Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 7 of 7

Thread: เหยือกเต็มหรือยัง ??????????

  1. #1
    hut2211's Avatar
    hut2211 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,986

    Talking เหยือกเต็มหรือยัง ??????????

    ฝากให้อ่านก่อนนอนนะจ้ะ

    เพื่อนให้เป็นวิทยากรพิเศษสอนวิชาปรัชญาให้กับนักศึกษาปริญญาโท
    เขาเตรียมการสอนอยู่หลายวัน จึงตัดสินใจจะสอนนักศึกษาเหล่านั้นด้วยแบบฝึดหัดง่าย ๆ
    แต่แฝงไว้ด้วยข้อคิด
    เขาเดินเข้าห้องเรียนมาพร้อมด้วยของสองสามอย่างบรรจุอยู่ในกระเป๋าคู่ใจ
    เมื่อได้เวลาเรียน เขาหยิบเหยือกแก้วขนาดใหญ่ขึ้นมา
    แล้วใส่ลูกเทนนิสลงไปจนเต็ม

    "พวกคุณคิดว่าเหยือกเต็มหรือยัง?" เขาหันไปถามนักศึกษาปริญญาโท
    แต่ละคนมีสีหน้าตาครุ่นคิดว่าอาจารย์หนุ่มคนนี้จะมาไม้ไหนก่อนจะตอบพร้อมกัน...
    "เต็มแล้ว..."

    เขายิ้มไม่พูดอะไรต่อหันไปเปิดกระเป๋าเอกสารคู่ใจ หยิบกระป๋องใส่กรวดออกมา
    แล้วเทกรวดเม็ดเล็กๆ จำนวนมากลงไปในเหยือกพร้อมกับเขย่าเหยือกเบา ๆ
    กรวดเลื่อนไหลลงไปอยู่ระหว่างลูกเทนนิส อัดจนแน่นเหยือก เขาหันไปถามนักศึกษาอีก
    "เหยือกเต็มหรือยัง?"

    นักศึกษามองดูอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันมาตอบ "เต็มแล้ว..."

    เขายังยิ้มเช่นเดิม หันไปเปิดกระเป๋าหยิบเอาถุงทรายใบย่อมขึ้นมาเททรายจำนวนไม่น้อยใส่ลงไปในเหยือก
    เม็ดทรายไหลลงไปตามช่องว่างระหว่างกรวดกับลูกเทนนิสได้อย่างง่ายดาย
    เขาเทจนทรายหมดถุง เขย่าเหยือกจนเม็ดทรายอัดแน่นจนแทบล้นเหยือก
    เขาหันไปถามนักศึกษาอีกครั้ง
    "เหยือกเต็มหรือยัง?"

    เพื่อป้องกันการหน้าแตกนักศึกษาปริญญาโทเหล่านั้นหันมามองหน้ากัน
    ปรึกษากันอยู่นานหลายคนเดินก้าวเข้ามาก้ม ๆ เงย ๆ มองเหยือกตรงหน้าอาจารย์หนุ่มอยู่หลายครั้ง
    มีการปรึกษาหารือกันเสียงดังไปทั้งห้องเรียน
    ....จวบจนเวลาผ่านไปเกือบห้านาที
    หัวหน้ากลุ่มนักศึกษาจึงเป็นตัวแทนเดินเข้ามาตอบอย่างหนักแน่น
    "คราวนี้เต็มแน่นอนครับอาจารย์"

    "แน่ใจนะ"

    "แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีกครับ"

    คราวนี้เขาหยิบน้ำอัดลมสองกระป๋องออกมาจากใต้โต๊ะแล้วเทใส่เหยือกโดยไม่่รีรอ
    ไม่นานน้ำอัดลมก็ซึมผ่านทรายลงไปจนหมด
    ทั้งชั้นเรียนหัวเราะฮือฮากันยกใหญ่
    เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
    "ไหนพวกคุณบอกว่าเหยือกเต็มแน่ ๆ ไง" เขาพูดพลางยกเหยือกขึ้น
    "ผมอยากให้พวกคุณจำบทเรียนวันนี้ไว้ เหยือกใบนี้ก็เหมือนชีวิตคนเรา
    ลูกเทนนิสเปรียบเหมือนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต
    เช่น ครอบครัว คู่ชีวิต การเรียน สุขภาพ ลูก และเพื่อน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่คุณต้องสนใจจริง สูญเสียไปไม่ได้...."

    "...เม็ดกรวดเหมือนสิ่งสำคัญรองลงมา เช่น งาน บ้าน รถยนต์

    ทรายก็คือเรื่องอื่น ๆ ที่เหลือเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราจำเป็นต้องทำ แต่เรามักจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆเหล่านี้....
    เหยือกนี้เปรียบกับชีวิตของคุณ ถ้าคุณใส่ทรายลงไปก่อน คุณจะมัวหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็ก ๆน้อย ๆอยู่ตลอดเวลา
    ชีวิตเต็มแล้ว...เต็มจนไม่มีที่เหลือให้ใส่กรวด
    ไม่มีที่เหลือใส่ให้ลูกเทนนิสแน่นอน..."

    "...ชีวิตของคนเราทุกคน..ถ้าเราใช้เวลาและปล่อยให้เวลาหมดไปกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ
    เราจะไม่มีที่ว่างในชีวิตไว้สำหรับเรื่องสำคัญกว่า...เพราะฉะนั้นในแต่ละวันของชีวิต
    เราต้องให้ความสนใจกับเรื่องที่ทำให้ตัวเราและครอบครัวมีความสุข ใช้ชีวิตเล่นกับลูก ๆ
    หาเวลาไปตรวจร่างกาย พาคู่ชีวิตกับลูกไปพักผ่อนในวันหยุด
    พากันออกกำลังกายเล่นกีฬาร่วมกันสักชั่วโมงสองชั่วโมงเพื่อสุขภาพและความสัมพันธ์ที่ดีในชีวิต
    เราต้องดูแลเรื่องที่สำคัญที่สุดจริง ๆ ดูแลลูกเทนนิสของเราก่อนเรื่องอื่นทั้งหมด..."

    "...หลังจากนั้นถ้ามีเวลาเหลือเราจึงเอามาสนใจกับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆตัวเรา..."
    นักศึกษาคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม "แล้วน้ำที่อาจารย์เทใส่ลงไปล่ะครับ หมายถึงอะไร?"
    เขายิ้มพร้อมกับบอกว่า "การที่ใส่น้ำลงไปเพราะอยากให้เห็นว่า
    "ไม่ว่าชีวิตของเราจะวุ่นวายสับสนเพียงใด ในความสับสนและวุ่นวายเหล่านั้น คุณยังมีที่ว่างสำหรับการแบ่งปันน้ำใจให้กันเสมอ...."
    ....นอนหลับฝันดี (หรือไม่ต้องฝันก็ได้ค่ะ)...สวีดัดค่ะ...


    ขอบคุณและอนุโมทนาบทความดี ๆ จาก
    http://ecurriculum.mv.ac.th/dhamma/dhammathai/webboard/Wc980c62e1137c.htm
    บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้น ใจย่อมอยู่สบาย......
    อย่าเรียกร้องในสิ่งที่ไม่มี แต่จงภูมิใจในสิ่งที่มีอยู่...
    โกงเค้าชาตินี้ 1 ต้องใช้เค้าชาติหน้าเป็น พัน ทำทำไม?
    ศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่คนเสื่อมจากศาสนา

    ธรรมนิยายธรรมะผู้สละโลก
    http://groups.google.com/group/DhammaSawasdee/web/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81


  2. #2
    hut2211's Avatar
    hut2211 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,986

    Talking

    เพราะครอบครัวเป็นของใหญ่เห็นได้เด่นชัดอย่างลูกเทนนิส
    มนุษย์ทั้งหลายจึงต้องให้ความสำคัญก่อนเป็นอันดับแรก
    และเป็นบ่วงอันแข็งแรงมั่นคงที่จักผูกพันเขาเอาไว้ในเรือนกาม

    เพราะทรัพย์ทั้งหลายที่มนุษย์เสาะแสวงหาและหวงแหน
    แม้จะมีขนาดเท่าเม็ดกรวดก็ตาม
    มนุษย์ยิ่งมีทรัพย์มากเท่าใด
    ย่อมเติมเต็มอัดแน่นลูกเทนนิสให้ขยับไม่ได้
    กลายเป็นบ่วงที่แข็งแรงมั่นคงยิ่งขึ้น

    เม็ดทรายเป็นเสมือนการเสวยอารมณ์สุขทุกข์
    อันเกิดจาการสัมผัสรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และธัมมารมณ์
    ด้วยตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ(สิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิงในบ้านนอกบ้าน)
    ที่มนุษย์ต่างเสาะแสวงหามาเติมเต็มให้ตนเองและสมาชิกในครอบครัว
    ตลอดจนหมู่ญาติมิตร

    น้ำใจผูกพันที่มีต่อครอบครัว ญาติสนิท มิตรสหาย
    เหมือนน้ำที่เติมลงไปจนเต็มเหยือก
    ย่อมรึงรัดอัดแน่นให้ทุกสิ่งทุกอย่างกระดิกกระเดี้ยไม่ได้
    น้ำหนักของเหยือกย่อมถึงซึ่งที่สุดแห่งน้ำหนักเท่าที่จะแบกภาระนั้นได้

    ถ้ามนุษย์คือเหยือกน้ำที่มีสิ่งต่าง ๆ บรรจุอยู่เต็ม
    นั่นคือสัจจะธรรมที่ว่า " ขันธ์ทั้ง 5 เป็นภาระอย่างยิ่ง "
    เป็นมนุษย์ที่แบกภาระทุกข์เอาไว้อย่างเต็มพิกัด

    การพ้นจากความทุกข์ก็คือการวางภาระทั้งปวงลงให้ได้
    เหลือแต่เหยือกเปล่า ๆ ที่รอวันแตกทำลายไป
    คือดับขันธ์ปรินิพพาน

    จะมีมนุษย์สักกี่คนกันเล่าที่สามารถเป็นเหยือกเปล่า ๆ ได้บ้าง ?????

    เจริญในธรรมครับ

    ความคิดเห็นจากคนจรจัด ผู้นามว่า ...รัฐบาล


    ขอบคุณและอนุโมทนาบทความดี ๆ จาก
    http://ecurriculum.mv.ac.th/dhamma/dhammathai/webboard/Wc980c62e1137c.htm
    บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้น ใจย่อมอยู่สบาย......
    อย่าเรียกร้องในสิ่งที่ไม่มี แต่จงภูมิใจในสิ่งที่มีอยู่...
    โกงเค้าชาตินี้ 1 ต้องใช้เค้าชาติหน้าเป็น พัน ทำทำไม?
    ศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่คนเสื่อมจากศาสนา

    ธรรมนิยายธรรมะผู้สละโลก
    http://groups.google.com/group/DhammaSawasdee/web/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81


  3. #3
    hut2211's Avatar
    hut2211 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,986

    Talking

    คารวะแด่น้ำใจที่เติมไปครั้งสุดท้ายครับ...
    มีน้ำใจให้เป็นทาน จะบันดาลสรรพสิ่งสามัคคีปรองดองกัน...

    ไม่ว่าคนในบ้านเรือน ในบ้านเมือง ในประเทศ ในโลก....
    เพราะทานเป็นสังคหวัตถุ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ตามคำทรงสอน...

    และต่อไปในภายหน้า...
    วิทยากรพิเศษท่านนั้น....ก็อาจสอนเทคนิคให้นักศึกษา ป.โท อีกว่า..

    เหยือกก็ตาม .. ลูกเทนนิสก็ตาม .. กรวดก็ตาม.. ทรายก็ตาม...
    คนถือเหยือกก็ตาม... คนใส่สิ่งของลงไปในเหยือกก็ตาม..

    ล้วนเป็นสิ่งไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่คงทน ไม่ถาวร เป็นของสมมติขึ้น...
    ไม่พึงไปยึดมั่นถือมั่น ว่านั่นเป็นเรา นั่นของเรา ..... เราเป็นนั่น ....
    นั่นเป็นเขา นั่นเป็นของเขา ...

    เพราะวันหนึ่ง เมื่อสิ่งทั้งหลายที่กล่าวมา แปรปรวน เสื่อมไป มลายไป..
    ใจก็จะไม่แปรปรวน ไม่เสื่อม ไม่มลายตามไปด้วย..เพราะความไม่ไปยึดมั่นถือมั่น..
    ....ต้องตามพุทธดำรัสว่า "ธรรมทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น".....

    และเขาทำไว้ในใจอย่างแยบคายว่า ...เหยือกก็สักแต่ว่าเหยือก ...
    ลูกเทนนิสก็สักแต่ว่าลูกเทนนิส ฯลฯ สํกแต่ว่ากรวด สักแต่ว่าทราย ...

    สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนเป็นของสมมติ... ได้เกิดขึ้น มีขึ้น เพราะมีเหตุมีปัจจัย..
    ให้เกิดขึ้น ให้มีขึ้น...! ครั้นเกิดขึ้นแล้ว ก็ตั้งอยู่ ........ครั้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป

    ไม่เป็นไปตามบังคับ หรือตามปรารถนาต้องการของใคร ๆ ว่า ขอให้สิ่งนั้น
    จงอย่าแปรปรวน จงอย่าเสื่อม จงอย่ามลาย ไปเลย...!

    ....ต้องตามพุทธพจน์ว่า...สิ่งใดไม่เที่ยง...! สิ่งนั้นเป็นทุกข์ ...!
    ก็สิ่งใดที่ไม่เที่ยงและเป็นทุกข์นั้น ควรหรือที่จะเข้าไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งนั้นว่า.
    นั่นเป็นเรา เราเป็นนั่น..!

    ครั้นต่อมาถึงวันที่เหยือก ลูกเทนนิส กรวด ทราย แปรปรวน เสื่อมไป .....
    มลายไปจริง ๆ ...! ใจก็จะไม่แปรปรวนไปด้วย ไม่เสื่อมไปด้วย ...!

    เขามีจิตที่หลุดพ้นจากเหยือก.. จากลูกเทนนิส.. จากกรวด .. จากทราย...
    เพราะเขาสอนจิตไว้ดีว่า ....
    ....นามรูปไม่เที่ยง นามรูปเป็นทุกข์ นามรูปเป็นอนัตตา...

    เขาเข้าถึงความเย็นสบายในจิต..คือพระนิพพาน..ได้..
    ....แม้ในขณะที่ยังมีลมหายใจเข้าออกอยู่นี่เอง..
    ------------------------------------------


    ขอบคุณและอนุโมทนาบทความดี ๆ จาก
    http://ecurriculum.mv.ac.th/dhamma/dhammathai/webboard/Wc980c62e1137c.htm
    บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้น ใจย่อมอยู่สบาย......
    อย่าเรียกร้องในสิ่งที่ไม่มี แต่จงภูมิใจในสิ่งที่มีอยู่...
    โกงเค้าชาตินี้ 1 ต้องใช้เค้าชาติหน้าเป็น พัน ทำทำไม?
    ศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่คนเสื่อมจากศาสนา

    ธรรมนิยายธรรมะผู้สละโลก
    http://groups.google.com/group/DhammaSawasdee/web/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81


  4. #4
    summer's Avatar
    summer is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    25

    Cool แม่ ทุกสถาบัน

    ชอบมากเลยครับ เป็นสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่พอดีเลยว่า มีเงินทองแค่ไหน แต่ครอบครัวไม่มีเวลาให้กันก็ไม่มีค่าอะไร ขอบคุณน่ะครับ
    ยังไม่รวย "อยู่อย่างรวย" ไม่มีวันรวย
    ยังไม่จน "อยู่อย่างจน" ไม่มีวันจน


    BB: 20E8CD96

    080-0078988

  5. #5
    huahorm's Avatar
    huahorm is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    2,880
    สาธุจ้ะ

  6. #6
    SweetCandyBee's Avatar
    SweetCandyBee is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    183

    Smile

    ชอบแวะมาอ่านข้อคิดของคุณ Hut เรื่อยๆเลย ดีค่ะ ทำให้คิดอะไรดีๆ สบายใจค่า ขอบคุณมากๆนะคะ

  7. #7
    due's Avatar
    due is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    64
    ขอบคุณมากๆค่ะ
    สุดยอดแห่งปรัชญาชีวิตจริงๆ
    สาธุ
    เรารักอะไรก็จะทุกข์เพราะสิ่งนั้น
    เพราะว่าสิ่งทั้งหลายล้วนแปรปรวนทั้งสิ้น
    ไม่มีอะไรคงที่อยู่ได้ตลอดเวลา

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •