Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 5 of 5

Thread: ได้เกิดเป็นมนุษย์

Hybrid View

  1. #1
    hut2211's Avatar
    hut2211 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,986

    Talking ได้เกิดเป็นมนุษย์

    ตอนเป็นมนุษย์
    ถ้าได้รับคำทำนายว่าชาติใหม่จะต้องไปเกิดเป็นลิง
    คงไม่มีใครอยากตาย
    มีแต่จะหวงแหนอัตภาพมนุษย์ที่ประเสริฐกว่าลิง
    และขณะก่อนตายคงตระหนกตกตื่น
    กลัวสภาพความเป็นลิงที่กำลังจะมาถึงเป็นแน่แท้

    แต่เมื่อไปเกิดเป็นลิง
    ลืมความเป็นมนุษย์แต่หนหลัง
    รู้สึกแต่ว่าตนมีชีวิตในสภาพนั้น
    ก็จะรักและหวงแหนอัตภาพลิงสุดจิตสุดใจ
    เมื่อจวนตัวจะต้องตาย
    ก็คงไม่วายตระหนกตกตื่น
    พยายามเอาตัวรอดเป็นพัลวันแน่นอน

    เออหนอ
    ครั้งหนึ่งเคยกลัวจะต้องเป็นลิง
    เคยดูถูกว่าลิงเป็นสัตว์ต่ำต้อย
    แต่เมื่อเป็นเข้าจริงๆก็กลับหวงชีวิตแบบลิงไปได้

    เมื่อมีชีวิตอย่างไม่รู้
    ย่อมรักชีวิตอันไม่รู้ที่มาที่ไปนั้น
    ความน่าสงสารของสรรพสัตว์
    ซึ่งรวมทั้งเราๆท่านๆ
    ย่อมเวียนวนอยู่โดยอาการอย่างนี้

    ชาติภพไหนได้วาสนาเป็นมนุษย์
    กับทั้งได้ครูดี
    มีทางสั่งสมบุญ สั่งสมเมตตา สั่งสมสมาธิ
    หรือสั่งสมปัญญาไว้มาก
    จิตก็มีความอิ่มเอม
    เป็นเทวดา เป็นพรหม
    หรือเป็นอรหันตวิสุทธิ์ตั้งแต่ก่อนตาย
    ขณะจะต้องละสภาพความเป็นมนุษย์
    ย่อมให้ความรู้สึกเหมือนถ่มเสลดในปากทิ้ง
    ไม่มีความเสียดาย ไม่มีความอาลัยใดๆตกค้าง
    เพราะสัญชาตญาณทางจิตอันอิ่มบุญ
    ย่อมบอกตนเองว่าตายเมื่อไรสบายกว่านี้เมื่อนั้น

    ศักยภาพในการตายอย่างสบายใจ
    จึงมีแก่เหล่ามนุษย์ส่วนน้อย
    ส่วนการจะต้องตายอย่างกลัดกลุ้มใจ
    ย่อมมีแก่เหล่ามนุษย์โดยมาก

    โลกในวันนี้
    คนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่ง
    เริ่มนับถอยหลังสู่ความหายนะกันยกใหญ่
    ไม่ว่าจะเป็นนักธรณีวิทยา
    ไม่ว่าจะเป็นนักระบาดวิทยา
    ไม่ว่าจะเป็นโหราจารย์เอก
    ซึ่งถ้าโลกจะต้องถึงกาลวิบัติจริง
    ก็ถือว่าไม่น่าแปลกใจเสียทีเดียว
    เพราะโลกให้โอกาสพวกเราที่เหลือได้เตรียมตัวเตรียมใจ
    ผ่านภาพการตายหมู่ของพวกที่จะต้องไปก่อนมาระยะหนึ่ง
    เหมือนทุกคนกำลังรู้สึกพร้อมกันว่า
    วันพรุ่งนี้ฟ้าอาจถล่มดินอาจทลายอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น

    ถามว่าในฐานะคนธรรมดาที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่
    เรามีทางเลือกแบบพุทธอย่างไรบ้าง?

    คนที่ไม่คิดถึงความตาย
    ไม่เตรียมตัวตายเลยนั้น
    ทางพุทธเรียกว่าเป็นผู้มีชีวิตอยู่อย่างประมาท
    ส่วนคนที่เอาแต่กังวลถึงความตายอย่างกระสับกระส่าย
    เอาแต่สวดมนต์ขอพรงกๆเงิ่นๆ
    ทางพุทธก็เรียกว่าเป็นผู้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างงมงายไร้ค่าอยู่ดี

    อยู่อย่างหวาดกลัว
    หรือเตรียมตัวแบบลนลาน
    อันที่จริงอาจนับว่าผิดเสียยิ่งกว่าพวกประมาท
    เพราะหลายคนที่ไม่เคยนึกถึงความตาย
    ไม่เคยคิดว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้าย
    เขาอาจทำดีมีจิตเป็นกุศลกันได้
    ส่วนพวกที่หวาดกลัวหรือเตรียมตัวแบบลนลาน
    วันๆอาจไม่เป็นทำอะไรอื่น
    เอาแต่ติดตามข่าวภัยพิบัติและความหายนะ
    แล้วก็เอามาคุยกันหน้าดำคร่ำเครียด
    จนกลายเป็นการยังจิตให้ตกอยู่ในความฟุ้งซ่านระส่ำระสาย
    ผู้ฟุ้งซ่านระส่ำระสายย่อมมีแต่ความรู้สึกมืดมน
    ซึ่งก็คือการแสดงอาการของสภาพจิตที่เป็นอกุศลนั่นเอง

    เพื่อตายให้เป็น
    ถามตัวเองว่าคุณมีทิศแห่งความสว่างให้กับใจหรือยัง
    ศรัทธาในบุคคลผู้มีความศักดิ์สิทธิ์นั่นแหละ
    คือทิศแห่งความสว่างของจิต
    และทางพุทธเราก็ไม่มีบุคคลใด
    ที่ศักดิ์สิทธิ์ไปกว่าพระพุทธเจ้าแหละเหล่าพระอรหันต์
    เพราะพวกท่านพ้นกิเลสแล้ว
    มีจิตอันวิสุทธิ์เหนือเทวดาอินทร์พรหม
    สมควรแก่การวันทาด้วยใจแล้ว

    หากยังหาพระอรหันต์ไม่เจอ
    หรือไม่แน่ใจว่าใครกันแน่ที่ใช่
    ก็ให้หันกลับมายึดพระพุทธเจ้าไว้ก่อน
    วิธียึดพระพุทธเจ้าที่ดีที่สุด
    ก็คือศึกษาให้แน่ใจว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไรไว้บ้าง

    ท่านสอนให้หมั่นเตรียมบุญไว้เป็นเสบียง
    อย่าเอาแต่โกยบาปไปเป็นเครื่องตัดกำลัง
    รู้อย่างนี้ก็สมควรศึกษาให้เข้าใจว่า
    บุญไม่ใช่มีแค่ใส่บาตรถวายสังฆทาน
    แต่มีทั้งการฝึกรินน้ำใจ
    สละของส่วนเกินให้กับสิ่งมีชีวิตทุกรูปนาม
    มีทั้งการฝึกอภัย
    ไม่เก็บไอร้อนแห่งความอาฆาตพยาบาทไว้เผาใจตัวเอง
    มีทั้งการถือศีล
    รักษาจิตให้สะอาดปราศจากมลทิน
    และมีทั้งการเจริญสติบำเพ็ญเพียรภาวนา
    เพื่อให้รู้วันละนิดวันละหน่อยว่ากายใจนี้ไม่เที่ยง
    ไม่ใช่อะไรที่เราจะไปบังคับครอบครองมันได้
    ถึงเวลาไปก็ต้องไป ไม่มีทางเลี่ยงอื่น

    หากอ่านข้างต้นแล้วรู้สึกไกลตัว
    ไม่รู้ว่าจะดึงเข้ามาให้ใกล้ตัวได้อย่างไร
    ก็อาจถามตัวเองง่ายๆว่าใจเรามีปกติร้อนอยู่หรือเย็นอยู่?
    ถ้ามีปกติร้อนอยู่ก็แปลว่าคุณยังไม่พร้อมจะตาย
    และอาจถามอีกข้อว่าใจเรามีปกติยึดอยู่หรือปล่อยอยู่?
    ถ้ามีปกติยึดอยู่ก็แปลว่าคุณยังไม่พร้อมจะจากไป

    ถ้าต้องตายจากไปทั้งยังไม่พร้อม
    คุณก็ได้ชื่อว่าเสียที
    เสียโอกาสดีๆที่พบพุทธศาสนาครับ
    ขออย่าเพิ่งตายเสียก่อนจะเย็นเป็นและปล่อยเป็นกันเลย

    ดังตฤณ
    พฤษภาคม ๕๒
    ขอขอบคุณ บทความ จากใจ บก. นิตยสาร ธรรมใกล้ตัว
    บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้น ใจย่อมอยู่สบาย......
    อย่าเรียกร้องในสิ่งที่ไม่มี แต่จงภูมิใจในสิ่งที่มีอยู่...
    โกงเค้าชาตินี้ 1 ต้องใช้เค้าชาติหน้าเป็น พัน ทำทำไม?
    ศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่คนเสื่อมจากศาสนา

    ธรรมนิยายธรรมะผู้สละโลก
    http://groups.google.com/group/DhammaSawasdee/web/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81


  2. #2
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    ขอบคุณมากค่ะ สำหรับบทความดีๆ ชอบหนังสือและบทความของ "ดังตฤณ" เหมือนกันเลยค่ะ มีหลายเล่มจนอ่านไม่ทันเลยค่ะ
    [SIGPIC][/SIGPIC]

  3. #3
    nickbee is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    372
    ขอบคุรนะครับผม

    แต่มนุษย์ก็มีหลายแบบ เช่นพวกตัดสินคนอื่นโดยใช้ความคิดตัวเองเป็นใหญ่

    และสามารถทำให้ตัวเองดูด่อยค่าได้ทันที ตัดสินใครก็ต้องดูตัวเองด้วยครับ

  4. #4
    due's Avatar
    due is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    64
    "ขณะจะต้องละสภาพความเป็นมนุษย์
    ย่อมให้ความรู้สึกเหมือนถ่มเสลดในปากทิ้ง
    ไม่มีความเสียดาย ไม่มีความอาลัยใดๆตกค้าง"


    ใช้ภาษาได้เห็นภาพและตรงกับความรู้สึกมากๆๆๆ!

    ขอบคุณน้องhutสำหรับบทความดีๆที่มีให้กันเสมอ

    สาธุค่ะ

    เรารักอะไรก็จะทุกข์เพราะสิ่งนั้น
    เพราะว่าสิ่งทั้งหลายล้วนแปรปรวนทั้งสิ้น
    ไม่มีอะไรคงที่อยู่ได้ตลอดเวลา

  5. #5
    ople's Avatar
    ople is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    3
    เห็นด้วยอย่างยิ่งคะ
    ตอนนี้ก็เริ่มสวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน จากเมื่อก่อนไม่เคยสนใจ แต่เพราะเพิ่งเสียคุณแม่ไปทำให้คิดอะไรได้หลาย ๆ อย่างเลย อยากสวดมนต์ให้ท่าน ๆจะได้ไปอยู่ในภพภูมิ ที่ดี ที่เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปอธิฐานแบบนี้ทุกคืนเลย

    แต่มีอีกอย่างที่ยังทำไม่ได้คือ ไปปฏิติธรรม ยังติดความสบายที่บ้านอยู่ ก็เลยต้องเริ่มฝึกสวดมนต์ที่บ้านไปก่อน ไม่งั้นถ้าต้องไปนั่งสวยดหลาย ๆช.ม. คงแย่แน่
    ตอนเริ่มสวดวันแรก คันโน่นคันนี่ มันเปนอะไรไม่รู้

    พอสวดเสร็จตุ๊กแกร้องอีก ตกใจและงงมากคะ อยู่บ้านหลังนี้มาสิบปี ไม่เคยได้ยิน แล้วที่บ้านก็เป็นบ้านปูนด้วย
    เห็นแม่บ้านที่บ้านบอกปกติ ตุ๊กแกมันจะอยู่ตามบ้านไม้เท่านั้น ก็เลยยิ่งงง มาถึงทุกวันนี้
    พอเล่าให้น้าสาวฟังเค้าบอกว่ามันมาขอส่วนบุญ
    ขอบคุณข้อความดี ๆ จากคุณ hut มากคะ

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •