Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Page 1 of 2 1 2 LastLast
Results 1 to 10 of 20

Thread: เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับไข้หวัด 2009

  1. #1
    noo_pizza's Avatar
    noo_pizza is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,683

    เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับไข้หวัด 2009

    เอาเรื่องไข้หวัด 2009 จากกระทู้คุณ morkoto ในพันทิปมาฝากค่ะ

    ขอให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคน สุขภาพแข็งแรงนะคะ ปราศจากโรคภัยค่ะ

    กระทู้ต้นเรื่องนะคะ
    http://www.pantip.com/cafe/woman/topic/Q8068521/Q8068521.html


    รายละเอียดจ้า....


    ถึงสื่อมวลชนทุกท่าน ผมจะบอกความจริงเรื่อง ไข้หวัด 2009 ให้ทราบ


    • ขอเอามาแปะไว้ในห้องแป้ง ณ บัดนาว ผู้เอามาแปะเอามาจากเฉลิมไทยเน้อ



      ถึงสื่อมวลชนทุกท่าน ผมจะบอกความจริงเรื่อง ไข้หวัด 2009 ให้ทราบ

      พวกคุณงง และสับสนกับเจ้าหน้าที่และหมอหลายคนที่ให้ข่าวไม่ค่อยตรงกันใช่มั้ยครับ?
      ผมจะบอกข้อมูลอะไรให้ฟัง ซื่งคุณสามารถตรวจสอบได้เอง จากแพทย์ผู้เชื่ยวชาญด้าน ไวรัสวิทยา หรือ จุลชีววิทยา ตามภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทย์มหาลัยใหญ่ๆนะครับ
      (กรุณาเลิกสัมภาษณ์นักการเมืองได้แล้ว ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ควรสัมภาษณ์อาจารย์ที่เขารู้จริง ทำงานเรื่องนี้จริงๆดีกว่า)


      ครับรู้ครับ ว่าผิดห้อง
      แต่ไม่โพสในลุมพินีล่ะ เดี๋ยวโดนเกรียนลบ ขนาดหมอแมว ความรู้วิชาการหลักฐานแน่นปึ้กยังต้องหนีตายมานี่กับหว้ากอ เลย ไปดูเนื้อหาวิชาการแน่นๆได้ที่
      http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A7977288/A7977288.html
      http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7973976/X7973976.html
      http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8049629/X8049629.html
      วิธีปฏิบัติป้องกันตัว
      http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A7998624/A7998624.html


      หมอไก่ก็ไประบายในสินธร http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I8040314/I8040314.html

      นับประสาอะไรกับหมอบ้านนอกอ้างตำราไม่ค่อยเป็นอย่างผม

      เมื่อคืนนี้คืนเดียว รพ.ที่ผมอยู่เวร รับคนไข้ใหม่สงสัยหวัด 2009 เข้านอนรพ. 4 คน (เฉพาะเวรดึก)
      อะไรกันจ๊ะ ไหนบอกไม่น่ากลัว ไหนบอกควบคุมได้ แล้วตัวเลขการแพร่ระบาดขนาดนี้มันอะไรกัน??

      มาดูสรุปความจริงกันอีกที (อันไหนซ้ำกับหมอแมวขอโทษด้วยครับ)
      (กรุณาทนอ่านให้ถึงข้อ 4.2)
      ( เครดิตรูปประกอบทั้งหมด จากคุณ อันปังแมน)

      ภาพข้อมูลการระบาดจาก องค์การอนามัยโลก ณ วันที่ 3 กรกฎาคม 2552
      (เห็นความสยองมะคับ??)


      แก้ไขเพิ่มเติม
      ใครมีคนรู้จัก ทำงานสื่อมวลชน ได้โปรด copy ข้อความ หรือ link ในกระทู้นี้ไปถึงเขาด้วยนะครับ ผมไม่ได้อยากดัง ไม่อยากเปิดเผยตัว(ให้ภัยมาถึงตัว) แต่ทนไม่ไหวแล้ว ที่คนไทยอยู่ท่ามกลางหายนะ แต่ไม่มีใครรู้ร้อนรู้หนาวแบบนี้


      แก้ไขเพิ่มเติมอีกครั้ง
      เห็นมีคนมาขออนุญาตไปเผยแพร่เยอะเหลือเกิน ตอบตรงนี้เลยนะครับ ว่า เชิญ!!!!!!!
      ยิ่งเยอะยิ่งดีด้วย
      เมื่อไหร่จะมีคนมาโพสบอกว่า "ส่งเมล์ให้นักข่าวแล้วจ้า" บ้างนะ?


      เพิ่มเติมอีกแล้ว
      (Special สำหรับความเห็นว่าผมใช้คำรุนแรงจนอาจก่อกระแส"ตื่นตระหนก")

      ที่ผมตั้งกระทู้นี้เพราะเห็นความแตกต่างระหว่าง
      ความเพิกเฉย ไม่รู้ร้อนหนาว --> ความตระหนัก --> ความตื่นตระหนก

      ผมเห็นการรายงานข่าว พยายามเน้นไปที่ "อย่าตื่นตระหนก" ซึ่งคงเป็นความตั้งใจดี ว่าอยากให้ประชาชน "ตระหนัก" เฉยๆ
      แต่ผลที่ได้ตรงกันข้ามครับ คือ ประชาชน "เพิกเฉย ไม่ใส่ใจ" เพราะคิดว่าไม่เป็นไร
      (ซึ่งที่จริงเป็นเพราะข้อมูลสับสนไม่ชัดเจน ผมว่านักข่าวเองยังงงเลย )
      ผมจึงหวังว่ากระทู้นี้จะสร้าง "ความตระหนัก"ได้ ด้วยการพูดความจริงตรงๆ ไม่ต้องรักษามารยาท ไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว

      แต่ถ้ามันผิดจุดประสงค์จริงๆ กลายเป็นกระแสความตื่นตระหนก......
      ผมว่า "ตื่นตระหนก" ก็ยังดีกว่า "เพิกเฉย" อยู่อย่างนี้ (อะไรมันจะเสี่ยงกว่ากัน???)

      ผมมันคนหยาบๆครับ อาจพูดไม่ไพเราะอย่างหมอแมว
      แต่พูดตรงๆ หงุดหงิดครับ เห็นหมอแมวให้ความรู้แน่นปึ้กเป็นเหตุเป็นผลขนาดนั้น แต่ก็ไม่ค่อยเห็นมีใครจะตื่นตัว ป้องกันอย่างจริงจัง
      เลยขอใช้ลีลาบ้านๆ หยาบๆ แบบนี้แหละ คิดว่าความจริงในภาษาชาวบ้านน่าจะปลุกกระแส"ความตระหนัก"ได้บ้าง


      แก้ไขเพิ่มเติม (ขออภัยที่ครั้งนี้ยาวมากกก)

      1. ผมบอกจุดประสงค์ชัดเจนไปแล้วในแก้ไขข้างบน ว่าตั้งกระทู้นี้เพื่อแสดงความจริง แต่ก็มีคนมาต่อว่าสิ่งที่ผมเขียนว่าไม่จริง และพยายามหาเหตุผลมาอ้างทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่การใช้ไวยากรณ์ผิดของผม????
      (ไม่เกี่ยวกับคห 464 นะครับ อันนั้นผมพลาดเอง ขอบคุณหมอแมวมากครับ)
      ที่ฮาก๊าก คือมีการนำเสนอว่า น่าจะให้ทุกคนติดหวัดไปเลยจะดีกว่าจะได้มีภูมิคุ้มกันต่อการระบาดระลอกสอง ...............กร๊ากกกกกกกกกกกก.......
      ... ให้ติดทุกครัวเรือนเลยดีมั้ยครับ? คนจะตายระลอกแรกคงไม่กี่หมื่นคนหรอก ...สำคัญกว่านั้นคือ ตอนไข้หวัดนกมันระบาด มันจะได้ไม่ลำบากตามหาเชื้อไข้หวัด2009 ไง.... เพราะลงพื้นที่ไหนก็มีไข้หวัด2009 รออยู่แล้ว จะได้กลายพันธุ์ง่ายๆไง ....ถึงตอนนั้นอย่าโวยวายว่าวัคซีนที่เพิ่งจะพัฒนาสำเร็จทำไมไม่ได้ผลแล้วนะครับ????

      แล้วคนเสนอไอเดียนี้ จะบอกว่าออกกำลังกายให้แข็งแรงทำไมครับ ? อ่อนแอหน่อยจะได้ติดไข้หวัด2009 ง่ายๆดีกว่ามั้ยครับ? เสนอไอเดียที่มันขัดแย้งกับการกระทำของคุณเองทำไมครับ?

      เอาอย่างนี้ดีกว่า แฟร์กับทุกฝ่าย...
      ที่จริงก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าผมเป็นหมอจริงรึเปล่า คนที่มาโต้แย้งผมเป็นใครมีความรู้จริงรึเปล่าก็ไม่มีใครรู้
      ผมเสนอว่า "ทุกข้อโต้แย้ง น่าสนใจ มาผลักดันให้มีการพิสูจน์ความจริงดีมั้ย? ง่ายๆ"
      ผมขอเรียกร้องให้สื่อมวลชน ช่วยทำสกู๊ป สัมภาษณ์ผู้รู้จริงว่าสิ่งที่ผมเขียนมามันจริงมั้ย ผู้รู้นั้น คือ
      - อาจารย์ ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยใดก็ได้
      - อาจารย์แพทย์ หน่วยโรคติดเชื้อ(Infectious diseases) ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยใดก็ได้
      อาจารย์เหล่านี้เป็นหนังหน้าไฟของจริง เป็นผู้กำลังวิจัยต่อสู้กับเชื้อนี้จริงๆ รู้จริงรู้ลึกยิ่งกว่าหมอในพื้นที่
      ความจริงทุกอย่างจะได้ปรากฏต่อประชาชน เลิกถกเถียงกันซะที

      2. เรื่องหน้ากาก มีดีกว่าไม่มีนะครับ ไม่มี N95 ก็หน้ากากผ่าตัด ไม่มีหน้ากากผ่าตัด ก็หน้ากากผ้า ไม่มีหน้ากากผ้า ก็ผ้าเช็ดหน้าก็ยังดี ยังไงก็ลดโอกาสติดเชื้อได้ดีกว่าเดินหน้าเปลือยๆนะครับทุกท่าน

      3. และขอร้องอีกครั้งนะครับ ถ้าคุณอ่านกระทู้นี้แล้วคิดว่ามีประโยชน์ อยากให้กระทู้นี้อยู่นานๆให้คนอื่นได้อ่านบ้าง ก็กรุณาอย่าโยงกระทู้นี้ไปเข้าเรื่องการเมือง เดี๋ยวจะอยู่ไม่ยืด แทนที่คนในสังคมจะได้รู้กันทั่ว จะกลายเป็นดับดิ้น เพียงเพราะความสะใจของพวกเรากันเอง

      (ขออภัยที่แก้ไขเพิ่มเติมบ่อย เพราะคิดว่าไปตอบอยู่ข้างล่าง จะได้อ่านกันไม่ทั่วถึงครับ)
      แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 52 02:57:52
    จากคุณ: Markoto เขียนเมื่อ: 11 ก.ค. 52 02:37:41
    __________________________

    "ทำเสียงอย่างนี้ ซื้อมาอีกใบแล้วสิ"

    #### รู้ทันอีกแล้ว เซ็ง ####

  2. #2
    noo_pizza's Avatar
    noo_pizza is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,683
    ถามตอบยอดฮิต เกี่ยวกับหวัด 2009

    1. โรคนี้ไม่รุนแรง ไม่น่ากลัว อย่าสะดิ้งไปนะตะเอง????


    Answer : มะเหงกแน่ะ ความจริงคือ

    1. ไข้หวัด 2009 ดูเหมือนไม่รุนแรง อัตราตายต่ำ แต่แพร่ระบาดง่ายและรวดเร็ว ( การแพร่กระจายสูง)
    2. ความน่ากลัวของหวัด 2009 คือการกลายพันธุ์ต่างหาก และการกลายพันธุ์จะเกิดง่ายที่สุด เมื่อคน 1 คน หรือสัตว์ 1 ตัว ทะลึ่งติดหวัด 2 ชนิดพร้อมกัน (เช่นหวัด 2009 + หวัด ธรรมดา พร้อมกัน หรือ หวัด 2009 + หวัดนก พร้อมกัน)

    ขณะนี้"หวัดนกซึ่งรุนแรงและมีอัตราตายสูงมากกก ยังไม่ได้หายไป"
    และแนวโน้มของหวัดนก จะ"ระบาดซ้ำอีก ทุกๆปลายปี"
    แม้ว่าหวัด 2009 มันไม่รุนแรง แต่ถ้าปล่อยให้แพร่แบบนี้ "อีกไม่นานมันอาจผสมกัน"

    .........เอาความสามารถในการแพร่กระจายของหวัด 2009 บวกกับความรุนแรงของหวัดนก เมื่อนั้นก็หายนะ !!!!!

    และนั่นคือสาเหตุ ที่อยากให้คนไทยทุกคนดูแลสุขภาพให้ดี อย่าให้เป็นหวัด อย่าให้โรคนี้แพร่กระจายไปกว่านี้

    ถ้าเป็นหวัดแล้ว แยกตัวจากคนอื่นทันที อย่าแรดเดินตลาด อย่าแรดไปห้างหรือที่ชุมชน และ ใส่หน้ากากทันทีอย่าให้แพร่เชื้อสู่คนและสัตว์รอบข้าง ถึงแม้จะอยู่บ้านที่มีสมาชิกแค่ 2 คนก็ตาม
    __________________________

    "ทำเสียงอย่างนี้ ซื้อมาอีกใบแล้วสิ"

    #### รู้ทันอีกแล้ว เซ็ง ####

  3. #3
    noo_pizza's Avatar
    noo_pizza is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,683
    2. ถ้าเป็นขึ้นมา ไปหาหมอเดี๋ยวก็หาย???

    Answer : แม่เจ้า พศ.นี้ยังเข้าใจกันแบบนี้อีกเหรอนี่??

    คุณรู้มั้ยว่า เวลาคุณไปหาหมอเพราะเป็นหวัด หมอจะจ่ายยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ ให้คุณ แต่ไม่มียาฆ่าเชื้อหวัด!!!
    นอกจากคุณติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม เช่น ทอนซิลอักเสบ คออักเสบ หมอจึงจะจ่ายยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ติดซ้ำเติมให้ แต่ก็ยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสหวัดให้อยู่ดี!!
    เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะยาฆ่าไวรัส มันแพงมาก และไม่คุ้มที่จะแจกจ่ายพร่ำเพรื่อ เพราะจะทำให้ไวรัสยิ่งกลายพันธุ์ดื้อยาขึ้นไปอีก
    99.99% ของคลินิก และ โรงพยาบาลขนาดเล็ก จึงไม่มียารักษาการติดเชื้อไวรัสหวัด ไว้ในสต็อกยาเลยครับ

    สิ่งที่ดีที่สุดในการรักษาไข้หวัด คือการกินยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ ตามอาการ แล้วนอนพักผ่อนมากๆ พยายามอย่าไปแพร่เชื้อใส่ใคร เดี๋ยวก็หายเพราะร่างกายรักษาตัวเองครับ

    แต่กรณีไข้หวัดใหญ่ มีลุ้นหน่อย เพราะเชื้อรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา บางคนหาย บางคนไม่รอด
    ณ จุดนี้ยังนับว่าโชคดี ที่อัตราตายจากไข้หวัดใหญ่ 2009 ยังนับว่าต่ำอยู่.... แต่อย่างที่บอกข้อแรก มันจะเป็นอย่างนี้ตลอดไปไหม?....

    (ข้อแปลก เกี่ยวกับหวัด 2009 ที่ไม่เหมือนหวัดใหญ่สเปน คือ หวัดสเปน คนตายมักเป็นคนร่างกายอ่อนแอชัดเจนเช่นคนแก่ และเด็ก
    แต่หวัด2009 อัตราตายค่อนข้างมั่วซั่ว คนหนุ่มสาวก็มีตาย มีบางทฤษฎี บอกว่า อาจเป็นเพราะไม่ได้ตายจากเชื้อ แต่ตายจากระบบภูมิคุ้มกันตัวเองที่พยายามฆ่าเชื้อโรค แต่ร่างกายแยกแยะไม่ออกว่าอันไหนเซลล์ติดเชื้อ อันไหนเซลล์ตัวเองที่ยังดีอยู่ เลยทำลายล้างบางหมด ร่างกายคนหนุ่มสาวภูมิต้านทานดี ระบบทำลายนี้เลยทำลายตัวเองได้ดีตามไปด้วย........อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ความเห็นนี้ยังเป็นแค่ทฤษฎี ....)

    ส่วน Tamiflu น่ะ อย่าไปหวังอะไรกับมันมากเลยครับ เพราะ
    - ตอนนี้ยาขาดตลาดสุดๆ รพ. หลายแห่ง หายานี้มา Stock ไว้ไม่ได้
    - ยานี้จะออกฤทธิ์ได้ดี เมื่อคนไข้ถูกตรวจพบเจอก่อนเกิดอาการ แล้วคนไข้คนไหนจะกระแดะเดินไปหาหมอตอนไม่มีอาการล่ะครับ ( ถึงกระแดะไปหา หมอก็ไม่กระแดตรวจ Swab ให้หรอก หรือ ถึงหมอกระแดะตรวจให้ คุณจะกระแดะจ่ายค่าตรวจราคา4000+ บาท(ไม่รู้อัพราคารึยัง?) โดยมีอาการแค่นิดๆมั้ยล่ะครับ?)
    - ตอนนี้เริ่มมีรายงาน เชื้อดื้อยา Tamiflu แล้วครับ (บอกแล้ว ว่าไวรัสมันกลายพันธุ์ เร็วค่อดๆ)


    Mexico นำหน้าเราอยู่ประมาณ 1-2 เดือน ตอนนี้น่าจะกำลังปีนเขาลูกที่ 2 อยู่
    ตอนนี้การระบาดในบ้านเราน่าจะอยู่แถวๆดอยของเขาลูกที่ 1 แล้ว ที่เราว่าเป็นกันเยอะ ปิดโรงเรียนกันมากมาย ป่วยกันทั้งหมู่บ้าน มันจะกลายเป็นเด็กๆไปเลย เมื่อของจริงมา อีกไม่นานเกินรอ


    __________________________

    "ทำเสียงอย่างนี้ ซื้อมาอีกใบแล้วสิ"

    #### รู้ทันอีกแล้ว เซ็ง ####

  4. #4
    noo_pizza's Avatar
    noo_pizza is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,683
    3. ฉีดวัคซีนป้องกันได้???

    Answer : วัคซีนที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้คือวัคซีน ป้องกัน ไข้หวัดใหญ่สเปนครับ
    เป็น H1N1 เหมือนกัน แต่เป็นเชื้อคนละตัว ( เหมือนตระกูลงวงคำเหมา เหมือนกัน แต่ หม่ำกับ ตุ๊กกี้เป็นคนละคนกัน มีสิ่งที่ชอบที่กลัวไม่เหมือนกัน) พูดง่ายๆ คือ ในทางทฤษฎี วัคซีนนี้ ไม่น่าจะป้องกันหวัด 2009 ได้เลย แต่ให้ฉีดไว้ก่อนเพราะ

    - ตอนแรกนักวิทย์คำนวณไว้อยู่แล้วว่า ปีนี้ ไข้หวัดสเปนต้องระบาด (ใครจะนึกว่ามันทะลึ่งกลายพันธุ์เป็น 2009 ) อย่างน้อยการฉีดนี้เป็นการตัดไข้หวัดสเปนออกไปก่อน พูดง่ายๆ คือ ถ้าใครเดินมา รพ. เราจะได้สงสัยไปเลยว่าเป็น หวัด 2009 ไม่ใช่หวัดสเปน จะได้ง่ายต่อการควบคุมรักษา

    - ถ้าเกิดไข้หวัดสเปน เกิดบ้าจี้ ระบาดขึ้นมาพร้อมกันตอนนี้ อัตราตายมันสูงกว่า หวัด 2009 มากนะครับ

    - แม้ทางทฤษฎี วัคซีนนี้จะกัน 2009 ไม่ได้เลย แต่ไหนๆมันก็เชื้อตระกูลเดียวกัน และเป็นเชื้อใหม่ด้วย ใครจะไปรู้ว่ามันอาจป้องกันหวัด 2009 ได้ซัก 1% ก็ได้ มีตังค์ก็ฉีดๆ ไปเหอะ Better Than Nothing แต่ต้องรู้นะ ว่า การฉีดวัคซีนนี้ ไม่ได้แปลว่า คุณไม่ต้องกลัวแล้ว ไม่ได้แปลว่าคุณมีภูมิคุ้มกันต่อหวัด 2009 แล้ว มันแค่ลดความเสี่ยงไปซักถึง 1% รึเปล่ายังไม่รู้เลย??


    __________________________

    "ทำเสียงอย่างนี้ ซื้อมาอีกใบแล้วสิ"

    #### รู้ทันอีกแล้ว เซ็ง ####

  5. #5
    noo_pizza's Avatar
    noo_pizza is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,683
    4. แล้วอะไร คือสิ่งที่ควรทำตอนนี้???

    Answer :


    4.1 ระดับส่วนตัวและครอบครัว

    ในภาวะปกติ

    ตอนนี้ต้องยอมรับว่า ทุกแหล่งชุมชนคือจุดเสี่ยงในการแพร่ระบาด โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นห้องแอร์ระบบปิด เช่นในห้างสรรพสินค้า โรงหนัง บนรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน ถ้าจะเดินเข้าแหล่งชุมชนเหล่านี้ ควรใส่หน้ากากป้องกันตัวเองได้แล้วครับ!!!!!


    ถ้าคุณมีอาการของโรคหวัด แค่ ไอ จามเล็กๆน้อยๆ

    ควรแยกตัวจากครอบครัวและสังคมเท่าที่ทำได้ เช่นแยกห้องนอนจากคนอื่น ถ้าต้องอยู่ร่วมกันก็ใส่หน้ากากตลอดเวลา (หาซื้อไม่ได้ ก็เอาผ้าเช็ดหน้ามาผูกไว้ก็ยังดีกว่าหายใจรดกันตรงๆ)

    ปิดปากปิดจมูกเสมอ อย่าหายใจรดใคร อย่าไอจามใส่ที่สาธารณะ เลิกถ่มน้ำลายลงพื้นได้แล้ว

    ล้างมือให้บ่อยที่สุด การเอามือไปป้ายโน่นป้ายนี่ เป็นช่องทางการแพร่เชื้อที่ดีเยี่ยม

    ตอนเช้าตื่นนอน กรุณา เปิดหน้าต่างกว้างๆ เปิดพัดลมไล่อากาศออกซักนิด ก่อนจะให้ใครคนอื่นเดินเข้ามาในห้องเรา เสื้อผ้า ผ้าปูเตียง ปลอกหมอน หมั่นซักบ่อยๆ ( ไม่รู้มีคราบเสมหะ ตอนเราไอจามติดอยู่รึเปล่า ) ล้างมือให้บ่อยที่สุด แต่ไม่ต้องถึงกับแยกห้องน้ำหรอกนะ แค่เอาแปรงสีฟันเราออกมาเก็บเอง อย่าใส่ถ้วยเดียวกะคนอื่นก็พอ

    __________________________

    "ทำเสียงอย่างนี้ ซื้อมาอีกใบแล้วสิ"

    #### รู้ทันอีกแล้ว เซ็ง ####

  6. #6
    noo_pizza's Avatar
    noo_pizza is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,683
    อาการอย่างไรจึงควรไปตรวจที่รพ.?

    1. มีไข้ 38 ํC ขึ้นไปร่วมกับ
    2. อาการอย่างใดอย่างหนึ่งได้แก่ ปวดกล้ามเนื้อ, ไอ, หายใจผิด ปกติ (หอบ, ลำบาก), หรือแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นปอดบวม ร่วมกับ มีผู้สัมผัสร่วมบ้านหรือในที่ทำงานป่วยสงสัยไข้หวัดใหญ่หรือปอดอักเสบ ภายใน 1 สัปดาห์ก่อนวันเริ่มป่วย

    ถ้าอาการแค่เป็นหวัดเจ็บคอธรรมดา ไข้ไม่สูง ไม่นอนซม ไม่ต้องสะดิ้งวิ่งไปรับเชื้อที่รพ.นะครับ อย่าลืมว่าตอนนี้ รพ.นั่นแหละ เป็นแหล่งแพร่เชื้อที่ดีที่สุด.................

    4.2 ระดับนโยบายของรัฐ และ สื่อมวลชน

    มาดูกันนิดนึง ว่าทำไมประเทศเราถึงควบคุมการระบาดไม่ได้เลย ขณะที่ประเทศต้นตำรับการระบาดอย่าง Mexico ซึ่งไม่ได้เจริญกว่าบ้านเราเลย เขาถึงควบคุมการระบาดระลอกแรกได้....

    จำข่าวได้มั้ยครับ ว่าตอนแรกที่ Mexico เขาระบาดเขาทำอะไรบ้าง ??
    ปิดเลยครับ !!! เขากล้าพอที่จะปิด โรงเรียนทุกแห่ง โรงหนังทุกแห่ง ห้างสรรพสินค้าทุกแห่ง ทั่วประเทศ พร้อมกัน 1 สัปดาห์ พร้อมทั้ง พ่นยาฆ่าเชื้อ ตามโรงหนัง ห้างสรรพสินค้า ใหญ่ๆด้วย
    นั่นคือสาเหตุที่เขาควบคุมการระบาดระลอกแรกได้ทันทีในสัปดาห์ต่อมา....

    แล้วพี่ไทยล่ะทำอะไรบ้าง ?? นอกจากออกข่าว ว่า ไม่มีอะไร้ ไม่น่ากลัว แต่คนติดเชื้อเพิ่มเป็นหลักร้อย หลักพันทุกวัน???
    มัวแต่กลัวว่าเศรษฐกิจจะทรุด การท่องเที่ยวจะกระทบ ...
    คิดกันบ้างมั้ยว่า ถ้าคนไทย ตัยหอง กันหมด จะมีเศรษฐกิจดีๆไว้ทำอารายจ๊ะ??
    เศรษฐกิจ คือ สิ่งที่เราสร้างได้แน่นอน ถ้าคนไทยยังมีลมหายใจอยู่คับ (ว้อยยยยยย )
    __________________________

    "ทำเสียงอย่างนี้ ซื้อมาอีกใบแล้วสิ"

    #### รู้ทันอีกแล้ว เซ็ง ####

  7. #7
    noo_pizza's Avatar
    noo_pizza is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,683
    และคุณสื่อมวลชนครับ ... ผมว่า ถึงเวลาแล้วที่พวกคุณจะต้องพูดความจริง.....
    ถ้าจำไม่ได้ว่าผมพล่ามอะไร ให้ พูดดังนี้นะครับ
    1. โรคนี้ อันตรายครับ .... และยังกลายพันธุ์ให้อันตรายกว่านี้ได้อีกในปลายปีนี้ครับ
    2. โรคนี้ หวังพึ่งยารักษา ไม่ได้ครับ และตอนนี้เริ่มดื้อยาแล้วด้วยครับ
    3. โรคนี้ต้องป้องกันอย่างเดียวครับ
    4. จะควบคุมการระบาดได้ ต้องพร้อมใจกัน ใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ พร้อมกันทั้งสังคมครับ
    5. จะควบคุมการระบาดได้ ปิดโรงเรียน โรงหนัง ศูนย์การค้าใหญ่ๆ ได้แล้วครับ ขอแค่ 3 วันก็ยังดีครับ!!!!!

    ของแถม (ส่วนนี้ถ้าอ่านไม่รู้เรื่อง ก็ช่างเถอะนะ)
    ขออธิบายเรื่องการกลายพันธุ์ ของไวรัสล้วนๆ จะได้รู้ว่าทำไมผมถึงคิดว่าเราควรตื่นตัว

    อธิบายความรู้พื้นฐานเพื่อให้เข้าใจก่อน

    HOST = เหยื่อ ที่ไวรัสเข้าไปฝังตัว ( มนุษย์ หรือ หมู / นก สัตว์ต่างๆที่มันเข้าไปสิง)
    HOST cell = เซลล์ ของเหยื่อ ที่ไวรัสเข้าไปฝังตัว ( เซลล์ มนุษย์ หรือ สัตว์)


    +++ปฏิบัติการเมื่อไวรัสเข้าไปใน HOST Cell+++

    ไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ครบองค์ประกอบของการเป็นเซลล์ มันจึงไม่สามารถแพร่พันธุ์ด้วยตัวเองได้ แต่จะแพร่พันธุ์โดยการฝังตัวเข้าไปใน HOST cell

    ดูรูปประกอบ พื้นที่ สีชมพูทั้งหมด คือ HOST cell
    รูปหกเหลี่ยมสีเหลือง คือไวรัส
    หมายเลข 1-2 คือ ไวรัส สัมผัสผิวเซลล์ แล้วจะละลายตัวเองเข้ากับผนังเซลล์ บุกเข้ามาภายใน Host Cell
    หมายเลข 3 เมื่อเข้ามาแล้ว ไวรัสจะสลายเปลือกตัวเอง เหลือแต่ RNA คือเกลียวสีแดงในรูป
    หมายเลข 4a RNA คือสารพันธุกรรมของไวรัส ที่จะหลอกล่อ RNA ของHost ( เกลียวสีน้ำเงิน) ให้มาประกบตัว เพื่อสร้างไวรัสตัวใหม่ออกมามากมาย ( ปกติ RNA ของมนุษย์ มีไว้สร้าง โปรตีน และสารจำเป็นอื่นๆต่อร่างกาย และแน่นอนมันเป็นสารที่มีรหัสพันธุกรรมมนุษย์อยู่ด้วย)
    ในรูป
    4b คือ RNA ไวรัส หลอก RNA มนุษย์ ให้สร้างเปลือกใหม่ ให้มันแทนอันที่มันสลายทิ้งไปตอนแรก
    4c คือ RNA ไวรัส หลอก RNA มนุษย์ ให้สร้าง RNA ไวรัสใหม่ (ที่ปะปนกับ RNA มนุษย์ เรียบร้อยแล้ว จะกลายพันธ์ได้ช่วงที่หนึ่งก็ตอนนี้แหละ)

    หมายเลข 5-6 ประกอบร่างกันใหม่อีกครั้ง ได้เป็นไวรัสลูก (ที่ขโมย RNA ของ Host มาผสมเรียบร้อย) จำนวนนับหมื่นนับแสน เข้าละลายผนังเซลล์ ของ Host แล้ว บุกออกจากตัว Host ออกสู่โลกภายนอกอีกครั้ง.......ระบาดดด นั่นเอง.....


    ไวรัสกลายพันธ์อย่างไร
    1. Mutation =การผ่าเหล่าของพันธุกรรม : วิธีนี้ช้า ในมนุษย์ ใช้เวลาหลายร้อยชั่วคน แต่ในไวรัส ไม่กี่รุ่นก็ทำได้ (จำคำอธิบายข้างต้นว่า เพียงพ่อเดียว( host ที่ไวรัสไปฝังตัว--> ไวรัสก็ออกลูกได้เป็นหมื่น จึงไม่ต้องรอหลายรุ่นอย่างมนุษย์) และแน่นอน ไม่ต้องรอนับพันปีอย่างมนุษย์ ไวรัสใช้เวลาเป็นวัน หรือ ชั่วโมงเท่านั้น
    2. Genetic Recombination เป็นวิธีที่เร็วอย่างน่ากลัวเข้าไปอีก อธิบายดังนี้.....

    โปรดดูรูปประกอบอีกครั้ง เกลียวสีแดงๆนั้นแทน RNA ซึ่งล่องลอยไปมาในเซล
    คราวนี้ลองนึกภาพว่า ถ้ามีไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2 ชนิดขึ้นไปบุกเข้าไปในเซล์Host พร้อมกัน ไวรัสนั้นจะสลายเกราะ ปล่อย RNA ของมันออกมาล่องลอยในเซลล์ ก่อนจะประกอบร่างตัวเองขึ้นมาใหม่เป็นไวรัสลูกหลานออกนอกเซลล์ ไอ้ตอนนี้แหละท่านผู้ชม... มันก็ลากเอา RNA อะไรก็ได้มาประกอบร่าง ( ทั้งของไวรัสอีกตัวนึง กับของ Host ) ผสมกันออกจากเซลล์ กลายเป็น ไวรัสพันธุ์ใหม่เสร็จสรรพ.....


    นี่คือที่มาว่า ไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1 ธรรมด๊าธรรมดา กลายมาเป็นไข้หวัดหมู เม็กซิโก 2009 ได้ยังไง
    สรุปง่ายๆคือ Host ( คนหรือสัตว์) เกิดแจ็คพ็อตติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2 ชนิดขึ้นไปในคราวเดียวกัน ไวรัสก็จะไปผสมพันธุ์กันในร่างเหยื่อคนนั้น ก่อให้เกิดไวรัสพันธ์ใหม่ พร้อมกันทีเดียวหลายพันหลายหมื่นเผ่าพันธ์ แต่แน่นอน การผสมมั่วซั่วเหล่านี้ ไวรัสพันธ์ใหม่ที่ได้ส่วนใหญ่ จะอยู่ไม่รอดในธรรมชาติ แต่มันหลุดมาเป็นหมื่นชนิดมีหรือจะไม่มีชนิดนึงเล็ดรอด ใช่แล้ว และตัวที่รอดออกมาก็คือ “ ไข้หวัดใหญ่ เม็กซิโก 2009 SWINE FLU ”

    ดูแล้วพอจินตนาการได้มั้ยครับ ว่า ถ้ามันจะกลายพันธุ์ต่อก็ใช้วิธีเดียวกันได้ไม่ยากเลย!!!!!!



    The bad news: the flu vaccine will not protect you.
    ข่าวร้าย วัคซีนไข้หวัดแบบปัจจุบันยังป้องกันอะไรไม่ได้

    The good news: antiviral drugs (Tamiflu and Relenza) will work.
    ข่าวดี : เค้าว่า ยา Tamiflu ช่วยได้

    The bad news: antiviral drugs are not very effective after symptoms start, which is why they are not commonly used in medical practice.
    ข่าวร้าย : ยาพวกนั้น จะใช้ไม่ค่อยได้ผล เมื่อเริ่มมีอาการแล้วววว นั่นคือสาเหตุที่หมอเองยังไม่ค่อยมีโอกาสสั่งยาพวกนี้เลย ( ใครมันจะไปหาหมอกินยาก่อนมีอาการฟะ????)

    __________________________

    "ทำเสียงอย่างนี้ ซื้อมาอีกใบแล้วสิ"

    #### รู้ทันอีกแล้ว เซ็ง ####

  8. #8
    wannit's Avatar
    wannit is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    490
    ขอแปะด้วย ได้รับ fwd mail มาจ้า

    อย่าเชื่อข้อมูลของ สธ. .. เรากับลูกก็ป่วย ตอนนี้ก็ยังอยู่ที่ รพ. ข้อมูลที่ Under Report มีอีกเยอะมาก อย่าง case ของเราก็ under เหมือนกัน

    เรื่องของเรื่อง ลูกเรา (6 ขวบกว่า) ป่วยก่อน เมื่อ 2 วันก่อนเค้ามีอาการปวดหัวรุนแรงและไข้สูงมาก ให้ทานยาลดไข้ ไข้ก็ไม่ยอมลดลง เช็ดตัวก็แล้วทำอย่างไรๆ ไข้ก็ไม่ลดลง เราเลยตัดสินใจพามา รพ. เมื่อพบหมอ

    เรายืนยันกับหมอว่าเราจะขอทำ Screen Flu (เป็นการ Screen หาความเสี่ยงเบื้องต้น) การทำ Screen Flu หมอจะทำให้เฉพาะผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อ เช่นคลุกคลีกับผู้ป่วยโดยตรง แต่ลูกเราไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ทุกคนที่บ้านแข็งแรงดี โรงเรียนก็รักษาสุขอานามัยอย่างดี เราไม่พาลูกไปในที่ชุมชนและไม่ให้ว่ายน้ำในสระมาเดือนกว่าแล้ว จึงไม่ควรจะติดเชื้อได้ แต่ถึงอย่างไรเราก็ยืนยันกับหมอว่าเราจะขอ Screen

    ลืมบอกไปว่าลูกเรา (และเราด้วย) ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ (ธรรมดา) ไปเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมานี่เอง ดังนั้นโอกาสที่จะเป็นไข้หวัดใหญ่ธรรมดาคงจะไม่มีแน่ๆ และเมื่อผล Screen ออกมาในครั้งนั้นปรากฎว่าลูกเราเป็น Negative (หมายถึงไม่ติดเชื้อในกลุ่มของ H1N1)

    เราและหมอยังไม่นิ่งนอนใจ เราเลยขอหมอ Admit เพื่อความสบายใจ เนื่องจากลูกเราไข้สูงมาก (โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 39 องศา) คุณหมอให้เราพักที่โรงพยาบาลตามที่เรา Request และเมื่อถึงตอนเช้าคุณหมอมาเยี่ยมและขอนำเชื้อไปทำ Screen Flu อีกเป็นครั้งที่ 2 เรายินดีตามที่หมอเสนอ เพราะหมอให้ความเห็นว่า เมื่อการตรวจครั้งแรกนั้น ระยะห่างระหว่างการจับไข้กับการตรวจห่างกันแค่ 4 ชั่วโมง อาจจะยังไม่ปรากฎการติดเชื้อให้เห็นชัด แต่ถ้าไข้ยังสูงขนาดนี้ขอตรวจอีกครั้งเพื่อความชัวร์ดีกว่า

    เมื่อผลตรวจออกมา ลูกเรา Positive จริงๆ และหมอถามเราว่าต้องการส่งตรวจหา 2009 ต่อหรือเปล่า แต่เราปฏิเสธเพราะทั้งหมอและเรารู้อยู่แล้วว่าลูกเราติดเชื้อแน่ๆ (เค้าไม่มีทางเป็นไข้หวัดใหญ่ธรรมดา เพราะเพิ่งฉีดวัคซีนไป และข้อบ่งชี้ค่อนข้างเด่นชัด)

    อ้อ .. ลืมบอกไปอีกว่าถ้าผล Screen Flu ออกมาเป็น Positive จะมีความหมายว่า มีโอกาสติดเชื้อด้วยกัน 3 ตัวคือ H1N1 ไข้หวัดใหญ่ธรรมดา, H1N1 ไข้หวัดใหญ่ 2009, และตัวสุดท้ายคือ H2N3 ซึ่งคนไทยไม่ค่อยเป็น ซึ่งถ้าติดเชื้อตัวใดตัวหนึ่งใน 3 ตัวนี้ วิธีรักษาจะเหมือนกันทั้ง 3 ตัว ดังนั้นถ้าผลการตรวจออกมาเป็น Positive หมอจะถามว่าต้องการให้ส่งตรวจ Final เพื่อดูว่าเป็นไข้หวัด 2009 หรือไม่ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกประมาณ 2,500 บาท แต่หมอก็จะบอกว่าแต่อย่างไรก็ตามวิธีการ treat ก็เหมือนกันกับไข้หวัดใหญ่ตัวอื่นๆ อยู่แล้ว

    และเมื่อเราไม่ส่งตรวจเพื่อ Final ข้อมูลของลูกเราก็จะไม่ถูกส่งไปที่ สธ. และอยากจะบอกว่า วันที่ลูกเรามา รพ. นั้น เชื้อได้เข้าไปถึงหูชั้นในและโพรงจมูกแล้ว ซึ่งระยะเวลาจับไข้กับการพบหมอห่างกันเพียง 4 ชั่วโมง ซึ่งอยากจะเตือนทุกท่านว่าเชื้อตัวนี้แรงและแพร่เร็วมาก อย่านิ่งนอนใจถ้าท่านหรือบุตรหลานของท่านมีไข้สูง ปวดศรีษะมาก ขอหมอตรวจเพื่อให้ละเอียดเลยดีกว่าค่ะ

    หลังจากเรามาเฝ้าลูกเพียงแค่วันเดียว ปรากฎว่าเราเริ่มมีอาการปวดเมื่อยตามตัวและเป็นไข้ ไอไม่หยุด เราจึงรีบไปตรวจ ปรากฎว่าเราก็ติดเชื้อเหมือนลูกแต่ที่น่ากลัวคือ เราเป็นไข้แค่ 3 ชั่วโมงแต่เมื่อไปตรวจ ปอดของเราเริ่มมีอาการติดเชื้อแล้ว ถ้าทิ้งไว้นานกว่านี้อาจจะเป็นปอดอักเสบ หรือโรคแทรกซ้อนอย่างอื่นๆ ได้

    วันนี้เป็นวันที่ 3 ที่เราอยู่ รพ. อาการของลูกดีขึ้นมาก และจะกลับบ้านวันนี้แล้ว ส่วนเรายังอ่อนเพลียอยู่ ยังมีอาการปวดตามตัวอยู่บ้าง แต่ดีขึ้นจากเมื่อวานเยอะมาก และคงจะขอหมอกลับบ้านพร้อมลูกเลย

    อยากเตือนว่า ไข้หวัด 2009 ติดง่าย ป่วยไว ลุกลามไว ติดเชื้อไว แต่รักษาง่าย หายไว ถ้ารีบรักษาภายใน 48 ชั่วโมง ดังนั้นถ้าท่านหรือคนใกล้ชิดท่านป่วยมีไข้ ปวดศรีษะ ปวดตามตัวและไอ อย่านิ่งนอนใจ รีบตรวจโดยด่วนเลยค่ะ

    ด้วยความปรารถนาดีค่ะ
    เพิ่งหายจากไข้หวัด 2009

  9. #9
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    35
    ขอบคุณมากเลยค่ะ ที่นำมาบอก

    อ่านแล้วน่ากลัวจัง ตอนนี้ก็ตัวร้อนๆอยู่น่ะ แต่ไม่มาก
    ~romper stomper~

    SO MUCH LOVE YOU TAKE FROM ME

  10. #10
    wannit's Avatar
    wannit is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    490
    Quote Originally Posted by silly-billy View Post
    ขอบคุณมากเลยค่ะ ที่นำมาบอก

    อ่านแล้วน่ากลัวจัง ตอนนี้ก็ตัวร้อนๆอยู่น่ะ แต่ไม่มาก
    น่ากลัวเนอะคะ ตอนนี้โอ๋ก็เริ่มรุมๆ แล้ว แต่อาการไอเนี่ย เป็นมาเกือบเดือนแย้วววว

    งานที่ทำอยู่ ก็เจอคนเยอะซะด้วย เหอๆๆๆ

Page 1 of 2 1 2 LastLast

Similar Threads

  1. TM: เรื่องน่ารู้-สมุนไพรแก้เบาหวาน
    By pangpor in forum VENUS; Beauty, Life, Love, Family ครอบครัว ความรัก ความงาม
    Replies: 5
    Last Post: 10-05-2009, 09:21 PM
  2. 7 August 2009
    By nooni in forum HUMAN; All General Interests เรื่องสนใจส่วนตัว ชมรม ทั่วไป
    Replies: 19
    Last Post: 08-05-2009, 01:47 AM
  3. *****ไข้หวัดใหญ่ 2009*****
    By nimnim in forum WORLD; Around you เรื่องราวส่วนรวมรอบตัว
    Replies: 9
    Last Post: 06-19-2009, 05:55 PM
  4. บัตรมอเตอร์โชว์ 2009
    By Babinie in forum HUMAN; All General Interests เรื่องสนใจส่วนตัว ชมรม ทั่วไป
    Replies: 4
    Last Post: 04-02-2009, 12:15 AM
  5. เรื่องน่ารู้ สำหรับคนชอบกินไอติม (ห้ามพลาด)
    By ople in forum MARS; Study, Work, Sport, Travel ความก้าวหน้า กีฬา ท่องเที่ยว
    Replies: 7
    Last Post: 04-13-2008, 10:24 AM

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •