ขอบคุณคุณpepsi ค่ะ
ตอนนี้กำลังฝึกนั่งสมาธิพอดีเลยค่ะ
เป็นอยู่สองอย่าง คือ จิตหลุดง่าย กับ เพ่งสมาธิมากเกินไปจนอึดอัดกับการกำหนดลมหายใจ
ขอบคุณคุณpepsi ค่ะ
ตอนนี้กำลังฝึกนั่งสมาธิพอดีเลยค่ะ
เป็นอยู่สองอย่าง คือ จิตหลุดง่าย กับ เพ่งสมาธิมากเกินไปจนอึดอัดกับการกำหนดลมหายใจ
. . . . . . . .
if u want smthing very badly, set it free.
if it come back 2u, it's ur 4ever.
if it doesn't, it was never ur 2 begin with.
ขอบคุณคุณ pepsi5510 เป็นอย่างมากค่ะ
เคยฝึกแล้วจิตไม่มีสมาธิทำอย่างไรก็พะวักพะวงกับสิ่งอื่น
ไม่รู้จะทำอย่างไร....ทุกครั้งที่ทำสมาธิจะเครียดมากเพราะมัวแต่กังวลเรื่องอื่นทุกครั้ง....
จะลองพยายามใหม่ทำไปเรื่อยๆๆจนกว่าจะได้ค่ะ
ขอบคุณนะคะ
" ความรู้สึกอิจฉาริษยาเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า คิดให้ดีก็จะรู้ว่า.....คุณมีทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องมีแล้ว "
ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่นะคับ
^^Love city glow *deLaCour
ชอบจังเลยค่ะ พลังแสงทิพย์ อยากทำได้บ้าง
เคยลองนั่งสมาธิ ก้อไม่ถึง 5 นาที เป็นคนสมาธิสั้นอ่ะค่ะ เป็นมาตั้งแต่เด็กๆ ให้ทำอะไรก้อทำไม่ได้นาน โตจนทุกวันนี้ก้อยังไม่หายค่ะ ไม่รู้จะทำไงดี แต่จะพยายามต่อไป เป็นความรู้ใหม่ที่ดีมากๆค่ะ ^^
ขอบคุณจ๊ะ ได้รับความรู้ใหม่ๆ
ขอบคุณ SBN จ๊ะ
หนังสือสวดมนต์ แจกฟรี ฟรี ฟรี
ขอเชิญเพื่อนๆ SBN รับหนังสือสวดมนต์ฟรี
เพื่อสวดบูชา ก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล
แก่ตัวท่านเองและครอบครัว
หรือจะเอาไปช่วยกันบอกบุญต่อก็ดียิ่งๆขึ้นไปเลยนะจ๊ะ
ตามลิ้งค์นี้เลย
http://siambrandname.com/forum/showthread.php?t=390560
สิ่งที่คนทั่วไปเรียกว่า "แสงทิพย์" นั้น จริงๆ แล้วในทางพระพุทธศาสนาท่านเรียกว่า "โอภาส"
ซึ่งเป็น 1 .ในวิปัสสนูปกิเลส หรือแปลอีกทีได้ว่าอุปกิเลสแห่งวิปัสสนา
วิปัสสนูปกิเลส คือ สภาพน่าชื่นชม แต่ที่แท้เป็นโทษ
เป็นเครื่องเศร้าหมองแห่งวิปัสสนาซึ่งเกิดแก่ผู้ได้วิปัสสนาอ่อนๆ ทำให้เข้าใจผิดว่าตนบรรลุมรรคผลแล้ว จึงไม่ดำเนินก้าวหน้าต่อไปในวิปัสสนาญาณ
วิปัสสนูปกิเลสมี 10 อย่างดังต่อไปนี้
1. โอภาส แสงสว่าง
2. ปีติ ความอิ่มใจ
3. ญาณ ความรู้
4. ปัสสัทธิ ความสงบกายและจิต
5. สุข ความสบายกาย สบายจิต
6. อธิโมกข์ ความน้อมใจเชื่อ
7. ปัคคาหะ ความเพียรที่พอดี
8. อุปัฏฐาน สติชัด
9. อุเบกขา ความวางจิตเป็นกลาง
10. นิกันติ ความพอใจ
ที่มา พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)
พระศาสดาเคยตรัสไว้ว่า "ตถาคตเป็นแต่เพียงผู้บอกทาง" พระดำรัสนี้บอกไว้ชัดเจนว่า ใครอยากจะสำเร็จพระอรหัตผลต้องปฏิบัติเอง
การตรัสรู้ธรรมไม่ใช่ของง่าย ดังนั้นถ้าผู้ใดไม่ได้บำเพ็ญเพียรบารมีมามากพอ การจะหวังพระนิพพานนั้นไม่มีทางเป็นไปได้
บางเวปไซต์เผยแพร่ความเชื่อที่ผิดๆ ออกมาสู่สาธารณะ
ดังนั้นการจะเชื่อสิ่งใด ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์ที่เชื่อถือได้คอยชี้นำ จะเป็นอันตรายกับผู้ไม่เข้าใจการปฏิบัติภาวนาอย่างจริงจัง
ขออภัยคุณ pepsi5510 ถ้าทำให้ไม่พอใจในการเผยแพร่ข้อมูลนี้ เพียงแต่ผมไม่อยากให้คนที่ไม่เข้าใจเรื่องการปฏิบัติภาวนา เชื่อในสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามหลักธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เนมิราชชาดก
พระเจ้าเนมิราช เมื่อทรงปฏิบัติธรรมอยู่นั้น ทรงสงสัยว่า การให้ทานกับการประพฤติพรหมจรรย์ คือ การรักษาความบริสุทธิ์ ไม่ข้องเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวโลกนั้น อย่างไหนจะประเสริฐกว่ากัน
พระอินทร์ได้ทรงทราบถึงความกังขาในพระทัยของพระเจ้า เนมิราช จึงเสด็จจากดาวดึงส์ลงมาปรากฏ เฉพาะพระพักตร์ พระราชา ตรัสกับพระราชาว่า "การประพฤติพรหมจรรย์จึงทำได้ยากยิ่ง กว่าการบริจาคทาน และได้กุศลมากยิ่งกว่าหลายเท่านัก"