จาก Thaiclinic เช่นกันค่ะ     




http://beid.ddc.moph.go.th/th/index....tent&task=view &id=4933286&Itemid=240


โลกเริ่มเข้าสู่ภาวะการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ทั่วโลกแล้ว
(ดัดแปลงจากคำแถลงการณ์ของผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก)

โดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

12 มิถุนายน 2552



วัน ที่ 12 มิถุนายน 2552 (ตามเวลาในประเทศไทย) พญ.มากาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศยกระดับเตือนภัยการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ จากระดับ 5 เป็นระดับ 6 ซึ่งหมายถึง การระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด A (H1N1) เริ่มแพร่กระจายไปทั่วโลกแล้วโดยมีการติดต่อจากคนสู่คน ณ ขณะนี้ มีผู้ป่วยยืนยันโรคนี้ มากกว่า 30,000 ราย ใน 74 ประเทศทั่วโลก

จาก การประเมินสถานการณ์ ขณะนี้ พบว่า สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก ถึงแม้ความรุนแรงของโรคในปัจจุบัน ผู้ป่วยจะมีอาการไม่รุนแรง และสามารถหายได้เอง แต่เนื่องจากเชื้อไวรัสสามารถเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว ประกอบกับปัจจัยแวดล้อมต่างๆ รวมทั้งประสบการณ์การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ในอดีตที่ผ่านมา ทำให้เชื่อได้ว่า อย่างน้อยในช่วงแรกของการระบาดครั้งนี้ จะมีความรุนแรงในระดับปานกลาง

ภาพรวมของผู้ป่วยจากการระบาดของโรคนี้ ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา พบว่า

ผู้ป่วยมักเป็นกลุ่มที่มีอายุน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พื้นที่ที่มีการระบาดในวงกว้าง

ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอายุไม่เกิน 25 ปี ส่วนในรายที่มีอาการรุนแรงและเสียชีวิต มักมีอายุระหว่าง 30-50 ปี

ซึ่งลักษณะเช่นนี้ มีความแตกต่างไปจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ที่ผู้เสียชีวิตมักอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว

อย่าง ไรก็ตาม ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหอบหืด โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน ผู้ที่ภูมิต้านทานต่ำ ภาวะอ้วน และหญิงตั้งครรภ์ มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงเป็นอย่างมาก


การระบาดใหญ่ ของโรคไข้หวัดใหญ่ครั้งก่อนๆในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา การระบาดกระจายไปทั่วโลกในเวลา 6-9 เดือน โดยในเวลานั้นการเดินทางส่วนใหญ่ ใช้ทางเรือหรือรถไฟ ดังนั้นประเทศต่างๆ ควรเตรียมรับมือกับการที่จะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตอันใกล้นี้

ส่วน ประเทศที่มีการระบาดของโรคอย่างกว้างขวางไปแล้ว ควรเตรียมพร้อมสำหรับการระบาดของโรคระลอกที่สอง โดยควรเน้นหนักในการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยอย่างเหมาะสม

สำหรับการ ชันสูตรทางห้องปฏิบัติการและการสอบสวนโรคสำหรับพื้นที่ที่มีการ ระบาดในวงกว้างแล้ว ควรลดความสำคัญลง เพราะประโยชน์ที่ได้อาจไม่คุ้มค่ากับทรัพยากรที่ต้องทุ่มเทลงไป

องค์การ อนามัยโลกกำลังประสานกับผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโรคนี้ อย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่า จะพยายามให้มีปริมาณวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ให้มากที่ สุด ภายในเวลาไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

ส่วนในระหว่างที่รอการผลิต วัคซีนนั้น ขอให้ใช้มาตรการด้านสาธารณสุขและชุมชนหรือมาตรการที่ไม่ใช้ยา/เวชภัณฑ์ (Non-pharmaceutical Intervention) เช่น การส่งเสริมสุขอนามัยส่วนบุคคล การจำกัดการชุมนุม เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อร่วมด้วย

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก ยังคงแนะนำว่า ไม่ควรจำกัดการเดินทางหรือปิดพรมแดน