Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 7 of 7

Thread: รักเหนือรัก : ธรรมะน่ารู้

  1. #1
    hut2211's Avatar
    hut2211 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,986

    รักเหนือรัก : ธรรมะน่ารู้

    "ความรักไม่ได้อยู่ที่หัวใจ แต่อยู่ที่ใจทั้งดวง
    เพราะหัวใจกว้างไม่ถึงคืบ
    ขณะที่ดวงใจแผ่กว้างได้ครอบโลกเท่าความรัก "
    เกิดมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก พวกเราทุกคนถูกธรรมชาติฝึกให้เห็นแก่ตัว
    อยากได้อะไรต้องได้ ไม่ว่าจะอยากอยู่ในอ้อมอกแม่ อยากได้ของเล่น ฯลฯ
    คนอื่นต้องหามาให้ โดยไม่ต้องสนใจว่าใครเขาจะเหนื่อยยากขนาดไหน
    ไม่ต้องสนใจฟังว่าใครเขาจะอ้อนวอนให้หยุดแผดเสียงอย่างไร
    ฉันจะเอาของฉันเสียอย่าง ใครจะทำไม
    เมื่อโตขึ้น คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่พ้นจากแรงทะยานอยาก
    และความเห็นแก่ตัวแบบเมื่อแรกเกิดสักเท่าใด จะเขยิบขึ้นมานิดเดียว
    ก็คือความเข้าใจว่าไม่มีใครตามใจให้เราทุกอย่างเหมือนพ่อแม่เท่านั้น

    ที่แน่ยิ่งกว่าอะไร คือ เราจะสนใจความอยากของตัวเองมากกว่าความทุกข์ของคนอื่นเสมอ!
    รักแท้อาจสอนให้คุณเห็นแก่ตัวน้อยลง และค่อยๆยกระดับรักให้สูงขึ้น
    แต่คงดีหากคิดจะยกระดับความรักด้วยตนเองโดยไม่ต้องคอยรักแท้บงการ
    เพราะบางครั้งรักแท้มาช้า หรือสายเกินกว่าที่คุณจะแก้ความเห็นแก่ตัวจัดเสียแล้ว
    ความรักที่สูงเหนือกว่าภาคพื้นกามารมณ์ เรียกว่าความรักแบบพรหม
    คือเหล่าพรหมใช้ความรักแบบนี้เป็นเครื่องกำเนิด ตลอดจนเป็นเครื่องรักษาชีวิต
    จิตของพวกท่านรักได้โดยไม่ต้องอาศัยกามล่อ อีกทั้งเป็นความรักไม่จำกัด
    ม่เลือกหน้า ไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ เราจึงเรียกความรักแบบพรหมว่า ‘พรหมวิหาร ๔' ซึ่งแปลตรงตัวว่า ‘เครื่องอยู่ของพรหม'
    ความรักแบบพรหมจะทำให้คุณบังเกิดความเข้าใจว่า
    รักแท้เป็นสิ่งที่ตั้งต้นจากตัวคุณได้ ไม่ใช่ต้องรอขอความร่วมมือจากใคร
    รักแท้แบบพรหมไม่เคยตามหาตัวคุณ แต่คุณต้องไล่ล่าหามันเอาเอง
    และเมื่อหาเจอ คุณจะย้อนกลับมาเปรียบเทียบได้ว่ารักแบบหญิงชายอยู่ต่ำระดับกว่าเพียงใด
    เป็นสุขน้อยกว่ากันขนาดไหน คุณจะเห็นถนัดว่า ก็เมื่อเท้าของคนเราจมอยู่ในโคลนตมแห่งกิเลส
    แล้วแสวงหาความรักกันด้วยมือที่เปื้อนโคลนตมแห่งกิเลส ความรักจะไม่เปื้อนมลทินอย่างไรได้
    ต่อเมื่อมือเท้าสะอาดจากโคลนตมแห่งกิเลส นั่นเองความรักจึงอยู่ในมือได้โดยไม่เปื้อนมลทิน
    รักได้โดยไม่ต้องรอความน่ารัก คือรักเหนือรัก เป็นรักในอุดมคติที่ทำได้จริง
    ลองมาดูเป็นข้อๆค่ะว่าเหล่าพรหมท่านทำกันอย่างไร

    ๑) มีเมตตา
    เมตตาในความรักแบบพรหม ก็คือความรู้สึกรักนั่นเอง แต่เป็นรักที่ไม่เจืออยู่ด้วยความเห็นแก่ตัว
    มีแต่ความปรารถนาให้ใครต่อใครเป็นสุข ซึ่งก็เป็นตรงข้ามกับความเกลียดชังหรือผูกใจพยาบาท
    อันเปรียบเสมือนไฟทางจิตที่ลุกโพลงตลอดวันตลอดคืน โดยมีหัวใจร้อนๆเป็นถ่านเชื้อเพลิง
    เริ่มรักแบบหญิงชาย คุณอาจถูกดึงดูดให้มา ‘ปรารถนาดีต่อกัน' ด้วยเรื่องคาวๆ
    แต่ต่อมาเมื่อร่วมบุญ ร่วมกุศลทางกาย วาจา ใจ ก็อาจพัฒนาขึ้นเป็นความรู้สึกลึกซึ้งซึ่งไม่ต้องอิงกามารมณ์
    ต่อให้แยกจากกัน ไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว ก็ยังอยากให้อีกฝ่ายมีความสุขเสมอ
    ห่วงใยอยู่เสมอ เรื่องแต่หนหลังที่แล้วมาจะแค้นเคืองเพียงใดก็ลืมได้หมด
    ไม่เก็บมาเป็นอารมณ์ทั้งหมด
    ความเมตตาจึงเป็นเรื่องของใจล้วนๆ คุณเห็นใครมีเมตตาได้จากรังสีเยือกเย็นที่ฉายชัดจากนัยน์ตา
    หรือรัศมีความอบอุ่นอ่อนโยนที่แผ่ออกมาจากตัวให้รู้สึก
    ใครที่ไปถึงความมีเมตตาอย่างใหญ่ ย่อมรู้สึกได้ถึงพื้นฐานความเป็นจิตที่หนักแน่นมั่นคง
    และแผ่รัศมีได้กว้างขึ้นเรื่อยๆ จึงเรียกว่า ‘แผ่เมตตา'
    และเมื่อประคองไว้ในอาการเช่นนั้นได้นานเกิน ๕ นาที จิตจะเข้าสู่ภาวะตั้งมั่นเป็นสมาธิอย่างใหญ่
    เหมือนหัวตัวหายไป เหลือแต่ความเบิกบาน ยิ้มแย้ม และขยายขอบเขตรอยยิ้มกว้างไกลไพศาล
    ปีติสุขเบิกบานเหมือนน้ำพุที่ฉีดซ่านไม่รู้อิ่มรู้เบื่อ
    ความแผ่ไปแห่งรักอย่างไม่เลือกหน้า และไม่มีประมาณชนิดนั้นเลยทีเดียว

    ๒) มีความกรุณา
    กรุณาในความรักแบบพรหม หมายเอาความคิดจะลงมือช่วยใครต่อใครให้พ้นทุกข์
    หรือที่สุขอยู่แล้วก็อยากช่วยให้สุขยิ่งๆขึ้นจนถึงความบริบูรณ์ไม่กลับไม่เปลี่ยน
    ซึ่งเป็นตรงข้ามกับความเห็นแก่ตัวและความตระหนี่ถี่เหนียว
    อันก่อความแห้งแล้งให้กับสังคมมนุษย์มาทุกยุคทุกสมัย
    เริ่มรักแบบหญิงชาย คุณอาจอยากได้รับความกรุณาจากอีกฝ่าย
    และไม่ค่อยอยากเป็นฝ่ายกรุณาเขาหรือเธอ อาจด้วยความกลัวเสียเปรียบ
    หรืออาจจะเห็นว่าเขาหรือเธอรักคุณมากกว่า ก็ต้องเอาใจคุณมากกว่า ทำอะไรให้คุณมากกว่า
    แต่ต่อมาเมื่อร่วมบุญ ร่วมกุศลทางกาย วาจา ใจ ก็อาจพัฒนาขึ้นเป็นความอยากทำอะไรให้คนรักบ้าง
    อาจจะในรูปของการตอบแทน แล้วเขยิบขึ้นเป็นความหวังดี
    คิดริเริ่มช่วยเหลือเองโดยไม่ต้องรออีกฝ่ายทำให้ก่อน
    รวมทั้งไม่ได้หวังจะให้คนรักมาตอบแทนในรูปแบบเดียวกันหรือรูปแบบไหนๆด้วย
    ถ้าต่อยอดพัฒนาจากกรุณาคนรักไปเป็นกรุณาสังคมผู้ด้อยโอกาส
    หรือกรุณาสัตว์หน้าตาน่าสงสารทั้งหลาย ก็ย่อมไปถึงความกรุณาอย่างใหญ่
    สะสมไว้เป็นสิบๆปีแล้ว จิตจะแผ่กระแสเยือกเย็นโอฬาร ราวกับเป็นปราสาทราชวังให้ผู้สัมผัสใกล้ชิดได้รู้สึก
    ความอยากช่วยเหลือไม่เลือกหน้า ไม่มีประมาณชนิดนั้นอีกเช่นกัน

    ๓) มีมุทิตา
    มุทิตาในความรักแบบพรหม คือการพลอยยินดีกับเรื่องดีของคนอื่น
    หมายถึงว่าเมื่อเห็นใครได้ดี มีสุข มีความเจริญรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จทางโลกหรือทางธรรม
    ก็เกิดความแช่มชื่นโสมนัสตาม ซึ่งเป็นตรงข้ามกับความริษยา อันก่อความร้าวฉานให้กับใครต่อใครทั้งโลกมาชั่วกาลนาน
    เริ่มรักแบบหญิงชาย คุณอาจพลอยดีใจไปกับความสำเร็จหรือความเจริญก้าวหน้าของคนรัก
    แทบเหมือนเป็นเรื่องน่ายินดีของคุณเอง เพราะหน้าตาของคุณอยู่คู่เขา เมื่อใบหน้าของเขาใหญ่ขึ้น
    ใบหน้าของคุณก็พลอยใหญ่ตามไปด้วย ทว่าพอเลิกเป็นคนรักกัน
    ความพลอยดีใจของคุณอาจกลับเปลี่ยนเป็นหมั่นไส้ ไม่สบอารมณ์
    ไม่อยากได้ยินเรื่องดีๆที่เป็นมงคลของคนรักเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าได้ยินว่าพบคนใหม่ที่ดีกว่าคุณ
    ให้ความสุขได้มากกว่าที่คุณเคยให้ อันนี้อย่าว่าแต่จะพลอยยินดี
    แค่เอาตัวให้รอดจากการกระอักเลือดเสียก่อนก็ยากแล้ว!
    ความรักแบบพรหมจะไม่คำนึงว่าใครเคยเป็นคนรัก ใครกำลังเป็นคนชัง
    ขอให้เป็นคนเถอะ ขอให้เป็นสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตใดๆเถอะ ถ้าได้ดีเป็นพลอยชื่นใจด้วยได้หมด
    การฝึกให้ยินดีกับทุกคนนับเป็นเรื่องยาก เพราะความริษยาหรือความพยาบาทมักออกมาขวางหน้า
    ยิ่งเค้นยิ่งฝืด เหมือนจะให้เสแสร้งแกล้งยินดีที่คนรักเก่าไปได้คนใหม่ดีกว่าตนนั้น มันผิดธรรมชาติเอามาก
    ทางเดียวที่คุณจะชื่นใจได้กับความสุขความเจริญของคนและสัตว์ไม่เลือกหน้า
    คือต้องคอยแผ่เมตตาและกรุณามากจนเกิดสมาธิ จิตตั้งมั่น
    ซ่านปีติสุขเยือกเย็นได้โดยไม่ต้องมีใบหน้าใครเป็นเครื่องเหนี่ยวนำ
    ทำได้อย่างนั้นธรรมชาติของใจคุณถึงจะต่างจากเดิม จิตของคุณจะพลอยยินดีกับใครต่อใครไปเองโดยไม่ต้องฝืน
    เพราะสิ่งเดียวที่จิตคุณต้องการคือความสุขในรัก ไม่อยากเสียสุขในรักให้กับกิเลสคู่ปรับ
    อันได้แก่ความริษยาและความพยาบาทแต่อย่างใด สรุปคือสิ่งที่จะรักษาความสุขไว้ได้
    ก็คือความพลอยยินดี ไม่ใช่ความริษยาพยาบาท นี่เองมุทิตาจึงเป็นหนึ่งในสิ่งที่พรหมต้องมี
    หากยังบกพร่อง หากยังมีข้อยกเว้น ก็ยังนับเป็นพรหมไม่ได้
    หมายเหตุไว้ด้วย ว่าไม่ใช่ช่วยยินดีหรือพลอยแช่มชื่นดะไปหมด
    เป็นต้นว่าเห็นคนยิงชู้ดับคามือ แก้แค้นสำเร็จ เลยพลอยตบมือหัวเราะร่าไปกับเขา
    นั่นเท่ากับคุณร่วมยินดีในการฆ่า ซึ่งก็จะได้ส่วนแห่งบาปอันเกิดจากการฆ่า ไม่ใช่มุทิตาแบบพรหมแน่นอน

    ๔) มีอุเบกขา
    อุเบกขาในความรักแบบพรหม คือการมีใจเป็นกลางกับกรรมของคนอื่น
    เพราะเห็นตามจริงแล้วว่าใครทำอย่างไร ย่อมได้รับผลสอดคล้องตามนั้น
    โดยทั่วไปความรักแบบหญิงชายจะไม่สอนให้คุณเป็นกลางวางเฉย
    เพราะเมื่อเห็นคนรักประสบทุกข์ ก็ย่อมอยากยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
    ตลอดจนทำทุกอย่างเพื่อให้คนรักพ้นความผิด แม้จะต้องเป็นคนทำผิดเสียเอง
    ตรงข้าม เมื่อเห็นคนรักเก่าประสบสุข ก็จะนึกอยากแช่งให้เจอความทุกข์เสียบ้าง
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณยังคงเสียอกเสียใจกับการเลิกรากัน
    คุณอาจถึงขนาดอยากทำตัวเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ของเขาเสียเองเลยก็ได้
    อุเบกขาแบบพรหมเกิดขึ้นได้สองระดับ ระดับแรกคือการทำความเข้าใจด้วยสติปัญญาแบบนึกคิด
    คือสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ทุกคนต่างเคยทำทั้งบุญและบาป เมื่อบุญถึงเวลาผลิดอกออกผลเต็มที่
    ก็ย่อมไม่มีสิ่งใดทำให้เจ้าของบุญต้องเป็นทุกข์ เช่นเดียวกับเมื่อบาปถึงเวลาเผล็ดผลเต็มกำลัง
    ก็ย่อมไม่มีสิ่งใดทำให้เจ้าของบาปเป็นสุขไปได้เช่นกัน
    ความเข้าใจในระดับนึกคิดนั้น จะให้ผลเป็นความรู้สึกวางเฉยได้ก็ต่อเมื่อคิดบ่อย
    เห็นเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับใคร ถ้าช่วยได้ก็ช่วยด้วยความกรุณาแบบพรหม
    แต่หากช่วยไม่ได้ก็ต้องคิดวางอุเบกขาแบบพรหมว่าเป็นกรรมของเขาเช่นกัน
    อุเบกขาแท้จริงระดับพรหมที่อยู่เหนือมนุษย์ ใจจึงเป็นกลาง หนักแน่นยิ่งกว่าแผ่นดิน
    ผิดว่าตามผิด ถูกว่าตามถูก ไม่ปล่อยให้ความรักหรือความเกลียดมาครอบงำได้
    จิตจึงเป็นอิสระ และพร้อมจะเข้าถึงฌาน เป็นอัปปมัญญาสมาบัติได้ทุกเวลา
    สำหรับอุเบกขาที่ฝึกได้ในชีวิตคู่นี่เอง เอาแค่ให้ชีวิตคู่เป็น ‘สนามฝึกดัดจิต' ก็พอแล้ว
    คนเราไม่เห็นตัวเองผิด เห็นแต่ตัวมีความชอบ และเห็นแต่ความผิดของคู่ครอง
    แล้วบางทีรู้ทั้งรู้ว่าตัวเองผิด ก็จะดันทุรังงัดเหตุผลข้างๆคูๆมาบีบให้คนรักยอมรับว่าตนเองถูกให้ได้
    ที่ผ่านมาเมื่อผิดแล้วไม่ว่าตามผิด ทำให้จิตบิดเบี้ยว ถึงตอนครองคู่ก็อาจอาศัยชีวิตคู่เป็นสนามฝึกดัดจิตให้ตรง
    โดยเริ่มจากการยอมลงให้กับเหตุผล ตอนแรกๆอัตตาจะยังหนา ไม่เอื้อให้อยากยอมรับ
    แต่เมื่อพิจารณามากเข้า ย้ำกับตัวเองมากเข้าว่าทำอย่างนี้เราผิดจริง
    หรือทำอย่างนั้นเรามีส่วนผิดด้วย เลิกคิดคำแก้ตัวต่างๆนานา
    ผ่านเดือนผ่านปีคุณจะกลายเป็นคนจิตตรง เห็นอะไรตามจริงอย่างเต็มตัว โดยไม่ต้องฝืนใจอีก

    และทั้งหมด4 ข้อนี้เมื่อเราได้อ่าน ได้คิด ได้ทบทวนดูหลายๆรอบ
    หลายๆ ครั้งด้วยการใช้ความคิดพิจารณาโดยแยบคายแล้ว หรือภาษาธรรมที่เรียกว่าโยนิโสมนสิการ
    เราจะพบว่า นิยามของ"รักเหนือรัก "เป็นรักแท้
    คือ เป็นทั้งคุณค่าแห่งรัก เป็นรักที่มีคุณค่าและประเมินค่ามิได้รวมถึงเป็นรักคุณภาพเหลือประมาณจริง ๆ

    สานขวัญ กาญจนา 01.04.09

    ชวนคิด
    "รักแท้ไม่ร้อน
    รักแท้ คือพรหมวิหารสี่ ที่มีอุเบกขากำกับเมื่อทำเหตุเต็มที่แล้ว"

    ขอบคุณบทความดี ๆ จาก http://www.thaimarketer.com/index.ph...gory/blogs/125
    บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้น ใจย่อมอยู่สบาย......
    อย่าเรียกร้องในสิ่งที่ไม่มี แต่จงภูมิใจในสิ่งที่มีอยู่...
    โกงเค้าชาตินี้ 1 ต้องใช้เค้าชาติหน้าเป็น พัน ทำทำไม?
    ศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่คนเสื่อมจากศาสนา

    ธรรมนิยายธรรมะผู้สละโลก
    http://groups.google.com/group/DhammaSawasdee/web/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81


  2. #2
    Meesook's Avatar
    Meesook is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    454
    ชอบบทความนี้จังค่ะ ขอบคุณที่เอามาให้อ่านนะคะ

    ขอร่วมเสริมนิดนึงนะคะ เคยอ่านเจอ (แล้วก็เคยเอามาเขียนในนี้ด้วย) เรื่อง "เมตตาเทียม" คือบางที ก็นึกไปว่ามีจิตใจเมตตา แต่ก็อาจจะเป็นเมตตาเทียมได้ค่ะ ก็ต้องระวังนิดนึงค่ะ

    ส่วนใหญ่บุคคลโดยมากไม่อยากให้ใครได้ดีเกินตัวเองค่ะ แต่กับคนที่ต่ำกว่าเรานั้น เราอาจจะรู้สึกว่าเราเมตตาเขาได้ กรุณาเขาได้ เราเลยนึกว่าเราเป็นคนดี - ตรงนี้ก็ต้องพิจารณาดีๆ เหมือนกันค่ะ

    บางที ก็ไม่รู้ว่า แม้ความเมตตาของเราก็เป็นเมตตาเทียมที่อยู่ภายใต้การครอบงำของกิเลสทั้งสิ้น.. ที่เรารัก... เราเมตตา... เพราะมีความปรารถนาอื่นแอบแฝงอยู่....

    อย่างน้อยก็คืออยากให้คนนั้นยอมรับเรา เราจึงทำดีกับคนที่ด้อยกว่าอย่างนั้น.. แต่ครั้นเมื่อไม่เป็นดั่งใจ เช่น เมื่อเขาไม่ชื่นชมเราอย่างที่เราหวัง ก็โกรธ และน้อยใจ...อะไรอย่างนี้เป็นต้น...

    บางกรณีก็ร้ายแรงไปถึงขั้นอิจฉาได้เลย เวลาคนที่ต่ำกว่าเราด้อยกว่าเรานั้น เกิดได้ดิบได้ดีเกินเราไปอีก จากความเมตตาก็อาจจะกลับกลายเป็นความริษยาขึ้นมาทันที... ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นเมตตาเทียม ซึ่งนำไปสู่การอิจฉาได้เหมือนกัน


    แต่ถ้ามี "รักเหนือรัก" กับทุกๆ คน อย่างในกระทู้นี้ ก็น่าจะขจัดเมตตาเทียมไปได้ด้วยค่ะ
    .
    ...กรรมอยู่ที่เจตนา... ทำด้วยความตั้งใจดี แม้คิดเห็นไม่ตรงกัน ก็ไม่หวั่นไหว ไม่ต้องกลัวอะไร... ไม่ต้องดิ้นรนไปเรียกร้องอะไรด้วย...คนที่จิตใจพัฒนาแล้ว ย่อมแยกแยะได้ และในที่สุดคนพาลที่เจตนาไม่ดีก็ย่อมแพ้ภัยตัวเอง...

    วิธีตั้งกระทู้ตรวจสอบที่ได้ผล เพื่อคำตอบที่รวดเร็ว และมั่นใจ
    วิธีทำให้อ่านความเห็นได้เยอะๆ ต่อหนึ่งหน้า กระทู้นึงจะได้ไม่ต้องยาวเป็นยี่สิบหน้า อ่านได้ในกระทู้นี้ค่ะ http://siambrandname.com/forum/showthread.php?t=51805


  3. #3
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    ขอบคุณมากนะคะ

  4. #4
    earny35's Avatar
    earny35 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    12
    ชอบมากๆเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ

  5. #5
    nimnim's Avatar
    nimnim is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1
    ขอบคุณมากค่ะ สำหรับบทความดีๆ
    <a href=http://i217.photobucket.com/albums/cc97/nimnimm/i76f-horz-1.jpg target=_blank>http://i217.photobucket.com/albums/c...76f-horz-1.jpg</a>

  6. #6
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0

    Smile

    ขอบคุณบทความดีดีนะคะ

    ------------------------

    นานนาน จะผ่านมาสักทีนะ ...

    ------------------------



  7. #7
    TEDDY07's Avatar
    TEDDY07 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    3
    ขอบคุณมากๆจ๊ะ
    ขอบคุณ SBN จ๊ะ

    หนังสือสวดมนต์ แจกฟรี ฟรี ฟรี
    ขอเชิญเพื่อนๆ SBN รับหนังสือสวดมนต์ฟรี
    เพื่อสวดบูชา ก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล
    แก่ตัวท่านเองและครอบครัว
    หรือจะเอาไปช่วยกันบอกบุญต่อก็ดียิ่งๆขึ้นไปเลยนะจ๊ะ

    ตามลิ้งค์นี้เลย
    http://siambrandname.com/forum/showthread.php?t=390560

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •