ขอไม่ยากค่ะ เจตไม่เคยขอเองแต่ขอให้นักเรียนและญาติสิโกโหสิกานักเรียนก็ผ่านทุกรายนะคะ
แต่ทั่วไปขอถามดังนี้นะคะ
1. ต้องสมัครออนไลน์เท่านั้นใช่มั้ยคะ
ไม่จำเป็นค่ะ ขอซื้อ PIN ที่ไปรษณีย์ก็ได้ค่ะแต่ราคาแพงกว่าหน่อยนึง ขอวันสัมภาษณ์ทาง online สะดวกกว่ามากค่ะ
2. ต้องรอนานเท่าไรกว่าจะได้สัมภาษณ์คะ และต้องสัมภาษณ์ทุกคนรึเปล่าคะ
ถ้าเป็นบุคคลปกติก็ต้องไปสัมภาษณ์ที่สถานทูตตามวัน-เวลาที่นัดทุกคนค่ะ รอนานหรือไม่ขึ้นอยู่กับคิวที่ได้ว่าเป็นวันไหน เวลาอะไร ถ้าเลือกทาง online จ่ายตังค์ค่าทำนัดแล้วมันจะขึ้นเป็นปฏิทินให้ดูว่ามีวันว่างวันไหนบ้างค่ะแต่ไม่เกิน 3 เดือนปฏิทิน โดยปกติแนะนำให้ทำ 1-2 เดือนล่วงหน้าก่อนวันที่คาดว่าจะเดินทางค่ะ
3. ต้องมีเงินในบัญชีเท่าไรอย่างต่ำคะ
ขึ้นอยู่ว่าจะไปนานแค่ไหนค่ะโดยปกติก็ประมาณจากค่าใช้จ่ายตลอดการเดินทาง เช่น ถ้าไป 2 อาทิตย์รวมค่าตั๋วเครื่องบิน ค่ากิน ค่าเดินทาง ค่าที่พักก็คำนวณตามเมืองที่ไป ยิ่งมากยิ่งดีแต่ไม่ควรเป็นเงินก้อนโปะเข้าบัญชี ควรเป็นบัญชีทีมีประวัติเข้า-ออกเป็นปกติแต่จำนวนรวมมากพอ ติ๊ต่างไป 2 อาทิตย์ซักแสนกว่าๆถึงสองแสนก็ได้ค่ะแต่ผู้ยื่นต้องมีรายได้ต่อเดือนเพียงพอด้วย โดยปกติเขาจะให้วีซ่ามีอายุ 10 ปี ที่ไม่ปกติได้ 1 ปีหรือเข้าได้แค่ครั้งเดียวก็เคยมีค่ะทั้งนี้ขึ้นอยู่ว่าหลักฐานที่เรายื่นไปรัดกุมมากน้อยแค่ไหน วีซ่าเป็นแค่ตั๋วอนุญาตให้เดินทางเข้าสหรัฐฯได้แต่อยู่ได้นานเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับ immigrations ว่า stamp ระยะเวลาให้อยู่นานแค่ไหนโดยทั่วไปก็ 6 เดือนหรือบางรายได้วีซ่าแล้ว immigrations ไม่ให้เข้าส่งกลับเลยเขาก็ทำได้ค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ยื่นขอต้องมี evidence of tie กับเมืองไทยถึงจะง่ายค่ะ ต้องกรอกแบบกรอกตามความเป็นจริง เคยถูกปฏิเสธวีซ่ามาก่อนก็บอกว่าเคยในแบบกรอกโดยอาจให้เหตุผลว่าเข้าใจผิดในการกรอกเอกสารในการขอครั้งที่แล้วก็ว่าไปมันจะมีให้กรอกแล้วพิมพ์ออกมาเป็นส่วนหนึ่งของใบสมัคร ที่สำคัญอย่าโกหกเขาอีกให้ตอบในแนวว่าเราได้ศึกษาคำถามและเรียนรู้ข้อผิดพลาดจากคราวที่แล้ว อีกนิดเป็นเกร็ดเล็กๆที่อาจมีผลซึ่งจะว่าสำคัญก็สำคัญคือขอสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นเพราะจนท.อเมริกันที่มาสัมภาษณ์เราจะพูดภาษาไทยได้ ถ้าไม่สะดวกภาษาอังกฤษตอนสัมภาษณ์ให้เว่าซื่อๆทื่อๆไปเลยว่าเราตื่นเต้นเลยขออภัยถ้าต้องตอบภาษาไทยไป แบบนี้จะเลี่ยงการถูกสัมภาษณ์จากจนท.คนไทยซึ่งสถิติในการปฏิเสธสูงกว่าจนท.อเมริกันจะด้วยอคติหรือแรงกดดันที่มากกว่าก็แล้วแต่ เพราะจนท.เองเขาต้องมี record ของเขาว่าจำนวนคนที่เขาพิจารณาออกวีซ่าให้นั้นมีสถิติการกลับถิ่นฐานตามเวลากี่มากน้อย มันเป็นการสำรวจประสิทธิภาพการทำงานเขา หลักๆคือเราต้องให้เหตุผลเขาในการปฏิเสธเราน้อยที่สุดจนถึงหาไม่ได้เลย
คราวนี้ เค้าอยากมาเที่ยว เลยไม่รู้ว่าจะมีปัญหาอีกมั้ย รบกวนใครเคยมีประสบการณ์เล่าให้ฟังได้มั้ยคะ มีวิธีไหน ที่จะทำให้ได้ง่ายขึ้นมั้ยคะ พี่สาวบอก ให้เอ๋ออกจดหมายรับรองให้เค้าว่าเชิญเค้ามาเที่ยว และมาพักที่บ้านอ่ะค่ะ จะช่วยได้มั้ยน๊า
ทีนี้เรื่องออกจดหมายรับรอง สำหรับวีซ่าอเมริกาอาจเป็นดาบสองคม(แต่สำหรับวีซ่าในประเทศแถบยุโรปจำเป็น)เพราะมันกลายเป็นว่าถ้าผู้สมัครหลักลอยอยู่ที่นี่แต่มีญาติที่สามารถให้ที่กินที่อยู่และที่สำคัญที่เขาพิจารณาคือที่ทำงานแก่ผู้สมัครได้ที่โน่นจะไม่เป็นผลดี ทางที่ดีเจตแนะนำว่าให้ทางพี่เอ๋(ขออนุญาตเรียกนะคะ)รับรู้ว่าเขาจะไปพักกับเราโดยให้ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ e-mail address ติดต่อที่ละเอียดให้เขาไปกรอกในแบบกรอกไปจะดีกว่า เวลาจนท.สุ่มโทรหรือติดต่อไปที่พี่เอ๋ จะได้แจ้งว่าใช่ค่ะพอดีว่างช่วงนั้นเลยชวนและรองรับพี่ที่เขาจะมาและพาไปเที่ยวได้ แบบนี้จะเลิศมาก หลักฐานจริงๆคือตัวผู้ยื่นขอค่ะที่ต้องหนักแน่น ถ้าจะ "make" ต้อง "make" ให้เนียนแบบเขาติดต่อไปเมื่อไหร่ได้คำตอบแบบที่เราให้
หวังว่าคงช่วยได้บ้างนะคะ โชคดีได้ไปเที่ยวนะคะ เจตก็อยากไปแต่บ่ซิกตังค์ รอถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งอยู่ค่ะ อิอิอิ![]()