอยู่กับความจริง(ที่โหดร้ายได้) แล้วก็อาจจะสามารถเปลี่ยนเหตุการณ์ร้าย
    ให้ดีขึ้นได้มากกว่าการตึโพยตีพาย
    ขอบคุณคุณPhicha_pkมากๆเลยค่ะ
    เรารักอะไรก็จะทุกข์เพราะสิ่งนั้น
    เพราะว่าสิ่งทั้งหลายล้วนแปรปรวนทั้งสิ้น
    ไม่มีอะไรคงที่อยู่ได้ตลอดเวลา

  10. #10
    Papae is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    10
    Warning Points:
    0/5
    อ่านแล้วน้ำตาคลอเลยค่ะ ซี้งมากๆ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะคะ

Page 1 of 3 1 2 3 LastLast

Comments from Facebook

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •