Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 9 of 9

Thread: ความสุขที่ถูกมองข้าม.............

Hybrid View

  1. #1
    hut2211's Avatar
    hut2211 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,986

    Talking ความสุขที่ถูกมองข้าม.............

    ความสุขที่ถูกมองข้าม


    คุณเป็นคนหนึ่งหรือไม่ที่เชื่อว่า ยิ่งมีเงินทองมากเท่าไร
    ก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น ความเชื่อดังกล่าวดูเผินๆ
    ก็น่าจะถูกต้องโดยไม่ต้องเสียเวลาพิสูจน์
    แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ประเทศไทยน่าจะมีคนป่วยด้วยโรคจิตน้อยลง
    มิใช่เพิ่มมากขึ้น ทั้งๆ ที่รายได้ของคนไทยสูงขึ้นทุกปี


    ในทำนองเดียวกันผู้จัดการก็น่าจะมีความสุขมากกว่าพนักงานระดับล่างๆ
    เนื่องจากมีเงินเดือนมากกว่า แต่ความจริงก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป
    ไม่นานมานี้มหาเศรษฐีคนหนึ่งของไทยได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่า
    เขารู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต เขาพูดถึงตัวเองว่า “ชีวิต (ของผม)
    เริ่มหมดค่าทางธุรกิจ” ลึกลงไปกว่านั้นเขายังรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความหมาย
    เขาเคยพูดว่า “ผมจะมีความหมายอะไร
    ก็เป็นแค่....มหาเศรษฐีหมื่นล้านคนหนึ่ง”

    เมื่อเงินหมื่นล้านไม่ทำให้มีความสุข เขาจึงอยู่เฉยไม่ได้
    ในที่สุดวิ่งเต้นจนได้เป็นรัฐมนตรี
    ขณะที่เศรษฐีหมื่นล้านคนอื่นๆ ยังคงมุ่งหน้าหาเงินต่อไป
    ด้วยความหวังว่าถ้าเป็นเศรษฐีแสนล้านจะมีความสุขมากกว่านี้
    คำถามก็คือ เขาจะมีความสุขเพิ่มขึ้นจริงหรือ ?

    คำถามข้างต้นคงมีประโยชน์ไม่มากนักสำหรับคนทั่วไป
    เพราะชาตินี้คงไม่มีวาสนาแม้แต่จะเป็นเศรษฐีร้อยล้านด้วยซ้ำ
    แต่อย่างน้อยก็คงตอบคำถามที่อยู่ในใจของคนจำนวนไม่น้อยได้บ้างว่า
    ทำไมอัครมหาเศรษฐีทั้งหลาย รวมทั้งบิล เกตส์ จึงไม่หยุดหาเงินเสียที
    ทั้งๆ ที่มีสมบัติมหาศาล ขนาดนั่งกินนอนกินไป ๗ ชาติก็ยังไม่หมด

    แต่ถ้าเราอยากจะค้นพบคำตอบให้มากกว่านี้
    ก็น่าจะย้อนถามตัวเองด้วยว่า
    ทำไมถึงไม่หยุดซื้อแผ่นซีดีเสียทีทั้ง ๆ ที่มีอยู่แล้วนับหมื่นแผ่น
    ทำไมถึงไม่หยุดซื้อเสื้อผ้าเสียทีทั้ง ๆ ที่มีอยู่แล้วเกือบพันตัว
    ทำไมถึงไม่หยุดซื้อรองเท้าเสียทีทั้ง ๆ ที่มีอยู่แล้วนับร้อยคู่
    แผ่นซีดีที่มีอยู่มากมายนั้น บางคนฟังทั้งชาติก็ยังไม่หมด
    ในทำนองเดียวกัน เสื้อผ้า หรือรองเท้าที่มีอยู่มากมายนั้น
    บางคนก็เอามาใส่ไม่ครบทุกตัวหรือทุกคู่ด้วยซ้ำ
    มีหลายตัวหลายคู่ที่ซื้อมาโดยไม่ได้ใช้เลย
    แต่ทำไมเราถึงยังอยากจะได้อีกไม่หยุดหย่อน

    ใช่หรือไม่ว่าสิ่งที่เรามีอยู่แล้วในมือนั้น
    ไม่ทำให้เรามีความสุขได้มากกว่าสิ่งที่ได้มาใหม่

    มีเสื้อผ้าอยู่แล้วนับร้อย
    ก็ไม่ทำให้จิตใจเบ่งบานได้เท่ากับเสื้อ ๑ ตัวที่ได้มาใหม่
    มีซีดีอยู่แล้วนับพันก็ไม่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นได้เท่ากับซีดี ๑ แผ่นที่ได้มาใหม่
    ในทำนองเดียวกันมีเงินนับร้อยล้านในธนาคาร
    ก็ไม่ทำให้รู้สึกปลาบปลื้มใจเท่ากับเมื่อได้มาใหม่อีก ๑ ล้าน


    พูดอีกอย่างก็คือ คนเรานั้นมักมีความสุขจากการได้
    มากกว่าความสุขจากการมี มีเท่าไรก็ยัง อยากจะได้มาใหม่
    เพราะเรามักคิดว่าของใหม่จะให้ความสุขแก่เราได้มากกว่าสิ่งที่มีอยู่เดิม
    บ่อยครั้ง ของที่ได้มาใหม่นั้นก็เหมือนกับของเดิมไม่ผิดเพี้ยน
    แต่เพียงเพราะว่ามันเป็นของใหม่ ก็ทำให้เราดีใจแล้วที่ได้มา


    จะว่าไปนี่อาจเป็นสัญชาตญาณที่มีอยู่กับสัตว์หลายชนิด
    ไม่เฉพาะแต่มนุษย์เท่านั้น ถ้าโยนน่องไก่ให้หมา หมาก็จะวิ่งไปคาบ
    แต่ถ้าโยนน่องไก่ชิ้นใหม่ไปให้มันจะรีบคายของเก่าและคาบชิ้นใหม่แทน
    ทั้งๆ ที่ทั้งสองชิ้นก็มีขนาดเท่ากัน ไม่ว่าหมาตัวไหนก็ตาม
    ของเก่าที่มีอยู่ในปากไม่น่าสนใจเท่ากับของใหม่ที่ได้มา

    ถ้าหากว่าของใหม่ให้ความสุขได้มากกว่าของเก่าจริง
    เรื่องก็น่าจะจบลงด้วยดี
    แต่ปัญหาก็คือของใหม่นั้นไม่นานก็กลายเป็นของเก่า
    และความสุขที่ได้มานั้นในที่สุดก็จางหายไป
    ผลก็คือกลับมารู้สึก “เฉยๆ” เหมือนเดิม
    ดังนั้นจึงต้องไล่ล่าหาของใหม่มาอีก
    เพื่อหวังจะให้มีความสุขมากกว่าเดิม แต่แล้วก็วกกลับมาสู่จุดเดิม


    เป็นเช่นนี้ไม่รู้จบ น่าคิดว่าชีวิตเช่นนี้จะมีความสุขจริงหรือ ?
    เพราะไล่ล่าแต่ละครั้งก็ต้องเหนื่อย
    ไหนจะต้องขวนขวายหาเงินหาทอง
    หนจะต้องแข่งกับผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ
    ครั้นได้มาแล้วก็ต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ ไม่ให้ใครมาแย่งไป
    แถมยังต้องเปลืองสมองหาเรื่องใช้มันเพื่อให้รู้สึกคุ้มค่า
    ยิ่งมีมากชิ้นก็ยิ่งต้องเสียเวลาในการเลือกว่าจะใช้อันไหนก่อน


    ทำนองเดียวกับคนที่มีเงินมากๆ
    ก็ต้องยุ่งยากกับการตัดสินใจว่าจะไปเที่ยวลอนดอน
    นิวยอร์ค เวกัส โตเกียว มาเก๊า หรือซิดนีย์ ดี

    ถ้าเราเพียงแต่รู้จักแสวงหาความสุขจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว
    ชีวิตจะยุ่งยากน้อยลงและโปร่งเบามากขึ้น
    อันที่จริงความพอใจในสิ่งที่เรามีนั้นไม่ใช่เรื่องยาก
    แต่ที่เป็นปัญหาก็เพราะเราชอบมองออกไปนอกตัว
    และเอาสิ่งใหม่มาเทียบกับของที่เรามีอยู่
    หาไม่ก็เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
    เมื่อเห็นเขามีของใหม่ ก็อยากมีบ้าง

    คงไม่มีอะไรที่จะทำให้เราทุกข์ได้บ่อยครั้งเท่ากับ
    การชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
    การเปรียบเทียบจึงเป็นหนทางลัดไปสู่ความทุกข์ที่ใครๆ ก็นิยมใช้กัน
    นิสัยชอบเปรียบเทียบกับคนอื่นทำให้เราไม่เคยมีความพอใจในสิ่งที่ตนมีเสียที
    แม้มีแฟนที่ดีก็ยังไม่พอใจเพราะรู้สึกว่าแฟนของคนอื่นสวยกว่า หล่อกว่า
    หรือเอาใจเก่งกว่า แม้มีลูกที่น่ารักก็ยังไม่พอใจเพราะรู้สึกว่าสู้ลูกของคนอื่นไม่ได้
    แม้จะมีหน้าตาดี้ ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่สวย
    เพราะไปเปรียบเทียบตัวเองกับดาราหรือพรีเซนเตอร์ในหนังโฆษณา

    การมองแบบนี้ทำให้ “ขาดทุน” สองสถาน
    คือนอกจากจะไม่มีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว
    ยังเป็นทุกข์เพราะไม่ได้สิ่งที่อยาก
    พูดอีกอย่างคือไม่มีความสุขกับปัจจุบัน
    แถมยังเป็นทุกข์เพราะอนาคตที่พึงปรารถนายังมาไม่ถึง

    ไม่มีอะไรที่เป็นอุทธาหรณ์สอนใจได้ดีเท่ากับนิทานอีสปเรื่องหมาคาบเนื้อ
    คงจำได้ว่า มีหมาตัวหนึ่งได้เนื้อชิ้นใหญ่มา ขณะที่กำลังเดินข้ามสะพาน
    มันมองลงมาที่ลำธาร เห็นเงาของหมาตัวหนึ่ง (ซึ่งก็คือตัวมันเอง)
    กำลังคาบเนื้อชิ้นใหญ่ เนื้อชิ้นนั้นดูใหญ่กว่าชิ้นที่มันกำลังคาบเสียอีก
    ด้วยความโลภ (และหลง) มันจึงคายเนื้อที่คาบอยู่
    เพื่อจะไปคาบชิ้นเนื้อที่เห็นในน้ำ ผลก็คือเมื่อเนื้อตกน้ำ
    ชิ้นเนื้อในน้ำก็หายไป มันจึงสูญทั้งเนื้อที่คาบอยู่และเนื้อที่เห็นในน้ำ

    บ่อเกิดแห่งความสุขมีอยู่กับเราทุกคนในขณะนี้อยู่แล้ว
    เพียงแต่เรามองข้ามไปหรือไม่รู้จักใช้เท่านั้น
    เมื่อใดที่เรามีความทุกข์แทนที่จะมองหาสิ่งนอกตัว
    ลองพิจารณาสิ่งที่เรามีอยู่และเป็นอยู่ ไม่ว่ามิตรภาพ
    ครอบครัว สุขภาพ ทรัพย์สิน รวมทั้งจิตใจของเรา
    ล้วนสามารถบันดาลความสุขให้แก่เราได้ทั้งนั้น
    ขอเพียงแต่เรารู้จักชื่นชม รู้จักมอง และจัดการอย่างถูกต้องเท่านั้น
    แทนที่จะแสวงหาแต่ความสุขจากการได้
    ลองหันมาแสวงหาความสุขจากการมี หรือจากสิ่งที่มี
    ขั้นต่อไปคือการแสวงหาความสุขจากการให้
    กล่าวคือ ยิ่งให้ความสุข ก็ยิ่งได้รับความสุข
    สุขเพราะเห็นน้ำตาของผู้อื่นเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม
    และสุขเพราะภาคภูมิใจที่ได้ทำความดีและทำให้ชีวิตมีความหมาย
    จากจุดนั้นแหละก็ไม่ยากที่เราจะค้นพบความสุขจากการไม่มี


    นั่นคือสุขจากการปล่อยวาง ไม่ยึดถือในสิ่งที่มี
    และเพราะเหตุนั้นแม้ไม่มีหรือสูญเสียไป
    ก็ยังเป็นสุขอยู่ได้ เกิดมาทั้งที
    น่าจะมีโอกาสได้สัมผัสกับความสุขจากการให้และการไม่มี
    เพราะนั่นคือสุขที่สงบเย็นและยั่งยืนอย่างแท้จริง



    ขอบคุณบทความดี ๆ จาก
    http://www.idol4u.com/community/thread-1832-1-3.html
    บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้น ใจย่อมอยู่สบาย......
    อย่าเรียกร้องในสิ่งที่ไม่มี แต่จงภูมิใจในสิ่งที่มีอยู่...
    โกงเค้าชาตินี้ 1 ต้องใช้เค้าชาติหน้าเป็น พัน ทำทำไม?
    ศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่คนเสื่อมจากศาสนา

    ธรรมนิยายธรรมะผู้สละโลก
    http://groups.google.com/group/DhammaSawasdee/web/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81


  2. #2
    ratkatu's Avatar
    ratkatu is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    173
    ขอบคุณบทความดีๆค่ะ
    AcHTuNg BiSSiGeR HuNd!!!!!

  3. #3
    wawe's Avatar
    wawe is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    685
    ขอบคุณบทธรรมดี ๆนะคะ
    ความง่ายอยู่ที่ปาก ความยากอยู่ที่ทำ
    การรู้จักปล่อยวาง เป็นวิถีทางแห่งความสุขสงบ
    มนุษย์ย่อมได้รับผลของการกระทำของตนเสมอ อาจจะเร็วหรือช้าเท่านั้น

  4. #4
    crazyjigsaw's Avatar
    crazyjigsaw is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    87
    ขอบคุณที่เอาบทความดีๆมาให้อ่านกันจ้า ^^

  5. #5
    noo_pizza's Avatar
    noo_pizza is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,683
    ขอบคุณค่า สาธุค่ะลุง
    __________________________

    "ทำเสียงอย่างนี้ ซื้อมาอีกใบแล้วสิ"

    #### รู้ทันอีกแล้ว เซ็ง ####

  6. #6
    due's Avatar
    due is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    64
    "ความสุขที่แท้จริง คือความสุขจากการปล่อยวาง
    ความสุขจากการไม่มี ความสุขจากการให้"

    สาธุค่ะ
    เรารักอะไรก็จะทุกข์เพราะสิ่งนั้น
    เพราะว่าสิ่งทั้งหลายล้วนแปรปรวนทั้งสิ้น
    ไม่มีอะไรคงที่อยู่ได้ตลอดเวลา

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •