ในปัจจุบันเทรนด์ศัลยกรรมความงามกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนเริ่มหันมาสนใจดูแลตัวเองกันมากขึ้น โดยเฉลี่ยโบท็อกซ์คือหัตถการลำดับต้นๆ ที่ถูกเลือกมากที่สุด โดยเริ่มฉีดกันตั้งแต่อายุ 20 ปี นั่นเป็นเพราะต้องการที่จะดูแลเรื่องรูปหน้าและริ้วรอยก่อนวัย

อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่มีข้อกังขาเกี่ยวกับ “โบท็อกซ์” อยู่บ้างเล็กน้อย สำหรับระยะเวลาผลลัพธ์การฉีดโบท็อกซ์ที่ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานไหม ซึ่งในบทความนี้เราจะมาตอบคำถาม พร้อมแนะนำจุดฉีดโบฯ ยอดนิยมกัน!


ระยะเวลาการอยู่ของโบท็อกซ์อยู่ได้นานไหม?

โบท็อกซ์ (Botox) เป็นชื่อการค้าของสารโบทูลินั่มท็อกซิน (Botulinum toxin) ซึ่งเป็นสารพิษที่ผลิตโดยแบคทีเรีย ทำหน้าที่ยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ เมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในกล้ามเนื้อ จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นคลายตัว ส่งผลให้ริ้วรอยตื้นๆ จางลง รอยเหี่ยวย่นลดลง ใบหน้าดูยกกระชับขึ้น และลดอาการปวดหัวไมเกรน

สำหรับคำตอบว่าโบท็อกซ์อยู่ได้นานไหม ก็ต้องตอบว่าขึ้นอยู่กับปัจจัยมากมาย แต่ระยะเวลาเฉลี่ยการอยู่ของโบท็อกซ์จะแตกต่างกันไปตามบริเวณที่ฉีดอีกด้วย ซึ่งทั่วไปแล้วจะอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น

ยี่ห้อของโบท็อกซ์
จำนวนยูนิตที่ฉีด
ตำแหน่งที่ฉีด
สภาพผิวและสุขภาพของคนไข้

ซึ่งถ้าหากคนไข้มีสภาพผิวที่แข็งแรง สุขภาพดี และดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ผลลัพธ์ของโบท็อกซ์จะคงอยู่ได้นานมากขึ้นนั่นเอง

ตำแหน่งที่นิยมฉีดโบท็อกซ์

หลังจากที่ได้รู้กันไปแล้วว่าสรุปการโบท็อกซ์อยู่ได้นานไหม หลายคนอาจเริ่มตัดสินใจได้ประมาณหนึ่งว่าจะทำหรือไมทำดี ส่วนใครที่คำตอบคือต้องการที่จะทำหัตถการโบท็อกซ์ล่ะก็ เราก็ได้รวบรวมจุดฉีดยอดนิยมมาฝาก ลองเช็กลิสต์กันดูได้ว่าจุดไหนที่เราคิดว่าใช่ จุดไหนที่ตอบโจทย์ปัญหาใบหน้าของเรา โดยจะมีทั้งหมด ดังนี้

บริเวณหน้าผาก ช่วยลดรอยย่นระหว่างคิ้ว รอยตีนกา และรอยย่นบริเวณหน้าผาก
บริเวณหางตา ช่วยลดรอยตีนกา รอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา และรอยย่นที่มุมปาก
บริเวณกราม ช่วยลดเหนียง ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น
บริเวณคอ ช่วยลดรอยเหี่ยวย่นบริเวณคอ
บริเวณเหงื่อ ช่วยลดเหงื่อและกลิ่นตัว

นอกจากนี้ ยังสามารถฉีดโบท็อกซ์เพื่อรักษาอาการอื่นๆ เช่น รักษาอาการปวดหัวไมเกรน รักษาภาวะต้อหิน รักษาภาวะปากเบี้ยว และรักษาภาวะกระตุกของกล้ามเนื้อใบหน้า

ข้อควรระวังในการฉีดโบท็อกซ์

สำหรับคนที่กังวลแค่โบท็อกซ์จะอยู่ได้นานไหมอย่างเดียว แต่ก็ยังตัดสินใจฉีด ท้ายที่สุดแล้วอย่าลืมคำนึงถึงสิ่งสำคัญมากที่สุด นั่นคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มหัตถการ ทั้งนี้ก็เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพผิวและสุขภาพของคนไข้ก่อนตัดสินใจฉีด เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น

อาการปวด บวม แดง คัน
ตาพร่ามัว มองเห็นภาพซ้อน
พูดไม่ชัด กลืนลำบาก
ปากเบี้ยว
กล้ามเนื้ออ่อนแรง

หากมีอาการข้างเคียงใดๆ หลังฉีดโบท็อกซ์ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อหลีกเลี่ยงและป้องกันความเสี่ยงที่ต้องใช้เวลาในการแก้ไขนั่นเอง