Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 10 of 10

Thread: เรื่องของการดื่มน้ำ ยาวหน่อยแต่ได้ประโยชน์ค่ะ

  1. #1
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    6

    Thumbs down เรื่องของการดื่มน้ำ ยาวหน่อยแต่ได้ประโยชน์ค่ะ

    เพื่อน forward mail นี้มาให้อ่านค่ะ

    เรื่องของการดื่มน้ำ
    ลองทำแบบทดสอบกันสักนิดก่อนอ่านต่อดีไหม
    1. คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มเยอะยิ่งดีหรือไม่
    2. คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว
    3. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น, น้ำธรรมดา หรือว่าน้ำอุ่น
    4. ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม เช่น ดื่มตอนเช้า ดื่มระหว่างทานข้าว ดื่มก่อนนอน เป็นต้น
    5. ปกติดื่มอะไร เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น
    เราเฉลยกันไปทีละข้อๆพร้อมอธิบายละกันครับ พร้อมที่จะรู้ความผิดของ
    ตัวเองหรือยังครับ

    ข้อหนึ่งนั้น เป็นความเชื่อที่ผิดครับ ทุกอย่างต่างมีทั้งคุณและโทษ ต้องหาจุดสมดุลของมันครับ
    น้ำดื่มมากเกินไปกลับไม่ดีเสียอีกครับ เดี๋ยวผมจะมีสูตรให้คำนวณว่าวันหนึ่งเพื่อนๆ ควรดื่มน้ำแค่ไหน

    ข้อสอง คิดว่าทุกคนคงเคยเรียนกันมาอยู่แล้วว่า คนเราวันหนึ่งควรทานน้ำวันละ 8-10 แก้ว ว่าแต่
    ทำได้อย่างที่เรียนมาหรือเปล่าครับ ผมจะอธิบายให้ฟังว่า น้ำในร่างกายของเรา มีที่มาที่ไปอย่างไรก่อน
    น้ำที่เข้าสู่ร่างกายเรา มาจากน้ำและอาหารที่ทานเข้าไปเป็นหลัก
    ส่วนน้ำจะออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ และทางลมหายใจ
    แต่ปัสสาวะเป็นเส้นทางหลักครับ คนเราจำเป็นต้องปัสสาวะออกจากร่างกายอย่างน้อย 500 มิลลิลิตรต่อวัน
    ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้หมด
    นอกจากนี้ อีกสามทางที่เหลือโดยเฉลี่ย ก็จำเป็นต้องใช้น้ำอีกราว 1000 มิลลิลิตร หรือ 1 ลิตร ต่อวัน
    เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คนเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยส่วนที่ออกจากร่างกายทุกวันราว 1500 มล. หรือ 7-8แก้ว
    (แก้วละ 200 มล.) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตัวเลขนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนครับ
    ผมเลยมีสูตรมาให้คิดกันคร่าวๆ ว่า วันหนึ่ง เราต้องทานน้ำปริมาณเท่าไร จึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
    สูตรคือ
    (น้ำหนักตัว(กก.) x 2.2 x 30) / 2 หน่วยที่ได้ออกมาเป็นมิลลิลิตรครับ เช่น หนัก 60 กก. เอาเข้าแทนค่าก็จะได้
    ควรดื่มน้ำ (60 x 2.2 x 30) / 2 = 1980 มล. หรือประมาณ 10 แก้วต่อวันครับ
    ถ้าเราดื่มน้ำน้อยกว่านี้ เลือดซึ่ง 90% ทำมาจากน้ำ ก็จะไหลเวียนไม่สะดวก ร่างกายก็จะขับของเสียได้ยาก ขณะเดียวกัน
    สารอาหารในเลือด ก็ส่งไปถึงร่างกายช้า ทางแพทย์จีนถ้าเกิดเลือดลมเดินไม่สะดวกนี่ เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคเลย
    บางคนบอกว่าประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มา มาเป็นลิ่มเลือด สีเข้ม หนืด ปวดประจำเดือน ก็แหงละครับ
    น้ำไม่กินจะเอาที่ไหนไปสร้างเลือดละครับ
    แต่ถ้าทานน้ำมากกว่านี้ ก็เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกเหมือนกัน ทำอะไรก็ต้องพอดีๆ ครับ

    ข้อสาม อย่างที่เคยบอกไปตั้งแต่อาการขี้หนาวนะครับว่า น้ำเย็นเป็นของต้องห้ามสำหรับร่างกาย
    กระเพาะเมื่อเจอของเย็นเข้าไป การทำงานจะด้อยลงทันที เกิดเป็นอาหารไม่ย่อย อาหารบูดเน่า หมักหมมอยู่ในกระเพาะ
    และลำไส้ลำไส้ ก็ดูดซึมของเสียจากกากอาหารพวกนี้ กลับเข้าสู่เส้นเลือดต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเรา
    เพราะฉะนั้น เราไม่ควรจะทานของเย็นๆ ครับ ทานน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นก็ได้
    แต่ก่อนผมไม่รู้จุดนี้ก็ทานกันไป โดยเฉพาะไทยเป็นเมืองร้อน ทุกที่ต้องเสริฟน้ำเย็น เสริฟน้ำแข็งกันเป็นกระติกๆ กินกัน
    จนเป็นเรื่องธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ ก็เฉยๆ แต่พอตอนนี้ เห็นแล้วกลัวไปเลยครับ บ้านผมตอนนี้ไม่ทานน้ำแข็งกันแล้ว

    ข้อสี่ ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนกัน ที่บอกให้ดื่มวันละ 8-10 แก้วเนี่ยจะแบ่งกินช่วงไหนระหว่างวันบ้างละ ใครที่ชอบทานข้าวไป
    จิบน้ำไป ประมาณว่า กินข้าวเสร็จหมดน้ำไปสองแก้ว ข้อนี้ผมจัดเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวงที่สุดเลยครับเป็นการกินน้ำที่ผิดที่สุดครับ
    คนเรามักทำอะไรเพลินเสียจนลืมทานน้ำ พอถึงเวลาว่างซึ่งมักจะเป็นเวลาทานข้าว
    เขาบอกว่าให้ทานน้ำเยอะ ก็ทานรวดเดียวไปเลย ผิด ผิด ผิด
    ผิดแบบไม่น่าให้อภัยเลยครับ เพราะช่วงเวลาที่ทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยในการย่อยอาหาร
    เมื่อคุณกินน้ำเข้าไปเยอะๆ แล้ว น้ำย่อยก็จะเจือจาง ก็เข้าสู่ระบบเดียวกับการกินของเย็น คืออาหารไม่ย่อย หมักหมม พิษถูกดูด
    เข้าเส้นเลือด
    เพราะฉะนั้นที่คุณควรทำคือ
    ตอนเช้าตื่นมาดื่มน้ำก่อนเลยครับ 2-5 แก้ว เพื่อขับพิษออกจากร่างกายทางอุจจาระ ปัสสาวะ ที่ให้ดื่มทันทีเพื่อให้มีระยะเวลาห่างจากอาหารเช้าพอสมควร
    ก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างทานอาหาร และหลังอาหาร 40 นาที ทานน้ำได้ไม่เกินครึ่งแก้วครับ
    ในที่นี้หมายรวมถึงซุป น้ำแกง และของเหลวทุกประเภทนะครับ
    และอย่าดื่มน้ำครั้งละมากๆ ให้จิบครั้งละ 2-3 อึก แต่จิบถี่ๆ หาขวดน้ำแก้วน้ำมาวางไว้ข้างตัว จิบไปทั้งวันครับ
    ถ้ากินน้ำครั้งละมากๆ ผลก็คือ ร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึม ก็ไหลรวดเดียวปัสสาวะออกไปหมดแล้ว
    อย่างนี้ดื่มน้ำมากแค่ไหนก็ยังหิวน้ำครับ เหมือนน้ำป่ามาครั้งเดียว ทะลักล้นเขื่อนออกไปหมด แล้วจะเอาอะไร
    กักเก็บไว้ในเขื่อนละครับ เหมือนทำยาก แต่จริงๆ แล้ว พอเริ่มทำมันก็ไม่ยากอะไรครับ
    ผมแต่ก่อนทานน้ำ 2-3 แก้วพร้อมทานข้าว ด้วยเหตุผลสารพัดที่เข้าใจผิด เช่น ควรกินข้าวพออิ่มและทานน้ำ
    เพื่อให้อิ่มจริง หรือกินล้างปากสักหน่อย (กินกันเป็นแก้วล้างปากเนี่ยนะ)
    หรือต้องสั่งชอคโกแลตปั่นใส่วิปครีมมากิน กินแล้วหวานมันเย็นอร่อย แต่ส่งผลเสียต่อกระเพาะโดยไม่รู้ตัว
    เบียร์ก็อีกตัวครับ สังสรรค์กันทีกินเข้าไปซิ กี่ขวดว่ากันไป ทุกวันนี้เลิกครับ
    ได้ข้อดีอีกอย่างคือ ไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมันควรกินแกล้มอาหาร เลยได้เลิกเหล้า
    เลิกเบียร์กันไป
    แต่ก่อนหลังทานข้าวเสร็จผมจะเรอตลอด ท้องอืดมาก ก็งง หรือว่าเรากินเยอะไป แต่บางทีกินไม่เยอะก็เรอตลอด
    เสียบุคลิกมาก พอมารู้ตรงนี้ถึงได้ถึงบางอ้อ กินน้ำเยอะอย่างนี้แล้วอาหารจะย่อยยังไงมันก็เลยเกิดลมเกิดแก๊สซิ
    พอเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำใหม่ อาการเหล่านี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ

    นอกจากนี้หลังอาหารยังไม่ควรทานผลไม้ล้างปากทันทีอีกด้วยครับ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นทั้งหลายเช่น
    ส้ม แก้วมังกร สาลี่ แตงโม เป็นต้น
    มีสองเหตุผลครับ
    หนึ่ง เพราะว่าผลไม้จะย่อยเร็วกว่าอาหาร อาหารยังย่อยไม่เสร็จ ผลไม้ก็ค้างเติ่งอยู่ในกระเพาะ ร่างกายก็ดูดซึม
    สารอาหารจากผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ พอไปถึงลำไส้ ถึงคิวที่มันจะได้ดูดซึมมันก็เน่าเสียไปหมดแล้วครับ
    เพราะฉะนั้นถ้าจะทานผลไม้ควรทานก่อนหรือหลังอาหารสัก 1-2 ชม. ขณะท้องว่างเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมวิตามิน
    สารอาหาร และไม่รบกวนระบบการย่อยอาหารด้วย
    เหตุผลที่สอง คือ น้ำย่อยในกระเพาะ ถือว่าเป็นธาตุไฟครับ ถ้าทานผลไม้ฤทธิ์เย็นเข้าไป ก็จะส่งผลให้อาหารย่อยไม่ดี
    เกิดวงจรอุบาทว์ ดังเช่นข้างบนอีกเหมือนกัน

    มาถึงข้อสุดท้ายแล้ว เป็นไงบ้างครับ คอตกรับผิดกันเป็นแถวเชียว ยังครับมารับรู้ความผิดของตัวเองกันในข้อนี้ต่อ
    ทานน้ำอะไรกันครับ บางคนชอบทานน้ำอัดลมมาก ดื่มทุกวัน ไตก็ต้องทำงานกรองน้ำให้สะอาดหนักกว่าเดิม
    เครื่องกรองน้ำยี่ห้อแอมเวย์สามารถกรองโค้กให้กลายเป็นน้ำเปล่าได้ อายุการใช้งานไม่ถึงปี ก็ต้องเปลี่ยนหัวกรอง
    ทว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนไตได้ครับ ถ้ายังอยากให้ไตอยู่คู่กับเรานานๆ แล้ว คุณคงรู้ว่าต้องทำอย่างไร
    อีกอย่างน้ำอัดลมเป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ใส่น้ำตาลจำนวนมาก กินเข้าไปมีแต่ผลเสียครับ
    ยิ่งอัดแก๊สอีก กินเข้าไปท้องก็อืด การย่อยอาหารก็ไม่ดี เสียเงินไปทำร้ายร่างกายตัวเองเปล่าๆ
    พวกชาพร้อมดื่มบรรจุขวดก็เหมือนกัน ไม่มีอะไรนอกจากน้ำตาลและคาเฟอีนปริมาณมากผสมน้ำนำมาขาย
    แต่ถ้าเป็นชาจีนร้อนๆ ชงจากกา ก็ควรจะเว้นระยะหลังอาหารสักครึ่งชม. ครับ เพราะชามีฤทธิ์เย็น ทำให้อาหารไม่ย่อย
    รวมทั้งยังส่งผลต่อร่างกายในการดูดซึมธาตุเหล็กและโปรตีนอีกด้วย

    อีกอย่างขอแถมนิดนึง คนไทยชอบกินก๋วยเตี๋ยวเติมเครื่องเยอะๆ อร่อยลิ้น แต่ไตทำงานหนักนะครับ


  2. #2
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    Quote Originally Posted by Sakura_Bloom View Post
    เพื่อน forward mail นี้มาให้อ่านค่ะ

    เรื่องของการดื่มน้ำ
    ลองทำแบบทดสอบกันสักนิดก่อนอ่านต่อดีไหม
    1. คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มเยอะยิ่งดีหรือไม่
    2. คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว
    3. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น, น้ำธรรมดา หรือว่าน้ำอุ่น
    4. ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม เช่น ดื่มตอนเช้า ดื่มระหว่างทานข้าว ดื่มก่อนนอน เป็นต้น
    5. ปกติดื่มอะไร เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น
    เราเฉลยกันไปทีละข้อๆพร้อมอธิบายละกันครับ พร้อมที่จะรู้ความผิดของ
    ตัวเองหรือยังครับ

    ข้อหนึ่งนั้น เป็นความเชื่อที่ผิดครับ ทุกอย่างต่างมีทั้งคุณและโทษ ต้องหาจุดสมดุลของมันครับ
    น้ำดื่มมากเกินไปกลับไม่ดีเสียอีกครับ เดี๋ยวผมจะมีสูตรให้คำนวณว่าวันหนึ่งเพื่อนๆ ควรดื่มน้ำแค่ไหน

    ข้อสอง คิดว่าทุกคนคงเคยเรียนกันมาอยู่แล้วว่า คนเราวันหนึ่งควรทานน้ำวันละ 8-10 แก้ว ว่าแต่
    ทำได้อย่างที่เรียนมาหรือเปล่าครับ ผมจะอธิบายให้ฟังว่า น้ำในร่างกายของเรา มีที่มาที่ไปอย่างไรก่อน
    น้ำที่เข้าสู่ร่างกายเรา มาจากน้ำและอาหารที่ทานเข้าไปเป็นหลัก
    ส่วนน้ำจะออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ และทางลมหายใจ
    แต่ปัสสาวะเป็นเส้นทางหลักครับ คนเราจำเป็นต้องปัสสาวะออกจากร่างกายอย่างน้อย 500 มิลลิลิตรต่อวัน
    ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้หมด
    นอกจากนี้ อีกสามทางที่เหลือโดยเฉลี่ย ก็จำเป็นต้องใช้น้ำอีกราว 1000 มิลลิลิตร หรือ 1 ลิตร ต่อวัน
    เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คนเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยส่วนที่ออกจากร่างกายทุกวันราว 1500 มล. หรือ 7-8แก้ว
    (แก้วละ 200 มล.) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตัวเลขนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนครับ
    ผมเลยมีสูตรมาให้คิดกันคร่าวๆ ว่า วันหนึ่ง เราต้องทานน้ำปริมาณเท่าไร จึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
    สูตรคือ
    (น้ำหนักตัว(กก.) x 2.2 x 30) / 2 หน่วยที่ได้ออกมาเป็นมิลลิลิตรครับ เช่น หนัก 60 กก. เอาเข้าแทนค่าก็จะได้
    ควรดื่มน้ำ (60 x 2.2 x 30) / 2 = 1980 มล. หรือประมาณ 10 แก้วต่อวันครับ
    ถ้าเราดื่มน้ำน้อยกว่านี้ เลือดซึ่ง 90% ทำมาจากน้ำ ก็จะไหลเวียนไม่สะดวก ร่างกายก็จะขับของเสียได้ยาก ขณะเดียวกัน
    สารอาหารในเลือด ก็ส่งไปถึงร่างกายช้า ทางแพทย์จีนถ้าเกิดเลือดลมเดินไม่สะดวกนี่ เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคเลย
    บางคนบอกว่าประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มา มาเป็นลิ่มเลือด สีเข้ม หนืด ปวดประจำเดือน ก็แหงละครับ
    น้ำไม่กินจะเอาที่ไหนไปสร้างเลือดละครับ
    แต่ถ้าทานน้ำมากกว่านี้ ก็เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกเหมือนกัน ทำอะไรก็ต้องพอดีๆ ครับ

    ข้อสาม อย่างที่เคยบอกไปตั้งแต่อาการขี้หนาวนะครับว่า น้ำเย็นเป็นของต้องห้ามสำหรับร่างกาย
    กระเพาะเมื่อเจอของเย็นเข้าไป การทำงานจะด้อยลงทันที เกิดเป็นอาหารไม่ย่อย อาหารบูดเน่า หมักหมมอยู่ในกระเพาะ
    และลำไส้ลำไส้ ก็ดูดซึมของเสียจากกากอาหารพวกนี้ กลับเข้าสู่เส้นเลือดต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเรา
    เพราะฉะนั้น เราไม่ควรจะทานของเย็นๆ ครับ ทานน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นก็ได้
    แต่ก่อนผมไม่รู้จุดนี้ก็ทานกันไป โดยเฉพาะไทยเป็นเมืองร้อน ทุกที่ต้องเสริฟน้ำเย็น เสริฟน้ำแข็งกันเป็นกระติกๆ กินกัน
    จนเป็นเรื่องธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ ก็เฉยๆ แต่พอตอนนี้ เห็นแล้วกลัวไปเลยครับ บ้านผมตอนนี้ไม่ทานน้ำแข็งกันแล้ว

    ข้อสี่ ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนกัน ที่บอกให้ดื่มวันละ 8-10 แก้วเนี่ยจะแบ่งกินช่วงไหนระหว่างวันบ้างละ ใครที่ชอบทานข้าวไป
    จิบน้ำไป ประมาณว่า กินข้าวเสร็จหมดน้ำไปสองแก้ว ข้อนี้ผมจัดเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวงที่สุดเลยครับเป็นการกินน้ำที่ผิดที่สุดครับ
    คนเรามักทำอะไรเพลินเสียจนลืมทานน้ำ พอถึงเวลาว่างซึ่งมักจะเป็นเวลาทานข้าว
    เขาบอกว่าให้ทานน้ำเยอะ ก็ทานรวดเดียวไปเลย ผิด ผิด ผิด
    ผิดแบบไม่น่าให้อภัยเลยครับ เพราะช่วงเวลาที่ทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยในการย่อยอาหาร
    เมื่อคุณกินน้ำเข้าไปเยอะๆ แล้ว น้ำย่อยก็จะเจือจาง ก็เข้าสู่ระบบเดียวกับการกินของเย็น คืออาหารไม่ย่อย หมักหมม พิษถูกดูด
    เข้าเส้นเลือด
    เพราะฉะนั้นที่คุณควรทำคือ
    ตอนเช้าตื่นมาดื่มน้ำก่อนเลยครับ 2-5 แก้ว เพื่อขับพิษออกจากร่างกายทางอุจจาระ ปัสสาวะ ที่ให้ดื่มทันทีเพื่อให้มีระยะเวลาห่างจากอาหารเช้าพอสมควร
    ก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างทานอาหาร และหลังอาหาร 40 นาที ทานน้ำได้ไม่เกินครึ่งแก้วครับ
    ในที่นี้หมายรวมถึงซุป น้ำแกง และของเหลวทุกประเภทนะครับ
    และอย่าดื่มน้ำครั้งละมากๆ ให้จิบครั้งละ 2-3 อึก แต่จิบถี่ๆ หาขวดน้ำแก้วน้ำมาวางไว้ข้างตัว จิบไปทั้งวันครับ
    ถ้ากินน้ำครั้งละมากๆ ผลก็คือ ร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึม ก็ไหลรวดเดียวปัสสาวะออกไปหมดแล้ว
    อย่างนี้ดื่มน้ำมากแค่ไหนก็ยังหิวน้ำครับ เหมือนน้ำป่ามาครั้งเดียว ทะลักล้นเขื่อนออกไปหมด แล้วจะเอาอะไร
    กักเก็บไว้ในเขื่อนละครับ เหมือนทำยาก แต่จริงๆ แล้ว พอเริ่มทำมันก็ไม่ยากอะไรครับ
    ผมแต่ก่อนทานน้ำ 2-3 แก้วพร้อมทานข้าว ด้วยเหตุผลสารพัดที่เข้าใจผิด เช่น ควรกินข้าวพออิ่มและทานน้ำ
    เพื่อให้อิ่มจริง หรือกินล้างปากสักหน่อย (กินกันเป็นแก้วล้างปากเนี่ยนะ)
    หรือต้องสั่งชอคโกแลตปั่นใส่วิปครีมมากิน กินแล้วหวานมันเย็นอร่อย แต่ส่งผลเสียต่อกระเพาะโดยไม่รู้ตัว
    เบียร์ก็อีกตัวครับ สังสรรค์กันทีกินเข้าไปซิ กี่ขวดว่ากันไป ทุกวันนี้เลิกครับ
    ได้ข้อดีอีกอย่างคือ ไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมันควรกินแกล้มอาหาร เลยได้เลิกเหล้า
    เลิกเบียร์กันไป
    แต่ก่อนหลังทานข้าวเสร็จผมจะเรอตลอด ท้องอืดมาก ก็งง หรือว่าเรากินเยอะไป แต่บางทีกินไม่เยอะก็เรอตลอด
    เสียบุคลิกมาก พอมารู้ตรงนี้ถึงได้ถึงบางอ้อ กินน้ำเยอะอย่างนี้แล้วอาหารจะย่อยยังไงมันก็เลยเกิดลมเกิดแก๊สซิ
    พอเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำใหม่ อาการเหล่านี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ

    นอกจากนี้หลังอาหารยังไม่ควรทานผลไม้ล้างปากทันทีอีกด้วยครับ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นทั้งหลายเช่น
    ส้ม แก้วมังกร สาลี่ แตงโม เป็นต้น
    มีสองเหตุผลครับ
    หนึ่ง เพราะว่าผลไม้จะย่อยเร็วกว่าอาหาร อาหารยังย่อยไม่เสร็จ ผลไม้ก็ค้างเติ่งอยู่ในกระเพาะ ร่างกายก็ดูดซึม
    สารอาหารจากผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ พอไปถึงลำไส้ ถึงคิวที่มันจะได้ดูดซึมมันก็เน่าเสียไปหมดแล้วครับ
    เพราะฉะนั้นถ้าจะทานผลไม้ควรทานก่อนหรือหลังอาหารสัก 1-2 ชม. ขณะท้องว่างเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมวิตามิน
    สารอาหาร และไม่รบกวนระบบการย่อยอาหารด้วย
    เหตุผลที่สอง คือ น้ำย่อยในกระเพาะ ถือว่าเป็นธาตุไฟครับ ถ้าทานผลไม้ฤทธิ์เย็นเข้าไป ก็จะส่งผลให้อาหารย่อยไม่ดี
    เกิดวงจรอุบาทว์ ดังเช่นข้างบนอีกเหมือนกัน

    มาถึงข้อสุดท้ายแล้ว เป็นไงบ้างครับ คอตกรับผิดกันเป็นแถวเชียว ยังครับมารับรู้ความผิดของตัวเองกันในข้อนี้ต่อ
    ทานน้ำอะไรกันครับ บางคนชอบทานน้ำอัดลมมาก ดื่มทุกวัน ไตก็ต้องทำงานกรองน้ำให้สะอาดหนักกว่าเดิม
    เครื่องกรองน้ำยี่ห้อแอมเวย์สามารถกรองโค้กให้กลายเป็นน้ำเปล่าได้ อายุการใช้งานไม่ถึงปี ก็ต้องเปลี่ยนหัวกรอง
    ทว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนไตได้ครับ ถ้ายังอยากให้ไตอยู่คู่กับเรานานๆ แล้ว คุณคงรู้ว่าต้องทำอย่างไร
    อีกอย่างน้ำอัดลมเป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ใส่น้ำตาลจำนวนมาก กินเข้าไปมีแต่ผลเสียครับ
    ยิ่งอัดแก๊สอีก กินเข้าไปท้องก็อืด การย่อยอาหารก็ไม่ดี เสียเงินไปทำร้ายร่างกายตัวเองเปล่าๆ
    พวกชาพร้อมดื่มบรรจุขวดก็เหมือนกัน ไม่มีอะไรนอกจากน้ำตาลและคาเฟอีนปริมาณมากผสมน้ำนำมาขาย
    แต่ถ้าเป็นชาจีนร้อนๆ ชงจากกา ก็ควรจะเว้นระยะหลังอาหารสักครึ่งชม. ครับ เพราะชามีฤทธิ์เย็น ทำให้อาหารไม่ย่อย
    รวมทั้งยังส่งผลต่อร่างกายในการดูดซึมธาตุเหล็กและโปรตีนอีกด้วย

    อีกอย่างขอแถมนิดนึง คนไทยชอบกินก๋วยเตี๋ยวเติมเครื่องเยอะๆ อร่อยลิ้น แต่ไตทำงานหนักนะครับ

    thz ka.best of the best topic reward.

  3. #3
    preeyanan's Avatar
    preeyanan is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    7
    มีประโยชน์มาก ขอบคุณนะคะ
    .
    "ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ . สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว"

  4. #4
    KIM_YB's Avatar
    KIM_YB is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Location
    +*+*+สวรรค์+*+*+
    Posts
    30
    อูววววววววว...ชอบกระทู้นี้จริงจัง
    เราเป็นมนุษย์ที่ชอบทานน้ำมากๆ น้ำเปล่าคือสิ่งที่ดีที่สุด
    น้ำอัดลม ชา ก็ทานบ้าง แต่ไม่ได้ทานทุกวัน เดือนละ2-3ครั้ง สำหรับน้ำอัดลม
    ชาก็อาทิตย์3ครั้ง แต่เวลาทานข้าวนี่ชอบอัดน้ำตาม
    มื้อนึงน้ำหมดไปครึ่งขวด ขวด1.2ลิตรด้วยด้วยอ่ะ
    อ่านแล้วรู้สึกตัวเองผิดข้อนี้มากๆ แต่ข้ออื่นๆก็ผ่านนะ อิอิ
    ต้องฝึกนิสัยจิบน้ำน้อยๆเวลาทานข้าวซะแล้วสิ
    แต่ปกติก็ทานน้ำทั้งวันนะคะ ไม่ได้ดิ่มตอนไหนมากพิเศษ
    มีแต่เวลาทานข้าวนี่แหละ ที่ต้องดื่มน้ำตามเกือบทุกคำเลย
    ไม่งั้นเราจะมีความรู้สึกว่าเราติดคอ กลืนไม่ลง หายใจไม่ออก (คิดไปเอง)

    เป็นประโยชน์มากๆเลยค่ะ คุณ Sakura_Bloom
    ~+~+~Failure is delay but not defeat. It's a temporary datour, not a dead-end street.~+~+~


  5. #5
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    6

    Talking

    Thanks ka
    Actually should thanks to my friend who sent this mail to me.

  6. #6
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    6

    Red face

    เมื่อก่อนตื่นนอนมา ก็ดื่มน้ำน้อยมาก พออ่าน mail นี้จบก็ลองทำดู
    คือตื่นตอนเช้าก็ดื่มน้ำเยอะ ๆ ซักพักก็ถ่ายเลยค่ะ แล้วรู้สึกตัวเบาไปทั้งวันเลยแหละ
    ไม่รู้คิดไปเองรึป่าวนะ แต่ก็ทำทุกวันเลย ได้ผลดี

  7. #7
    AnnAnnAntz's Avatar
    AnnAnnAntz is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    210
    กระทู้มีประโยชน์มากๆ
    แต่เราเป็นพวกทานน้ำน้อยถึงน้อยที่สุด
    รู้นะว่าไม่ดี..แต่ เค้าพยายามแล้วน๊าาาา

    สุดท้าย..
    ขอบคุณคุณsakura_bloomนะคะ
    (พูดเหมือนเป็นsponsor รายการเลย)

    . . . . . . . .
    if u want smthing very badly, set it free.
    if it come back 2u, it's ur 4ever.
    if it doesn't, it was never ur 2 begin with.

  8. #8
    TEDDY07's Avatar
    TEDDY07 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    3
    ดื่มน้ำเป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
    ขอบคุณ SBN จ๊ะ

    หนังสือสวดมนต์ แจกฟรี ฟรี ฟรี
    ขอเชิญเพื่อนๆ SBN รับหนังสือสวดมนต์ฟรี
    เพื่อสวดบูชา ก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล
    แก่ตัวท่านเองและครอบครัว
    หรือจะเอาไปช่วยกันบอกบุญต่อก็ดียิ่งๆขึ้นไปเลยนะจ๊ะ

    ตามลิ้งค์นี้เลย
    http://siambrandname.com/forum/showthread.php?t=390560

  9. #9
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    29

    Talking ขอบคุณคร้า

    ขอบคุณคร้า ที่มาบอกกัน
    [SIGPIC][/SIGPIC]@@OrgaN@@♥♥♥.·:*¨¨*:·.A.·:*¨¨*:·.FIVE.·:*¨¨*:·.STAR.·:*¨¨*:·.BUYER.·:*¨¨*:·.♥♥♥






  10. #10
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    17
    เห็นด้วยค่ะว่าเมลนี้ดีมากๆ เราได้รับมาหลายอาทิตย์แล้ว ก็ส่งต่อเหมือนกัน เพราะจากประสบการ์ณของเราดื่มน้ำให้พอกับร่างกาย ทำให้เราไม่สบายน้อยลงจริงๆค่ะ

    ขอบคุณคุณจขกทนะคะ

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •