คารวะแด่น้ำใจที่เติมไปครั้งสุดท้ายครับ...
มีน้ำใจให้เป็นทาน จะบันดาลสรรพสิ่งสามัคคีปรองดองกัน...

ไม่ว่าคนในบ้านเรือน ในบ้านเมือง ในประเทศ ในโลก....
เพราะทานเป็นสังคหวัตถุ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ตามคำทรงสอน...

และต่อไปในภายหน้า...
วิทยากรพิเศษท่านนั้น....ก็อาจสอนเทคนิคให้นักศึกษา ป.โท อีกว่า..

เหยือกก็ตาม .. ลูกเทนนิสก็ตาม .. กรวดก็ตาม.. ทรายก็ตาม...
คนถือเหยือกก็ตาม... คนใส่สิ่งของลงไปในเหยือกก็ตาม..

ล้วนเป็นสิ่งไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่คงทน ไม่ถาวร เป็นของสมมติขึ้น...
ไม่พึงไปยึดมั่นถือมั่น ว่านั่นเป็นเรา นั่นของเรา ..... เราเป็นนั่น ....
นั่นเป็นเขา นั่นเป็นของเขา ...

เพราะวันหนึ่ง เมื่อสิ่งทั้งหลายที่กล่าวมา แปรปรวน เสื่อมไป มลายไป..
ใจก็จะไม่แปรปรวน ไม่เสื่อม ไม่มลายตามไปด้วย..เพราะความไม่ไปยึดมั่นถือมั่น..
....ต้องตามพุทธดำรัสว่า "ธรรมทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น".....

และเขาทำไว้ในใจอย่างแยบคายว่า ...เหยือกก็สักแต่ว่าเหยือก ...
ลูกเทนนิสก็สักแต่ว่าลูกเทนนิส ฯลฯ สํกแต่ว่ากรวด สักแต่ว่าทราย ...

สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนเป็นของสมมติ... ได้เกิดขึ้น มีขึ้น เพราะมีเหตุมีปัจจัย..
ให้เกิดขึ้น ให้มีขึ้น...! ครั้นเกิดขึ้นแล้ว ก็ตั้งอยู่ ........ครั้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป

ไม่เป็นไปตามบังคับ หรือตามปรารถนาต้องการของใคร ๆ ว่า ขอให้สิ่งนั้น
จงอย่าแปรปรวน จงอย่าเสื่อม จงอย่ามลาย ไปเลย...!

....ต้องตามพุทธพจน์ว่า...สิ่งใดไม่เที่ยง...! สิ่งนั้นเป็นทุกข์ ...!
ก็สิ่งใดที่ไม่เที่ยงและเป็นทุกข์นั้น ควรหรือที่จะเข้าไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งนั้นว่า.
นั่นเป็นเรา เราเป็นนั่น..!

ครั้นต่อมาถึงวันที่เหยือก ลูกเทนนิส กรวด ทราย แปรปรวน เสื่อมไป .....
มลายไปจริง ๆ ...! ใจก็จะไม่แปรปรวนไปด้วย ไม่เสื่อมไปด้วย ...!

เขามีจิตที่หลุดพ้นจากเหยือก.. จากลูกเทนนิส.. จากกรวด .. จากทราย...
เพราะเขาสอนจิตไว้ดีว่า ....
....นามรูปไม่เที่ยง นามรูปเป็นทุกข์ นามรูปเป็นอนัตตา...

เขาเข้าถึงความเย็นสบายในจิต..คือพระนิพพาน..ได้..
....แม้ในขณะที่ยังมีลมหายใจเข้าออกอยู่นี่เอง..
------------------------------------------


ขอบคุณและอนุโมทนาบทความดี ๆ จาก
http://ecurriculum.mv.ac.th/dhamma/dhammathai/webboard/Wc980c62e1137c.htm