พอดีเราเห็นคนฮิตทำกันมาพันนึงแล้ว แล้วก็นึกอยากทำเหมือนกันก็เลยหาข้อมูลแล้วไปเจอเรื่อนนี้เข้า เลยเอามาให้อ่านกันค่ะ ถ้ามีใครเคยมา post แล้วต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่อยากให้เพื่อนได้อ่านกันค่ะ เพราะมันน่ากลัวแล้วเราว่าคนน่าจะไม่ทราบเรื่อนี้มากนัก
ขอให้ credit กับคนเล่าโดยแปะ link นะคะ ไม่รู้ว่าผิดกฎหรือปล่าว ถ้าผิดตรงไหนบอกนะคะจะได้แก้ไข
เริ่มเมื่อปี 2550 ประมารเดือนพฤษภาคม ฝนได้ลงคอรส์ Calboxy ไว้ค่ะ ฝนก็ไปฉีดเรื่อยๆ ร่วมกับการออกกำลังกายของFitness ตอนนั้นฝนเรียน ป.โทที่ธรรมศาสตร์ แต่ไม่วายอยากทำงานก้เลยไปสมัครเป็นผู้ช่วยนักวิจัย ; ; เหตุการณืเกิดขึ้นต้นเดือน มิย 2550 เนื่องจากขวดน้ำหอม ที่เป็นแก้ว ตกใส่หลังเท้า ส่งผลให้ เส้นเอ็นท์อักเสบ ในตอนแรก ก็ได้ไม้เท้าที่เป็นไม้ มาหนึ่งคู่ค่ะ ช่วงนั้นประกอบกับต้องส่งรายงานวิจัยทำให้ฝนต้อง พิมพ์รายงานและใช้คอมพิวเตอร์ดน๊ตบุ๊ค ดึกๆ ทุกคืนกว่าจะได้นอนก็ตีสามได้
ประมาณ 2-3 คือก้อรู้สึกเรยว่าไม่ได้ปวดแค่ เท้าขวาที่เอ็นอักเสบ แต่ปวดที่ข้อมือขวา และส้นเท้าตามมาจึงไปหาหมอ หมอก็ให้ยามา แต่ยังไม่หาย
แต่ตอนนั้น ฝนก็ยังอยากสวยอยู่ค่ะ เนื่องจากน้ำหนัก 53 สูง 156 ก็ค่อนข้างอวบและตัน ฝนก็ไปฉีดคาร์บ็อกซี่ตามปกติ แต่ครั้งนี้รู้สึกได้เลยว่า ก๊าซ ลงที่ข้อด้วยค่ะปวดมาก ร้องแหกปาก เลยอ่ะ คนข้างนอกเค้าก็ตกใจเค้าบอกว่าได้ยินเสียงน้องร้แงแล้วพี่ไม่กล ้าฉีดเลย แต่ ก็ไม่ได้คิดอะไร ยังคงไปฉีด และไปเล่นโยคะร้อนต่อเนื่องจาก ลงครอส์ 1 ปีไว้ ไม่กี่วันปรากฎว่าร่างกายฝนแทบขยับไม่ได้ค่ะ ปวดตามข้อมากๆๆ กลายเป็นว่าค่าFitness ต้องเสียไปเปล่าๆร่วม 14,000 แหนะค่ะ เพราะเค้าไม่คืนให้
จนต้องเปลี่ยนแผนกไปหาหมอรูมาตอยด์ และได้เริ่มเข้ามารักษ าที่กรุงเทพ ในตอนที่ฝนขยับแทบไม่ได้นั้น
น้ำหนักของฝนก็ลดลงเรื่อยๆๆจนเหลือ 42 ทุกคนต่าง ตกใจ เพราะไม่เคยหนักเท่านี้มาก่อน จำได้ว่าน้ำหนักนี้เคยหนักต อนเรียนชั้นป.5 ซึ่ง ไม่ใช่ว่าจะผอมแล้วสวย แต่ปวดมากๆๆ ค่าการอักเสบESR อยู่ที่ 105 ซึ่งคนปกติ อยู่ระหว่าง 0-20 ค่ะ ค่ายาในแต่ละเดือนเดือนแรกๆตกเดือนละหมื่นกว่า
และมีอาการไข้ขึ้นสูง 40 องศา ได้แต่นอนอยู่บนเตียงที่บ้าน มีเพียงป๊าคอยแบกขึ้นหลังเพื่อให้ฝนได้ลงมาทานข้าวพร้อมหน้ากัน ทั้งครอบครัว และแม่ที่คอยให้กำลังใจฝนไม่ให้ท้อถอย ให้สู้ เพราะในใจฝนตอนนั้น คิดแต่เพียงว่า ขอฝนจากโลกนี้อย่างสงบเถอะ และเสาร์อาทิตย์พี่ต๋อย ก็จะมาคอยดูแลพาฝนลงมาหน้าบ้านเข็นรถเข็นบากแบกบ้างให้ฝนฝึกเดิ น นำสมุนไพรมาประคบส่วนต่างๆที่ปวด มันทำให้ฝนรับรู้ความรัก ความหวังดี ของครอบครัว และจากคนที่ฝนรัก ซึ่งตอนนั้นแอบคิดว่าถ้าเค้าเลิกกับเราจะทำอย่างไร
ฝนก็คงไม่เหลือใคร แต่เค้าก้ไม่เลิก ยังคงเสมอต้นเสมอปลาย
ฝนไปหาหมอมาทั่วทุกสารทิศไม่ว่าจะเป็นหมอทางไทย หมอไสยศาสตร์ หมอทางเขมร ไม่ว่าจะไกลและวิธีจะทรมานแค่ไหนก็ไปรักษาค่ะ
หลังจากนั้นฝนก็ไปนั่งสมาธิปฏิบัติธรรม ถึงแม้จะปวดแสนปวดก็ตาม.. แต่ก็อดทน ทานชีวจิต และฝนก็ขอให้อาการดีขึ้นโดยฝนจะทานอาหารเจ ช่วงกันเจ และทานมังสวิรัตในช่วงวันพระ
แต่สิ่งที่ฝนเริ่มเอะใจก็คือ
พี่ที่ฝนเจอที่ปฏิบัติธรรม ชื่อพี่หลี เป็นเจ้าของสวนส้ม มีอาการของโรตเหมือนฝนเลย แต่เค้าเป็นมากกว่าฝนคือเป็นระบ บไตและ ก็ ลงกระแสเลือดและข้ออีกด้วย เมื่อคุยกันจนสนิทจึงจับใจความได้ว่า
เค้าก็ไปฉีดCaboxy ก่อนที่จะป่วยเช่นเดียวกัน แต่เค้าไปฉีดทุกวันแล้วต่อด้วยออกกำลังกายทุกวัน
ทำให้ร่างกายทนไม่ไหว อีกทั้งต้องล้างไตอีกด้วยค่ะ
ฝนอยากจะเตือนเพื่อนๆพี่ๆทีอยากสวยค่ะ ว่าอยากให้สวยธรรมชาติดีกว่าค่ะ
อาจจะทานเป็นสมุนไพร ทานอาหารน้อยลง แล้วออกกำลังกายแทนค่ะ
แหล่งที่มานะคะ http://www.ladysquare.com/forum_post...TID=55131&PN=1