เริ่มจากอาหารค่ะ เราว่าเน้นโปรตีนและผัก ผลไม้เลือกที่น้ำตาลน้อย คุณเลือกทำให้เอง อาหารโรงพยาบาลน่าเบื่อ เช่น น้ำแกงปลากระพง ขึ้นฉ่ายต้นหอมก็ซอยเล็กๆแบบญี่ปุ่น ให้คุณยายกินหลายมื้อ มื้อละนิดๆ คนแก่เวลาจะยาวกว่าเราเพราะกิจกรรมน้อยลง ให้คุณยายรู้สึกว่าเวลาระหว่างสามมื้ออาหารในหนึ่งวันไม่ยาวอย่างที่คิด ให้คุณยายกินกับข้าวมากกว่าข้าว ปูนนี้แล้วไม่เปลืองหรอกค่ะแต่คุณไปหาคำพูดสละสลวยกว่าเรานะเพราะผู้ใหญ่จะกลัวเปลืองเวลากินกับข้าวแล้วไม่กินข้าว เราพูดไม่เป็นต้องขออภัย ของหวานให้กินได้ครึ่งหนึ่งหรือน้อยกว่าจากที่เคยกินแต่มีเงื่อนไขว่าต้องทำตามที่เราบอกแล้วแกก็จะทำเหมือนเด็กค่ะต้องมีของมาล่อ อย่างอาม่าเราซึ่งตอนนี้เสียไปแล้วเป็นเบาหวานชอบกินข้าวเหนียวมะม่วง ทุเรียน ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่แห้งใส่น้ำตาลเยอะหน่อย โอ้ย!ของทำให้น้ำตาลขึ้นทั้งนั้นแต่เราจะให้กินถ้าเขาออกกำลังกายตามที่เราบอก คือเขายังได้กินอย่างมีความสุขแต่ปริมาณลดลงมากกว่าเดิม ที่สำคัญเวลาเราจะกินอะไรอย่ากินต่อหน้าคุณยาย กินพร้อมๆคุณยายและเลิกกินพร้อมๆคุณยายหลังจากนั้นค่อยเปลี่ยนกะไปกินนอกรอบข้างนอก

พอน้ำหนักคุณยายลดแผลกดทับจะลดความรุนแรงลงเพราะแผลกดทับเกิดจากน้ำหนักตัวด้วย พลิกตัวท่านบ่อยๆทุกๆครึ่งชั่วโมงหรือช่วยเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ ช่วยออกกำลังกายให้ด้วยจะดีมากคือช่วยยกแขน-ขาพับขึ้นพับลงเวลานั่งกลางวันอย่าให้นอนอย่างเดียว หาหมอนอิงมาให้นั่งเอนหลังพิงจะดีกว่า อย่าปล่อยให้พยาบาลทำอย่างเดียวคุณยายจะรู้สึกท้อแท้ มันไม่ใกล้ชิดเหมือนลูกหลานจับต้องตัว

มีเวลาหาหนังสือมาอ่านให้ฟังอย่าปล่อยให้ดูแต่โทรทัศน์เพราะเวลาเราอ่านหนังสือคุณยายจะจินตนาการภาพได้ตามที่ต้องการ สมัยอาม่าเราเราอ่านอยู่กับก๋งให้ฟังและนิยายเก่าๆทั้งหลายที่อาม่าสามารถนึกคิดถึงสภาพสังคมที่เคยอยู่สมัยก่อนแกมีความสุขมาก ลองไปปรับๆดูค่ะ เจ็บทางกายเราช่วยได้ไม่มากเพราะมันเป็นสังขารที่ร่วงโรยและชำรุดแต่เราช่วยเยียวยาจิตใจได้ จิตใจเป็นสุขทุกข์ที่กายก็ลดทอนลงได้ค่ะ^^