ปัจจุบัน คนหันมาดูแลร่างกายกันมากขึ้น โดยการสรรหาสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากใช้ อะไรที่กินเข้าไปแล้วได้รับไม่เพียงพอ ก็หามาเติมเพิ่ม หนึ่งในนั้นคือการใช้วิตามินบำบัด ที่ช่วยให้ร่างกายได้ฟื้นฟู และกลับมาแข็งแรงอีกครั้งหนึ่ง วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูว่าวิตามินบำบัดคืออะไร และเหมาะสมกับใครบ้าง ไปดูกันเลย


วิตามินบำบัดคืออะไร
วิตามินบำบัด (Vitamin Therapy) คือ การให้วิตามินหรือสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำ ซึ่งสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าการรับประทานวิตามินเสริมในรูปของเม็ดหรือแคปซูล
เรียกว่าเป็นขั้นกว่าของการกินอาหารเสริม หรือวิตามินเสริมในปัจจุบัน เพราะเชื่อว่าปัจจุบันหลายคนก็รับประทานวิตามินที่เป็นเม็ดหรือแคปซูลในการดูแลร่างกาย หรือในกรณีที่รับประทานสารอาหารที่จำเป็นไม่เพียงพอต่อร่างกาย โดยเฉพาะผู้ที่กินอาหารไม่หลากหลาย ไม่รับประทานผักหรือผลไม้ ทำให้ร่างกายอ่อนแอ และมีปัญหาเรื่องสุขภาพตามมา
อย่างไรก็ตาม นอกจากการรับประทานวิตามินและแร่ธาตุเป็นอาหารเสริมแล้ว การใช้วิตามินบำบัดผ่านหลอดเลือดดำก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยดูแลร่างกาย โดยวิตามินนี้จะถูกฉีดเข้าไปที่หลอดเลือดดำ ไม่ผ่านระบบย่อยอาหาร ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุอย่างรวดเร็ว ช่วยเข้าไปฟื้นฟูร่างกายได้ทันที และมีประสิทธิภาพ
การใช้วิตามินบำบัดแตกต่างจากการรับประทานเป็นเม็ดตรงที่ ต้องดำเนินการโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ กล่าวคือ แพทย์จะตรวจสอบปัญหาสุขภาพ และใช้สูตรของวิตามินบำบัดที่เหมาะสมกับแต่ลบุคคล เพื่อให้การบำบัดได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจ

เหมาะกับใคร?
วิตามินบำบัดเหมาะสำหรับผู้ที่ขาดวิตามินหรือสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น ผู้ที่รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ผู้ที่รับประทานอาหารที่มีสารอาหารไม่เพียงพอ ผู้ที่มีปัญหาการดูดซึมสารอาหาร ผู้ที่ออกกำลังกายหนัก ผู้ที่ดื่มสุราหรือสูบบุหรี่ ผู้ที่มีภาวะเครียด ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ผู้ที่ต้องการชะลอวัย โดยสามารถช่วยบรรเทาอาการต่างๆ เช่น อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย ปวดศีรษะ ภูมิแพ้ ท้องผูก ท้องเสีย ผิวหมองคล้ำ ผมร่วง เล็บเปราะหักง่าย และปัญหาสุขภาพอื่นๆ

ข้อควรระวัง
การได้รับวิตามินบำบัดจะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือมีปัญหาเรื่องสุขภาพ เพราะอาจจะมีผลต่อโรคที่ทำการรักษาอยู่ได้ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคตับ โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคภูมิแพ้ โรคเลือด และอื่น ๆ
นอกจากนี้ การรับการบำบัดด้วยวิตามินจะต้องมีการคำนวณปริมาณเป็นอย่างดี เพื่อลดการเกิดผลข้างเคียง จึงไม่ควรจะบำบัดโดยผู้ที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ หรือไม่ได้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนดำเนินการ
และสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพื่อป้องกันผลกระทบต่อตัวเด็กนั่นเอง

ใครที่มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง การใช้วิตามินบำบัดก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ลองปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการประเมิน และหาสูตรที่เหมาะสมกับร่างกายของเราเลย