เมื่อคืนตอน 0015-0245 เป็นช่วงเวลาที่คนใน LA มารวมกันที่ Staple center เพื่ออำลาศิลปินคนนี้

และหนึ่งในนั้นก็คือผมแม้ว่าจะไม่ได้ไปที่งาน แต่ก็นั่งเฝ้าทีวีแบบไม่ละสายตา



Remember him Michael Jackson......



ข้อความที่เป็นคำพูดและคำแปล เอามาจาก pantip.com นะครับ ตาม Link ฝีมือคุณ Hermione Granger
http://www.pantip.com/cafe/chalermkr.../C8058900.html

QUEEN LATIFAH

"I'm here representing millions of fans around the world who
grew up listening to Michael, being inspired and loving Michael
from a distance.

Somehow when Michael Jackson sang and when he danced...
we felt he was right there. He made you believe in yourself."

ฉันมาที่นี่ ในฐานะของตัวแทนของแฟนๆที่อยู่ทั่วโลก ที่เติบโตขึ้นมาพร้อมๆกับ
ฟังเพลงของไมเคิล ได้รับแรงบันดาลใจจากเขา ได้รักไมเคิล แม้ว่าจะอยู่ห่าง
ไกลกับเขาแค่ไหนก็ตาม

บางครั้ง เวลาไมเคิลร้องเพลง หรือเต้น เราจะรู้สึกเหมือนกับว่า เขาอยู่ตรงหน้าเรา
เขาทำให้เรานั้น เชื่อมั่นในตัวเอง ..



ต่อด้วย


เพลง I'll be there by Mariah Carey & Lionel Richie


ต่อด้วย


BERRY GORDY, MOTOWN FOUNDER

"Michael Jackson went into orbit and never came down.
Though it ended way too soon, Michael's life was beautiful.

"Sure there was some sad times and maybe some questionable
decisions on his part, but Michael Jackson accomplished
everything he dreamed of."

ไมเคิล แจ๊คสัน ได้จากไป และจะไม่มีวันกลับมา
ถึงแม้ว่าเส้นทางนี้จะจบลงเร็วเกินไป แต่ชีวิตของไมเคิล ก็สวยงาม...

แน่นอนว่าอาจจะมีช่วงเวลาที่น่าเศร้า และอาจจะมีคำถามถึงการตัดสินใจ
ในช่วงชีวิตของเขา แต่ไมเคิล แจ๊คสัน ก็ได้ทำทุกอย่างที่เขาเคยฝันไว้



ต่อด้วย

MAGIC JOHNSON

"I want to thank Michael for opening up so many doors for African
Americans to be on daytime shows, late night shows. He allowed
Kobe [Bryant] and I to have our jerseys in people's homes across
the world, because he was already there."

ผมอยากขอบคุณไมเคิล แจ๊คสัน ที่เป็นคนเปิดประตูหลายๆบานให้กับเรา
ชาว แอฟริกัน อเมริกัน ให้ได้มีโอกาสต่างๆมากมาย เขาทำให้ผมและโคบี้
ได้มีชื่อเสียงไปทั่วโลก (มีเสื้อของเขากับโคบี้ติดอยู่ตามบ้านต่างๆทั่วโลก
เหมือนมีแฟนคลับทั่วโลก) เป็นเพราะเขาได้นำทางไปไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ...

มีเรื่อง KFC อีก น่ารักมากๆ
จอห์นสันเล่าให้ฟังว่า ไมเคิลอยากให้เขาเล่น MV remember the time
ก็เลยได้นัดกินข้าวกัน ปรากฏว่า ไมเคิลเอาไก่ KFC มานั่งกิน (รู้สึกว่าขณะที่
ของจอห์นสันนั้น ไมเคิลเตรียม ไก่อบมาให้ ) สุดท้าย ก็เลยได้แบ่งกันกิน
ไก่ KFC ที่พื้น แล้วได้พูดคุย ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันหลายๆเรื่อง

จอห์นสันบอกว่า นั่นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตเขาเลย ...



ต่อด้วย


STEVIE WONDER


"This is a moment that I wish that I didn't live to see come.

"But as much as I can say that and mean it, I do know that God
is good and I do know that as much as we may feel -
and we do - that we need Michael here with us,
God must have needed him far more."

นี่เป็นช่วงเวลาที่ผมหวังว่า ผมคงไม่ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อเห็นวันนี้ ...

เท่าที่ผมสามารถเอ่ยได้ .. ผมรู้ว่าพระเป็นเจ้านั้น ยิ่งใหญ่ที่สุด
และผมก็รู้ว่า ยิ่งเรารู้สึก และเมื่อเรากระทำสิ่งใด ..
อย่างที่เราต้องการให้ไมเคิลอยู่ที่นี่กับเรามากเพียงไร ...
พระองค์คงต้องการไมเคิลมากกว่าเรานัก ...



ต่อด้วย


Will You Be There by Jenifer Hudson

เสียงของเธอคนนี้ ไว้ใจได้จริงๆ กระชากอารมณ์ขาดกระจุย



ต่อด้วย


BROOKE SHIELDS

"Michael was one of a kind. Whenever we were out together and
there would be a picture taken, there would be caption of some
kind, and the caption usually said something like, 'an odd couple'
or 'an unlikely pair.'

ไมเคิลเป็นคนที่จิตใจดีที่สุดคนนึง เมื่อไหร่ก็ตามที่เราออกไปด้วยกัน
เราจะต้องถูกถ่ายรูป และจะต้องถูกพูดถึงใต้ภาพว่า "คู่ที่แปลกประหลาด"
หรือ "คู่ที่ช่างไม่สมกันเลย"

"But to us it was the most natural and easiest of friendships.
I was 13 when we met, and from that day on our friendship grew.
Michael always knew he could count on me to support him or be
his date.

แต่สำหรับเรา มันเป็นสิ่งที่ธรรมชาติ แต่ง่ายดายที่สุด ในการที่จะเป็นเพื่อนกับ
ไมเคิล ตอนนั้น ฉันอายุ 13 ตอนที่เราเจอกันครั้งแรก และจากวันนั้น มิตรภาพ
ของเราก็เติบโตขึ้น.. ไมเคิลรู้เสมอว่าเขาสามารถไว้ใจฉัน ให้คอยช่วยเหลือเขา
หรือแม้กระทั่ง to be his date !!! (แปลว่าไรดี)

"We had a bond. Maybe it was because we both understood what
it was like to be in the spotlight from a very, very young age.
Both of us needed to be adults very early, but when we were
together, we were two little kids having fun."

เรามีอะไรบางอย่างที่สื่อถึงกัน บางทีอาจจะเพราะเราทั้งคู่ต่างเข้าใจในสภาวะ
ที่ต้องอยู่ท่ามกลางแสงไฟตั้งแต่ยังเด็ก.. เด็กมากๆ

เราทั้งคู่ต่างต้องเป็นผู้ใหญ่ก่อนเด็กคนอื่นๆ แต่เมื่อเราอยู่ด้วยกัน
เราต่างเป็นแค่เด็กเล็กๆสองคน ที่เล่นสนุกสนานกัน ...


และนี่คือจากหนังสือ Little Prince ที่เธออ่านให้ MJ

"What moves me so deeply, about this sleeping prince...is his loyalty
to a flower--the image of a rose shining within him like a flame within
a lamp, even when he's asleep. And I realized he was even more
fragile than I had thought. Lamps must be protected. A gust of wind
can blow them out."

สิ่งที่จับใจฉันอย่างมาก เกี่ยวกับเจ้าชายที่นอนหลับไหลอยู่ตรงนี้
คือความซื่อตรงที่เขามีต่อดอกไม้ คือภาพดอกกุหลาบดอกหนึ่ง
ซึ่งส่องแสงเจิดจ้าในตัวเขา ดุจเปลวไฟในตะเกียง แม้ในยามที่เขาหลับอยู่….

เจ้าชายน้อย บอบบางมากกว่าที่ฉันคิด เขาเหมิอนกับตะเกียงที่เราต้องคอยระวัง
เพราะลมพัดเพียงวูบเดียว ก็อาจทำให้แสงแห่งตะเกียงนั้นดับวูบลงได้ ...


"Eyes are blind. You have to look with the heart.
What's most important is invisible."

ตานั้นมืดบอดได้ คุณต้องมองมันด้วยหัวใจ
สิ่งที่สำคัญที่สุด เราใช้ตามองไม่เห็นมันหรอก ...




ฟังเสร็จเนี่ยจะตายแล้ว จะกลั้นไม่อยู่แล้ว

มาต่อที่

Usher--Gone to Soon

น้ำตาหยดเลย โดยเฉพาะตอนที่เดินไปแตะโลงร้องเพลง และ Usher ร้องไห้จริงๆ



ต่อด้วย

REV AL SHARPTON


"it was Michael Jackson that brought blacks
and whites and Asians and Latinos together.

Michael made us love each other.

"I want his three children to know, there wasn't nothing strange
about your daddy. It was strange what your daddy had to deal
with.
He dealt with it anyway. He dealt with it for us."

ไมเคิล แจ๊คสัน ที่ทำให้คนทั่วโลก ไม่ว่าจะขาว ดำ เอเชี่ยน หรือลาติน
สามารถเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ...

ไมเคิลทำให้เรารักกันและกัน ...

ผมอยากบอกลูกๆทั้งสามของไมเคิลให้ได้รู้
ไม่มีอะไรที่แปลกประหลาดเกี่ยวกับพ่อของหนู
แต่สิ่งที่เขาต้องเผชิญรอบๆตัวต่างหากที่มันน่าประหลาด

และเขาก็ต้องรับมือกับสิ่งเหล่านั้นให้ได้
เขาพยายามรับมือกับสิ่งเหล่านั้น เพื่อเราทุกคน ...


ส่วนที่เป็นสีแดงนั้น ผมชอบที่สุดในค่ำคืนที่ผ่านมาครับ
ต่อด้วย



SMOKEY ROBINSON

"You don't think you'll live to see them gone...
He is going to live forever and ever and ever and ever."

คุณคงไม่เคยคิดว่า คุณจะต้องมาเห็นเขาจากไปก่อน ...
ไมเคิล จะมีชีวิตอยู่กับเราไปชั่วนิรันดร์...


จบด้วย 2 เพลง

We are the world
Heal the world


ตัวสั่นแล้ว กลั้นสุดๆ

และถึงตาพี่น้อง

MARLON JACKSON, BROTHER

Michael, when you left us, a part of me went with you. ...
I will treasure the good times, singing, dancing, laughing. ...
We will never understand what he endured ... being judged, ridiculed.
How much pain can one take?

Maybe, now, Michael, they will leave you alone."

ไมเคิล เมื่อคุณจากเราไป ส่วนหนึ่งของเรา ก็จากไปพร้อมกับคุณด้วย
ผมจะจดจำช่วงเวลาที่ดีของเรา ที่เราร้องเพลง เต้นรำ หัวเราะไปด้วยกัน
เราไม่อาจจะเข้าใจได้สิ่งที่เขาต้องยืนหยัดอดทนอยู่กับมัน
การถูกตราหน้าตัดสิน การถูกเยาะเย้ย

คนคนนึงจะทนรับความเจ็บปวดได้มากมายแค่ไหนกัน ...

บางทีนะไมเคิล ตอนนั้น พวกเขาคงจะยอมให้คุณได้อยู่คนเดียวบ้าง ...

JERMAINE JACKSON, BROTHER

"I'm lost for words. I was his voice and his backbone.
I had his back and so did the family. We thank you.
That's all I can say, we thank you very much."



จบที่เด็กคนนี้ สาวน้อยที่น่ารักที่สุด จนไม่น่าจะมาพบพานประสบการณ์แบบนี้ครับ



"I just wanted to say, ever since I was born,
Daddy has been the best father you can ever imagine.
And I just wanted to say I love him so much."

PARIS JACKSON, 11, DAUGHTER


จนถึงตอนนี้นั่งสะอื้น หยุดไม่อยู่ ไปเรียบร้อยแล้วครับ ตั้งแต่ Marlone บอกว่า Paris have something to say


จนถึงวันนี้ยังใจหายอยู่เลย จำได้ว่าตอนนั้นพยายามขนาดไหนที่จะร้องเพลง Heal the world เสียดายแค่ไหนที่ไม่ได้ไปดู concert ประวัติศาสตร์

มีบางช่วงที่ลืมเค้าไป ผมลืมเค้าไปได้อย่างน่าตกใจ จนมาเห็นแถลงข่าว This is it หัวใจก็พองกลับมาอีกครั้ง ว่าอยากเห็นเค้าขึ้นไปที่ๆ ของเค้าอีกครั้ง....บนเวที

แต่แล้วโอกาสนั้นก็จากเราไปอีกแล้ว ดวงดาวได้กลับไปสู่ที่ที่เค้าจากมาแล้ว

Farewell MJ คุณจะเป็นความทรงจำของผม และในความทรงจำนั้นคุณจะมีชีวิตตลอดไป