อย่าเพิ่งตกใจกับหัวข้อกระทู้ที่ตั้งขึ้นนะครับ..กระทู้นี้ เป็นเรื่องราวที่อยากเอามาเตือนเพื่อนๆ ที่ชอบการท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆแบบธรรมชาติ เช่น กางเต็นท์ เล่นน้ำตก ล่องแพ ท่องไพร...อะไรแบบนี้..
การท่องธรรมชาติ มันดีมากสําหรับผ่อนครายและพักผ่อน ในวันหยุดยาวหรือยามว่าง ซึ่งจะหายากสําหรับชีวิตคนเมืองกรุงหรือคนทํางาน...ดังนั้นพอมีโอกาสที่หยุดหรือพักผ่อน การงานต่างๆจะทิ้งไว้ข้างหลัง และจะกอบโกยความสุขให้มากที่สุดเท่าที่เราอยากจะทํา...จึงเป็นเหตุให้ขาดความระวัง และขาดความเข้าใจในเหตุการณ์ที่กําลังจะเกิดขึ้น..
อย่างเช่นคุณกําลังสนุกกับพวกเพื่อนๆหรือลูกๆขณะเล่นน้ำตก แต่คุณหารู้ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น...ป่าเขา ภูเขาสูง น้ำตกสวยงาม แต่มันแฝงไปด้วยอันตรายใหญ่หลวง ยิ่งช่วงหน้าฝน..เท่าที่ผมสัมผัสมาและเดินป่า...ท่ามกลางขุนเขาที่สูงใหญ่..ซึ่งมันเป็นทั้งที่ลุ่มและที่ชัน.และหุบเขา.อย่างเช่นที่ตามหุบ เมื่อมีฝนมากๆ..จะเกิดการเก็บกักน้ำ แทบได้ว่าเป็นเขื่อนกักน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งถ้าปริมาณฝนไม่มาก...ก็ไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าในกรณีที่ฝนตกมากๆ การเอ่อ ล้น ในหุบเขาย่อมมี และถ้าหุบนั้นถ้าเป็นดินร่วน การถอนรากถอนโคนย่อมมีมาก...พูดง่ายๆว่า หุบแตก...จึงเป็นที่มาของน้ำป่า.
ในกระทู้นี้ผมอยากเอามาแนะนํา ถ้าเพื่อนๆชอบเที่ยวน้ำตก หรือล่องแพ หรือกางเต็นท์ ช่วงนี้ขอเลยครับ..อย่าเพิ่งไป..หาที่เที่ยวแถวชายฝั่งทะเล หรือที่ต่างๆที่ให้พ้นไปจากพวก ภูเข น้ำตก ดีกว่าครับ.
แต่ถ้ามีโปรแกรมแล้วเลื่ยงไม่ได้...ผมก็ขอแนะนํา การดู และสังเกต เพื่อความปลอดภัย..
1.การกางเต็นท์ อย่าพยายามกางเต็นท์ตามเชิงเขา
2.หลีกเลี่ยงการกางเต็นท์ตามริมน้ำ
3.ให้สังเกตสีของน้ำตก หรือกระแสน้ำที่ไหลผ่าน
เราจะสังเกตอย่างไร ในเมื่อมันไหลแรง ให้สังเกตพวกใบไม้ที่ลอยมาตามน้ำครับ..อันดับแรก ถ้าใบไม้ลอยมาตามกระแสน้ำมากจนผิดสังเกต...เตรียมตัวได้เลยครับ..และต่อมา สีน้ำเริ่มเปลี่ยน ถ้าบนเขาเมื่อหุบที่กักน้ำแตก คุณไม่สามารถที่จะได้ยิน...เพราะกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว กลบหมดครับ...คนส่วนมากจะไม่รู้ จึงเป็นที่มาของความสูญเสีย...
แต่ถ้าคุณเป็นคนช่างสังเกต คุณจะหลีกเลี่ยงการสูญเสียได้...เพราะเมื่อหุบแตก..น้ำจะกวาดทุกสิ่งลงมาตามเขา...สิ่งที่เบาที่สุดจะมาก่อน...นั่นคือใบไม้ และจะตามมาด้วยสีขุ่นของโคลนตม...และตามมาด้วยท่อนซุง ท่อนไม้ที่หักโค่นจากกระแสความแรงของน้ำ ถ้าเรารู้ เราก็สามารถเตรียมตัวและป้องกันเหตุที่กําลังจะเกิด...เมื่อใบไม้เริ่งลอยตามกระแสน้ำมากจนผิดสังเกต...ให้รีบขึ้นและไปอยู่ในที่ที่สูง ถ้าวิ่งได้ก็วิ่งเลยครับ...อย่ารอให้สีน้ำเริ่มเปลี่ยน...หรือถ้าไม่มีที่สูงให้หนี...แนะนําให้ไปให้พ้นบริเวณนั้นให้ห่างที่สุด.นี่คือการหลีกเลี่ยงน้ำป่าครับ.
ต่อมาก็ เมื่อรถยางแตก เมื่อเราเดินทางตอนกลางคืน...
ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ อย่าจอดรถเปลี่ยนยางในที่มือและเปลี่ยวนะครับ...ยอมเสียไปเลย ทั้งล้อและ max เพราะมันคงไม่กี่ตังค์ ในการเปลี่ยนใหม่ บดไปเลยครับ เข้าปั้ม หรือที่ส่วางๆบ้านคนเยอะๆ แล้วค่อยเปลี่ยนเอายางอะไหล่ใช้ไปก่อน...เมื่อเจอศูนย์ยางยาง ค่อยเปลี่ยนใหม่...เพราะถ้าคุณไม่ทําแบบนี้ เผื่อเจอคนไม่ดี หรือพวกปล้น หรือแกงค์คนชั่ว...คุณอาจจะเสียมากกว่านี้นะครับ.
อย่าเชื่อมากว่า ถนนโล่ง...บางครั้งคุณคิดผิดนะครับ..
จริงอยู่คุณอาจจะเห็นถนนโล่ง ยามขับรถกลางคืน...แต่คุณคิดผิด ถ้า บริเวณถนนข้างหน้าคุณ มันเป็นเนินสูง...รถที่วิ่งสวนมาแสงไฟจะไม่ถึงคุณนะครับ...เพราะเนินบัง..จึงเป็นเหตุให้ประสานงากันบ่อยๆ...
ทางตรงระวังรถพ่วงเลี้ยวกลับรถ ครับ..
ถ้าคุณสังเกตดีๆ...เมื่อรถพ่วงเลี้ยว เมื่อเลี้ยวไปครึ่งลํา คุณจะไม่เห็นไฟท้านรถพ่วง แต่ช่วงกลางลําตัวรถพ่วงจะขวางถนน และเมื่อคุณขับรถมายามค่ำคืน คุณจะไม่เห็นอะไรเลย นอกจากความมืด และแค่แสงไฟจากหน้ารถที่ส่องออกไปเท่านั้น จะมาเห็นชัดๆเมื่อคุณเข้าไปใกล้แล้ว ถึงจะเห็นด้านข้างรถพ่วง แต่คุณก็ไม่สามารถเบรครถได้ทัน...
ลงเขาที่ชัน อย่าพยายามเลี้ยงเบรค...
เพราะถ้าคุณเลี้ยงเบรคยามลงเขา...ความร้อนของจานเบรค จะส่งผลไปที่ผ้าเบรคให้ร้อน...เมื่อผ้าเบรคร้อน คุณต้องคิดนะครับว่า...แม่ปั้มเบรค จะหุ้มด้วยยางกันซึมน้ำมันเบรค เมื่อร้อนมากๆที่มาจากจานเบรค และผ้าเบรค ก็ส่งผลให้ยางขยายตัว เป็นเหตุให้น้ำมันเบรครั่ว ซึมออกมาจากแม่ปั้ม จะทําให้เบรคไม่ทํางาน ที่เราเรียกกันว่า เบรคแตกไงครับ. ดังนั้นอย่าเลี้ยงเบรคนะครับ...พยายามใช้เครื่องยนต์เป็นตัวฉุดให้ช้าลง...ถ้าทําไม่เป็น ก็ พยามฝึกเอาไว้ครับ.
ขับรถอย่าคิดว่าเราเก่ง ขับได้ ไกลแค่ไหนก็ขับได้....
คุณเคยได้ยิน อาการตาแข็งหรือเปล่าครับ...มันเป็นอาการแบบว่า ตาจะมองเห็นแต่ด้านหน้าอย่างเดียว จะเกิดกับคนที่ขับรถนานๆไม่ค่อยพัก...และจะบอกให้เลยว่า...ด้านข้างรถคุณจะบอด คือ มองไม่เห็น เพราะตามันไม่ยอม กลอกซ้าย กลอกขวาครับ...มันจะมองตรงได้อย่างเดียว...นี่คืออาการตาแข็ง.ยามเมื่อขับเข้าไปใกล้รถคันอื่น...คุณไม่สามารถ กะระยะห่างได้เลย คือพุ่งเข้าไปชนเค้าอย่างเดียว...อาการนี้ไม่ใช่หลับใน.
วันนี้เอาเท่านี้ก่อนนะครับ...แล้วผมจะนําเสนอใหม่คร๊าบๆๆๆๆ
แว๊ปปปปๆๆๆๆๆๆ......