Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 10 of 15

Thread: ขอเปลี่ยนบรรยากาศ...เรื่องตื่นเต็นสักหน่อย..

Hybrid View

  1. #1
    anjay21's Avatar
    anjay21 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    389
    การวิปัสนากรรมฐานนั้นมีนัยอยู่นะคะ
    การกำหนดจิตด้วยการกำหนดลมหายใจโดยจดจ่อกับลมที่เข้าออกตรงปลายรูจมูก หรือการเคลือนไหวเข้าออกของช่องท้องตรงบริเวณสะดือ
    เป็นการฝึกให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบันตลอดเวลาค่ะ และการมีสติจะทำให้เรารู้ทันกรรมของเรา
    กรรมในที่นี้ก็คือการกระทำ มโนกรรม กายกรรม และวจีกรรม
    และเมื่อเรารู้ทันกรรมแล้วเราก็จะสามารถระงับกรรมได้ค่ะ งงมั้ยคะ..

    ตัวอย่างเช่น
    ขับรถอยู่ดีๆมีคนขับปาดหน้า คนธรรมดาคงด่าป้ามันในใจ อาจจะบีบแตรใส่ หรือขับปาดหน้ามันอีกสักทีใช่ไหมคะ ทำกรรมสำเร็จครบ 3กรรมเลย
    แต่คนที่ฝึกกรรมฐานมาดีๆ เวลามีคนปาดหน้า เค้าก็จะรู้ทันเห็นการณ์และคิด(ภาวนา)เพียงว่า ปาดหน้าหนอ โกรธหนอ คือเป็นการกำหนดจิตให้ตรงกับภาวะปัจจุบัน(บอกให้ตัวเองรู้เท่านั้นว่าเกิดอะไรขึ้น)และไม่ทำให้จิตไหวไปตามเหตุการณ์ เพราะฉะนั้นคิดง่ายๆ ถ้าคุณภาวนะ ปาดหน้าหนอ โกรธหนอ คุณก็แค่บอกตัวเองให้รู้ถึงความเป็นจริงว่าเกิดเหตุการณ์ขึ้นและเกิดอารมณ์โกรธในใจคุณ ในขณะที่คุณภาวนะนั้นเองจิตคุณจดจ่อก็อยู่กับปัจจุบัน ไม่เหลือจิตให้หวั่นไหวให้อารมณ์โกรธเข้ามาครอบงำและทำกรรมได้นั่นเป็นการระงับกรรมค่ะ

    ส่วนเรื่องนิมิตนั้นมีหลายขั้นค่ะ ถ้าวิปัสนาไปเรื่อยๆนิมิตก็จะเปลี่ยนไปตามขั้นกรรมฐานที่สูงขึ้น เช่น รูสึกคันตามเนื้อตัว รู้สึกร้อนหนาว เห็นแสง เห็นสีต่างๆ เห็นภาพเงา จนไปถึงขั้นสูงๆที่สามารถเห็นเหตุการณ์ เห็นอดีต อนาคต

    ไม่รู้เขียนมากไปหรือเปล่านะคะ ตอบเท่าที่รู้ค่ะ^^ ลองไปฝึกวิปัสนาที่ถูกต้องดูนะคะ ดีมากๆจริงๆ^^ ที่ลำปางก็มีค่ะ ที่วัดทุ่งบ่อแป้นจ้ะ(เห็นว่าเคยบวชที่ลำปาง..เป็นคนลำปางหรือเปล่าคะ)

  2. #2
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    131
    เคยลองฝึกนั่งสมาธิ...วันละ 5 นาที กำหนดจิต ธรรมดา
    เข้า - ออก พุทธโท..แค่นี้ก็รู้สึกดี....
    แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำมาเป็นปีแล้ว...จากที่เคยสวดทุกวันติดต่อกันมา 2-3 ปี
    เนื่องจาก ไม่มีสมาธิ เพราะไม่ได้นอนคนเดียวแล้ว..
    ....................................................................
    แต่อยากจะบอกว่า..เวลาสวดมนต์ ชุดใหญ่และต่อด้วยคาถาชินบัญชร...
    รู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียวในห้อง....เหมือนมีใครมาอยู่ด้วยเยอะมาก
    แต่พอหันหลังไปดูก็ไม่เห็นมีใคร...มีแต่เราคนเดียว..(แอบกลัว)...
    เพราะเวลาสวด..จะพูดเสียงดัง...ไม่สวดในใจ...แผ่เมตตาก็เสียงดัง..
    ...........เพื่อนๆๆรู้สึกแบบนี้บ้างไหมคะ.....................
    " ความรู้สึกอิจฉาริษยาเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า คิดให้ดีก็จะรู้ว่า.....คุณมีทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องมีแล้ว "

  3. #3
    pepsi5510's Avatar
    pepsi5510 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    308
    Quote Originally Posted by anjay21 View Post
    การวิปัสนากรรมฐานนั้นมีนัยอยู่นะคะ
    การกำหนดจิตด้วยการกำหนดลมหายใจโดยจดจ่อกับลมที่เข้าออกตรงปลายรูจมูก หรือการเคลือนไหวเข้าออกของช่องท้องตรงบริเวณสะดือ
    เป็นการฝึกให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบันตลอดเวลาค่ะ และการมีสติจะทำให้เรารู้ทันกรรมของเรา
    กรรมในที่นี้ก็คือการกระทำ มโนกรรม กายกรรม และวจีกรรม
    และเมื่อเรารู้ทันกรรมแล้วเราก็จะสามารถระงับกรรมได้ค่ะ งงมั้ยคะ..

    ตัวอย่างเช่น
    ขับรถอยู่ดีๆมีคนขับปาดหน้า คนธรรมดาคงด่าป้ามันในใจ อาจจะบีบแตรใส่ หรือขับปาดหน้ามันอีกสักทีใช่ไหมคะ ทำกรรมสำเร็จครบ 3กรรมเลย
    แต่คนที่ฝึกกรรมฐานมาดีๆ เวลามีคนปาดหน้า เค้าก็จะรู้ทันเห็นการณ์และคิด(ภาวนา)เพียงว่า ปาดหน้าหนอ โกรธหนอ คือเป็นการกำหนดจิตให้ตรงกับภาวะปัจจุบัน(บอกให้ตัวเองรู้เท่านั้นว่าเกิดอะไรขึ้น)และไม่ทำให้จิตไหวไปตามเหตุการณ์ เพราะฉะนั้นคิดง่ายๆ ถ้าคุณภาวนะ ปาดหน้าหนอ โกรธหนอ คุณก็แค่บอกตัวเองให้รู้ถึงความเป็นจริงว่าเกิดเหตุการณ์ขึ้นและเกิดอารมณ์โกรธในใจคุณ ในขณะที่คุณภาวนะนั้นเองจิตคุณจดจ่อก็อยู่กับปัจจุบัน ไม่เหลือจิตให้หวั่นไหวให้อารมณ์โกรธเข้ามาครอบงำและทำกรรมได้นั่นเป็นการระงับกรรมค่ะ

    ส่วนเรื่องนิมิตนั้นมีหลายขั้นค่ะ ถ้าวิปัสนาไปเรื่อยๆนิมิตก็จะเปลี่ยนไปตามขั้นกรรมฐานที่สูงขึ้น เช่น รูสึกคันตามเนื้อตัว รู้สึกร้อนหนาว เห็นแสง เห็นสีต่างๆ เห็นภาพเงา จนไปถึงขั้นสูงๆที่สามารถเห็นเหตุการณ์ เห็นอดีต อนาคต

    ไม่รู้เขียนมากไปหรือเปล่านะคะ ตอบเท่าที่รู้ค่ะ^^ ลองไปฝึกวิปัสนาที่ถูกต้องดูนะคะ ดีมากๆจริงๆ^^ ที่ลำปางก็มีค่ะ ที่วัดทุ่งบ่อแป้นจ้ะ(เห็นว่าเคยบวชที่ลำปาง..เป็นคนลำปางหรือเปล่าคะ)

    ผมเป็นคนกรุงเทพๆครับ...แต่ตอนบวชเณร ผมขอไปบวชที่ไกลๆ สงบๆ ก็เลยได้บวชที่วัดสวนดอกครับ...

    และขอขอบคุณที่พี่ให้คําแนะนําและความรู้เพิ่มครับ...
    พี่เขียนได้ขนาดนี้ สงสัย พี่ก็นั่งวิปัสนากรรมฐาน ด้วยใช่หรือเปล่าครับ....และยังมีอีกหลายๆอย่างที่แปลกๆ แต่ไม่กล้าเล่า กลัวเพื่อนๆจะหาว่าผม บ้า หรืออาจจะเพ้อเจ้อ...


    กาลเวลาเป็นเครื่องชี้ตัวตนแห่งคน.
    ยินดีต้อนรับเพื่อนๆเข้ากลุ่ม Buddha Pra เพื่อเรียนรู้และถามปัญหาต่างๆเกี่ยวกับพระเครื่องที่คุณมี ด้วยความเต็มใจและจริงใจ การแบ่งปันความรู้ เป็นกุศลอันใหญ่หลวง.

    http://siambrandname.com/forum/forumdisplay.php?f=72

  4. #4
    due's Avatar
    due is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    64
    Quote Originally Posted by anjay21 View Post
    การวิปัสนากรรมฐานนั้นมีนัยอยู่นะคะ
    การกำหนดจิตด้วยการกำหนดลมหายใจโดยจดจ่อกับลมที่เข้าออกตรงปลายรูจมูก หรือการเคลือนไหวเข้าออกของช่องท้องตรงบริเวณสะดือ
    เป็นการฝึกให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบันตลอดเวลาค่ะ และการมีสติจะทำให้เรารู้ทันกรรมของเรา
    กรรมในที่นี้ก็คือการกระทำ มโนกรรม กายกรรม และวจีกรรม
    และเมื่อเรารู้ทันกรรมแล้วเราก็จะสามารถระงับกรรมได้ค่ะ งงมั้ยคะ..

    ตัวอย่างเช่น
    ขับรถอยู่ดีๆมีคนขับปาดหน้า คนธรรมดาคงด่าป้ามันในใจ อาจจะบีบแตรใส่ หรือขับปาดหน้ามันอีกสักทีใช่ไหมคะ ทำกรรมสำเร็จครบ 3กรรมเลย
    แต่คนที่ฝึกกรรมฐานมาดีๆ เวลามีคนปาดหน้า เค้าก็จะรู้ทันเห็นการณ์และคิด(ภาวนา)เพียงว่า ปาดหน้าหนอ โกรธหนอ คือเป็นการกำหนดจิตให้ตรงกับภาวะปัจจุบัน(บอกให้ตัวเองรู้เท่านั้นว่าเกิดอะไรขึ้น)และไม่ทำให้จิตไหวไปตามเหตุการณ์ เพราะฉะนั้นคิดง่ายๆ ถ้าคุณภาวนะ ปาดหน้าหนอ โกรธหนอ คุณก็แค่บอกตัวเองให้รู้ถึงความเป็นจริงว่าเกิดเหตุการณ์ขึ้นและเกิดอารมณ์โกรธในใจคุณ ในขณะที่คุณภาวนะนั้นเองจิตคุณจดจ่อก็อยู่กับปัจจุบัน ไม่เหลือจิตให้หวั่นไหวให้อารมณ์โกรธเข้ามาครอบงำและทำกรรมได้นั่นเป็นการระงับกรรมค่ะ

    ส่วนเรื่องนิมิตนั้นมีหลายขั้นค่ะ ถ้าวิปัสนาไปเรื่อยๆนิมิตก็จะเปลี่ยนไปตามขั้นกรรมฐานที่สูงขึ้น เช่น รูสึกคันตามเนื้อตัว รู้สึกร้อนหนาว เห็นแสง เห็นสีต่างๆ เห็นภาพเงา จนไปถึงขั้นสูงๆที่สามารถเห็นเหตุการณ์ เห็นอดีต อนาคต

    ไม่รู้เขียนมากไปหรือเปล่านะคะ ตอบเท่าที่รู้ค่ะ^^ ลองไปฝึกวิปัสนาที่ถูกต้องดูนะคะ ดีมากๆจริงๆ^^ ที่ลำปางก็มีค่ะ ที่วัดทุ่งบ่อแป้นจ้ะ(เห็นว่าเคยบวชที่ลำปาง..เป็นคนลำปางหรือเปล่าคะ)
    อนุโมทนาสาธุด้วยค่ะคุณanjay21
    (มาแย่งคุณpepsi5510รับบุญก่อน555)
    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะคะ
    ถ้าได้"เห็นหนอ" เมื่อไหร่บอกดิวด้วยน๊า
    จะให้มาดูให้เราบ้างว่าชาติที่แล้วเกิดเป็นอะไร
    เพราะสำหรับตัวเองไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ซักที
    เรารักอะไรก็จะทุกข์เพราะสิ่งนั้น
    เพราะว่าสิ่งทั้งหลายล้วนแปรปรวนทั้งสิ้น
    ไม่มีอะไรคงที่อยู่ได้ตลอดเวลา

  5. #5
    Jannilicious's Avatar
    Jannilicious is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    808
    Quote Originally Posted by anjay21 View Post
    การวิปัสนากรรมฐานนั้นมีนัยอยู่นะคะ
    การกำหนดจิตด้วยการกำหนดลมหายใจโดยจดจ่อกับลมที่เข้าออกตรงปลายรูจมูก หรือการเคลือนไหวเข้าออกของช่องท้องตรงบริเวณสะดือ
    เป็นการฝึกให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบันตลอดเวลาค่ะ และการมีสติจะทำให้เรารู้ทันกรรมของเรา
    กรรมในที่นี้ก็คือการกระทำ มโนกรรม กายกรรม และวจีกรรม
    และเมื่อเรารู้ทันกรรมแล้วเราก็จะสามารถระงับกรรมได้ค่ะ งงมั้ยคะ..

    ตัวอย่างเช่น
    ขับรถอยู่ดีๆมีคนขับปาดหน้า คนธรรมดาคงด่าป้ามันในใจ อาจจะบีบแตรใส่ หรือขับปาดหน้ามันอีกสักทีใช่ไหมคะ ทำกรรมสำเร็จครบ 3กรรมเลย
    แต่คนที่ฝึกกรรมฐานมาดีๆ เวลามีคนปาดหน้า เค้าก็จะรู้ทันเห็นการณ์และคิด(ภาวนา)เพียงว่า ปาดหน้าหนอ โกรธหนอ คือเป็นการกำหนดจิตให้ตรงกับภาวะปัจจุบัน(บอกให้ตัวเองรู้เท่านั้นว่าเกิดอะไรขึ้น)และไม่ทำให้จิตไหวไปตามเหตุการณ์ เพราะฉะนั้นคิดง่ายๆ ถ้าคุณภาวนะ ปาดหน้าหนอ โกรธหนอ คุณก็แค่บอกตัวเองให้รู้ถึงความเป็นจริงว่าเกิดเหตุการณ์ขึ้นและเกิดอารมณ์โกรธในใจคุณ ในขณะที่คุณภาวนะนั้นเองจิตคุณจดจ่อก็อยู่กับปัจจุบัน ไม่เหลือจิตให้หวั่นไหวให้อารมณ์โกรธเข้ามาครอบงำและทำกรรมได้นั่นเป็นการระงับกรรมค่ะ

    ส่วนเรื่องนิมิตนั้นมีหลายขั้นค่ะ ถ้าวิปัสนาไปเรื่อยๆนิมิตก็จะเปลี่ยนไปตามขั้นกรรมฐานที่สูงขึ้น เช่น รูสึกคันตามเนื้อตัว รู้สึกร้อนหนาว เห็นแสง เห็นสีต่างๆ เห็นภาพเงา จนไปถึงขั้นสูงๆที่สามารถเห็นเหตุการณ์ เห็นอดีต อนาคต

    ไม่รู้เขียนมากไปหรือเปล่านะคะ ตอบเท่าที่รู้ค่ะ^^ ลองไปฝึกวิปัสนาที่ถูกต้องดูนะคะ ดีมากๆจริงๆ^^ ที่ลำปางก็มีค่ะ ที่วัดทุ่งบ่อแป้นจ้ะ(เห็นว่าเคยบวชที่ลำปาง..เป็นคนลำปางหรือเปล่าคะ)

    อันนี้เห็นด้วยจังเลยค่ะ

    แจนเองก็ปฏิบัติิ วิปัสสนากรรมฐานแบบนี้เหมือนกัน กำหนดจิต ทำสมาธิ กำหนดลมหายใจ เข้าออก มีสติตลอดเวลา
    ปฏิบัติแรก ๆ กว่าจะผ่านขั้นทดสอบมาได้ ก็มีวอกแวกเหมือนกันค่ะ เหมือนมีมดร้อย ๆ ตัว มาไต่เป็นสาย ๆ ขึ้นลงอยู่ตามตัว แบบคันมาก ๆ อยากเกา คือไปนั่งสมาธิบนหญ้าในสวน ย่อมมีมด มีแมลงเป็นธรรมดา แต่เปล่าเลยค่ะ แรก ๆ หลุดสมาธิลืมตามาดู ไม่เห็นมีอะไรเลย คือเหมือนเป็นบททดสอบมากกว่า

    แล้วต่อมาก็รู้สึก วูบวาบ เป็นดวง ๆ แผ่กระจายตามร่างกาย
    อาจารย์บอกว่า มาถูกทางแล้ว ก็ฝึกไปเรื่อย ๆ ค่ะ แต่ยังต้องฝึกปฏิบัติอีกเยอะ

    นั่งสมาธิเสร็จรู้สึกสดชื่น มีพลังดีจังเลย สมองมันโล่ง โปร่ง ทำให้ เรามีสติ และใจเย็นขึ้น แต่วิถีชีวิตคนเราก็ไม่วายมีเรื่องให้ต้องทำ ต้องคิดอีกเยอะ บางครั้งมีหลุดบ้าง ก็พยายามทำให้ได้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ค่ะ

    แจนไปปฏิบัติที่วัดธรรมหรรษา จันทบุรี ค่ะ กับอาจารย์ ประทีป ไม่ทราบมีใครเคยไปมั้ยค่ะ
    พักนี้ไม่่ค่อยได้ไปเลย อยากหาโอกาสไปอีกจัง

    ขออนุโมทนากับ เจ้าของกระทู้ และทุกคนในที่นี้ด้วยค๊า

  6. #6
    aey-ka's Avatar
    aey-ka is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    82
    Quote Originally Posted by anjay21 View Post
    การวิปัสนากรรมฐานนั้นมีนัยอยู่นะคะ
    การกำหนดจิตด้วยการกำหนดลมหายใจโดยจดจ่อกับลมที่เข้าออกตรงปลายรูจมูก หรือการเคลือนไหวเข้าออกของช่องท้องตรงบริเวณสะดือ
    เป็นการฝึกให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบันตลอดเวลาค่ะ และการมีสติจะทำให้เรารู้ทันกรรมของเรา
    กรรมในที่นี้ก็คือการกระทำ มโนกรรม กายกรรม และวจีกรรม
    และเมื่อเรารู้ทันกรรมแล้วเราก็จะสามารถระงับกรรมได้ค่ะ งงมั้ยคะ..

    ตัวอย่างเช่น
    ขับรถอยู่ดีๆมีคนขับปาดหน้า คนธรรมดาคงด่าป้ามันในใจ อาจจะบีบแตรใส่ หรือขับปาดหน้ามันอีกสักทีใช่ไหมคะ ทำกรรมสำเร็จครบ 3กรรมเลย
    แต่คนที่ฝึกกรรมฐานมาดีๆ เวลามีคนปาดหน้า เค้าก็จะรู้ทันเห็นการณ์และคิด(ภาวนา)เพียงว่า ปาดหน้าหนอ โกรธหนอ คือเป็นการกำหนดจิตให้ตรงกับภาวะปัจจุบัน(บอกให้ตัวเองรู้เท่านั้นว่าเกิดอะไรขึ้น)และไม่ทำให้จิตไหวไปตามเหตุการณ์ เพราะฉะนั้นคิดง่ายๆ ถ้าคุณภาวนะ ปาดหน้าหนอ โกรธหนอ คุณก็แค่บอกตัวเองให้รู้ถึงความเป็นจริงว่าเกิดเหตุการณ์ขึ้นและเกิดอารมณ์โกรธในใจคุณ ในขณะที่คุณภาวนะนั้นเองจิตคุณจดจ่อก็อยู่กับปัจจุบัน ไม่เหลือจิตให้หวั่นไหวให้อารมณ์โกรธเข้ามาครอบงำและทำกรรมได้นั่นเป็นการระงับกรรมค่ะ

    ส่วนเรื่องนิมิตนั้นมีหลายขั้นค่ะ ถ้าวิปัสนาไปเรื่อยๆนิมิตก็จะเปลี่ยนไปตามขั้นกรรมฐานที่สูงขึ้น เช่น รูสึกคันตามเนื้อตัว รู้สึกร้อนหนาว เห็นแสง เห็นสีต่างๆ เห็นภาพเงา จนไปถึงขั้นสูงๆที่สามารถเห็นเหตุการณ์ เห็นอดีต อนาคต

    ไม่รู้เขียนมากไปหรือเปล่านะคะ ตอบเท่าที่รู้ค่ะ^^ ลองไปฝึกวิปัสนาที่ถูกต้องดูนะคะ ดีมากๆจริงๆ^^ ที่ลำปางก็มีค่ะ ที่วัดทุ่งบ่อแป้นจ้ะ(เห็นว่าเคยบวชที่ลำปาง..เป็นคนลำปางหรือเปล่าคะ)

    เคยไปของคุณแม่สิริ คะ เพื่อนกับน้องลากไป เค้าสอนให้ ยุบหนอ พองหนอ รู้เท่าทันปัจจุบัน ถ้าเผลอก็ เผลอหนอ คิดหนอ อะไรประมาณนี้

    เเต่เรื่อญาณหรือนิมิต ไม่รู้คะ รู้แต่วันหลังๆตอนเดินจงกลมเสร็จก็นั่งสมาธิ ตอนนั่งไปได้สักพักคันมากๆ คันตามตัวนึกว่ายุงกัดแต่ก็ไม่ใช่ นั่งแทบไม่ได้เหมือนกับวันแรกๆที่ไม่รู้สึกว่ามีอะไร สัปะหงกอย่างเดียว แถมฝันอีกต่างหาก ^_^

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •