Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 8 of 8

Thread: เมื่อเราขาดเมตตาต่อผู้อื่นย่อมเป็นการขาดเมตตาต่อตนเองด้วยเช่นกัน

Hybrid View

  1. #1
    hut2211's Avatar
    hut2211 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,986

    Talking เมื่อเราขาดเมตตาต่อผู้อื่นย่อมเป็นการขาดเมตตาต่อตนเองด้วยเช่นกัน




    เมื่อเราขาดเมตตาต่อผู้อื่นย่อมเป็นการขาดเมตตาต่อตนเองด้วยเช่นกัน
    พระนิพนธ์โดยสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช


    โทสะคือความโกรธเปรียบได้ดั่งไฟ

    เพราะเมื่อความโกรธเกิดขึ้นเมื่อใด ความร้อนจะเกิดขึ้นพร้อมกันทันที
    ไม่ร้อนเพียงที่ใจยังร้อนถึงกายได้ด้วย มากน้อยตามแรงโทสะ
    ทุกคนชอบเย็นทุกคนไม่ชอบร้อน แต่ไม่ทุกคนที่รู้จริงว่า
    ความเย็นเกิดจากเมตตาจริงๆ และ ความร้อนเกิดจากโทสะจริงๆ


    เมื่อความโกรธเกิดขึ้นต้องใช้สติ

    ให้รู้ตัวว่ากำลังโกรธแล้ว ขณะเดียวกันก็ให้สังเกตว่าจิตใจ
    หน้าตา เนื้อตัวร้อนผิดปกติหรือไม่
    จะรู้สึกชัดว่าจิตใจหน้าตาเนื้อตัวในเวลาโกรธนั้นร้อนผิดปกติ
    นั่นคือเครื่องยืนยันว่าโทสะทำให้เกิดร้อน

    เมตตาเปรียบได้ดั่งน้ำดับไฟร้อนแห่งโทสะให้มอดลง
    น้ำดับไฟได้ฉันใด เมตตาก็ดับโทสะได้ฉันนั้น
    เปรียบโทสะดั่งไฟเพราะไฟร้อนและโทสะก็ร้อน
    เปรียบเมตตาดั่งน้ำเพราะน้ำเย็นและเมตตาก็เย็น
    ความร้อนและความเย็นทั้งสองนี้จะปรากฏในจิตใจรู้ได้ด้วยตนเอง
    ถ้ารู้สึกร้อนที่ใจเป็นประจำก็พึงรู้ว่าถูกโทสะครอบคลุมมากกว่าเมตตา
    ถ้ารู้สึกเย็นอยู่ที่ใจเป็นปกติก็พึงรู้ว่าตนมีเมตตาห้อมล้อมอยู่มากกว่าโทสะ

    ทุกคนจะต้องประสบพบกับสิ่งไม่ต้องหูไม่ต้องตาไม่ต้องใจ
    มากมายในแต่ละวัน พึงเตือนตนให้อบรมเมตตาให้มากยิ่งขึ้น
    ถ้าหยุดโกรธแค้นขุ่นเคือง น้อยใจ เสียใจ ร้อนใจ
    เพราะเสียง เพราะเรื่องที่กระทบได้เมื่อใด
    เมื่อนั้นจึงแสดงว่ามีเมตตาพอสมควร
    พอจะช่วยตนเองและช่วยผู้อื่นให้ร่มเย็นเป็นสุขได้
    เมื่อนั้นทุกคนจะรู้สึกว่าเมตตาค้ำจุนโลกจริง

    เมตตาช่วยตนก่อนจริง เมตตาใหญ่ยิ่งจริง
    เช่นช้างนาฬาคิรีที่กำลังบ้าคลั่งเมามัน ยังพ่ายแพ้แก่พระเมตตา
    ขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ไม่มีอำนาจร้ายแรงใดทานอำนาจแห่งเมตตาได้นี้เป็นสัจจะ
    คือความจริงที่จะเป็นจริงเสมอไปไม่มีเปลี่ยนแปลง
    พลังร้ายภายนอกที่มาแรงจะถูกพลังเมตตาที่แรงพอสยบพลังร้ายได้สิ้น
    และเมตตาเป็นบาทของศีล เมตตาจะทำให้ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
    ไม่ทำความเดือดร้อนให้เกิดขึ้น

    เมตตากับศีลเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเสมอ
    ยากจะแยกจากกันได้ผู้มีศีลคือผู้มีเมตตา
    ผู้มีเมตตาย่อมเป็นผู้มีศีล เพราะศีลคือความไม่เบียดเบียน
    ด้วยประการทั้งปวง ไม่เบียดเบียนทั้งตนเองและไม่เบียดเบียนทั้งผู้อื่น

    การไม่เมตตาผู้อื่นเป็นการไม่เมตตาตนเองด้วย
    ศีลนั้นเกิดจากเมตตา เมตตาทำให้เกิดศีล ทั้งสองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
    ศีลของผู้ใดบกพร่อง แสดงว่าเมตตาของผู้นั้นก็บกพร่องด้วย
    การเมตตาตนเองกับเมตตาผู้อื่น เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแยกจากกันไม่ได้
    การไม่เมตตาผู้อื่นก็เป็นการไม่เมตตาต่อตนเองไปพร้อมกัน


    พึงคิดถึงสัจธรรมประการหนึ่งที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้คือ
    “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” ผู้ใดทำกรรมใดไว้จะเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
    เช่น ถ้าเราได้ทำร้ายผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นกรรมทางกาย ทางวาจา
    ทางใจ เพราะเราขาดเมตตาต่อผู้อื่น
    กฎแห่งกรรมย่อมทำให้เราได้รับผลของกรรมที่เราได้ทำไว้แล้วนั้นแน่นอน
    ทำกรรมอย่างไร ย่อมได้รับผลของกรรมอย่างนั้น
    เหมือนปลูกเมล็ดพืชชนิดใดย่อมได้พืชชนิดนั้น


    เมื่อเราขาดเมตตาต่อผู้อื่นย่อมเป็นการขาดเมตตาต่อตนเองด้วยเช่นกัน
    เมื่อทำร้ายผู้อื่นแล้วกรรมย่อมกับมาให้ผลกับเราเช่นกัน
    ซึ่งเป็นการขาดความเมตตาต่อตนเองด้วยทำให้ต้องได้รับผล
    ของกรรมเช่นกัน ผู้มีเมตตาหรือผู้มีศีลจึงเป็นผู้ค้ำจุนตนเอง
    และค้ำจุนผู้อื่นทั้งหลาย ( การค้ำจุนตนเองคือการไม่ต้องรับผล
    ของกรรมที่ทำไม่ดีกับผู้อื่น ส่วนการค้ำจุนผู้อื่นคือการไม่ทำให้ผู้อื่น
    เดือดร้อน สูญเสีย บาดเจ็บ ตาย เป็นต้น)

    เมตตาเป็นเหตุให้มีศีล ศีลเกิดจากเมตตา
    เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก ก็คือศีลเป็นเครื่องค้ำจุนโลกเช่นกัน

    ขออนุโมทนาบุญจากที่มาwww.bloggang.com
    บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้น ใจย่อมอยู่สบาย......
    อย่าเรียกร้องในสิ่งที่ไม่มี แต่จงภูมิใจในสิ่งที่มีอยู่...
    โกงเค้าชาตินี้ 1 ต้องใช้เค้าชาติหน้าเป็น พัน ทำทำไม?
    ศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่คนเสื่อมจากศาสนา

    ธรรมนิยายธรรมะผู้สละโลก
    http://groups.google.com/group/DhammaSawasdee/web/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81


  2. #2
    pepsi5510's Avatar
    pepsi5510 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    308
    ขอบคุณครับคุณ nut ผู้ใจดี...
    ผมถือโอกาสขอบคุณใน cd วิปัสนากรรมฐานที่ส่งมาให้นะครับ...

    อีกทั้งบทความดีๆ ธรรมโอวาท ...

    สาธุ สาธุ....จากใจจริง


    เมตตาเป็นเหตุให้มีศีล ศีลเกิดจากเมตตา
    เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก ก็คือศีลเป็นเครื่องค้ำจุนโลกเช่นกัน


    กาลเวลาเป็นเครื่องชี้ตัวตนแห่งคน.
    ยินดีต้อนรับเพื่อนๆเข้ากลุ่ม Buddha Pra เพื่อเรียนรู้และถามปัญหาต่างๆเกี่ยวกับพระเครื่องที่คุณมี ด้วยความเต็มใจและจริงใจ การแบ่งปันความรู้ เป็นกุศลอันใหญ่หลวง.

    http://siambrandname.com/forum/forumdisplay.php?f=72

  3. #3
    huahorm's Avatar
    huahorm is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    2,880
    สาธุจ้ะ

  4. #4
    wawe's Avatar
    wawe is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    685
    ขอบคุณมาก ๆ ที่นำบทธรรมดี ๆ มาเผยแพร่ให้ทราบนะคะ
    ความง่ายอยู่ที่ปาก ความยากอยู่ที่ทำ
    การรู้จักปล่อยวาง เป็นวิถีทางแห่งความสุขสงบ
    มนุษย์ย่อมได้รับผลของการกระทำของตนเสมอ อาจจะเร็วหรือช้าเท่านั้น

  5. #5
    Meesook's Avatar
    Meesook is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    454
    ขอบคุณคุณ hut2211 ค่ะ ที่คอยโพสข้อความเตือนสติเรื่อยๆ
    .
    ...กรรมอยู่ที่เจตนา... ทำด้วยความตั้งใจดี แม้คิดเห็นไม่ตรงกัน ก็ไม่หวั่นไหว ไม่ต้องกลัวอะไร... ไม่ต้องดิ้นรนไปเรียกร้องอะไรด้วย...คนที่จิตใจพัฒนาแล้ว ย่อมแยกแยะได้ และในที่สุดคนพาลที่เจตนาไม่ดีก็ย่อมแพ้ภัยตัวเอง...

    วิธีตั้งกระทู้ตรวจสอบที่ได้ผล เพื่อคำตอบที่รวดเร็ว และมั่นใจ
    วิธีทำให้อ่านความเห็นได้เยอะๆ ต่อหนึ่งหน้า กระทู้นึงจะได้ไม่ต้องยาวเป็นยี่สิบหน้า อ่านได้ในกระทู้นี้ค่ะ http://siambrandname.com/forum/showthread.php?t=51805


  6. #6
    asiaticia's Avatar
    asiaticia is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    38

    Lightbulb

    สาธุค่ะคุณ hut
    "อย่าแตะต้องอดีตมาริยงของพ่อ ให้สายน้ำดำเนินต่อไป

    มาริยงจะสมรักแต่แผ่นดินจะสูญสิ้น มาริยงจะสูญเสียแต่แผ่นดินจะสมดุล

    ไปกับอนาคตได้แต่ต้องไม่ลืมอดีต... อดีตต้องเป็นมิตรกับปัจจุบัน... ปัจจุบันต้องเป็นฉันท์มิตรกับอนาคต

    หากเรารู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร จะไปอย่างไร จะจบอย่างไร แล้วชีวิตเราจะมีความหมายอะไร"
    _____________________________________________________________________
    บทภาพยนตร์ทวิภพ ฉบับสุรพงษ์ พินิจค้า พ.ศ.๒๕๔๗

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •