Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 4 of 4

Thread: การเพิกถอนยาที่มีส่วนผสมของ PPA‏

  1. #1
    PREZZO's Avatar
    PREZZO is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    2

    Smile การเพิกถอนยาที่มีส่วนผสมของ PPA‏

    ประกาศเพิกถอนยา
    ขณะนี้อนุกรรมการควบคุมอันตรายจากการใช้ยา มีมติในรอบแรกว่า ให้เพิกถอนยาที่มีส่วนผสมของ พีพีเอ ซึ่งมีผลทำให้เลือดออกในสมองได้ ต่อไปนี้
    1. ทิฟฟี่
    2. ดีคอลเจน
    3. นูต้า
    4. นูต้าโคล
    5. ทิพทอพ 6. ฟาโคเจน
    7. โคลัยซาล
    8. ไดมีเท๊ป
    มาม่า ไวไว แบบถ้วย
    มีผู้แจ้งข่าวเกี่ยวกับอันตรายของการกินบะหมี่สำเร็จรูปที่บรรจุในถ้วย (Cup) ว่าหลานของเพื่อนเขาชอบกินบะหมี่ใส่ถ้วยมาก ต่อมาแพทย์ตรวจพบว่าผนังกระเพาะอาหารของหลานผู้นี้มีขี้ผึ้ง (wax) เคลือบอยู่ คาดว่ามาจากบะหมี่สำเร็จรูปที่บรรจุในถ้วย ซึ่งเคลือบด้วยขี้ผึ้งชนิดที่กินได้ แต่แม้จะเป็นขี้ผึ้งชนิดที่กินได้ การรับประทานเข้าไปเป็นประจำก็ทำให้ตับของเรากำจัดออกไปได้ยาก หลานของเพื่อนคนนี้ ได้เสียชีวิตไปแล้ว
    เมื่อรับการผ่าตัดเพื่อลอกเอาขี้ผึ้งที่เคลือบผนังกระเพาะออก ฉะนั้น โปรดอย่าได้ลวกบะหมี่ หรืออาหารอื่นใดในถ้วยบรรจุ แต่ให้เทลง ในชามก่อนแล้วจึงใส่น้ำร้อนลง ไป
    สคบ .. เตือนประชาชน
    ระวังติดเชื้อโรค หากบริโภคเล! ือดหมูและคอหมูย่างที่ไม่สะอาด
    หลังพบคนงานโรงฆ่าสัตว์บางแห่ง ใช้เท้ากวนเลือดหมูหน้าตาเฉย และฉีดวัคซีนป้องกันโรคเข้าคอหมู โดยไม่เปลี่ยนเข็ม ระบุทุกกรรมวิธีเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคอย่างดีที่ผ่านมาผู้ประกอบการโรงฆ่าสัตว์ยังฆ่าสัตว์ด้วยวิธีโบราณ คือการทุบหัวและแทงคอ นอกจากนี้ ยังพบว่ากระบวนการฆ่าสัตว์ในโรงฆ่าสัตว์ ไม่มีความสะอาด และไม่ได้มาตรฐานแต่อย่างใดซึ่งส่วนนี้นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ประธานอนุกรรมการป้องกันปราบปรามการละเมิดสิทธิผู้บริโภค ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและทำการถ่ายวิดีโอขั้นตอนการชำแหละเนื้อสัตว์ ซึ่งพบว่ามีความสะอาดไม่เพียงพอการบริโภค โดยเฉพาะในส่วนของเลือดหมูนั้นปรากฏ ว่า คนงานจะใช้เท้าคนเลือดเพื่อไม่ให้แข็งตัวในขณะที่มือก็กำลังหั่นหมูที่แขวนอยู่ด้วย ในส่วนของ จ . นครปฐม พบว่ายังมีปัญหาอยู่ ซึ่งจากการออกตรวจพบว่า ได้มีการฆ่าสัตว์ 400-500 ตัวต่อวัน แต่มีการฆ่าในโรงฆ่าสัตว์เพียงแค่ 21 ตัว เท่านั้น นอกนั้นได้นำมาชำแหละที่ฟุตบาท และอยากเตือนคนที่ชอบกินคอหมูย่างเพราะพบว่า ชาวบ้านที่เลี้ยงหมูได้ฉีดวัคซีนแก้ปากเปื่อยเท้าเปื่อยที่คอหมูทุกตัว โดยไม่มีการเปลี่ยนเข็ม ซึ่งตรงนี้ทำให้หมูติดเชื้อโรคที่มาจากเข็มฉีดยาได้ง่าย หมูบางตัวติดเชื้อจนคอเป็นหนอง ซึ่งหากใครกินเนื้อหมูที่ติดเชื้อเข้าไปก็อาจเป็นอันตราย



    เนมิราชชาดก
    พระเจ้าเนมิราช เมื่อทรงปฏิบัติธรรมอยู่นั้น ทรงสงสัยว่า การให้ทานกับการประพฤติพรหมจรรย์ คือ การรักษาความบริสุทธิ์ ไม่ข้องเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวโลกนั้น อย่างไหนจะประเสริฐกว่ากัน

    พระอินทร์ได้ทรงทราบถึงความกังขาในพระทัยของพระเจ้า เนมิราช จึงเสด็จจากดาวดึงส์ลงมาปรากฏ เฉพาะพระพักตร์ พระราชา ตรัสกับพระราชาว่า "การประพฤติพรหมจรรย์จึงทำได้ยากยิ่ง กว่าการบริจาคทาน และได้กุศลมากยิ่งกว่าหลายเท่านัก"

  2. #2
    due's Avatar
    due is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    64
    ขอบคุณน้องป๊อปค่ะ
    mail นี้เคยได้รับนานแล้ว
    รู้สึกว่าตอนนี้ตัวยานี้เค๊าจะเอาออกจากยาพวกนี้แล้วนะ
    ตอนนี้ทานได้แล้วค่ะ
    เรารักอะไรก็จะทุกข์เพราะสิ่งนั้น
    เพราะว่าสิ่งทั้งหลายล้วนแปรปรวนทั้งสิ้น
    ไม่มีอะไรคงที่อยู่ได้ตลอดเวลา

  3. #3
    Nakderntang's Avatar
    Nakderntang is offline Trusted Member
    Join Date
    May 2010
    Location
    Usa
    Posts
    721
    ขอบคุณ คุณ PREZZO ที่ส่งข่าว
    และขอบคุณ คุณ Due ค่ะ ที่ให้ความคืบหน้า

    วันนี้พึ่งจาได้รับเมล์นี้อีกที
    ก็นั่งหาข้อมูลอยู่ว่าตกลง ตอนนี้เป็นไงบ้าง

    กะว่าพรุ่งนี้จาลองโทรไปถาม อย. ดูค่ะ ได้เบอร์มาแล้วค่ะ

  4. #4
    Nakderntang's Avatar
    Nakderntang is offline Trusted Member
    Join Date
    May 2010
    Location
    Usa
    Posts
    721
    นำข้อมูลความรู้มาเพิ่มเติม เรื่องของ ตัว ยา PPA ค่ะ
    ที่มา :
    http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor...tail.asp?id=75
    http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor...tail.asp?id=76
    http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor...tail.asp?id=78


    ยา PPA (Phenylpropanolamine) (ตอนที่ 1)


    ภญ. วิมล อนันต์สกุลวัฒน์
    ฝ่ายเภสัชกรรม โรงพยาบาลศิริราช
    Faculty of Medicine Siriraj Hospital
    คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล


    เมื่อเร็วๆนี้มีข่าวใหญ่เกี่ยวกับยาตัวหนึ่ง ชื่อ PPA ซึ่งมีงานวิจัยพบว่าทำให้ผู้ที่ใช้ยานี้เกิดเส้นเลือดในสมองแตก และเป็นอันตรายอย่างยิ่ง จึงทำให้ประเทศต่างๆทั่วโลกระงับการใช้ยาตัวนี้ไปตามๆกัน ทั้งๆที่ได้ใช้มาแล้วไม่ต่ำกว่า 30 ปี ประเทศไทยเองมีใช้ผสมในยาบรรจุเสร็จซึ่งประชาชนทั่วไปหาซื้อได้อย่างเสรีโดยไม่ต้องให้แพทย์สั่งด้วยซ้ำ ทั้งยังไม่ได้เก็บคืนจากท้องตลาดอีกด้วย แม้จะรู้ว่ามีอันตรายมาก เราจึงควรสนใจรายละเอียดของยานี้เพื่อจะได้ระมัดระวังตัวเองและคนใกล้ชิดให้ปลอดภัย มารู้จัก PPA กันเถอะ

    PPA (Phenylpropanolamine) คือยาอะไร
    PPA มีชื่อเต็มว่า Phenylpropanolamine เป็นยาที่เคยใช้เพื่อเป็นยาลดความอ้วน ลดอาการคัดจมูก บางทีทำเป็นยาพ่นจมูก ก็มี

    PPA ออกฤทธิ์อย่างไรในร่างกาย
    PPA ออกฤทธิ์ต่อหลายระบบในร่างกาย ที่พบว่ามีฤทธิ์มากได้แก่
    - เป็นยาลดความอ้วน เพราะกดศูนย์หิวในสมองส่วนกลาง มีฤทธิ์ในการกระตุ้นการทำงานของสารเคมีหลายอย่างในสมองด้วย
    - เป็นยาลดอาการคัดจมูก ออกฤทธิ์ที่ผนังของทางเดินหายใจทำให้หลอดเลือดฝอยที่ผนังดังกล่าวหดตัว ทำให้ลดอาการคั่งหรือบวมของเซลต่างๆที่ผนังของทางเดินหายใจ
    - เป็นยารักษาอาการปัสสาวะไม่สุดโดยเพิ่มการบีบตัวของคอกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ เพื่อไล่ปัสสาวะออกมาให้สุด
    ผลอื่นๆต่อร่างกายเพิ่มอัตราเต้นของหัวใจ เพิ่มการบีบตัวของหัวใจ เพิ่มปริมาตรเลือดที่ออกจากหัวใจ (cardiac output) เพิ่มการกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง กระวนกระวาย นอนไม่หลับ ชัก หัวใจเต้นผิดจังหวะทำให้ม่านตาขยาย ระยะเวลาเริ่มออกฤทธิ์ 15-30 นาที ระยะเวลาที่ออกฤทธิ์ ถ้าเป็นยาเม็ดธรรมดา จะออกฤทธิ์ได้นานประมาณ 3 ชั่วโมง ถ้าเป็นชนิดออกฤทธิ์เนิ่นจะออกฤทธิ์อยู่ 12-16 ชม. ตัวยาประมาณ 80-90 % ขับออกทางปัสสาวะใน 24 ชั่วโมง

    ข้อควรระวัง
    ผู้ป่วยที่มีความไวต่อยาที่กระตุ้นสมองหรือระบบประสาทส่วนกลาง เช่น ยาแก้หอบ terbutaline ยาพ่นขยายหลอดลม isoproterenol อาจไวต่อยานี้ได้ด้วยในสตรีหลังคลอดพบว่าผู้ที่ใช้ยา PPA อาจเกิดความผิดปกติทางจิตได้ทั้งผู้ที่ใช้ในขนาดปกติและขนาดสูงเกินไปการใช้ยาในเด็กต่ำกว่า 6 ปี ไม่แนะนำเพราะเด็กอาจเกิดความผิดปกติทางจิตได้ ส่วนการใช้เพื่อเป็นยาลดความอ้วน ปัจจุบันไม่อนุญาตให้ใช้แล้ว

    ปฏิกิริยาเมื่อใช้ร่วมกับยาอื่น
    - ผู้ที่ใช้ยา PPA อยู่ เมื่อต้องไปรับการผ่าตัดหรือรับยาสลบ มักจะเกิดความเสี่ยงของหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ เพราะยาทั้งสองชนิดจะไปกระตุ้นกล้ามเนื้อหัวใจให้ทำงานมากผิดปกติ
    - เมื่อใช้ร่วมกับยาต้านเศร้ารุ่นเก่า เช่น amitriptyline จะเกิดการเสริมฤทธิ์กัน
    - เมื่อใช้ร่วมกับยาลดความดันโลหิตสูง หรือยาขับปัสสาวะ จะไปลดฤทธิ์ในการควบคุมความดันโลหิตได้ จึงต้องมีการตรวจวัดความดันโลหิตอย่างใกล้ชิด
    - เมื่อใช้ร่วมกับยาที่กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง จะเสริมฤทธิ์กัน
    - เมื่อใช้ร่วมกับ ยาโรคหัวใจ Digitalis (Digoxin) จะทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ

    ข้อห้ามใช้
    - ผู้ป่วยโรคหัวใจที่อยู่ในขั้นรุนแรง เพราะทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ และอาการเลวลง
    - ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง เพราะ PPA มีฤทธิ์มากในการบีบตัวของหลอดเลือด ทำให้ความดันโลหิตพุ่งสูงอย่างรุนแรงได้

    ผู้ที่ต้องระมัดระวังและไม่ควรใช้ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
    - ผู้ป่วยโรคหัวใจ
    - ผู้ป่วยเบาหวาน เพราะจะเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด
    - ผู้ป่วยต้อหิน
    - ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงไม่มาก
    - ผู้ป่วยคอพอกเป็นพิษ
    - ผู้ป่วยต่อมลูกหมากโต
    - ผู้ป่วยจิตเวช

    ยา PPA (Phenylpropanolamine) (ตอนที่ 2)

    ผลข้างเคียง
    มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ระบุผลข้างเคียงที่รุนแรงของยา PPA เช่น ทำให้เกิดความดันโลหิตสูงวิกฤต เส้นเลือดสมองแตก หัวใจเต้นผิดจังหวะ ไตวายเฉียบพลัน ผิดปกติทางจิต ประสาทหลอน ชัก แต่มักเกิดกับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอยู่ก่อนแล้ว หรือใช้ยาที่มีการเสริมฤทธิ์กับ PPA
    พบว่าผลข้างเคียงต่อหลอดเลือดและหัวใจมักเกิดในผู้ที่มักมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น มีความดันโลหิตสูงอยู่ก่อน คนอ้วน ผู้ป่วยที่เครียด ผู้ป่วยสูงอายุ ผู้หญิงที่กินยาคุมกำเนิด ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติเรื่องการกินอาหาร เช่น ผู้ป่วยที่รับประทานอาหารไม่ได้จากโรค anorexia nervosa ,Bulimia ผู้ป่วยหญิงและเด็กเพราะมักจะได้ยามากกว่าน้ำหนักตัว ส่วนผลข้างเคียงด้านจิต มักเกิดมากและรุนแรงในผู้ป่วยทางจิตอยู่แล้ว อาการอย่างน้อยที่พบ ได้แก่ วิงเวียน ซุ่มซ่าม สับสน อาการกลัวแสง

    อาการที่ควรเอาใจใส่เป็นพิเศษหลังผู้ป่วยได้รับยา PPA
    - ปวดศีรษะ ความดันโลหิตสูงขึ้น ปัสสาวะแล้วปวดหรือปัสสาวะขัด แน่นหน้าอก วิงเวียน ปากแห้ง นอนไม่หลับ
    - อาการแสดงว่าได้รับยามากเกินไปในระยะแรก ได้แก่ ปวดท้อง หัวใจเต้นแรง หรือเร็วหรือผิดปกติ ปวดศีรษะมาก เหงื่อออกมาก คลื่นไส้อาเจียน ตื่นเต้น กระวนกระวาย
    - อาการแสดงว่าได้รับยามากเกินไปในระยะหลัง ได้แก่ สับสน ชัก หายใจเร็วแต่ตื้น ชีพจรผิดปกติ ประสาทหลอน กล้ามเนื้อสั่นกระตุก

    การแก้ไขเมื่อได้รับยามากเกินไป
    ไม่มียาแก้พิษโดยตรง ให้ใช้วิธีประคับประคอง เช่น กระตุ้นให้อาเจียนหรือล้างท้อง บางทีต้องให้ยากลุ่ม barbiturate เพื่อยับยั้งฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางของ PPA ดูแลระบบหัวใจและการหายใจอย่างใกล้ชิด อาจให้ยาขับปัสสาวะ หรือทำให้ปัสสาวะเป็นกรดเพื่อให้ยาขับออกเร็วขึ้น

    ข้อแนะนำพิเศษสำหรับผู้ที่ใช้ยานี้
    - ถ้าเป็นยาเม็ดที่ออกฤทธิ์เนิ่น ห้ามแบ่งครึ่งเม็ดยา ห้ามบดหรือเคี้ยว ควรดื่มน้ำตาม 1 แก้วใหญ่ และถ้ากินวันละครั้งควรกินประมาณ 10 โมงเช้า ถ้าเป็นยาเม็ดธรรมดา ควรกินห่างจากเวลาเข้านอนหลายๆชั่วโมง เพื่อป้องกันการนอนไม่หลับ
    - ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา โค้ก เพราะจะยิ่งกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางมากขึ้น
    - ถ้าลืมกินยาภายใน 2 ชั่วโมงให้กินทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าใกล้มื้อถัดไปก็ให้เว้นไปได้โดยมื้อต่อไปรับประทานขนาดปกติ ห้ามเพิ่มปริมาณยาเด็ดขาด
    - ถ้าไข้หวัดไม่หายใน 7 วันควรไปพบแพทย์

    ยาที่มี PPA ผสมอยู่ (เฉพาะที่เคยมีในโรงพยาบาลศิริราช)
    Dimetapp extendtab
    Dimetapp elixir
    Codepect
    Ropect
    Tiffy
    Rhinopront syrup
    Decolgen
    Minra syrup
    Expectorant No.3

    ความเห็น
    แม้ว่ายา PPA ที่เป็นยาเดี่ยวและใช้เพื่อเป็นยาลดความอ้วนจะถูกถอนทะเบียนในประเทศไทยแล้ว แต่ยังมียาผสมที่มี PPA อยู่ในตลาดอยู่ถึง 492 ชื่อการค้า และคงถูกถอนทะเบียนในไม่ช้า และแม้ว่า PPA จะไม่มีใช้ในเมืองไทยอีกในอนาคต แต่ยาอื่นที่ใช้อยู่ก็อาจมีผลเสียต่อผู้ป่วยได้เช่นเดียวกับ PPA เพียงแต่ยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันผลเสียของยานั้นๆอย่างเด่นชัด กรณีของ PPA นั้นมีรายงานเรื่องการทำให้เกิดความดันโลหิตสูงเฉียบพลันมานานถึงกว่า 30 ปีแล้ว แต่ก็ยังให้ใช้กันมาตลอด จึงเป็นหน้าที่ของทั้งบุคลากรและผู้ป่วยจะต้องช่วยกันสอดส่องดูแลและระมัดระวังการใช้ยาทุกชนิดให้เป็นไปอย่างถูกต้องสมเหตุผล และใช้เฉพาะเมื่อจำเป็นจริงๆ และถ้ามีโรคประจำตัวอยู่จะต้องยิ่งเพิ่มความระมัดระวังให้มาก เพราะยาอาจมีปฏิกิริยากับยาอื่นๆได้ รวมทั้งอาจทำให้โรคที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้นได้

    อันตรายจากสาร PPA (ตอนที่ 2)


    ผศ.นพ.ปัญญา คุณวัฒน์
    ภาควิชาเภสัชวิทยา
    Faculty of Medicine Siriraj Hospital
    คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล


    ถาม. ppa คืออะไร
    ตอบ. ppa ย่อมาจาก phenylpropanolamine ในประเทศไทยเคยใช้เป็นส่วนผสมในยาแก้คัดจมูก มีฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดหดตัว และทำให้ความดันเลือดเพิ่มได้ โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคความดันเลือดสูง มีสูตรคล้ายกับอนุพันธ์ยาบ้าชื่อ methamphetamine กระทรวงสาธารณสุขได้มีคำสั่งเมื่อ 14 ธันวาคม 2543 ให้บริษัทยาในไทยแก้ไขทะเบียนตำรับยาที่มี ppa เป็นส่วนผสมให้เสร็จใน 180 วัน เพราะคณะกรรมการยาของกระทรวงฯ พบว่า ppa อาจเป็นเหตุให้เลือดออกในสมอง ซึ่งเป็นผลเสียที่ร้ายแรง และเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ไม่อาจแก้ไขให้คืนดีดังเดิมได้ และไม่อาจคาดได้ว่าจะเกิดกับผู้ใช้ยารายใด ในขนาดเท่าใด ผู้ได้รับยาดังกล่าวจึงอาจไม่ปลอดภัย

    ถาม. ppa พบในที่ใดบ้าง
    ตอบ. ก่อนมีประกาศห้ามของกระทรวงสาธารณสุข ppa เป็นตัวยาที่เป็นส่วนประกอบของยาแก้หวัด และยาแก้ไอสูตรผสมแบบตายตัวหลายชนิดในประเทศไทย คือที่องค์การเภสัชกรรมผลิตเองมี 2 ตำรับ และที่บริษัทยาเอกชนผลิตมีถึง 447 ตำรับ และในต่างประเทศใช้เป็นยาลดความอ้วนด้วย แต่ในประเทศไทยไม่นิยมใช้เป็นยาลดความอ้วน เพราะมียาอื่นที่ได้ผลดีกว่า และปลอดภัยกว่า

    ถาม. เมื่อรับประทาน ppa ออกฤทธิ์อย่างไร
    ตอบ. อาการคัดจมูกมักเกิดจากการเป็นหวัดหรือโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ที่มักเรียกกันผิดๆ ว่าโรคแพ้อากาศ ในจมูกที่อักเสบขณะเป็นหวัดหรือเป็นโรคภูมิแพ้นั้น หลอดเลือดที่เยื่อบุจมูกขยายตัวใหญ่ขึ้น และช่องว่างระหว่างเซลล์ของเยื่อบุหลอดเลือดกว้างขึ้น ทำให้สารน้ำในหลอดเลือดซึมผ่านออกมาอยู่ในเนื้อเยื่อนอกเซลล์ ดังนั้นเยื่อบุจมูกจึงบวมและหนาขึ้น ทำให้คัดจมูก
    ยา ppa มีฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดในร่างกายหดตัวเล็กลง รวมทั้งหลอดเลือดที่เยี่อบุจมูกก็หดตัวด้วย เมื่อหลอดเลือดหดตัว ช่องว่างระหว่างเซลล์เยื่อบุหลอดเลือดจึงแคบลง สารน้ำซึมผ่านเยื่อบุหลอดเลือดออกมาอยู่ภายนอกได้น้อยลงทำให้เยื่อบุจมูกบางลง และอาการคัดจมูกลดลง จึงทำให้จมูกโล่ง หลังรับประทาน ppa จะเริ่มออกฤทธิ์ในครึ่งชั่วโมง และมีฤทธิ์อยู่นาน 3 ชั่วโมง

    ถาม. เหตุใดจึงมีข่าวว่ายา ppa มีอันตราย ทั้งที่ใช้กันมานานหลายสิบปี
    ตอบ. เมื่อปลายปีกลายมีงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ชื่อดังของสหรัฐฯ ว่าในคนอเมริกันที่ความดันเลือดปกตินั้น การรับประทานยา ppa ทำให้เลือดออกในสมองได้ โดยพบภาวะเลือดออกในสมองเมื่อกินยานี้เพื่อลดความอ้วนในอัตราสูงกว่าผู้ที่กินยานี้เพื่อแก้หวัด และในผู้ที่กินยานี้แก้หวัดพบภาวะเลือดออกในสมองมากกว่าคนที่ไม่กินยา รายงานนี้เป็นเหตุให้องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ขอให้บริษัทยาถอน ppa ออกจากตำรับยาทุกชนิดที่มี ppa เป็นส่วนประกอบ หลังจากงานวิจัยนี้ตีพิมพ์ คณะกรรมการความปลอดภัยของยาในอังกฤษได้ประกาศว่า การศึกษารายงานการวิจัยในอังกฤษพบว่ายานี้มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่เลือดจะออกในสมอง จึงไม่ได้ประกาศห้ามอย่างสหรัฐฯ และในอังกฤษขนาดยาสูงสุดที่อนุญาตให้ใช้ได้ต่ำกว่าในสหรัฐฯ จึงยังใช้ ppa ต่อมาตราบเท่าทุกวันนี้ ในประเทศไทย ยังไม่มีผู้ศึกษาเรื่องเลือดออกในสมองจากการรับประทานยาสูตรผสม ppa ในคนไทย คือขาดข้อมูลที่ทำคนไทยเพื่อการตัดสินใจ ppa ก็เหมือนกับยาทุกชนิดที่มีทั้งคุณและโทษ นอกจากบรรเทาอาการคัดจมูกแล้ว ppa ยังทำให้ความดันเลือดสูงได้ เพราะทำให้หลอดเลือดทุกแห่งในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นที่เยื่อบุจมูกหรือที่ใดก็ตามหดตัว เมื่อความดันเลือดสูงมากจึงทำให้เลือดออกในสมองจากบริเวณที่มีจุดอ่อนอยู่แล้วได้ อันตรายจะเกิดได้ง่ายกับ

    1) ผู้ที่ความดันเลือดสูงอยู่แล้วแต่ไม่ทราบมาก่อน เพราะความดันเลือดสูงส่วนใหญ่ไม่มีอาการ
    2) ผู้ที่กินยาเกินขนาดที่กำหนดในฉลากยา

    ถาม. ผลเสียจากการรับประทานยาที่มี ppa ผสมอยู่มีอะไรบ้าง
    ตอบ. การรับประทานยาที่มีส่วนผสม ppa ถ้าไม่รับประทานเกินขนาดที่ระบุไว้ในฉลาก มักไม่ทำให้เกิดอาการผิดปกติหากรับประทานเกินขนาด อาจทำให้ปวดศีรษะได้ เนื่องจาก ppa ทำให้ความดันเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นยังอาจทำให้ตื่นเต้น นอนไม่หลับ คลื่นไส้ อาเจียนได้

    ถาม. เมื่อ ppa ถูกห้ามใช้ไปแล้ว มียาอื่นที่ใช้ทดแทน ppa ได้หรือไม่
    ตอบ. ยาที่เป็นยารับประทานซึ่งจัดเป็นตัวยาแก้คัดจมูกมีอีก 2 ชนิดคือ phenylephrine และ pseudoephedrine ซึ่งออกฤทธิ์ในแบบเดียวกับ ppa การใช้ยาเหล่านี้จะต้องแน่ใจว่ามิได้เป็นโรคความดันเลือดสูงอยู่ก่อน เพราะในโรคความดันเลือดสูงนั้นส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของแพทย์จะต้องวัดความดันเลือดก่อนจ่ายยาประเภทนี้ให้กับผู้ป่วย ส่วนในการซื้อยาแก้หวัดรับประทานเองนั้น ถ้าท่านสงสัยในความปลอดภัยให้สอบถามจากเภสัชกรประจำร้าน

    ถาม. ข้อควรระวังเมื่อต้องรับประทานยา จะสังเกตได้อย่างไรว่ายาที่รับประทานไม่มีส่วนผสม ppa
    ตอบ. ต้องอ่านฉลากดูก่อนรับประทาน เพราะการรีบร้อนรับประทานยาโดยไม่อ่านให้ดีก่อนทำให้หยิบยาผิดได้ โดยเฉพาะยาที่ชื่อ รูปเม็ด หรือแค็ปซูลคล้ายกัน แล้วสังเกตุที่ส่วนผสมดูว่าไม่มี phenylpropanolamine อยู่ในส่วนผสม ถ้าท่านอ่านได้ไม่คล่องให้หาผู้ที่อ่านได้คล่องอ่านให้ฟัง

    ถาม. ข้อแนะนำในการใช้ยา
    ตอบ. - ยาเป็นสิ่งที่มีทั้งคุณและโทษ ไม่มียาชนิดใดเลยที่ไม่มีโทษ
    - เก็บยาในที่สูง พ้นมือเด็กเล็ก ควรเก็บยาไว้ในตู้ยามิดชิดมีฝาปิด ในตำแหน่งไกลห้องน้ำ
    - ควรใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น และแน่ใจว่าใช้แล้วได้ประโยชน์
    - ยาไม่ใช่อาหารอย่านำมารับประทานเล่น
    - แจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้าว่าตนเองแพ้ยาใดบ้าง
    - ดูวันที่ที่ระบุกำกับให้แน่ใจว่ายานั้นยังไม่หมดอายุ แผงยาอยู่ในสภาพเรียบร้อย เม็ดยาไม่ชื้น หรือเปลี่ยนสี
    - อ่านขนาด และวิธีใช้ให้เข้าใจ แล้วทำตามนั้น การใช้เกินขนาดทำให้เกิดพิษ และใช้น้อยไปก็ไม่ได้ผล
    - ดื่มน้ำตามให้มากพอหลังรับประทานยา จะช่วยให้ยาละลายได้เร็ว และเริ่มออกฤทธิ์เร็วขึ้น
    - หลังรับประทานยา หากมีอาการผิดปกติ เช่น ผื่นคัน หายใจไม่สะดวก รีบไปปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรใกล้-บ้านหลังได้รับการแก้ไข สืบดูให้แน่ชัดว่าท่านแพ้ยาใด ยานั้นมีส่วนผสมอะไรบ้าง จดลงกระดาษติดตัวไว้
    - หากมีข้อสงสัยเรื่องการใช้ยา ควรโทรศัพท์ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน จะลดความผิดพลาดได้มาก

    ............................................................................................................................................
    .............................................................................................................................................
    ขอขอบคุณ
    ภญ. วิมล อนันต์สกุลวัฒน์
    ฝ่ายเภสัชกรรม โรงพยาบาลศิริราช
    Faculty of Medicine Siriraj Hospital
    คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล


    และ
    ผศ.นพ.ปัญญา คุณวัฒน์
    ภาควิชาเภสัชวิทยา
    Faculty of Medicine Siriraj Hospital
    คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

    เจ้าของบทความ

    และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
    ที่ทำเว็บ http://www.si.mahidol.ac.th/ ให้มีส่วนแบ่งปันความรู้

    ***** หากต้องทานยาที่เราไม่แน่ใจ ควรปรึกษา เภสัชกร หรือแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญค่ะ
    Last edited by Nakderntang; 07-01-2010 at 09:27 PM.

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •