Quote Originally Posted by anjay21 View Post
การวิปัสนากรรมฐานนั้นมีนัยอยู่นะคะ
การกำหนดจิตด้วยการกำหนดลมหายใจโดยจดจ่อกับลมที่เข้าออกตรงปลายรูจมูก หรือการเคลือนไหวเข้าออกของช่องท้องตรงบริเวณสะดือ
เป็นการฝึกให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบันตลอดเวลาค่ะ และการมีสติจะทำให้เรารู้ทันกรรมของเรา
กรรมในที่นี้ก็คือการกระทำ มโนกรรม กายกรรม และวจีกรรม
และเมื่อเรารู้ทันกรรมแล้วเราก็จะสามารถระงับกรรมได้ค่ะ งงมั้ยคะ..

ตัวอย่างเช่น
ขับรถอยู่ดีๆมีคนขับปาดหน้า คนธรรมดาคงด่าป้ามันในใจ อาจจะบีบแตรใส่ หรือขับปาดหน้ามันอีกสักทีใช่ไหมคะ ทำกรรมสำเร็จครบ 3กรรมเลย
แต่คนที่ฝึกกรรมฐานมาดีๆ เวลามีคนปาดหน้า เค้าก็จะรู้ทันเห็นการณ์และคิด(ภาวนา)เพียงว่า ปาดหน้าหนอ โกรธหนอ คือเป็นการกำหนดจิตให้ตรงกับภาวะปัจจุบัน(บอกให้ตัวเองรู้เท่านั้นว่าเกิดอะไรขึ้น)และไม่ทำให้จิตไหวไปตามเหตุการณ์ เพราะฉะนั้นคิดง่ายๆ ถ้าคุณภาวนะ ปาดหน้าหนอ โกรธหนอ คุณก็แค่บอกตัวเองให้รู้ถึงความเป็นจริงว่าเกิดเหตุการณ์ขึ้นและเกิดอารมณ์โกรธในใจคุณ ในขณะที่คุณภาวนะนั้นเองจิตคุณจดจ่อก็อยู่กับปัจจุบัน ไม่เหลือจิตให้หวั่นไหวให้อารมณ์โกรธเข้ามาครอบงำและทำกรรมได้นั่นเป็นการระงับกรรมค่ะ

ส่วนเรื่องนิมิตนั้นมีหลายขั้นค่ะ ถ้าวิปัสนาไปเรื่อยๆนิมิตก็จะเปลี่ยนไปตามขั้นกรรมฐานที่สูงขึ้น เช่น รูสึกคันตามเนื้อตัว รู้สึกร้อนหนาว เห็นแสง เห็นสีต่างๆ เห็นภาพเงา จนไปถึงขั้นสูงๆที่สามารถเห็นเหตุการณ์ เห็นอดีต อนาคต

ไม่รู้เขียนมากไปหรือเปล่านะคะ ตอบเท่าที่รู้ค่ะ^^ ลองไปฝึกวิปัสนาที่ถูกต้องดูนะคะ ดีมากๆจริงๆ^^ ที่ลำปางก็มีค่ะ ที่วัดทุ่งบ่อแป้นจ้ะ(เห็นว่าเคยบวชที่ลำปาง..เป็นคนลำปางหรือเปล่าคะ)

เคยไปของคุณแม่สิริ คะ เพื่อนกับน้องลากไป เค้าสอนให้ ยุบหนอ พองหนอ รู้เท่าทันปัจจุบัน ถ้าเผลอก็ เผลอหนอ คิดหนอ อะไรประมาณนี้

เเต่เรื่อญาณหรือนิมิต ไม่รู้คะ รู้แต่วันหลังๆตอนเดินจงกลมเสร็จก็นั่งสมาธิ ตอนนั่งไปได้สักพักคันมากๆ คันตามตัวนึกว่ายุงกัดแต่ก็ไม่ใช่ นั่งแทบไม่ได้เหมือนกับวันแรกๆที่ไม่รู้สึกว่ามีอะไร สัปะหงกอย่างเดียว แถมฝันอีกต่างหาก ^_^