แบ่งปันความรู้เรื่องพระเครื่องครับ
ผมว่าคงไม่มีเพื่อนๆสนใจในด้านนี้...บางท่านก็อาจบอกว่า เล่นไม่เป็น ไม่รู้จัก ไม่ค่อยสนใจ และอื่นๆ....แม้เพื่อนอาจจะไม่มีความต้องการต้านนี้ แต่ผมก็อยากจะให้เป็นวิทยาทาน เผื่อกาลข้างหน้าท่านอาจจะชอบขึ้นมา หรืออาจจะลูกๆหลานๆ ชอบก็ได้ครับ...
วันนี้ผมจะมาว่าด้วยเรื่องพระสมเด็จวัดระฆัง เป็นพระเกจิที่โด่งดังทะลุฟ้า ซึ่งราคาพระเครื่องของท่าน(ของแท้ๆนะครับ) องค์สวยๆราคาไม่ต่ำกว่า 10-20 ล้านบาทครับ.ถ้าแบบทั่วๆไปหรือแค่ใช้ติดตัว ก็ไม่หนีหลัก ล้านบาทครับ...ส่วนถ้าเป็นพระที่หัก ราคาจะตกลงกว่า 50 เปอร์เซนต์.
มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ.
พระสมเด็จของท่านเป็นพระเครื่องที่หายากที่สุด ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร..และเป็นที่ค้องการของทุกๆคน. แต่ท่านหารู้ไม่ บางทีพระสมเด็จวัดระฆัง อาจจะตกอยู่กับท่าน แต่ท่านไม่สนใจ หรืออาจไม่รู้ก็ได้...
วันนี้ผมจะมาแบบวิชาการการดูพระสมเด็จวัดระฆังแบบคร่าวๆนะครับ...แต่แบบคร่าวๆของผม ก็อาจเป็นแนวทางหรือพื้นฐาน ว่าองค์นี้เก่าถึงยุค หรือองค์นี้ใหม่ เราจะได้แยกแยะได้ถูก...บางท่านไม่รู้ที่มาของพระ...แต่เก็บมานานแสนนาน ตั้งแต่สมัยปู่ ย่า ตา ทวด พอให้เซียนดู หรือเอาไปปล่อย เซียนกลับตีเก๊...
ผมจึงนําเสนอขั้นตอนการดูพระสมเด็จวัดระฆังแบบคร่าวๆให้ครับ...แต่ท่านใดสนใจมากขึ้น อยากจะให้เเก่งจริงๆ ท่านต้องศึกษามากกว่านี้...แบบภาษิตโบราณว่า....ไม่เข้าถ้ำเสือ แล้วเราจะได้ลูกเสือได้อย่างไร. นั่นคือท่านต้องโดดเข้าสนามพระ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม เพราะสนามพระเครื่องเป็นศูนย์กลางการศึกษาพระดีที่สุด...
หลักสูตรเบื้องต้นในการดู...
1.การยุบตัวของเนื้อ...พระสมเด็จท่านมีอายุกว่า 150 ปี ดังนั้นให้สังเกตุธรรมชาตของเนื้อพระสารอินทรีย์ต่างๆในเนื้อพระจะมีการสะลายไปตามกาลเวลา การยุบตัว มวลสารต่างๆจะหดรัดตัวยุบลงไปในเนื้อพระ ก้อนมวลสารที่ใหญ่ จะลอยขึ้นมาให้เห็น ส่วนที่ละเอียดจะยุบลง
2.สังเกตุเนื้อพระจะเกิดรอยแตก ปริ รอยปรินั้นส่วนมากจะเกิดบริเวณด้านหลังองค์พระ ตามขอบๆ ถ้าด้านหน้าจะเกิดตามขอบเส้นซุ้มหรือตามวงแขน
3.ผิวพระสมเด็จ....จะมีลักษณะคล้ายหนังไก่ เพราะเนื้อพระของท่านจะอะเอียด ดังนั้นการยุบ หด ตามกาลเวลาจะไม่เท่ากัน ตามธรรมชาติ เมื่อพระปั้มออกมา ความเปียก ส่วนไหนแห้เร็ว ส่วนไหนแห้ช้า...จะไม่เท่ากัน บางส่วนยุบ บางส่วนฟู ผสมผสานกันไป...เมื่อนานปี จะทําให้เห็นได้ง่าย ซึ่งของปลอมทําไม่ได้.
4.รอยปูไต่ รอยหนอนด้น...นี่ก็เกิดตามธรรมชาติ ที่เกิดรอยเพราะตามกาลเวลา พวกสัตว์เล็กๆ บางที่ก็ไปแทะกินเนื้อพระ จึงทําให้เกิดรอยต่างๆ พวกหนอนกินเนื้อพระ เวลามันเครื่อนที่มันจะด้นไป...เป็นรอยคลื่นเล็กๆ
5.การตัดองค์พระ...สมัยก่อนไม่นิยมใช้มีดตัด....ท่านจะใช้ต้นไผ่ฝานออกมาเป็นตอก เมื่อได้ตอก ท นก็จะเอามาตัดองค์พระให้เป็นองค์...ดังนั้นพระของท่านจะมีรอยการตัดด้วยตอกทุกองค์ ยิ่งนานวันเป็น 100ปี...รอยจะเลือนรางลงไป...แต่ก็ยังจะมีให้เห็นครับ.
6.รอยเนื้อทลักจากการตัดด้วยตอก....ตามความเป็นจริง...ตอกเมื่อกดลงไปในเนื้อพระที่จะตัด...จะเกิดรอยบีบตัวของเนื้อในส่วนที่กดลงไป...ดังนั้นจะเกิดรอบบีบ และรอยแหว่งยามเมื่อดึงตอกขึ้นมา..เพราะเนื้อพระบางส่วนจะติดตอกออกมา จึงเกิดรอยตามขอบพระ ซึ่งจะทําให้ไม่เรียบ
7.รูพรุนเท่าเข็มหมุด....หรือเรียกว่า รูพรุนปลายเข็ม...นี่ก็เกิดจากเมื่อเทพิมพ์พระออกมา ภายในเนื้อซึ่งมีส่วนผสมต่างๆมากมาย จะเกิดฝองอากาศ เมื่อฟองอากาศลอยตัว ก็จะเกิดหลุมเล็กๆมากมายในเนื้อพระ...บางส่วนก็ไม่มี เหตุเพราะเนื้อส่วนนั้นแน่นตัว ฟองอากาศจึงไม่ค่อยมี..แต่ส่วนที่เหลว จะเกิดฟอง...และลอยตัวขึ้น.
นี่เป็นแค่พื้นฐานในการดูพระสมเด็จวัดระฆังนะครับ ...
และถ้าเพื่อนๆสนใจพระเครื่อง แวะเข้ามาสอบถาม หรือโพสภาพพระที่มีและถามได้ครับ..เพราะขณะนี้ ผม คิดที่จะเปิดกรุ๊ป Sbn Buddha Pra ขึ้นครับ จุดประสงค์ เพื่อให้ความรู้แก่เพื่อนๆสมาชิกในเวปนี้ ได้เข้าใจ และรู้คุณค่า พระที่เรามีอยู่. ถ้าจะให้ดี เข้ามาสมัครเข้ากลุ่มได้เลย....ไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือ รายการขายพระใดๆทั้งสิ้น มีแต่ให้ความรู้อย่างเดียว และปัญหาต่างๆ ทั้งถาม-ตอบให้ท่าน.
ขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่เข้ามาอ่าน
จะแวะเข้ามาอ่านหาความรู้เฉยๆก็ได้ครับ ผมยินดีต้อนรับเสมอ.
หรือจะเข้ามาสมัครร่วมความคิดเห็นด้วยกัน ก็ตาม ด้านล่างนี้ครับ...
http://forum.siambrandname.com/group.php?groupid=33
![]()