ใคร่ครวญธรรมะจาก...พุทธศาสนสุภาษิต
อตฺตนา โจทยตฺตานํ ( อ่านว่า อัดตะนา โจทะยัดตานัง )
จงเตือนตนด้วยตนเอง
โดย...มรรคาสามัญ
ตนเตือนตนของตนให้พ้นผิด ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน
ตนเตือนตนไม่ได้ใครจะเตือน อย่าแชเชือนเตือนตนให้พ้นภัย
จำไม่ได้แล้วว่าเป็นบทกวีหรืองานเขียนของใครแต่จดจำไว้เตือนใจตนเองมานานแล้ว
ด้วยกิเลสตัณหาบังตาบังใจ มนุษย์ส่วนใหญ่ จึงไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดทำชั่ว
รู้แต่ว่าตัวเองทำถูกทำดีอยู่ตลอดเวลา ถ้าคนอื่นไม่เตือนก็ไม่มีวันรู้ตัว
เมื่อเสพกิเลสตัณหา อุปาทาน นานวันเข้า ยิ่งถลำลึกจมปลักโคลนแห่งกิเลส
จนยากที่จะถอนตัวขึ้นจากหล่มได้ เหมือนมดตอมน้ำตาลปึกหลงรสหวานของมัน
ในที่สุดขาติดความหนืดของน้ำตาลเหลวนั้นขึ้นไม่ได้จึงตายอยู่ตรงนั้นเอง
ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหรือผู้เป็นหัวหน้าก็เช่นกัน
ทำอะไรแล้ว แม้เป็นเรื่องผิดพลาด ลูกน้องหรือคนอื่นไหนเลยจะบังอาจกล้าตักเตือน
ด้วยเกรงท่านจะว้ากหรือสำรากอุปาทานพ่นพิษใส่
ได้แต่กล้ำกลืนฝืนข่ม อยู่ร่วมกันไป ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามหลัก กฏแห่งกรรม
อีกประการหนึ่งผู้ใหญ่ไม่ใช่เด็ก ๆ ค่านิยมของสังคมไทยไม่กล้าเสียมารยาทหักหน้าผู้ใหญ่โดยตรง
เพราะเชื่อมานมนานแล้วว่า เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด
แม้ผู้หลักผู้ใหญ่เหล่านั้นจะเป็นเหมือนแม่ปูสอนลูกปูให้เดินตรงแบบคดไปคดมาก็ตาม
ดังนั้นกับผู้ใหญ่แล้วจึงปล่อยให้คิดได้เอง
ดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า อตฺตนา โจทยตฺตานํ : จงเตือนตนด้วยตนเอง
................................................................