ค่ะ.. ไหนๆ ก็เขียนอะไรๆ มามากมายแล้วบนเวป
วันนี้ขออนุญาตบอกเล่าเรื่องราวในส่วนที่ค่อนข้างจะเก็บไว้ในใจมาเสมอ
และพยายามเข้มแข็ง อดทน เพื่อรอคอยคำตอบของปัญหาต่างๆ น้อยใหญ่ที่เข้ามาในชีวิต
เพราะรู้ ว่าทุกสิ่งบนโลก ล้วนมีคำตอบของมัน
แต่วันนี้..
อดรนทนไม่ไหวแล้วค่ะ ขอใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์บ้างสักนิด
ใช้ 'มิตร' ให้เป็นประโยชน์บ้างสักหน่อย ก็ยังดี นะคะ..
คือว่า พอดีวันนี้ไปเยี่ยมคุณยายมา ท่านนอนรพ.มาสองเดือนได้แล้ว
ตอนแรก admitted เข้ารับการรักษาที่รพ.จุฬา ด้วยอาการขาบวม เนื่องจากติดเชื้อแบคทีเรียอะไรสักอย่างที่หมอไม่ได้บอก หรือบอกแล้วแต่คนรอบข้างไม่ได้จดไว้ เลยลืม
คุณยายท่านเริ่มจากอาการเดินไม่ค่อยได้ น้ำหนักตัวมาก ประกอบกับการที่มีขาบวมเป็นระยะๆ มาอยู่แล้ว
วันที่เข้ามานอนรพ.วันแรก ขาของท่านบวมเป่งทั้งสองข้าง
เมื่อพาเดินทางมาถึงรพ. แผลบนขาที่บวมนั้น ก็แตกออกพอดี มีน้ำเลือดน้ำหนองไหลทะลักออกมาจากขาทั้งสอง เลอะเทะกันอยู่ที่ด้านหน้ารพ.นั่นเอง
คุณหมอ รับเข้ารักษาอาการติดเชื้อที่ขา
โดยกว่าที่จะทราบ ว่าคุณยายกำลังทานยาละลายลิ่มเลือดเพื่อรักษาโรคหัวใจ ทั้งยังมีโรคไตอีกนิดหน่อย ฯลฯ ทั้งๆ ที่เป็นคนไข้มีประวัติอยู่ที่นี่ ที่เดียวมาโดยตลอด
เลือดที่ไหลออกมาทางแผลก็ห้ามไม่ทัน จนตัวแทบจะฟีบหมดอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี.. อย่าเพิ่งเสียว..
เพราะยังมีเสียวกว่าอีก
คือ คุณหมอขา ได้ให้การรักษาดูแลคุณยาย โดยไม่ต้องผ่านการตัดขาทิ้ง
และปัจจุบัน แผลที่ว่า ก็ดูจะดีขึ้นๆ เรื่อยๆ ตามลำดับ
ถึงแม้จะเป็นไปอย่างช้าๆ แต่ก็ถือว่าน่าพอใจ
เรื่องที่น่าเป็นห่วงก็คือ
ในตอนนี้ คุณยายมีแผลกดทับที่ยิ่งลึกลงไปมาก
ด้วยความที่คุณยายตัวอ้วนกลม น้ำหนักมาก
แถมยังต้องมานอนอยู่กับที่ จะพลิกทีต้องอาศัยความช่วยเหลือจากคุณพ(พระ)ยาบาลสี่ห้าคน
หรือบางวัน แอบพานั่งรถเข็นไปเที่ยวนานไปหน่อย
พยาบาลไม่มีคิวว่างมาอุ้มขึ้นเตียง
แผลที่ก้น ก็ยิ่งฉีกออก และลึกลงไปเรื่อยๆ
อันหมายถึงความเจ็บปวด ที่ทวีขึ้น โดยนับเป็นนาที..
วันนี้ เซลล์เนื้อใหม่ๆ ของท่านเองก็ไม่ค่อยจะสร้างใหม่แล้ว
แผลนี่แหละ ทำให้คุณยายเจ็บมากๆ จนบางทีร้องออกมาไม่เป็นภาษา
บ้านก็อยากกลับ
ขยับท่อนล่าง ก็แทบจะไม่ได้
แผลก็เจ็บอีก
ไหนจะอาการของหัวใจ ที่ทำให้เหมือนจะขาดใจไป
บางวัน ปากเป็นร้อนใน ก็ทานอะไรไม่อยากจะลงอีก
มันยากไปหมด ..
เราเองสนิทกับคุณยายมาก เพราะครอบครัวเรา คือเรา คุณพ่อ-คุณแม่และน้องสาว อยู่ด้วยกันกับคุณยายมาตั้งแต่เกิด เราไม่เคยแยกจากไปไหนจนแต่งงาน
แต่ไม่ว่าอย่างไร เราเองแหละที่จะต้องเยี่ยมหน้ามาพาท่านออกไปเที่ยวข้างนอกบ่อยๆ
ให้คุณยายได้เปิดหูเปิดตา "จิตใจสว่าง" เป็นคำพูดของคุณยาย
และคุณยายจะสอนเราเสมอ ว่าคนทุกคนนั้นมีความดีอยู่ในตัว ต้องทำเอาเอง ไปซื้อหามาจากไหนไม่มีขาย "มดตัวเล็กๆ ยังมีความดีเลย หลานเอ๋ย" ..
และนั่นเป็นสิ่งที่เรายึดมั่นไว้ในใจเสมอมา
มาเห็นคุณยายที่รักเหนือเกล้าของเราเป็นอย่างนี้ รู้สึกใจหาย อยากเจ็บแทนท่านให้มากเท่าที่จะมากได้ เอาอะไรไปจากเราก็ได้ ขอแค่ให้คุณยายเจ็บน้อยลง
แต่คิดอีกที ก็มองว่าหมอน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ ทำได้เต็มที่กว่านี้
ดีกว่าที่จะให้คนไข้มานอนรอ.. ไปวันๆ แล้วอีกวันก็บ๊ายบาย..
เราเข้าใจดี ว่ารัฐสวัสดิการของประเทศไทย มีให้เท่านี้ก็ดีหนักหนา
แต่ในฐานะคนที่ทำงานบริการ เราถือว่า หน้าที่ต้องทำให้ดีที่สุด
แต่การบริการหรือการให้การดูแลนั้น ยังสามารถเผื่อแผ่ไปได้อีกไกล ..above and beyond..
เป็นเรา เราก็คงไม่อยากให้คนไม่สบายสิบคนเข้ามานอนรักษาตัวสิบคน แล้วก็เฟดไปทีละคน .. จนครบสิบ
เป็นเรา เราขอแค่หนึ่ง ที่รอดชีวิตกลับบ้านไปหายใจต่อได้ ก็ยังดีกว่า ศูนย์..
ยุคนี้แล้ว
วิทยศาสตร์ และ Medicines ก้าวไกลไปมาก
มันน่าจะมีวิธีอะไรที่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดลง แล้วให้คนไข้เค้าสามารถอยู่กับแผลได้
สามารถออกจากเตียงคนไข้ไปใช้ 'ชีวิต' ได้บ้าง..
เกี่ยวกับเรื่องแผลกดทับ หรือ Bed Sores ..
ใครมีประสบการณ์อย่างไร มีวิธีการดูแลจัดการอย่างไร
ขออนุญาตรบกวนตรงนี้ มาเล่าสู่กันฟังเป็นวิทยาทานบ้าง
เราแน่ใจหนักหนา ว่ามันจะไม่ได้เป็นประโยชน์แก่เพียงแค่ครอบครังของเรา
แต่คงจะต้องมีใครๆ อีกมากมาย ที่กำลังต้องทุกข์ใจ และเจ็บปวดทรมาน กับอาการเล็กๆ นี้
รู้ไหมว่า Superman -- Mr Clarke Kent -- เป็นอัมพาตเกือบทั้งตัว ยังอยู่มาทำประโยชน์ทำมูลนิธิช่วยเหลือชาวบ้านได้ แต่สาเหตุที่เขาถูกพรากลมหายใจไป คือแผลกดทับ.
อย่างไรขอฝาก อ่าน ส่งต่อ คิดต่อ แล้วนำไปใช้ดูแลคนใกล้ตัวที่เขารักเรา มาตั้งแต่ลมหายใจแรก..
แล้วฝากสวดมนต์ให้เรา และคุณยายของเราด้วย
ขอบพระคุณทุกๆ ท่านไว้ล่วงหน้า ณ ที่นี้
ก็อุตส่าห์อ่านมาได้จนบัดนาว
ขอให้ท่านมีจิตใจเป็นกุศล และผลแห่งความดีในครั้งนี้
จงส่งให้ทุกๆ คนมีความสุข และพบเจอแต่สิ่งที่ดีงามเสมอ
รบกวนด้วยนะคะ
อยากพาคุณยายกลับบ้านมากเหลือเกินแล้ว
รักนะ
อ๊อบค่ะ
khun9ava@yahoo.com
ปล. ลืมบอก.. "วองโซ" เป็นน้องหมาของที่บ้านญาติตัวหนึ่ง ที่มีคุณน้าคนเก่งของเราท่านเขียน email ไปเล่าเรื่องของมันให้เพื่อนๆ ฟังถึงตปท. ว่าแล้วเรื่องก็วนไปสามรอบโลกในสามวัน อะไรประมาณนั้นค่ะ วุ่นวายมากจนออกมาเป็น Pocket Book ขำๆ น่ารักดีค่ะ มายืมอ่านได้นะคะ