ไฝ และขี้แมลงวัน เป็นภาวะปกติของผิวหนังที่พบได้บ่อยๆ ในเกือบทุกคน จะมากน้อยแตกต่างก็แล้วแต่เชื้อชาติ กรรมพันธุ์ และตัวบุคคลเอง แต่ก็มีคำถามกันบ่อยๆว่า ถ้ากรณีที่มีปริมาณมากๆ หรือลักษณะอย่างนี้ จะมีอันตรายอะไรหรือไม่ จะกลายเป็นมะเร็งภายหลังหรือเปล่า จึงขอนำเสนอบทความการจะพิจารณาอย่างไร ในการจะพบแพทย์เพื่อแก้ไขปัญหาใฝ ขี้แมลงวัน ว่าจะกลายพันธุ์ในอนาคตหรือไม่
ไฝ และขี้แมลงวัน มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของ Melanocyte (ซึ่งเป็นเซลล์ที่อยู่ในชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) โดยมีหน้าที่ใน การสร้างเม็ดสีเมลานิน ซึ่งปริมาณและขนาดของเมลานิน จะเป็นตัวกำหนดสีผิวของคนเรา ว่าจะมีผิวขาว ผิวคล้ำ มากน้อยเพียงใด ) แล้วเกิดเป็นเนื้องอกจากการเพิ่มจำนวนของเซลล์เมลาโนไซท์ โดยไฝจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูน ส่วนขี้แมลงวันจะเป็นตุ่มราบสีดำ และอยู่ตื้นกว่าไฝ
โดยทั่วๆ ไป ไฝ และขี้แมลงวัน จะมีการเพิ่มขึ้นตามอายุอย่างช้าๆ ซึ่งมักจะสังเกตได้ในช่วงวัยรุ่น หรือตั้งครรภ์ โดยการเปลี่ยนแปลงที่ เกิดขึ้นจะเกิดขึ้นในบริเวณทั่วตัวพร้อมๆ กัน และมีการติดตามแล้วพบว่า ไฝ และขี้แมลงวัน จะมีโอกาสเกิดมะเร็งผิวหนังได้ ที่เรียกว่า Melanoma ซึ่งมีอันตรายร้ายแรงและเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ แต่ในคนไทยพบได้น้อย ดังนั้นการสังเกตความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่แรกเริ่ม จึงมีความจำเป็น และแก้ไขได้ทันท่วงที
ลักษณะของ ไฝ และขี้แมลงวัน ที่อาจจะต้องพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยต่อไป มีดังนี้ - ไฝ และขี้แมลงวัน ที่ได้รับการระคายเคืองบ่อยๆ
- ไฝ และขี้แมลงวัน ในบริเวณที่สังเกตได้ยาก เช่น บนหนังศีรษะ หรืออวัยวะเพศ
- ไฝ และขี้แมลงวัน ที่มีมาแต่กำเนิดและขนาดใหญ่ เช่น ไฝยักษ์ ( Giant congenital melanoma )
ไฝ หรือขี้แมลงวัน ที่มีลักษณะผิดปกติ ได้แก่ - สีดำเข้มผิดปกติกว่าที่อื่นๆ
- สีที่ไม่สม่ำเสมอ หรือสีเปลี่ยนอย่างกะทันหัน
- ขอบเขตไม่เรียบ
- ขนาดใหญ่เกิน 5 มม.
- โตเร็วผิดปกติ
จาก
www.guru.sanook.com ค่ะ