ผู้ที่อาจกล่าวได้ว่ามีกรรมหนักเผชิญอยู่โดยไม่รู้ตัว คือผู้ที่กำลังเสวยผลของกรรมดีที่ทำไว้แล้วมีความพรั่งพร้อมด้วยสิ่งปรารถนาต้องการ จนเป็นเหตุให้ลืมตัว จนเป็นเหตุให้ไม่รู้จักพอ มีเท่าไรก็ไม่พอได้อยากมีให้ยิ่งขึ้น และก็ไม่คำนึงว่าจะต้องทำความชั่วความผิดเพียงใด เพื่อให้ได้สมดังปรารถนา
คนประเภทนี้ที่กล่าว ได้มีกรรมหนักเผชิญอยู่โดยไม่รู้ตัว ตราบใดที่ผลของความชั่วยังไม่ส่ง ยังไม่ปรากฏ ก็จะเพลินติดอยู่กับความหลงผิด มีผลของบุญที่ทำไว้แล้วช่วยส่งเสริม ให้มีความปรารถนาต้องการที่ยิ่งขึ้น และยิ่งขึ้นโดยไม่รู้จักพอ บาปจะถูกสั่งสมให้มากขึ้น พร้อมกับจะนำทุกข์ให้เกิดตามมามากขึ้นเป็นลำดับ
แน่นอน "ความสั่งสมบาปนำทุกข์มาให้" ไม่เชื่อพระพุทธภาษิต แล้วจะควรเชื่อคำใคร อย่าเข้าใจผิด ว่าชาตินี้มีบุญ สูงส่งด้วยฐานะ ทั้งเกียรติยศชื่อเสียงและทรัพย์สินเงินทอง ข้าทาสบริวารย่อมจะเป็น สุขไปตลอดทั้งชาติ จะคิดพูดทำอะไรอย่างใดก็สามารถทำได้โดยไม่มีอุปสรรคขัดขวางแล้วก็คิดพูดทำไปตามอำนาจของกิเลส
กรรมนั้นลี้ลับมหัศจรรย์นักไม่มีผู้ว่าใครได้ทำกรรมใดที่เป็นบาปเป็นเอกกุศลจักให้ผลแรงงร้ายเมื่อใดเพราะฉะนั้นจึงอย่าประมาท บางทีมือแห่งกรรมที่ชั่วร้ายอันตนได้ทำไว้กำลังจะถึงตัวเราแล้ว และมือนั้นถึงตัวเราเมื่อใด จับไว้ได้มั่นเมื่อใด เมื่อนั้นความหนักหนาที่จะทับถมลงบนชีวิตเรา ย่อมทำความทุกข์ทรมานให้เกิดแก่เราอย่างแสนสาหัส มีให้เราได้พบได้เห็นมาแล้วมากมาย เมื่อเกิดแก่ชีวิตผู้อื่นสัตว์อื่น
ทุกวันนี้มีความกลัวเกิดขึ้นในแทบทุกจิตใจ ว่าโลกที่เราอยู่นี้กำลังจะตกอยู่ในมหันตภัย ทุกชีวิตจะหนีไม่พ้น จะถึงซึ่งหายนะกลัวกันเช่นนี้ก็มิใช่จะไม่ดีเสียทั้งหมด ดีเหมือนกัน ถ้าจะให้ความกลัวนี้นำไปให้สร้างบุญสร้างกุศลสร้างคุณงามความดี ให้เต็มสติปัญญาความสามารถ
เพราะพวกเราผู้เป็นพุทธศาสนิกชน มี สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสมเด็จพระบรมครุได้เรียนรู้มาเพียงพอแล้ว ว่าบุญกุศลความดีงามที่ทำแล้วมีแล้วเพียงพอเท่านั้นที่จะพาให้หนีพ้นมือกรรมที่ไล่ไขว่คว้าอยู่อย่างไม่หยุดยั้งเราทุกคนมีบาปมีกรรมแน่นอนเช่นเดียวกับมีบุญกุสลแน่นอนทั้งสองกรรมกำลังส่งผลติดตามเราอยุ่ และกรรมปัจจุบัน คือกรรมที่กำลังทำขึ้นใหม่จะเป็นส่วนส่งเสริม แบ่งออกเป็นสองฝ่ายเช่นกัน คือ กรรมปัจจุบันเป็นกรรมดี ก็จะส่งเสริมกำลังของกรรมดีในอดีต ที่กำลังวิ่งติดตามผู้ทำอยู่ให้สามารถส่งผลดีให้ปรากฏทันตาทันใจ กรรมปัจจุบันเป็นกรรมไม่ดีก็จะส่งเสริมกำลังของกรรมไม่ดีในอดีต ที่กำลังวิ่งติดตามผู้ทำอยู่ให้สามารถส่งผลไม่ดีให้ปรากฏทันตาทันใจ
ถ้าเชื่อ ถ้ากลัวนักหนา ว่าบ้านเมืองของเราจะเกิดมหันตภัยกัน เราเองได้พบได้เห็น ได้รับผลร้ายแรง แห่งมหันตภัยอันน่าสะพรึงกลัวนั้นด้วย ก็ขอให้เชื่อว่ามีทางเดียวที่จะรอดพ้น คือต้องพร้อมเพรียงกันประกอบกระทำกรรมดีที่ยิ่งใหญ่ ให้เต็มสติปัญญาความสามารถในวินาทีเดียว อย่ามัวแต่โจษขานกันอยู่โดยไม่ทำความดีใดอย่ามัวแต่กลุ้มอกกลุ้มใจหวั่นกลัวผองภัยกันอยู่ โดยไม่คิดหลบหลีกให้พ้นภัยมหันต์นั้น ด้วยการทำความดีให้พร้อมเพรียงกัน ให้เต็มสติปัญญาความสามารถ เมื่อใดภัยร้ายมาถึงเข้าจริง ก็จะหนีไม่ทัน เมื่อนั้นก็ไม่รู้จะโทษใคร ไม่รู้จะโทษอะไรที่จริงแล้ว ภัยทั้งหลายไม่ว่าเล็กน้อยหรือใหญ่ยิ่งเพียงใด มิได้เกิดแต่อะไรอื่น หากเกิดแต่กรรมไม่ดีของเราทั้งหลายทั้งสิ้น
ทุกวันนี้ คนไม่ละอายที่จะทำบาปทำชั่ว ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีผู้รู้มีผู้เห็นมีผู้ไม่เห็นด้วยมีผู้ตำหนิติเตียน แสดงว่าทุกวันนี้คนมีจิตใจตกต่ำลงยิ่งกว่าแต่ก่อนมาก เรียกได้ว่าเป็นคนหน้าไม่อายจริง ๆ ความหน้าไม่อายนี้แหละ ที่ทำให้เกิดการทำความชั่วร้ายหรือเต็มไปทั้งบ้านทั้งเมืองเป็นที่สลดสังเวช เป็นที่ห่วงใยอย่างยิ่ง ว่าวันหนึ่งความชั่วจะเผาผลาญบ้านเมืองที่มีการประพฤติชั่วมากมาย คนไม่ว่าดีว่าร้ายจะไม่อาจหนีพ้นกรรมนั้นไปได้ จะต้องมีส่วนร่วมรับผลแห่งความชั่ว มีส่วนต้องถูกเผาผลาญไปด้วย
การทำบาปทำความชั่วเสมอ ๆ เป็นการสั่งสมบาปสั่งสมความชั่วคือทำบาป ทำให้ความชั่ว เพิ่มจำนวนขึ้น จะพยายามคิด พยายามพูดพยายามแก้ตัวกับตนเอง หรือ แก้ตัวกับผู้คนทั้งโลก ว่าสิ่งที่ทำเป็นความดีไม่ใช่เป็นบาป ไม่ใช่เป็นความชั่ว ก็หาอาจทำให้ความจริงเปลี่ยนเป็นอื่นไปได้ไม่ ทำความชั่วก็ต้องตรงตามเหตุผลไม่เป็นไปตามการแก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น การทำบาปทำความชั่วแล้วจะตะโกนก้องแก้ตัว ว่าฉันบุญฉันทำดี คนทั้งหลายเข้าใจฉันผิดคนทั้งหลายมากล่าวร้ายฉัน เช่นนี้ก็หาอาจเป็นไปตามคำบิดเบือนไม่
ฉะนั้นอย่าสั่งสมบาป เพราะบาปจะนำความทุกข์มาให้แน่นอน สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงภาษิตเตือนสติไว้ชัดเจน ด้วยพระมหากรุณาล้นพ้น ว่า "ความสั่งสมบาปนำทุกข์มาให้" เชื่อพระพุทธภาษิตเถิด แม้ไม่ปรารถนาจะต้องได้รับความทุกข์ที่หนักหนาอันเป็นผลของการสั่งสมบาป