Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 10 of 17

Thread: บีบีลาโจเล่ รองพื้นระดับเทพ บุกถึงเมืองไทยแว้วว ( La jolie นำเข้าจากยุโรป) ลดทันที 20% เลยจ้า

Hybrid View

  1. #1
    Join Date
    May 2010
    Posts
    815

    Smile

    แม่ค้ามีสินค้าใหม่มาลงเพิ่มค่ะ เป็น La Jolie serum ค่ะ เป็นผลิตภัณฑ์ระดับ premium ทำให้คุณลูกค้าหน้าเด้งขึ้นมาในทันทีค่ะ เอาใจคุณลูกค้าด้วยโปรโมชั่นพิเศษมากๆ ค่ะ
    ชื่อเป็นทางการของเค้าก็คือ Double action anti wrinkle & whitening extra serum 20ml (กล่องทองค่ะ)



    ด้านในบุด้วยผ้าสวยงาม ป้องกันการกระแทก น่าใช้มากค่ะ ตัวแถมจะเป็นกล่องสีเงิน lajolie gel 15 ml ค่ะ]
    ลูกค้าหลายๆ ท่านที่เคยได้รับสินค้าแบบไม่มีกล่องมาจากโรงพยาบาลชั้นนำอาจจะไม่คุ้นกับตัว packaing นะคะ ^^



    เพียงซื้อ ลาโจเล่ ซีรั่ม 20ml ราคา 8900.- แม่ค้าแถม Lajolie gel ตัวด้านบนมูลค่า 4200.- ฟรีไปเลย

    สินค้าตัวนี้ under copied right เป็นของอเมริกา ผลิตในเกาหลีค่ะ เป็น medi-cosmetics

    เช่นเคยค่ะ มักใช้ในโรงพยาบาล และคลินิคชั้นนำ แต่เนื่องจากแม่ค้าไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ
    แม่ค้าจึงสามารถขายได้ในราคา reasonable พิเศษมากๆ

    -------------------- ขออนุญาต แปะข่าวนี้นะคะ คุณลูกค้าจะเข้าใจในสินค้าตัวนี้มากขึ้นค่ะ -----------------

    สบช่องตลาด ‘แอนไท-เอจจิ้ง’ บูม

    > ‘แปซิฟิค เฮลธ์แคร์’ ส่งลา โจเล่จับลูกค้ากระเป๋าหนัก

    “แปซิฟิค เฮลธ์แคร์” สบช่องตลาดแอนไท-เอจจิ้งบูม ส่งแบรนด์ “ลา โจเล่” ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยจากแดนมะกัน จับกลุ่มลูกค้าไฮโซ อัดงบ 30 ล้าน ผนึกโรงพยาบาลเอกชนกับคลินิกผิวหนัง สร้างการรับรู้กับผู้บริโภค หวังสร้างแบรนด์ให้แจ้งเกิด คาดสิ้นปีโกยยอดขาย 70 ล้าน

    นายประเสริฐ สิริโชติวิทยากร ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท แปซิฟิค เฮลธ์แคร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้แทนจำหน่าย ผลิต ภัณฑ์เครื่องสำอาง La Jolie หรือ ลา โจเล่ เปิดเผยว่า จากการที่ผู้บริโภคในปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับบุคลิกภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการมีใบหน้าที่ขาวใสไร้ริ้วรอย เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง ทำให้ตลาด ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย หรือแอนไทเอจจิ้งมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุน้อย ต่ำกว่า 20 ปีขึ้นไป ก็เริ่มหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เพื่อป้องกันริ้วรอยที่จะเกิดขึ้น แตกต่างจากในอดีตที่กลุ่ม ลูกค้าหลักของผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย จะต้องเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุมากเท่านั้น

    นอกจากนี้ ความต้องการดังกล่าวยังขยายเข้าไปในกลุ่มของผู้ชายอีกด้วย เนื่องจากปัจจุบันผู้ชายเริ่มให้ความสำคัญกับการดูแลผิวหน้ามากกว่าในอดีต โดยการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเห็นได้ชัด จากส่วนแบ่งตลาดของผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ในตลาดรวมเครื่องสำอาง ซึ่งมีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท โดยตลาดผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยเติบโตมากกว่า 10% ซึ่งถือว่ามีอัตราการเติบโตสูงสุด เมื่อเทียบกับตลาดอื่น

    ดังนั้น บริษัทจึงได้เปิดตัวแบรนด์ La Jolie หรือลา โจเล่ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยจากประเทศสหรัฐอเมริกา นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคระดับบน ทั้งหญิงและชาย อายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป โดยเริ่มวางจำหน่ายเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2550 ที่ผ่านมา

    “ผลิตภัณฑ์ลา โจเล่ จะมีความโดดเด่นตรงส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีผลการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ อาทิ Argireline และ Adenosine ที่ช่วยลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อใบหน้า ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของริ้วรอย ช่วยลดการทำลายของอีลาสตินใต้ผิวหนัง และ Sodium Hyalorunate ที่ให้ความชุ่มชื้น และช่วยให้ส่วนประกอบสำคัญอื่นๆดูดซึมผ่านผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น โดยจะมีให้เลือก 2 สูตร คือ เจล และซีรั่ม

    สำหรับเครื่องสำอางลดริ้วรอยลา โจเล่ ทั้ง 2 สูตร จะจับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน เนื่องจากสูตรซีรั่มจะมีความเข้มข้นมากกว่าสูตรเจล ทำให้จะมุ่งจับกลุ่มผู้ที่มีอายุตั้งแต่40 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีริ้วรอยมากและลึก

    ขณะที่สูตรเจลจะมุ่งเจาะกลุ่มผู้ที่มีอายุน้อย กว่า 40 ปี และมีริ้วรอยที่ตื้น หรือไม่ลึกมากนัก โดยผู้บริโภคสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ลา โจเล่ร่วมกับการรักษาริ้วรอยจากวิธีอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดโบท็อกซ์ การทำเลเซอร์ หรือการรักษาด้วยคลื่นวิทยุ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ลา โจเล่เป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ไม่ชอบการรักษาด้วยวิธีดังกล่าว


    ในส่วนของกลยุทธ์การตลาดนั้น ในช่วงแรกบริษัทจะเน้นการให้ข้อมูลที่ถูกต้องในการดูแลรักษาริ้วรอยแก่ผู้บริโภคผ่านทางผลิตภัณฑ์ลา โจเล่ รวมถึงการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ผ่านการจัดกิจกรรมร่วมกับศูนย์ผิวหนัง หรือศูนย์ผิวพรรณของโรงพยาบาล และคลินิกผิวพรรณ ดังนั้น ในช่วงแรกจะไม่เน้นการทำตลาดแมส โดยปัจจุบันมีโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการกว่า 30 แห่ง เป็นโรงพยาบาลเอกชนทั้งหมด อาทิ โรงพยาบาลบำรุง ราษฎร์ โรงพยาบาลกรุงเทพ และเวชธานี เป็นต้น เนื่องจากมองว่าโรงพยาบาลจะเน้นการรักษาโรค ไม่ได้เน้นความสวยงามมากนัก ทำให้จะใช้งบทำการตลาดเพียง 30 ล้านบาทเท่านั้น

    “จากการที่บริษัทไม่ได้เน้นการทำตลาด แบบแมส ทำให้จะเน้นเจาะเข้าโรงพยาบาล และคลินิกผิวหนัง เพื่อให้ผู้เข้ารับการรักษาได้รับตรวจวินิจฉัยก่อน เพื่อให้ได้การรักษาที่ถูกต้อง แต่ช่วงแรกจะเน้นโรงพยาบาลก่อน ทำให้สัดส่วนระหว่างโรงพยาบาล และคลินิก ผิวหนังในช่วงแรกจะอยู่ที่ 80:20 และคาดว่าสิ้นปีนี้สัดส่วนจะปรับเป็น 60:40”

    ด้านช่องทางจำหน่ายของผลิตภัณฑ์ลา โจเล่ เนื่องจากปัญหาริ้วรอยเป็นปัญหาเฉพาะ ที่มีความแตกต่างกันตามสภาพผิวของแต่ละคน ดังนั้น ในช่วง 3 ปีแรกบริษัทจะเน้นการทำตลาดเฉพาะโรงพยาบาล และคลินิกผิวพรรณ เพื่อให้แพทย์ผิวหนังเป็นผู้ตรวจวินิจฉัยก่อนว่าควรจะได้รับสูตรเจล หรือซีรั่ม หรือในบางกรณีอาจต้องใช้การรักษาอื่นๆ ควบคู่กับการใช้ผลิตภัณฑ์ลา โจเล่

    นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขยายตลาดไปสู่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชนิดอื่นๆ ภายใต้แบรนด์ ลา โจเล่ อย่างต่อเนื่อง แต่ที่นำผลิตภัณฑ์ในกลุ่มลดริ้วรอย หรือแอนไทเอจจิ้งเข้ามาทำตลาดก่อน เนื่องจากตลาดแอนไทเอจจิ้งมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เมื่อเทียบกับตลาดอื่น โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ ลา โจเล่ จะแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มผลิต ภัณฑ์รักษาสิว 2.กลุ่มสกิน ไวท์เทนนิ่ง 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่าย 4.กลุ่มทำความสะอาดผิวหน้า 5.กลุ่มผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย

    “คงต้องรอดูผลตอบรับของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวภายในสิ้นปีนี้ก่อนว่าคนรู้จักมากน้อยแค่ไหน จึงจะนำสินค้าตัวใหม่เข้ามาทำตลาดในต้นปีหน้า โดยจะเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสกิน ไวท์เทนนิ่ง เนื่องจากเป็นอีกตลาดที่มีความต้องการสูง ไม่แพ้ตลาดลดริ้วรอย”

    ทั้งนี้ บริษัทได้เริ่มวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2550 ที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่าง ดีจากผู้บริโภค ทำให้มองว่าผลิตภัณฑ์ลา โจเล่ จะมีการเติบโตอย่าง รวดเร็วในตลาดเครื่องสำอางลดริ้วรอย เช่นเดียวกับในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี ที่ได้รับการตอบรับอย่างสูง

    “และในช่วงแนะนำผลิตภัณฑ์ บริษัทได้มีการจัดโปรโมชั่นร่วมกับ The Skin Clinic 9 สาขา ซื้อ 2 กล่อง รับเพิ่มอีก 1 กล่อง และรับบัตรกำนัลมูลค่า 2,500 บาทสำหรับการซื้อ La Jolie สูตรเจล 1 กล่อง และ 5,000 บาท สำหรับสูตรซีรั่ม 1 กล่อง เพื่อเข้ารับบริการต่างๆ ที่ The Skin Clinic สำหรับสูตรเจจะจำหน่ายอยู่ที่ 4,600 บาท ส่วนสูตรซีรั่มจะอยู่ที่ 8,900 บาท”

    อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าจะสามารถ สร้างยอดขายของลา โจเล่ภายในสิ้นปีได้ประมาณ 70 ล้านบาท โดยจะมาจากช่วงครึ่งปีแรก 20 ล้านบาท และช่วงครึ่งปีหลัง 50 ล้านบาท แบ่งเป็นลูกค้ากรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ในสัดส่วนที่เท่ากัน คือ 50:50

    ปัจจุบันตลาดรวมเครื่องสำอางมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดลดเลือนริ้วรอย 40% สกิน ไวท์เทนนิ่ง 50% ที่เหลืออีก 10% จะเป็นเบสิก สกินแคร์

    ขอบคุณ siambrandname และ sbntown.com มากๆ จ้า
    Last edited by darwee; 05-14-2011 at 05:13 PM. Reason: addition lajolie gel+ serum 's pictures





/Header & Footer Banner -->

Similar Threads

  1. Replies: 1
    Last Post: 04-16-2010, 01:25 PM
  2. Replies: 0
    Last Post: 04-16-2010, 09:19 AM
  3. Replies: 0
    Last Post: 04-13-2010, 06:02 AM
  4. Replies: 0
    Last Post: 02-13-2010, 11:40 PM
  5. Replies: 0
    Last Post: 02-11-2010, 03:58 AM

Tags for this Thread

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •