แต่ก็เป็นเรื่องของตัวเองกับเพื่อนซี้ทั้งสิ้นเหมือนกัน
เริ่มเลยแล้วกันค่ะ..
เรื่องมีอยู่ว่า ส้มมีเพื่อนที่สนิทในที่ทำงานเดียวกัน
ซึ่งเคยร่วมงาน(ทำสารคดี หนังสือ)ด้วยกันมาสิบกว่าปี และแยกย้ายไปเป็น Freelance ให้กับบริษัทสารคดีต่างประเทศ
จนเมื่อปลายเดือนมีนาคม52ที่ผ่าน ได้รับการติดต่อกับเพื่อนคนนี้ สมมุติว่าชื่อ ก. ..
ก.บอกว่าตอนนี้มีโปรเจ็กต์หนึ่งซึ่งต้องการให้ส้มช่วยเรื่องบทความ
แต่ตอนนี้ ก.กำลังภาพรวบรวมเรื่องราวอยู่ที่จังหวัดหนึ่ง บริเวณภาคใต้ตอนบน
ส้มจึงออกปากชวน ก.ให้มาพักที่บ้านเมื่อถึงกรุงเทพฯจะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย
ก.ตกปากรับคำ หลังจากนั้น 2-3 วัน ก.เดินทางโดยรถไฟมาถึงกรุงเทพฯโดยที่ส้มเองก็ไม่ได้ไปรับ
เพียงแต่รออยู่ที่บ้าน(ชานเมือง)พี่เชอรี่K.Brandname Lover ทราบดีว่าอยู่ตรงไหน??
ระหว่างที่รอเป็นช่วงเกือบหกโมงเย็น
ได้ยินเสียงรถ ไอ้เราก็รีบวิ่งไปดู แต่ก็ไม่ใช่กลายเป็นบรรดาลูกศิษย์ลูกหาคุณแม่กับคุณตา
ซึ่งมาทานข้าวเย็นกันอยู่เนืองๆ หลังจากนั้นไม่เกิน 5 นาที แท็กซี่เทียบจอดหน้าบ้าน เพื่อนโซซัดโซเซลงมา
ส้มเองตกกะใจไม่น้อยกับภาพที่เห็น
ก.มีพันเฝือกที่แขนซ้ายโดยสะพายแล่งกับบ่าได้ความว่า
วิ่งสวนรถไฟที่กำลังออกจากชานชาลาแล้วไหล่กับแขนซ้ายกระแทกกับราวเหล็กอย่างจัง
จนมีผู้ชาย-ผู้หญิงวัยกลางคนช่วยปฐมพยาบาล
ถามไปถามมาถึงเล่าต่อว่า ลงชานชาลาหน้าเพื่อหาหมอที่อนามัย.........จังหวัด......จนถึงกรุงเทพฯนี่แหละ..
จากที่ไม่เจอกันนาน ค่ำนั้นเราเลยนั่งคุยกันท่ามกลางฝูงยุง
ระหว่างคุยอยู่นั่น ส้มได้ยินเสียงลูกศิษย์คุณแม่คนหนึ่งเรียกให้ส้มเข้าไปในบ้าน
พร้อมกับถามคำถามประหลาดๆปนงงๆว่า
"ส้ม??เพื่อนน่ะทำบุญมั่งนะ..บอกเพื่อนด้วยว่าทำบุญมั่ง"
????..งง ค่ะพี่น้อง??
แต่จนแล้วจนรอดเกือบตี1ก็ไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟัง
จนอาบน้ำเข้านอน (นึกภาพตามนะคะ) ห้องนอนไม่ใหญ่โตอะไร
มีหน้าต่าง4บาน (2คู่)
ปิดม่านหมด กำลังจะเคลิ้มหลับ เจ้าก.ผงะลุกขึ้นอย่างแรงและเร็ว
ย้ำนะคะ เร็วมาก เร็วจนเรารู้สึกโมโห
เพราะเป็นคนหลับยาก เลยถามว่า"เป็นไรอ่ะแก" ....เงียบ ...
แต่ไอ้เราก็เพ่งมองไปที่เพื่อน
ด้วยไม่คิดว่ามีอะไรสลักสำคัญถึงกับต้องเปิดไฟหัวนอนหรือลุกไปเปิดสวิทช์ไฟ
เห็นจนภาพชัดเจนว่าก.ยื่นมือเหมือนชี้อะไรซักอย่างบนเพดานห้องตรงช่วงมุมแหลม(นึกภาพออกไม๊คะ)
และทราบไม๊คะ ก.บอกว่ายังไง "แกเห็นเปล่าวะ..นั่นมันอะไรอ่ะ"
น้ำเสียงเบาแต่สั่นๆ ขอโทษค่ะพี่น้อง
ส้มไม่เห็นหรือได้ยินอะไรทั้งสิ้นจริงๆ เลยบอกว่า "เปิดไฟไม๊ล่ะ"
ก.รีบสวนกลับทันทีว่า "อย่า อย่า อย่า ไม่ต้องเลยแก" แล้วก็คลุมโปงนอน
วินาทีนั้น ต่อให้ไม่รุ้ก็พอเดาได้ว่าเรื่องมันจะเป็นอีหรอบไหน??
แต่จะกลัวก็ยังไม่เห็นอะไรซักกะหน่อย
(โดยปกติและธรรมชาติของส้ม เป็นคนกลัวผีมากถึงมากที่สุด)
สุดท้ายต่างคนต่างหลับ และลุยไหนลุยนั่นด้วยกันมาสิบกว่าปี เพิ่งทราบว่า ก.นอนกัดฟัน!!
ตื่นมาตอนเช้า ก.เล่าว่ากำลังจะเคลิ้มๆได้ยินเสียงเหมือนคนสลัดผ้าดัง พรึ่บบ!! เลยหรี่ตา
แล้วก็เอนตัวมองมาที่ส้ม แต่หางตาเห็นอะไรไหวๆบนเพดาน จึงเพ่งมองจนชินกับความมืด
มันเข้ามาใกล้ มาใกล้จนเริ่มรู้เค้าโครงร่าง ลักษณะคล้ายคน
หุ่นไม่ใช่ผู้หญิง
ไม่เห็นผมแต่เป็นรูปทรงศรีษะมนุษย์ ไม่มีขา
ลอยเข้ามาเรื่อยๆจนเพ่งแน่ชัดว่านั่นเป็นท่านั่งคล้ายขัดสมาธิแต่ไม่ติดพื้น
นั่นคือเค้าลอยมา แต่มาหยุดตรงไหนรู้ไม๊คะ
เค้ามาหยุดข้างๆตัวส้มซึ่งหันหน้าเข้าหาเค้าอยู่โดยขาก่ายหมอนข้างแล้วนอนหันหลังให้ก.
(นึกภาพออกไม๊คะ)
ได้ยินแค่นั้น ส้มก็รีบแกล้งหัวเราะและสวนกลับไปว่า
"ถ้าคนอย่างแกกำลังเคลิ้ม ละคนอย่างชั้นจะหลับแล้วหรือไง
เป็นไปได้เหรอ หลับยากอย่างชั้นน่ะ" ...
"แล้วทำไมชั้นไม่เห็น อย่างน้อยก็รู้สึกเอ๊า..ทำไมไม่รุ้สึกอะไรเลย??"
ก.ไม่ตอบอะไร แต่สีหน้าไม่ค่อยดี
เวลาผ่านไปจนถึงบ่ายแก่ๆส้มวาดรูปประกอบให้ ก.ก่อนที่จะ
เขียนบทความเนื่องจากรายละเอียดยังไม่เคลียร์
ระหว่างหันข้างให้กับโต๊ะกินข้าวที่ ก.นั่งอยู่ ก.ก็ตะโกนโหวกเหวกโวยวายว่า
"เฮ๊ย..มันมาอีกแล้วเว๊ย"..เท่านั้นแหละคนตาสีขาวอย่างเราก็กระโจนออกมาจากตรงนั้นทันที
แล้วก็ถามว่ามันว่า "อะไรอีกอ่ะ ชั้นกลัวนะแก"
ก.ยืนยันอีกครั้งว่า รูปร่างที่เห็นเมื่อคืนนั่งอยู่ข้างหลังพร้อมกับยืนยันเสียงหนักแน่น
เพราะคราวนี้เห็นหน้าชัดมาก (นึกภาพตามนะคะ)
เป็นผู้ชายคล้ายโกนหัว มีตอผมขึ้นพอสมควร
มีผมขาวด้วย ผิว2สี ปากสีดำเหยียดตรงเหมือนยิ้มไม่เห็นฟัน(แต่ไม่ใช่) ย้ำปากดำจนเด่นชัด!!
เค้านั่งขัดสมาธิ(ดูจากหน้าขาที่กว้างออกทำมุมกับผ้าถุง)จริงๆด้วย
และผ้าถุงมันห้อยลงมาปิดถึงพื้น(ปราศจากเก้าอี้) สูงจากพื้นประมาณเกือบ1เมตร ท่าเดิม อยู่บริเวณข้างหลังส้มเหมือนเดิม .....
พิมพ์ไปก็กลัวไปนะคะ
ไม่เท่านั้น ลูกศิษย์ของคุณแม่ 1 ใน 6 คนเห็นเหมือนกัน
แต่!!ไม่ได้อยู่ข้างหลังเราน่ะสิ
แต่ผู้ชาย(คน)นั้นเอามือคล้องวงแขนที่พันเฝือกของเพื่อนอยู่ในคืนวันแรกที่ก.มาถึง
หลังจากนั้นช่วง2ทุ่ม เพื่อนบ้านเยื้องๆกันเห็นผู้ชาย(คน)นั้นอยู่ข้างหลังส้มหมือนกัน
เค้าได้แต่-งง เพราะส้มยืนแต่คนนั้นนั่งขัดสมาธิ
โดยไม่มีขาเก้าอี้โผล่ เลยไปเรียกแม่ยาย(เค้าเป็นแม่ชี)ออกมาดูว่าทำไมเก้าอี้สามารถตั้งทับรั้วได้
คุณยาย(แม่)ชียกมือขึ้นท่วมหัวแล้วก็รีบเข้าบ้าน...
ทุกอย่างสับสน งง-งวย ไปกันใหญ่
ไอ้เราน่ะไม่ต้องพูดแล้วกลัวจนไม่เป็นอันทำอะไร
อีกใจก็ไม่เชื่อ จนเพื่อนคุณแม่อาสาพา ก.ไปหาพระท่านหนึ่งและกำชับไม่ให้ก.มาพักที่บ้านอีก
ถามเหตุผลก็ได้แต่บอกว่าให้ก.ไปทำบุญก่อน
ก.จะทำให้เราหรือคนในครอบครัวเดือดร้อนโดยไม่รุ้ตัว
คราวนี้งงใหญ่เลยค่ะ ..
เลยโทรหา ก.แล้วถามว่าเป็นไงบ้าง ก.บอกว่า
"รุ้สึกกลัวผู้ชายคนนั้นก็ตรงที่หน้าเค้าคุ้นมากๆ
คุ้นจนยิ่งนึกยิ่งเครียด เพราะมั่นใจว่าต้องเคยเจอมาก่อนแน่"
แปลกค่ะ..ก.ไม่เจอเหตุการณ์อย่างนี้อีก
แล้วส้มหรือใครก็ไม่เคยเจอแม้แต่คนเดียวในบ้าน
ได้ความสั้นๆว่า
พระท่านบอกว่า ก.พูดเชิญชวนใครเดินทางมาด้วยหรือเปล่า
เพราะเท่าที่พระท่านบอก ก.ต้องหรืออาจรู้จักกับคนนั้น
แต่ที่ต้องเห็นอยุ่ข้างหลังส้มนั้นก็เพราะว่า
เค้าต้องการสื่อสารกับก.และต้องการให้ก.เห็นเค้าชัดๆ...
นึกแล้วกลัวค่ะ
ตอนนี้ก็ไม่ได้นอนห้องเดิมแล้วเปลี่ยนไปนอนอีกห้องแบบถาวรเลย..
บอกตามตรง ยังไม่เคลียร์เลยค่ะ
แต่เกรงใจเพื่อนๆพี่ๆน้องๆใน SBN เพราะพิมพ์มายาวยืด
เมื่อยมือมากๆ คืบหน้ายังไงจะมาเล่าให้ฟังกันอีกค่ะ
หมายเหตุ:ขออภัย(คน)ที่กล่าวถึง ไม่รุ้ว่าคุณคือใครจริงๆ ขอโทษดวงวิญญาณถ้าเราทำอะไรผิดพลาดไป